วันนี้ที่งาน Tesla ณ เมือง Hawthorne รัฐแคลิฟอร์เนีย นอกจากจะเปิดตัวรถบรรทุกไฟฟ้า Tesla Semi แล้ว ท้ายงานหลัง Elon Musk โบกมือลาคนดู ยังมีเซอร์ไพรซ์ส่งท้ายด้วยการเปิดตัว Tesla Roadster รุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นรุ่นที่ 2 หลังรุ่นแรกเป็นตัวสร้างชื่อให้ Tesla ตั้งแต่เปิดบริษัท
Tesla Roadster รุ่นใหม่นี้จัดเต็มด้านสมรรถนะ มันมาพร้อมมอเตอร์ 3 ตัว (หลัง 2 ตัว หน้า 1 ตัว) ส่งผลให้เร่งจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายใน 1.9 วินาที ความเร็วสูงสุดมากกว่า 400 กม./ชม. ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 200 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้วิ่งได้ไกล 1,000 กม. ที่ความเร็วไฮเวย์ (แต่ละรัฐไม่เท่ากัน เฉลี่ยไม่เกิน 120 กม./ชม.)
Elon Musk ระบุว่า Tesla Roadster รุ่นใหม่เป็นรถที่วางขายทั่วไปที่เร็วที่สุดในโลก และยังนั่งได้ 4 คนอีกด้วย (ด้านหลังน่าจะนั่งได้แค่คนตัวเล็กๆ) ซึ่ง Elon ประกาศชัดบนเวทีว่าเหตุผลที่ทำ Roadster รุ่นนี้ออกมาเพราะต้องการ "ตบหน้า" รถยนต์ที่ใช้น้ำมันอย่างจัง (The point of doing this is to give a hardcore smackdown to gasoline cars)
Tesla Roadster รุ่นใหม่จะเริ่มผลิตในปี 2020 ด้วยราคาเริ่มต้น 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ (6.57 ล้านบาท) เปิดให้จองแล้ววันนี้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ Tesla
Comments
จะวิ่งเร็วไปไหนเนี่ย แต่กฎหมายและสภาพการจราจรของหลายๆประเทศก็จำกัดความเร็วอยู่ดี
ทุกคนจะไปรวมตัวกันบน Autobahn ที่เยอรมันกันครับ
เพื่อนผมเหยียบ 200 ยังโดนแซงไม่ทิ้งฝุ่น 55
Autobahn ก็วิ่ง max speed ระดับนี้ไม่ได้อยู่ดี เพราะถนนไม่ได้โล่งขนาดจะให้กดกันแบบไม่มีเบรค ต้องไปดูไบน่าจะเป็นไปได้มากกว่า
ฝรั่งคิดไม่เหมือนเราครับ เขาถึงพัฒนา
กว่าจะถึงปี 2020 เฮีย Musk คงปั่นราคาหุ้นไปได้อีกเยอะ รุ่นนี้ยอดจองน่าจะเพียบ แค่เจอรถบรรทุกพลังไฟฟ้านี่ผมก็เคาะ buy แล้ว หุหุ
สวยจริง ขอรถทรงนี้แต่ไม่ต้องแรงมากเอาสักเครื่อง 1.5 แล้วราคาไม่เกินล้าน จะมีใครทำไหมหนอ - -
กระจกมองข้างกับไฟเลี้ยวหายไปไหน!
อันนี้รูปจากอีกข่าว เป็นของตัวรถบรรทุก https://www.blognone.com/sites/default/files/externals/96e672056e91949cad0c6d2bf18e0a2e.png
เตรียมซื้อเลยครับ.....ใน NFS ภาคหน้า
ลั่นน
ฟิลลิ่งเสียงตอนขับรถจากเสียงคำรามเครื่องยนต์ปนกับเสียงยาง กลายเป็นเสียงยางบดกับพื้นถนนอย่างเดียวแทน มันคงจะแปลกพิลึก
สมัยนี้ใส่เสียงเครื่อง ลงไปในรถไฟฟ้าก็ได้นะครับ
design langues ของ Tesla ดูเป็นเอกลักษณ์ก็จริงนะครับ แต่ผมไม่ชอบเลย แลจืดๆ ไปนิด
ล้ำหน้าค่ายรถยุคเก่าไปอีก 3 gen
จริงๆ ถ้าไม่แบ่งว่าเอาไฟฟ้ามาจากไหนละก็ รถไฟฟ้าความเร็วระดับนี้มีมา 2-3 ปีแล้วครับ แต่ปัญหาคือมันเป็นรถระดับไฮเปอร์คาร์ที่แพงยิ่งกว่าซูเปอร์คาร์ซะอีก
ถ้าขับช้า ก็ได้มากกว่าพันโลสินี่ ขับจากเหนือลงใต้สบายๆ
วิ่ง 1000 กิโลนี่ผมชาจเดือนละครั้งก็เหลือ ๆ