ศูนย์ไซเบอร์ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ประกาศรับสมัครพลเรือนรับราชการสองตำแหน่ง ได้แก่ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านการตรวจประเมินมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (security audit) และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านเทคนิค
แนวทางการสอบค่อนข้างน่าสนใจ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านเทคนิคมีการสอบให้เจาะระบบเพื่อดึงข้อมูลที่ซ่อนไว้ในระบบ, พิสูจน์หลักฐานดิจิทัลเพื่อหาข้อมูลตามที่โจทย์กำหนด, ทดสอบเขียนโปรแกรม ส่วนฝั่ง security audit เป็นการทดสอบความรู้มาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ISO 27000
เนื่องจากเป็นการรับราชการทหารทำให้ต้องทดสอบสมรรถภาพร่างกายด้วย เช่น ชายอายุ 32 ปี ต้องวิ่ง 2 กิโลเมตรภายใน 12 นาที 20 วินาที วิดพื้น 25 ครั้งในสองนาที ลุกนั่ง 29 ครั้งในสองนาที
อัตราเงินเดือนสำหรับปริญญาตรี 15,000 บาท ปริญญาโท 17,550 บาท, และปริญญาเอก 21,140 บาท
note: เวอร์ชั่นแรกของข่าวนี้มีการใช้ชื่อศูนย์ไซเบอร์ทหาร และศูนย์ไซเบอร์กองทัพบก สลับไปมา ได้แก้เป็นศูนย์ไซเบอร์ทหารทั้งหมดแล้ว
ที่มา - ข่าวเปิดสอบทหารทุกเหล่าทัพ
Comments
เห็นป.เอกเงินเดือน 21xxx แล้วค่าเทอมเรียนสายนี้น่าจะแพงมากนะจะพอกินหรอ???
เงินเดือนเริ่มต้นหรือเปล่าครับ ถ้าเก่งนี่ น่าจะได้เลื่อนขั้นเร็วอยู่นะครับ
ระดับผบ.ทบ.ยังแค่หลักแสนต้นๆ ถ้าซื่อสัตย์ไม่คดโกงจริงๆ ผมว่าระดับนี้น่าถ้าจบมาแล้วเก่ง(ป.เอกสายนี้จบได้ต้องเก่งมาก) ผมว่าแค่ทำงานในประเทศก็น่าจะเกินเงินเดือนผบ.ทบ.ไปเยอะนะครับ
ปล. ป.เอกอาจไม่ต้องสายไซเบอร์หรือไม่เก่งก็ยังน้อยอยู่ดีครับงานระดับนี้ยกเว้นใจรักชาติ หรือมีรำไพ่อื่นๆ...
มาจากพลเรือนเป็นหน่วยสนับสนุน เงินขึ้นตามกระบอกไปเรื่อยแต่ก็ต้องไปตามระเบียบเท่ากับคนอื่นๆ
ปรับขึ้นเยอะพิเศษตามความเห็นหัวหน้า/ผู้บริหารแบบเอกชนไม่มี แถมส่วนเพิ่มตามยศก็ตันค่อนข้างเร็วครับ
พวกนี้โดนเหมารวม ทำเว็บซ่อมคอมด้วยรึเปล่าเนี่ย
ให้แค่นี้ใครจะไปทำหละ ป.เอก อาจารย์มหาวิทยาลัยยังเริ่มที่ 30,000 บาท เลย
อาจารย์มหาวิทยาลัยที่บรรจุหลังปี 2540 เป็น "พนักงานมหาวิทยาลัย" ไม่ใช่ "ข้าราชการ" ครับ
ซึ่งศักดิ์ศรี สวัสดิการ สิทธิประโยชน์ ความมั่นคง บำเหน็จบำนาญ และอื่น ระหว่างข้าราชการกับพนักงานมหาวิทยาลัยมีความแตกต่างกันมากครับ ซึ่งถ้ารูปแบบการทำงานในมหาวิทยาลัย เงินเดือนสูงกว่าข้าราชการ 1.5-1.7 เท่า และภาพลักษณ์ รวมทั้งความอิสระในการทำงานเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจเลือกงาน การเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยตำแหน่งอาจารย์ก็มีความน่าสนใจ
เงินเดือนอาจารย์มหาวิทยาลัย วุฒิ ป. เอก เงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 31,000 - 35,000 ครับ โดยที่มาของเงินเดือนนี้มาจากมติของ ครม. ที่ให้เงินเดือนพนักงานมหาวิทยาลัยมากกว่าข้าราชการ 1.5 - 1.7 เท่า (ป.เอกข้าราชการ 21,000 เมื่อคูณ 1.7 เท่าไปจะอยู่ที่ประมาณ 35,000)
แต่พนักงานมหาวิทยาลัย การจ้างงานแบบสัญญาจ้าง ไม่มีความมั่นคง มีระยะเวลาการจ้างที่สั้นและต้องต่ออายุเป็นระยะ และมีกรอบเวลาที่ต้องขอตำแหน่งทางวิชาการมิเช่นนั้นจะไม่ต่อสัญญา (ต้องได้ ผศ. ภายใน 5+2 ปี และ รศ. ภายใน 8+2 ปี) สิทธิสวัสดิการมีเพียงประกันสังคมและประกันสุขภาพกลุ่ม (สิทธิ์สวัสดิการข้าราชการ รักษาพยาบาลแบบจัดเต็มตั้งแต่พ่อแม่ ตัวเอง ภรรยา ยันลูกอีก 3 คน ได้ทุกโรงพยาบาลรัฐ) ไม่มีบำเหน็จบำนาญหลังเกษียณ ขึ้นเงินเดือนเพียงปีละหนึ่งครั้ง (ข้าราชการ 2 ครั้งต่อปี) ไม่ได้รับสิทธิต่างๆ แบบข้าราชการเช่นการใช้ตำแหน่งข้าราชการเซ็นค้ำ หรือการประกันตัว การเบิกค่าเล่าเรียนบุตร และการโอนย้ายไปหน่วยงานอื่น (ต้องลาออกและสมัครสอบในที่ใหม่เท่านั้น เริ่มต้นกันใหม่ จะย้ายโดยหอบ กพ.7 พร้อมเงินเดือนเดิมไปที่ใหม่แบบข้าราชการไม่ได้) ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นข้อจำกัดของพนักงานมหาวิทยาลัยครับ ถ้ารับไม่ได้กับระบบแบบนี้ ก็มีทางเลือกคือต้องไปสอบบรรจุเป็นข้าราชการในหน่วยงานอื่น ที่ไม่ใช่มหาวิทยาลัย ซึ่งมหาวิทยาลัยรัฐทุกแห่งในประเทศตอนนี้ ไม่มีการบรรจุข้าราชการใหม่มานานแล้วครับ
ให้เงินเดือนแค่นี้...ผมคนนึงที่ไปทำครับ ผมคนนึงที่ยอมทิ้งการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย มาบรรจุเป็นข้าราชการ เพราะรับกับระบบพนักงานมหาวิทยาลัยไม่ได้ครับ เงินเดือนข้าราชการสตาร์ทอาจจะดูน้อยมาก (น้อยจริงๆ) แต่ข้าราชการขึ้นเงินเดือนปีละสองครั้ง ถ้าขยันเงินเดือนก็ไปเร็ว และถ้าตำแหน่งสูงขึ้น (C สูงขึ้น) ฐานเงินเดือนก็จะสูงขึ้นด้วย เงินเดือนก็จะขึ้นเร็วมาก (บางคนขึ้นทีละ 3,000-4,000) รวมเงินประจำตำแหน่งต่างๆ อีก โดยรวมๆ เงินเดือนข้าราชการจะเริ่มแซงเงินเดือนพนักงานมหาวิทยาลัยตำแหน่งอาจารย์ในช่วงกลางๆ อายุราชการเป็นต้นไป ในขณะที่สิทธิ์สวัสดิการแบบข้าราชการก็ยังมีครบถ้วน ข้าราชการเป็นงานที่อาศัยการทำระยะยาว ทำตลอดชีวิตจนถึง 60 และต้องอดทนกับเงินเดือนน้อยในช่วงแรกแต่จะสบายในระยะยาว ตรงนี้ก็ต้องเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณา ไม่ได้เพียงดูผิวเผินที่เงินเดือนสตาร์ทครับ
น่าจะจ้างเป้นที่ปรึกษามากกว่านะ PHD ด้านนี้ไป ตปท หมดชัวร์
เงินเดือนขนาดนี้ ผมว่า ย้าย ขรก จากกระทรวง ดิจิทัล มาทำดีกว่านะ
งบหายไปกับเรือดำน้ำ
ไม่ใช่มั้งครับ อันนี้นี่อัตราเงินเดือนเริ่มต้นมาตรฐานของข้าราชการบรรจุใหม่ที่จบปริญญาเอกอยู่แล้วรึเปล่าครับ
ถูกต้องครับ เงินเดือนข้าราชการ สตาร์ทเท่ากันหมดทุกกระทรวงครับ ป.ตรี 15,000 ป.โท 17,500 ป.เอก 21,000 เหมือนกันหมด ที่ต่างคือเงินพิเศษ เงินประจำตำแหน่ง ที่จะได้เพิ่มแตกต่างกันไปครับ
เงินเดือนแค่นี้จะพอซื้อนาฬิกาเหรอเนี่ย ;P
That is the way things are.
เข้าไปหาคอนเน็คชั่นแล้วก็ยืมเอาครับ ไม่ต้องซื้อเอง
กลัว "ตาย" ไม่รู้ตัว
ถ้าเอาเคยไปซ่อมก็จะไม่ตายครับ!!
หมายถึง นาฬิกานะครับ
อย่างมากก็แค่สลบ
กลัว อะไหล่ หาย
รอเพื่อนที่ใส่ Richard Mille ตายค่อยยืมก็ได้ครับ
Programmer อายุงานเยอะ ร้อยละ 90 จะบอกว่า ...
สอบให้เจาะระบบเพื่อดึงข้อมูลที่ซ่อนไว้ในระบบ
- หมูตู้
พิสูจน์หลักฐานดิจิทัลเพื่อหาข้อมูลตามที่โจทย์กำหนด
- ขนม ๆ
ทดสอบเขียนโปรแกรม
- สบ๊าย หลับตาข้างนึง แล้วเอานิ้วเดียวจิ้ม ก็ยังได้
วิ่ง 2 กิโลเมตรภายใน 12 นาที 20 วินาที
- ตายตั้งแต่ 250 เมตรแรก
วิดพื้น 25 ครั้งในสองนาที
- วิดลง แล้วนอนเลย
ลุกนั่ง 29 ครั้งในสองนาที
- นั่งแล้วลุกไม่ขึ้นฮะ
ประมาณนั้นแหละ
ตกลงรับเข้ากองทัพ เวลาลักลอบเข้าไป แฮ๊กระบบคอมพิวเตอร์ของข้าศึกนี่ต้องไปแบก ThinkPad R40 Classic หนัก 5.6 KG พร้อม UltraBay อีก 8 ขีด วิ่งฝ่าแนวกระสุนไปเสียบ RS232 เข้ากับ PC ฝั่งตรงข้าม แล้วใช้ Norton Commander Copy file บน DOS เอาเหลอครับ ?
55555+
เห็นภาพเลย 555
โคตรฮา
นึกถึง engineer ใน Red Alert เลย
ต้องวิ่งเข้าไปยึดฐานศัตรู
ปล่อยหมาไปกัด
โปรแกรมเมอร์แถวๆ นี้ ไปลงแข่งไตรกีฬาก็มีครับ แหม่
อุ่ย ถึงว่าทำไมจาม
สงสัยเป็นหวัด :)
ไม่ช่ายยยยยย ภูมิแพ้ต่างหากครับ 555
555
คิดเหมือนกัน แต่บรรยายได้ไม่เห็นภาพเท่านี้
"Laptop in hand!!"
Hacker : C&C General
เม้นนี้โดนมากครับ ฮาจริง ๆ 55555
ถึงไม่จำเป็น แต่ความฟิตของร่างกายระดับนี้ไม่ได้มากเกินไปนะครับ
2 กิโลเมตร 12 นาที คือวิ่งโดยความเร็วประมาณ 10 กม./ชม.
วิดพื้นกับลุกนั่งสมมติ 30 ครั้ง / 2 นาที ครั้งละ 3 วินาทีเฉลี่ย
ถ้าทำไม่ได้นี่คือน่าจะอ้วนระดับนึงเลย หรือไม่ก็มีโรคประจำตัว
จำได้ว่าข่าวเก่า กองทัพสหรัฐเขาจะตัดเรื่องทดสอบร่างกายออกไปจากการสมัครแล้วนิ
555+
ขอสารภาพว่าไม่รู้ว่า RS232 คืออะไร
ต้องไปค้นดูเลยทีเดียว
ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายแค่นี้เนี่ย เรื่องพิ้นฐานเลยนะครับ ไม่ได้มากเกินความสามารถของคนธรรมดาเลย ยกเว้นคนอ้วนเกินไปหรือมีโรคประจำตัว
ไปเอกชนน่าจะได้มากกว่านี้หลายเท่านะ
เติม 0 ไปตัวเดียวเองมั้ง
พวกนี้ผมว่าเขาเป็นที่ปรึกษามากกว่า เวลาอื่นเขาก็ไปรับงานนอกกัน
ถ้าจะทดสอบขนาดนี้ เพื่อไปทำงานตามที่บอกมา คงหาคนยากครับ คำถามคือ "เพื่อ..!!" ตอนทำสงสัยต้องวิ่งหลบกระสุนหลบระเบิดไปด้วย จะคุ้มไหม
เงินเดือน ป.เอก ขนาดนี้ จบ ป.ตรีมา เขียนโปรแกรม ทำงานเอกชน ไม่ต้องทดสอบอะไรมากมาย นอกจากความรู้ที่เรียนมา ยังได้เยอะกว่าอีก อีกอย่างคือ จะได้บรรจุเป็นข้าราชการหรือเปล่าไม่รู้
ทำไมเค้าไม่จ้างที่ความสามารถตามตำแหน่งงานไปเลยนะ
สงสัยว่า ต้องบุกเข้าไปเจาะระบบจากภายในครับ ก็เลยต้องมีสมรรถภาพระดับหนึ่ง
ปล. คห.ผมเกิดจากการอ่านการ์ตูนเรื่องนึง :)
ดูจากอัตราเงินเดือนแล้ว น่าจะบรรจุเป็นข้าราชการครับ
พวกพนักงานราชการ และตำแหน่งอื่นๆที่ไม่มีสวัสดิการเทพ จะเงินเดือนสูงกว่านี้นิดหน่อยครับ
อยากได้คนเก่งมีความสามารถและความรู้แต่............ฐานเงินเดือนคิดจากความรู้ความสามารถด้วยหรือป่าวหรือมีให้ค่าคอม Hack คอมได้เครื่องนึงได้ค่าคอมเท่านี้ได้ตามเป้ารับโบนัส
ปล.รับสมัครไปแล้วเอาไปต่อยอดความสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆหรือนวัตกรรมด้วยก็น่าจะดีนะคงไม่ใช่รับสมัครไปซ่อมคอม
เรื่องอัตราเงินเดือนผมว่าก็ปรกติของราชการนะครับในระดับเริ่มต้น แต่แนะนำว่าพอเราพูดถึงข้าราชการก็ควรนึกถึงสวัสดิการด้านต่างๆ ที่ได้รับด้วยนะครับ ทุนลาศึกษาต่อในระหว่างดำรงตำแหน่งก็เยอะ ค่ารักษาพยาบาลก็ฟรียันผ่าตัดแต่ ไม่รู้พ่อแม่พี่น้องครอบครัวยังได้สิทธิด้วยรึเปล่า เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ บำเหน็จบำนาญ เงินประจำตำแหน่ง ค่าเสี่ยงภัย ค่าครองชีพ ผมไม่แน่ใจว่ามีบ้านพักสวัสดิการให้ด้วยมั๊ย
คือผมคงไม่เทียบกับ บ.เอกชนที่ทุนหนามีเงินจ้างคนเก่งด้วยค่าตัวแพงๆ หรอกครับ แต่ในการทำงานทั่วๆ ไปผมว่าก็ไม่ได้แย่เมื่อดูสวัสดิการด้วย
ข้าราชการปกติก็รักษาฟรีทุกรูปแบบ พ่อแม่ลูกก็ได้รับสิทธิ์ด้วย ลูกเรียนหนังสือฟรี ที่เหลือก็ตามที่พูดๆมา เงินเดือนเริ่มต้นมันน้อยเป็นอย่างนี้ทุกหน่วยงานราชการครับ แต่พออายุงานมากขึ้นเงินก็จะไต่เป็นลักษณะกราฟ expo สบายๆ เกษียณมาบำนานก็มีอีก โดยรวมก็ไม่แย่เท่าไร
เงินเดือนมาตรฐานที่เอกชนให้คนที่มีทักษะดี เดี๋ยวนี้มันเริ่มต้นอย่างต่ำก็ 25k+ แล้วนะคับ
ดูเงินเดือนที่เสนอให้ใน job ก็ได้ เทียบไม่ติดเลย - -
ถ้าเอาเรื่องเงินเดือนก็น้อย แต่ข้าราชการก็มัสวัสดิการดีนะครับ
เข้าใจว่าเป็นฐานเงินเดือนเริ่มต้น น่าจะมีค่าวิชาชีพเพิ่มให้อีกสัก 10,000 ไม่รวมในฐานเงินเดือน น่าจะมีคนสนใจเยอะขึ้น
ตำแหน่งพวกนี้สำคัญนะครับ แต่เงินเดือนน้อยกว่าบางตำแหน่งอีก :P
ให้กี่บาทคนก็แย่งกันทำอยู่ดี
"เป็นทหาร(ไทย)ได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด"
อันนี้นอกเรื่อง เมื่อวันก่อนคุยกับเพื่อน เป็นข้าราชการครู ระดับอาวุโส เพื่อนว่าทุกวันนี้รายได้หักทุกอย่างแล้วเหลือใช้อยู่สามพันบาท จะไปทำอาชีพเสริมอย่างสอนพิเศษก็ไม่มีเวลา เพราะว่าตำแหน่งนี้มีภาระนอกเวลางานค่อนข้างเยอะ (โดยเฉพาะรายงานของ ผอ.) เค้าก็เลยมองหางานที่พอจะทำแบบไม่ต้องใช้เวลามากได้
ผมก็เลยแนะนำไป (แบบไม่ค่อยรู้เรื่องมากนัก) ว่า ถ้าเป็นครูก็แสดงว่าสอนได้ แต่ไม่มีเวลา ลองทำเป็นวิดีโอสอนออนไลน์ ค่อย ๆ ทำไป อาจจะไม่ต้องเกี่ยวกับวิชาเรียนแต่เอาที่น่าสนใจก็น่าจะขายได้ แต่ก็คิดอีกทีว่าถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็คงมีคนทำไปเยอะละ
ว่าแล้วมีใครมีไอเดียอะไรไหมครับ :)
เดี๋ยววววววววววววววววว ทำไมหักทุกอย่างเหลือแค่ 3,000 บาทหล่ะครับ
จริงๆ เงินเดือนระดับนั้นควรจะได้ราวๆ 50,000 - 70,000 แต่เดาได้ง่ายๆ ว่าที่เหลือแค่ 3,000 เพราะว่าเป็นเงินหลังหักจ่ายหนี้ออกไปแล้วครับ (หนี้สหกรณ์ หักตรงกับเงินเดือน)
จะว่าไปผมก็เพิ่งเช็คอัตราเงินเดือน (ตอนคุยกันไม่ได้ถาม)
เพิ่งรู้ว่าเงินเดือนพอ ๆ กันเลย - -'
เงินเดือนข้าราชการเป็นแบบนี้เลยครับ สตาร์ทต่ำมากตอนต้น แต่สูงมากตอนปลาย ขึ้นเงินเดือนทุกครึ่งปี หรือปีละสองรอบ (แถมมั่นคงด้วย เงินเดือนสูงในช่วงอายุเยอะๆ โดยไม่ต้องกล้วเรื่องโดนให้บีบออกแบบเอกชน)
เงินเดือนช่วงปลายๆ สำหรับคนที่บรรจุได้หลังเรียนจบเลย และไปถึงชำนาญการพิเศษ จะอยู่ราวๆ 70,000 - 80,000 บาทก่อนเกษียณ ซึ่งถ้าเทียบแบบนี้ก็ถือว่าพอๆ ก้บเอกชนระดับกลางๆ แต่ที่ได้มากกว่าคือสวัสดิการรักษาพยาบาลและบำนาญระดับ 30,000 - 40,000 ไปตลอดชีวิต
แต่ตอนช่วงต้นที่เงินเดือนน้อยมากนี่แหละ ทำให้ข้าราชการมักจะกู้กันเยอะในช่วงต้นๆ ของการทำงาน แถมเป็นช่วงตั้งตัวซะด้วย แล้วก็ไปใช้หนี้กันในช่วงปลาย
สารพัดผ่อน หักทุกอย่างผ่าน สหกรณ์ ครับ
กู้สหกรณ์สารพัดอย่างครับ เป็นปกติของราชการ/รัฐวิสาหกิจเพราะได้ดอกดีกว่าไปกู้ธนาคาร
แต่เหลือแค่ 3,000 นี่แสดงว่ากู้หนักหน่วงพอสมควร
คุณแม่ผมเคยเป็นผู้ตรวจโรงเรียน บอกเลยว่าอาชีพข้าราชการครูนี่คือข้าราชการที่มีหนี้สินเยอะที่สุดแล้วครับ กู้สารพัด บัตรอีกเพียบ ด้วยความที่เงินเดือนไม่สูง แต่ถือว่ามียศมีตำแหน่งซึ่งมันก็มีรายจ่าย พอรายจ่ายสูงเกินรายได้มันก็วนกลับไปเรื่องเดิมๆ
เวลาทำงานก็หมดไปกับการทำรายงาน ครูที่จะจัดการเรียนการสอนแบบเต็มที่ได้ส่วนใหญ่คือมีตังอยู่แล้วถึงไม่ต้องแคร์เรื่องทำรายงานกันสักเท่าไหร่ ผลคือหน้าที่การงานไม่โตอีก
เรียนตามตรง ว่าผมเห็นเป็นตัวเลข 211,400
My Blog
เป็นตำแหน่งที่ดูยังไงก็ไม่น่าบรรจุ จ้าง Contractor น่าจะดีกว่า
เอาตรงๆ ถ้าท่านไม่มีตัวอยู่ ใช้วิธีเปิดทุนอาจจะเวิร์คกว่า แต่อาจจะมีตัวอยู่แล้ว เตรียม สอบ-โอน หรือ เอาญาติๆ เข้าเอา
Shut up and ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ raise your dongers ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ
หลักคิดของทหารคือเขาต้องเป็นองค์กรที่ดำรงอยู่ด้วยตัวเองได้น่ะครับ
งานสนับสนุนทั้งบัญชี การเงิน กฎหมาย ไอที ก็ใช้วิธีการรับเข้าถาวรเลย เพราะมั่นใจได้ว่าอยู่กันไปนานๆ
เข้าใจว่าต่อไปคงส่งนักเรียนเตรียมฯไปเรียนต่อแล้วให้กลับมาเป็นอาจารย์สอนภายในเองต่อด้วยซ้ำ
ถ้าเป็นความสามารถเฉพาะตำแหน่งอย่าง 'นิเทศ' ก็สามารถบรรจุได้ทันที
เสียดายยุคทีคนไอทีเต็มเมืองก็ต้องแย่งกันหน่อย พยามเข้านะครับ
ว่าแต่ ไม่จบ โรงเรียนสายทหาร ยศสูงสุดกับโอกาศนั่งบอร์ดหรือ ครม.น่าจะไม่มี
ตราบใดที่เราไม่ปฎิรูประบบราชการ ประเทศเราก็ไม่เจริญ
เพื่อนผมทำงานอยู่เอกชนสิงคโปร์ อยู่มาวันหนึ่งบอกย้ายไปทำราชการ เพราะราชการซื้อตัวไปด้วยเงินเดือนสูงกว่า
ระบบราชการคือแกนกลางของการพัฒนาประเทศ การที่เราจะได้คนเก่งมาทำงานก็ต้องแลกด้วยการจ้างด้วยเงินเดือนที่สูงกว่า คนเก่งถ้าเป็นคนดีด้วย ก็คุมเอกชน คุมทิศทางการพัฒนา คุมการคอรัปชันได้หมด แต่ตอนนี้คนเก่งเราอยู่เอกชนหมด ราชการตามไม่ทัน...
พูดแล้วเดี๋ยวจะยาว ฝันหวานต่อไปก็แล้วกัน
ผมเห็นด้วยตามหลักการครับ
แต่ผมมองว่าปัญหานึงของบ้านเราคือเรามีข้าราชการมากเกินไป (ทหาร) การขึ้นเงินเดือนมันต้องขึ้นทั้งระบบ ผมมองว่าเราคงมีเงินไม่พอจะจ่ายตรงนี้ ถ้าไม่ลดขนาดหน่วยงานที่ไม่จำเป็นเสียก่อน จะเอาตรงนี้คงเกิดยากอยู่