เมื่อคืนวันที่ 27 ธันวาคม Elon Musk ได้ทวีตขอบคุณผู้ใช้รถ Tesla ทุกคนที่ให้โอกาสบริษัทเขา ซึ่งเคยถูกตราหน้าว่าจะเจ๊งแน่นอน เขาระบุว่าทีมงาน Tesla อุทิศแรงกายแรงใจอย่างมากเพื่อสร้างรถยนต์ที่ทุกคนรัก ก่อนจบทวีตด้วยการเปิดรับคำแนะนำว่า Tesla จะพัฒนาอะไรเพิ่มได้อีก
เจ้าของรถ Tesla จำนวนมากได้ตอบกลับไปหา Elon และเขาได้ตอบกลับด้วยตัวเอง ทำให้เราได้ทราบแผนการอัพเดตหลายอย่างจากเหตุการณ์นี้ อย่างแรกคือมีผู้ใช้รายหนึ่งทวีตว่าอยากได้รถกระบะปิคอัพไฟฟ้า Elon ก็ตอบกลับว่าเขาสัญญาว่ามันจะตามมาแน่นอนหลังเปิดตัว Model Y โดยเขามีดีไซน์และรายละเอียดด้านวิศวกรรมอยู่ในใจมานานเกือบ 5 ปีแล้ว และอยากจะทำมันมากๆ โดยจะมีขนาดใกล้เคียงกับ Ford F150
ต่อมามีคนบอกว่าอยากได้ระบบ Autopilot เวอร์ชัน 2 แล้ว ตรงนี้ Elon ตอบกลับว่าขอโทษที่ล่าช้า Tesla มีเครือข่ายประสาทเทียม (neural network) ที่ล้ำที่สุดที่เอามาใช้กับสินค้าอุปโภคบริโภค และกำลังใช้ทดสอบระบบ Autopilot เวอร์ชันใหม่อยู่อย่างเข้มข้น โดยผลลัพธ์ทำให้เขาทึ่ง (blow me away) และลูกค้าจะรู้สึกเหมือนกัน
จากนั้น Dustin Moskovitz ผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook ทวีตว่าขอฟีเจอร์ปิดไม่ให้บลูทูธของรถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถืออัตโนมัติเพื่อไม่ให้รถดึงเสียงโทรศัพท์ไปออกที่รถ แต่เจ้าของรถคุยโทรศัพท์อยู่ในบ้าน โดย Elon ตอบกลับสั้นๆว่า "Done" คือรับทราบแล้ว รออัพเดตได้เลย
ผู้ใช้อีกคนบอกว่าเบราว์เซอร์ของรถใช้ยากมาก ซึ่ง Elon บอกว่าเห็นด้วย ต้องอัพเดตระบบปฏิบัติการ Linux และไดรเวอร์ต่างๆ เป็นเวอร์ชันใหม่ โดยผู้ใช้รถจะได้อัพเกรดกันภายใน 2-3 เดือน
นอกจากนี้ยังมีฟีดแบ็คอื่นๆ จากลูกค้าที่ Elon ระบุว่าจะทำให้ เช่นใช้กล้องรอบตัวรถเป็นกล้องอัดเหตุการณ์ต่างๆ ไปด้วย, ปรับความสว่างของไฟในห้องโดยสาร, ระบบอ่านป้ายจราจร, เบาเสียงเพลงเมื่อเปิดประตู, ให้รถเริ่มอัดวิดีโอเมื่อตรวจจับได้ว่าหน้าต่างถูกทุบ, อุ่นกระจกรถ/อุ่นเบาะ/อุ่นพวงมาลัยจากแอพมือถือ และสุดท้ายคือแผนที่รวมถึงระบบนำทางที่ดีกว่าปัจจุบันอย่างมากจะมาในเร็วๆ นี้
รอบนี้ไม่รู้ว่า Elon อารมณ์ดีหรือคึกมากจากไหน เปิดรับฟีดแบคจากลูกค้าและตอบกลับพร้อมรับไปปฏิบัติจริงอย่างรวดเร็ว
ที่มา - @elonmusk
ภาพจาก Franz von Holzhausen
Wanted again to send a note of deep gratitude to Tesla owners WW for taking a chance on a new company that all experts said would fail. So much blood, sweat & tears from the Tesla team went into creating cars that you’d truly love. I hope you do.How can we improve further?
— Elon Musk (@elonmusk) December 26, 2017
I promise that we will make a pickup truck right after Model Y. Have had the core design/engineering elements in my mind for almost 5 years. Am dying to build it.
— Elon Musk (@elonmusk) December 26, 2017
Sorry for the delay. We have the most advanced AI neural net of any consumer product by far, so it’s going through exhaustive testing. The results are blowing me away though and I think you will have a similar experience.
— Elon Musk (@elonmusk) December 26, 2017
Done
— Elon Musk (@elonmusk) December 26, 2017
Vastly better maps/nav coming soon
— Elon Musk (@elonmusk) December 26, 2017
Yeah, it’s terrible. Had to upgrade old Linux OS and a bunch of drivers first. Major browser upgrades coming to all cars in a few months. Note, will be slower at first until code is optimized.
— Elon Musk (@elonmusk) December 26, 2017
Was gonna say we’ll do all but the last, but that last one sounds like good, cheesy fun :)
— Elon Musk (@elonmusk) December 26, 2017
Ok
— Elon Musk (@elonmusk) December 26, 2017
Should be in next update
— Elon Musk (@elonmusk) December 26, 2017
Comments
อยากให้มาตั้งศูนย์การผลิตและจำหน่ายในประเทศไทยจังเลยอ่ะ
ต้องลองทวิตไป
ประเทศไทยจะได้ผลิตหรือไม่ผลิต ไม่ได้อยู่ที่ Elon Musk ครับ แต่อยู่ที่วิสัยทัศน์ผู้บริหารประเทศบ้านเรา
That is the way things are.
รัฐบาลทหารเขาก็อยากให้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศนะครับ
แต่เอกชนไม่เล่นด้วย ไปลงทุนเพิ่มในต่างประเทศแทน ออกแนวจะย้ายฐานการผลิตด้วยซ้ำ
เอกชนรายไหนครับ แบ้วเราต้องง้อเขาเหรอครับ หารายไหม่ไม่ได้เหรอ
ที่ตามข่าวมานี้ เกือบทุกรายเลยนะครับ
ชะลอการลงทุนในประเทศ แต่ดันไปขยายการลงทุนในต่างประเทศแทน
ไม่ง้อคงไม่ได้มั้งครับ
แรงดึงดูดของเราทำอย่างไรก็ไม่เท่าจีนหรอกครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
เราจะไม่ง้อก็ไม่เป็นไรครับ ทุกประเทศแถวนี้เขาง้อหมดเพราะโรงงานประกอบไปตั้งที พวกโรงงานผลิตชิ้นส่วนๆอื่นอีกเป็นหมื่นชิ้น มันก็ต้องตามไป
ตอนนี้ไม่เฉพาะรถไฟฟ้านะครับที่เขาเผ่น ผมว่าแทบจะทุกรถล่ะฮะ เขามองว่าเราเป็นเหมือนอเมริกาใต้อยู่ครับ ตอนนี้
ออกแนวลูกค้าเก่าเราไม่ง้อ ขอหาแต่ลูกค้าใหม่
รายไหนล่ะครับ แล้ว "หารายใหม่" ไม่ได้แปลว่าต้องไปง้อรายอื่นเหมือนกันหรอ
May the Force Close be with you. || @nuttyi
เห็นข่าว รง.Mitsubishi แล้ว
ผมว่าสาเหตุที่เค้าย้ายหนี ไม่ใช่รบ.ทหารหรอก
ต้นทุนที่ต่าง+สำนึกของคนทำงานเราล้วนๆ
จะว่าไม่เกี่ยวผมว่าก็ไม่เชิงครับ เสถียรภาพทางการเมืองรวมถึงนโยบายมันก็มีผลต่อต้นทุนด้วยเช่นกัน ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
ผมหมายถึง
ด้วยนโยบายกระชากค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 ของเรา(นโยบายใคร?)
ขณะที่เพื่อนบ้าน อยู่ที่ 100ปลายๆ
ความขยันสู้งานก็ต่างกัน
ไม่พอ แถมด้วยทัศนคติแบบ คนของเราเล่นประท้วง รง.มิตซูฯ เพื่อจะเอาโบนัส 8 เดือนให้ได้
ต้นทุนเรื่องคนต่างกันขนาดนี้ ยังไงช้าหรือเร็วเค้าก็เผ่นอยู่ดีครับ ไม่เกี่ยวกับ รบ.ทหาร/รบ.เลือกตั้ง เลย
มันอยู่ที่เค้าเซ็ทโรงงาน/คนที่ประเทศเพื่อนบ้านได้เสร็จเมื่อไหร่ เค้าก็ย้ายเมื่อนั้น
ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 นี้ ถ้าทำงาน 24 วันต่อเดือนมันแค่ 7,200 บาทเองนะครับ ซึ่งแรงงานในธุรกิจรถยนต์ค่าจ้างเกินค่าแรงขั้นต่ำไปเยอะมากแล้วครับ ไม่เกี่ยวกัน นายจ้างเขาชอบทักษะแรงงานของคนไทยนะครับ เทียบแล้วงานละเอียดกว่าหลายประเทศ
เป็นปัญหาที่ส่วนอื่นมากกว่า เช่น
นโยบายภาครัฐ สร้างความเชื่อมั่นได้แค่ไหนว่านโยบายจะทำต่อเนื่อง มีการตั้งเป้าหมายให้ยกเลิกการขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันภายในปีไหน มีการยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักรการผลิตให้ไหม สามารถเอาเงินที่ลงทุนไปลดหย่อนภาษีได้กี่เท่า ได้ไปเจรจาเปิดตลาดการค้ากับประเทศอื่นให้ไหม และอื่นๆ อีกมากมาย,
สิทธิพิเศษทางภาษีที่ประเทศอื่นเคยให้ไทย เช่น ยกเว้นภาษีนำเข้าให้ไทยถึง 10% แล้วโดนยกเลิกไป และทางไทยไม่สามารถไปเจรจาขอสิทธิพิเศษในส่วนอื่นแทนได้ เนื่องจากติดปัญหารัฐประหาร ทำให้มีปัญหาด้านต้นทุนสินค้าในการขายแข่งกับสินค้าจากประเทศอื่น อย่างสหภาพยุโรปก็เพิ่งยอมฟื้นฟูความสัมพันธ์กับไทย แต่ก็ยังบีบให้เดินหน้าเลือกตั้ง และหยุดการคุกคามสิทธิมนุษยชน,
ประเทศเพื่อนบ้านที่เริ่มสงบ ไม่มีสงคราม และเปิดประเทศรับการลงทุนมากขึ้นเยอะ ทำให้ทุนไหลไปที่ประเทศรอบๆ แทน รวมทั้งแรงงานต่างด้าวก็ทยอยกลับประเทศตัวเองด้วย ทำให้ขาดแคลนแรงงานในบางธุรกิจ,
กำลังซื้อภายในประเทศตอนนี้ไม่จูงใจพอที่จะมาลงทุน หรือเพิ่มการลงทุน อันนี้เห็นชัดในหลายธุรกิจ อย่าง Toyota ก็ไปสร้างโรงงานใหญ่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่จีนแทน เพราะกำลังซื้อสูงมาก คุ้มกับการลงทุน,
การลดคนงานและหันไปใช้เครื่องจักรอัตโนมัติแทน อันนี้เจ้าของธุรกิจชอบ เพราะไม่มีวันลา ไม่ต้องจ่ายค่าแรง สินค้าได้คุณภาพเหมือนกันทุกชิ้น ไม่ต้องเสียเวลาในการสอน มีต้นทุนชัดเจนแน่นอน คำนวณง่าย
และปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย ฯลฯ ซึ่งผมเขียนได้ไม่หมดครับ ตอนนี้ก็ว่ายาวแล้ว
ความคิดของคนทั่วไป กับความคิดของเจ้าของกิจการไม่เหมือนกัน คิดคนละแนวกันเลยครับ
แนะนำให้คุณไปหารายการทีวีใน YouTube เกี่ยวกับธุรกิจมาดูเยอะๆ เน้นที่เชิญอาจารย์และเจ้าของกิจการมาให้ข้อมูลเชิงลึกนะครับ จะเข้าใจความคิดเจ้าของกิจการมากขึ้นเยอะครับ
ค่าแรงอุตสาหกรรมรถยนต์ไม่ใช่ค่าแรงขั้นต่ำ แต่ค่าแรงขั้นต่ำมีผลกระเทือนไปทั้งหมดแหละครับ ไม่ใช่แค่คนงานที่รับค่าแรงขั้นต่ำ ถ้าเขาไม่ลงทุนมีทางเดียวคือต้องลงทุนเองซึ่งก็ยากอีก
...ที่คุณร่ายมายาวมันก็ชัดนะว่า
ปัจจัยจาก รบ. มันน้อยมาก
หลักๆคือกลไกตลาดระหว่างประเทศมันเปลี่ยนอย่างที่ผมว่าไว้
โดยค่าแรง 300 เป็นหนึ่งในตัว"ผลัก"ให้เขาไปประเทศอื่น
แล้วก็เคส รง.มิตซูฯ นี่ ไม่ใช่รถยนต์นะครับ...ตามข่าวบ้างก็ดีนะครับ
รู้ครับ ผมดูข่าวอยู่ แต่นี้คือพวกเรากำลังคุยข่าวรถยนต์กันอยู่นะครับ
ส่วนอุสาหกรรมผลิตรถยนต์ ไม่ได้รับผลกระทบจากค่าแรง 300 บาท เพราะจ่ายเงินเดือนเกินค่าแรงขั้นต่ำไปเยอะแล้วครับ อันนี้จำได้ว่ามาจากปากของระดับผู้บริหารเลย
ธุรกิจรถยนต์ที่เขาชะลอการลงทุนหรือจะย้ายฐานการผลิต มาจากกำลังซื้อภายในประเทศลดลงจากปัญหาต่างๆ มากกว่า ซึ่งรถยนต์ส่วนใหญ่จะขายในประเทศเป็นหลัก ทำให้ต้องเร่งเพิ่มยอดส่งออกไปต่างประเทศแทนเพื่อชดเฉย แต่ก็จะติดปัญหาที่ประเทศเราโดนยกเลิกการยกเว้นภาษีนำเข้า 10% ในบางประเทศ ทำให้ต้นทุนสูงกว่าคนอื่นเขา หลายบริษัทเลยย้ายฐานการผลิตไปประเทศที่ยังได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีอยู่ หรือมีต้นทุนด้านอื่นถูกกว่า หรือมีกำลังซื้อภายในประเทศที่สูง และปัญหาอื่นอีก
จริงๆ ผมต้องพิมพ์ใส่รายละเอียดอีกยาวเลยถึงจะครบ แต่ผมว่าคงไม่จำเป็น ง่วงนอนด้วย เอาเป็นว่าแล้วแต่ความเชื่อแล้วครับ ผมขอเชื่อในสิ่งที่คนในภาคธุรกิจมาบอกให้ฟังครับ
คุณไปเทียบค่าแรงขั้นต่ำกับประเทศเพื่อนบ้าน แล้วได้เทียบค่าครองชีพด้วยไหมว่าใครถูกกว่าใครแพงกว่า
สมมติผมให้คุณค่าแรงขั้นต่ำเท่าประเทศเพื่อนบ้านคือ 100 บาท เดือนหนึ่งทำงาน 30 วันไม่มีวันหยุดแม้แต่วันเดียว เงิน 3,000 บาทคุณใช้พอทั้งเดือนไหม ค่าผ่อนห้องพักก็เท่าไรแล้ว ค่าเทอมลูก ค่าใช้จ่ายจิปาถะ ไม่ต้องมีเลยหรือไง เอาจริง ๆ แค่กินข้าววันละ 100 บาทยังแทบจะไม่พอเลยด้วยซ้ำ ข้าวแกง 3 มื้อถูกสุด ๆ ก็ 30 บาทน้ำฟรียังต้องใช้จ่าย 90 บาทต่อวัน เงินเหลือวันละ 10 บาทเอาไปทำอะไรได้ ใจคอคุณจะไม่คิดให้คนชนชั้นแรงงานได้มีเงินเก็บ ได้เจริญเติบโตทางชีวิตกันบ้างเลยหรือ
หัดมองคนให้เป็นคนบ้างนะครับ มองคนให้มีชีวิต ไม่ใช่มองจากหอคอยงาช้างแล้วก็บอกว่าแรงงานไม่มีกินไม่เติบโตช่างมัน เอาการลงทุนภายในประเทศไว้ก่อน คนที่คิดแบบนี้ส่วนมากเป็นพวกมีเงินเดือนสบาย ๆ แบบชนชั้นกลาง มีสวัสดิการ มีบ้าน มีโทรศัพท์มือถือ ในชีวิตไม่เคยเดือดร้อนถึงขนาดต้องหาเช้ากินค่ำ
เลิกเถอะความคิดแบบนี้ ต่างประเทศค่าแรงแพงกว่าประเทศเราก็มี (แน่นอนว่าค่าครองชีพก็สูงกว่า) เขาก็ยังอยู่ยังพัฒนากัน ยังมีโรงงาน ยังมีการก่อสร้างกันได้เลย
มองอะไรรอบด้านบ้างครับ อย่าเทียบง่าย ๆ เพียงเพราะตัวเองไม่เคยเดือดร้อนแบบนั้น ไปลองคลุกคลีกับชนชั้นแรงงานดูบ้างจะได้รู้ว่าชีวิตเขามันไม่ได้ง่าย
That is the way things are.
น่าจะยากครับ ประเทศเราเล็กไป กำลังซื้อน้อย เศรษฐกิจช่วงนี้ก็ไม่ดี รวยกระจุก จนกระจาย
ขนาดหลายบริษัทที่ผลิตอยู่ในไทย ยังออกแนวจะย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศเลยครับ
ข่าว ไทยซัมมิท ส่งชิ้นส่วนป้อน 'เทสล่า โมเดล 3'
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานกรรมการบริหาร ไทยซัมมิทกรุ๊ป เปิดเผยกับ วอยซ์ทีวี ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทได้ทำสัญญาเป็นผู้ผลิตตัวถังรถยนต์น้ำหนักเบา ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ไทยซัมมิทกรุ๊ป พัฒนาขึ้นมาเองเพื่อส่งมอบให้กับ เทสล่า อิงค์ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา สำหรับใช้เป็นโครงสร้างรถยนต์เทสล่า โมเดล 3 รุ่นล่าสุดของเทสล่า ในระยะ 4-5 ปีนับจากนี้
ตัวถังรถยนต์น้ำหนักเบานี้ จะผลิตจากโรงงานของไทยซัมมิทในมลรัฐแคนตั๊กกี้ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 โรงงานที่บริษัทมีอยู่ในสหรัฐฯ นอกจากนี้ ไทยซัมมิทกรุ๊ป ยังลงทุนในอีกหลายประเทศ อาทิ จีน อินเดีย ซึ่งตามแผนธุรกิจ 5 ปี (60-64) ตั้งเป้ายอดขายรวม เพิ่มเป็น 100,000 ล้านบาท จากปีนี้ประมาณ 80,000 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้น 6,000 ล้านบาท
โดยเฉพาะธุรกิจในสหรัฐฯ ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มเป็น 1,000 ล้านดอลลาร์ฯ หรือราว 33,000 ล้านบาทในอีก 5 ปี จากปัจจุบันมียอดขาย 500 ล้านดอลลาร์ฯ
สำหรับนโยบายส่งเสริมการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า (Electronic Vehicle) ในประเทศไทย รองประธานกรรมการบริหาร ไทยซัมมิทกรุ๊ป เห็นว่า ไทยควรมีนโยบายบังคับเหมือนอังกฤษและฝรั่งเศล ที่กำหนดให้ภายในปี 2583 ห้ามผลิตรถยนต์ที่ใช้ดีเซลหรือเบนซิล แทนการใช้นโยบายจูงใจด้วยสิทธิประโยชน์ทางภาษี อย่างที่เป็นอยู่
รายงานโดย : อังศุมาลิน บุรุษ
ที่มา - VoiceTV
Model 3 ตอนนี้ขายไปได้แค่หลักร้อยคัน ไปลงทุนตามคงขาดทุนอยู่
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
"ขายได้" เยอะกว่านั้นครับ ยอดจองก็เกิน 5 แสนแล้วครับ แต่ยอดส่งอ่ะ หลักร้อยคันจริง
ยอดจองเขาไม่เอามานับเป็นยอดขายกันนะครับ มันจะโม้ยังไงก็ได้
ชอบคำอ่านตัวเลขในข่าวนี้จัง
+1
เข้าใจง่ายดีครับ สำหรับผม
โดย Elon ตอบกลับสั้นๆว่า "Done" คือรับทราบแล้ว รออัพเดตได้เลย << ในความเข้าใจผมคือ ตอบว่า เสร็จแหละ
+1
ควรเพิ่มด้วยว่าใช้เวลาแค่ ชม. เดียวหลังจากคนนั้นทวิตขอ ก็มีอัพเดตมาเลย (ดูจากเวลาในทวิต)
+1 เห็นทวีตถัดมา มีคนบอกว่ากำลังกาวน์โหลดอัพเดตอยู่
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ชั่วโมงเดียวขึ้น PRD ไม่เทสกันเลย 5555
เคยไปอ่านเจอที่ไหนไม่รู้ เขาบอกว่า เวียดนามกำลังเป็นที่น่าสนใจ เพราะตอนนี้ชาวเวียดนามกำลังซื้อมากขึ้น และตลาดรถยนต์ในประเทศเขาขยายตัวเยอะมากต่อปี ในขณะที่ไทยผ่านจุดนั้นไปแล้ว คือไม่ใช่ว่าซบเซา แต่อัตราการเติมโต และจุดอิ่มตัวเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนนั้นอยู่กันคนละจุดแล้ว
การย้ายฐานการผลิตมันเลยเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจถ้าภาครัฐของเวียดนามให้เงื่อนไขที่น่าสนใจ (ซึ่งเขาก็คงจะให้อยู่แล้ว)
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
Drunk twitter Elon is the best Elon
ร...เร็ว
เข้าถึงลูกค้าจริงๆ