เป็นกระแสกันมานาน กับ Tesla Semi รถบรรทุกพลังไฟฟ้า ซึ่งล่าสุด Tesla ได้จัดงานเปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Elon Musk ซีอีโอของ Tesla กล่าวบนเวทีว่าเฉพาะส่วนหัวของ Tesla Semi สามารถเร่งจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (96.5 กม.) ได้ภายใน 5 วินาที และหากลากจูงด้วยน้ำหนักเต็มที่ก็ยังใช้เวลาเพียง 20 วินาที โดยพละกำลังทั้งหมดมาจากมอเตอร์ 4 ตัว นอกจากนี้ Elon ยังบอกว่า Semi มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Drag coefficient - Cd) ต่ำเพียง 0.36 ในขณะที่รถซูเปอร์คาร์อย่าง Bugatti Chiron มีค่า Cd ที่ 0.38
ภายใน เก้าอี้คนขับถูกวางอยู่ตรงกลาง พร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 2 จอทางซ้ายและขวาของพวงมาลัย ส่วนเก้าอี้คนนั่งอยู่ด้านหลัง เยื้องๆ กับคนขับ
ในด้านระยะทาง Elon บอกว่า Tesla Semi จะวิ่งได้ถึง 500 ไมล์ หรือ 800 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เมื่อวิ่งด้วยความเร็วที่ใช้บนไฮเวย์ และบรรทุกเต็มพิกัด (แปลว่าหากบรรทุกน้อยกว่านี้ก็จะวิ่งได้ไกลขึ้น) และใช้เวลาชาร์จ 30 นาทีจะวิ่งได้อีก 400 ไมล์ (643 กม.) ด้วยสถานีชาร์จแบบใหม่ ชื่อ Megacharger ที่จะวางเครือข่ายไว้ทั่วโลก
Elon ยังพูดถึงประเด็นด้านความน่าเชื่อถือ (reliability) ที่เป็นเรื่องสำคัญของรถบรรทุก เพราะต้องวิ่งทางไกลตลอดเวลา และหากเสียกลางทางก็สร้างความเสียหายให้ธุรกิจได้ ซึ่ง Tesla รับประกันว่า Semi จะวิ่งได้ 1 ล้านไมล์ โดยที่ไม่เสียเลย
Tesla Semi จะเริ่มผลิตในปี 2019 เริ่มเปิดจองแล้ววันนี้
Comments
วิ่งได้ 1 ล้านไมล์ โดยที่ไม่เสียเลย โหดมาก
ค่า maintenance ระหว่างนั้นคงโหดยิ่งกว่า
ถ้าไม่เสียเลยแล้วจะมีค่าซ่อมบำรุงจากไหนอ่ะครับ
ซ้ำ'
เปลี่ยนอะไหล่สิ้นเปลืิองตามระยะไงครับ
หรืออันนี้รถเทพไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเลย
เข้าใจว่าเปลี่ยนแค่ยางกับเติมน้ำยาฉีดกระจกนะครับ ผ้าเบรคก็น่าจะใช้ระบบ Regenerative brake เป็นหลัก แทบไม่ต้องเปลืองผ้าเบรคเลย
อีกอย่างอันนี้หมายถึงเสียจนต้องซ่อมนอกรอบการซ่อมบำรุงปกติครับ 1 ล้านไมล์น่าจะทำได้อยู่แล้ว
+1 Elon บอกเองบนเวทีว่าตามหลักการไม่น่าจะต้องเปลี่ยนผ้าเบรกตลอดการใช้งานครับ
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
ตามความเข้าใจของผม คำว่าซ่อมบำรุง กับ ซ่อม ต่างกันอยู่บ้างน่ะครับ ซ่อมคือเสียแล้วซ่อม (repair) ส่วนซ่อมบำรุงคือดูแลไม่ให้เสียหาย (maintenance)
นั่นน่ะสิ มองไม่ออกว่าจะต้องซ่อมบำรุงอะไร อย่างมากก็แค่เปลี่ยนยาง เปลี่ยนผ้าเบรค
น้ำมันเครื่องก็ไม่มี เกียร์ก็ไม่มี หม้อน้ำไม่แน่ใจว่ามีมั้ย
ไม่มีหม้อน้ำครับ อันที่จริงแทบจะไม่มีของเหลวต้องเปลี่ยนเลย เห็นจะมีก็แต่น้ำฉีดกระจกน่ะครับ
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
Tesla ปกติจะมีหม้อน้ำระบบปิดนะครับ ไว้ใช้ระบายความร้อนให้แบตเตอรี่
ไม่เสียเลยในที่นี่หมายถึงไม่มี breakdown คือเสียขณะใช้งาน แต่ต้องมีซ่อมบำรุงบ้างแหละครับ เปลี่ยนยาง กรอกแอร์ ปัดน้ำฝน ฯลฯ แต่ Tesla บอกว่าต่ำกว่ารถดีเซล
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
มาเจอถนนอย่างบ้านเรา วิ่งไปเจอหลุมบ่อยๆ เข้า รับรองไม่นานช่วงล่างหลวมแน่นอนครับ
SPICYDOG's Blog
มันหลวมยังไงอธิบายหน่อยครับ พอดีผมเป็นช่างในโรงงานประกอบรถยนต์ ผมไม่เคยได้ยินว่ารถวิ่งบนทางเป็นหลุมเปนบ่อแล้วช่วงล่างหลวม เพราะใส่กันคลายทั้งนั้น
ดีจังเลยครับ เจอช่างในโรงงานประกอบรถยนต์ ส่วนบ้านผมทำธุรกิจเป็นอู่ซ่อมรถยนต์ครับ ตั้งแต่ 4 ล้อไปยันรถพ่วง เจอเรื่องแบบนี้เป็นปรกติ เริ่มจากพื้นฐานก่อนละกันครับ อุปกรณ์ต่างๆ ถูกประกอบติดกันด้วยแรงที่เราดันมันเข้าไปติดกันครับ ที่มันยังคงอยู่ได้ก็เป็นเพราะว่าเราพัฒนาชิ้นส่วนให้มันมีแรงต้านการคลายตัวออกมา กันคลายที่คุณพูดมาก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ช่วยให้มันคงอยู่นานขึ้นครับ ถ้ามันไม่หลวมได้ก็คงไม่ต้องผลิตกันคลายขึ้นมา แต่ไม่ว่าจะอย่างไรมันก็มีอายุของมัน เวลาผ่านไป เจอสภาพอากาศเปลี่ยน ร้อนตอนกลางวัน เย็นตอนกลางคืน วัสดุมีการยืดและหดอยู่ตลอด การที่ชิ้นสองที่ต่อกันยืดขยายไม่เท่ากันจะก่อให้เกิดปัญหาครับ จะเห็นตัวอย่างได้ชัดเจนถ้าเคยทำพื้นบ้านไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องหรือไม้แผ่นๆ จะต้องมีระยะเว้นให้มันได้ยืดได้หดครับ ไม่งั้นมันจะปูดออกมา ไม่ต่างกันกับรถยนต์ กันคลายที่ใส่มา ถูกบีบ ถูกคลาย ต่างไปตามช่วงเวลาของวัน ก็ย่อมมีการเสื่อมสภาพ และนั่นก็จะส่งผลให้ชิ้นส่วนที่ประกอบมาเริ่มคลายตัวและนั่นล่ะครับที่เรียกว่าหลวม ช่วงล่างเป็นส่วนที่รับน้ำหนักรถเยอะที่สุด มันก็เลยมีศัพท์ติดหูกันว่าช่วงล่างหลวม เพราะมันหลวมไวกว่าอย่างอื่นจริงๆ เราถึงต้องส่งรถไปเข้าอู่อยู่เรื่อยๆ เพื่อตรวจช่วงล่างให้พร้อมใช้งานตลอด ไม่ใช้วันไหนวิ่งๆ ไปน็อตหลุดชิ้นส่วนรถกระเด็นหายระหว่างทาง โดยเฉพาะรถใหญ่ที่วิ่งมากๆ เจอทางขรุขระบ่อยๆ ตกหลุมที วัสดุก็เกิดแรงเครียดที่มากกว่าปรกติที เจอบ่อยเข้าๆ ก็ค่อยๆ สะสมสงผลให้มันหลวมเร็วขึ้นไปอีก ผมจึงบอกว่ารถมาวิ่งที่เมืองไทยเจอหลุมเจอบ่อเยอะกว่าถนนประเทศที่เขาผลิต มันก็จะหลวมไวกว่า เรื่องมันก็เป็นประมาณนี้ล่ะครับ
SPICYDOG's Blog
รถไฟฟ้า ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวน้อย ไม่มีการจะระเบิดการสั่นจากเครื่องยนต์ ไม่มีเครื่องยนต์ไม่มีเกียรฟ์ ทำให้ค่าบำรุงรักษาน้อยมากครับ ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องน้ำมันเกียร์
แต่แบตเสื่อมแล้วต้องเปลี่ยนแบตนี่น่าจะหนักกว่าค่าบำรุงเยอะ
เห็นคนพูดเรื่องแบตบ่อย ตีว่าแบตชาร์ตได้ 3000 รอบ ถ้าชาร์ตทุกวัน(วิ่งวันละ 700-800กม.)ก็ 8 ปีถึงเปลี่ยนที
ผมว่า ลองให้ใช้จริงๆถึงจะเจอปัญหาเพิ่มเองครับ
การเทสในห้องแล็ป หรือทดสอบวิ่งเอง มักไม่เจอปัญหาทั้งหมดหรอก
ก็ไม่เชิงเทสในแล็ปนะครับ เพราะรุ่นอื่นก็วิ่งถนนจริงแล้ว maintenance มันน้อยกว่ารถปกติจริง เรื่อง breakdown เค้าก็คงมีข้อมูล แต่โดยปกติอุปกรณ์ไฟฟ้า / motor มัน breakdown ยากอยู่แล้ว (นึกถึงตู้เย็น แอร์ เครื่องซักผ้า พวกนี้ไม่ค่อยพังจาก motor) และตัวนี้ motor 4 ตัว พังบางตัวยังวิ่งต่อได้ แต่ไม่ได้เต็มความสามารถ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ผมไม่รู้ลึกด้านนี้หรอก แต่อาศัยประสบการ์ณการพบเจอการรับประกันอะไรทำนองนี้
ยกตัวอย่าง แอร์ รับประกับคอมเพสเซอร์5ปีงี้ แต่ที่จะไปก่อนคือ แคปรันระเบิดบ้าง ใบพัดหักก็เคยเจอ ซึ่งมันก็ถูกที่คอมมันไม่เป็นอะไร แต่อย่างอื่นที่เป็นส่วนประกอบของคอม มันพังไปก่อน
ใช่ครับ แต่อันนั้นไม่ใช่คนผลิตเค้าไม่รู้ เค้ารู้เลยประกันเฉพาะคอมเพสเซอร์ไงครับ เพราะว่ามันไม่ค่อยพัง ส่วนอื่นมันพังได้เลยไม่ประกันนาน
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
Hino ก็รับประกันวิ่ง 1,500,000 กม.โดยไม่ต้องยกเครื่อง อันนี้เกทับอีกนิดนึงสักเจ็ดหมื่นโล
สงสัยว่าวิ่งครบแบบไม่ต้องยกแล้วจะได้เที่ยวเหมือน Hino ไหม
ตามรูปเห็นเขียนว่าชาร์จ 30 นาทีวิ่งได้ 400 ไมล์นะครับ (643 km)
พลาดเองครับ แก้แล้ว
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
Supercharger นี่ 120,000 วัตต์แล้วนะครับ Megacharger พี่จะซัดไฟเท่ากับห้างเลยมั้ยครับ
จัดหม้อแปลง 500kVA ไปแท่นละตัว
แล้วเค้าบอกว่าแท่น Megapower จะใช้พลังงานแสงอาทิตย์ล้วน ผมนี่โอ้โหเลยครับ
ซื้อที่ 100 ไร่ ทำแท่น/จุดแวะพัก/ห้องน้ำ/คาเฟ่/จุดซ่อมบำรุง 1 ไร่ ที่เหลือ Solar Farm...
เกรงว่าจะเป็นแบบนั้นล่ะครับ - -"
แต่ Solar Farm ก็ไม่น่าจะลำบากพี่แกนะครับ เพราะว่าพี่แกทำให้เกาะ Ta'u แล้ว ที่เหลือก็ง่ายๆแล้ว
พื้นที่เมกาว่างๆเยอะเสียด้วย ก็คงเป็นไปได้แหละ
คงไม่ขนาดนั้นหรอกครับ! ก็แค่สร้าง Solar farm บนอวกาศ แล้วยิงคลื่นไมโครเวฟลงมาที่สถานีรับ (ไม่มีการสูญเสียขณะผ่านชั้นบรรยากาศ) แล้วแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าอีกที แบบนี้ไม่ต้องพะวงเรื่องเมฆ ฤดูกาล แถมเก็บเกี่ยวได้ทั้งกลางวัน-กลางคืนด้วย!! ผมว่าอีลอน มัสก์แกคงวางแผนไว้ในใจแบบนี้นะ
ผมว่าสร้างไว้ที่จุด L1 เป็นแพไว้เลย เสร็จแล้วมีสถานีรับคลื่นเหนือเมืองใหญ่ๆ รอบโลก แล้วยิงจาก L1 สะท้อนสถานีรับคลื่น ลงสู่พื้นโลกอีกทีเลยครับ หรือถ้าจะให้เทพก็มีตัวสะท้อนพลังงานเหนือสถานี Supercharger ทุกสถานีเลยก็ได้
ผมว่าถ้าเทคโนโลยีไปถึง มัสก์ก็คงวางแผนไว้แบบนี้แหละ