จากประเด็นข่าวเรื่อง Kaspersky กับรัฐบาลรัสเซีย ที่ออกมาอย่างต่อเนื่องในรอบหลายเดือนมานี้ เว็บไซต์ข่าว The Daily Beast (สมัยก่อนเคยเป็นเครือเดียวกับ Newsweek) รายงานข้อมูลวงในว่า บริษัทอเมริกันหลายแห่งเลิกใช้ Kaspersky กันแล้ว โดยเฉพาะบริษัทสายการเงินที่เป็นห่วงเรื่องข้อมูลรั่วไหล
แหล่งข่าวของ The Daily Beast ยังบอกว่าบริษัทที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยหลายแห่ง เลือกขายเฉพาะซอฟต์แวร์ความปลอดภัยของบริษัทสัญชาติอเมริกันเท่านั้น และธุรกิจของ Kaspersky ในสหรัฐเองก็ย่ำแย่ และต้องปิดบางฝ่ายงานด้วย
ฝั่งของ Eugene Kaspersky ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัท ที่ปฏิเสธความเชื่อมโยงกับรัสเซียมาโดยตลอด ก็เพิ่งประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่าเขาจะสอบสวนเรื่องนี้เป็นการภายใน ส่วนบล็อกของบริษัท Kaspersky ก็ออกมาชี้แจงประเด็นที่สื่อสหรัฐเข้าใจผิดเกี่ยวกับบริษัทเช่นกัน
ที่มา - The Daily Beast
Kaspersky Lab was not involved in, and does not possess any knowledge of the intelligence operation described in the recent @NYTimes article pic.twitter.com/didzcB0650
— Eugene Kaspersky (@e_kaspersky) October 10, 2017
I am launching internal investigation to cross-check. If US LEA has relevant facts - please share.
— Eugene Kaspersky (@e_kaspersky) October 10, 2017
Comments
ถ้าจริงก็สมควรรับผลกรรมของตัวเองครับ เผลอๆอาจจะเสื่อมไปทุกประเทศ
อย่าเอาธุรกิจ เข้าไปอยู่กะการเมือง
ผมใช้อยู่ตลอด ถ้าเป็นจริงก็คงหายี่ห้อใหม่
ไม่ยืนยัน
ด้วยความสัตย์จริง
อันดับ 1-2 ของโลกนี่ไม่ใช่ของอเมริกานะผมว่าการเมืองผลจาก
นโยบายของนาย T หรือเปล่า
สมมติว่าเปลี่ยนเป็น Bitdefender
ผมว่ามันก็ไม่จบหรอก
แล้ว Avast กับ McAfee (?)
ก็ไม่พร้อมจะสนับสนุนภาคองค์กรนะเพราะดูเหมือนจะห่างหายไปนาน
ปกติไปซื้อ key จากเวบamazon ปีละหน ใช้กัน 5เครื่องเลย ตัวฟรีก็ใช้ได้ลงพวกเครื่องเก่าๆสำรองไป ปีนี้เอาไงล่ะเนี่ย
ของผมถ้าเครื่องเก่าๆ ไม่แรง เจอ windows defender ที่แถมมากับ win10 แอบทำงานนี่ cpu พุ่งจน งานอื่นกระตุก มาใช้ kapersky ไม่เจอปัญหานี้
แต่ในไทยก็ยังเห็นหลายบริษัทใช้อยู่
ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งกันมากกว่า
จากเหตุผลทางการเมือง
ผมเห็นด้วยนะ และส่วนตัวไม่ค่อยเชื่อข่าวที่มาจากฝั่งเมกาเท่าไหร่ หากเป็นข่าวที่โจมตีรัสเซีย