ข่าวใหญ่รอบสัปดาห์นี้คือลิงก์จาก The Inquirer มีใจความว่าบริษัทในออสเตรเลียถูกเก็บเงินค่าใช้เครื่องหมายการค้า (trademark) คำว่า Linux รายละ 5 พันเหรียญ โดยงานนี้เป็นความต้องการของลินุส ทอร์วัลด์เอง ไม่ใช่โจ๊ก April Fool หรือเรื่องน่าจะหลอกแบบตอน SCO ซะด้วย
ทำให้ชาวโอเพนซอร์สทั้งหลายต่างงง ไม่เชื่อ รวมไปถึงโกรธก็มี ว่าทำไมลินุสกลับคำแล้วเหรอ เป็นต้น
ผมเองอ่านแล้วก็งงๆ ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก จนมาพอกับบทความจาก Groklaw ซึ่งเป็นสำนักกฎหมายของฝั่งโอเพนซอร์ส ก่อตั้งหลังจากกรณี SCO คราวก่อนนู้น เนื้อหาของที่นี่แน่นจริงและอ่านค่อนข้างง่าย อ่านจนเข้าใจแล้วสามารถสรุปได้ดังนี้ครับ
อันดับแรกคุณต้องรู้ข้อเท็จจริงก่อนว่า คำว่า "Linux" เป็นเครื่องหมายการค้า (trademark) ซึ่งมีนาย Linus Torvalds เป็นเจ้าของ จดทะเบียนมานานแล้วตั้งกะสมัยลินุกซ์บูมใหม่ๆ เพื่อป้องกันกรณีที่มีคนแอบไปจดคำว่า Linux ตัดหน้า แล้วลินุสจะต้องมาฟ้องเรียกร้องระบบปฏิบัติการของตัวเองมันก็ไม่ใช่เรื่องถูกมั้ย อันนี้เข้าใจกันดี
เรื่องแบบสั้นๆ ก็คือตอนนี้ ลินุสได้มอบอำนาจให้หน่วยงานที่ชื่อว่า Linux Mark Institute บังคับใช้สิทธิ์ในเครื่องหมายการค้า (ซึ่งมีสิทธิ์อยู่แล้วตามกฎหมายเครื่องหมายการค้า เพียงแต่เดิมทีจดกันไว้เฉยๆ ไม่ได้ดำเนินการอะไร) โดยบริษัทที่นำ Linux ไปขายและใส่คำว่า Linux ไว้ในสินค้า ต้องจ่ายเงินให้กับ LMI อ่านให้ละเอียดๆ นะครับว่าเงื่อนไขการจ่ายเงินต้องมีสองอย่าง สมมติว่าถ้าผมเอา Linux ไปขายในชุดชื่อว่า ProgramTLE อะไรทำนองนี้ไม่ต้องเสียเงิน เพราะเรื่องคราวนี้พูดถึงเครื่องหมายการค้า Linux เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับตัวซอฟต์แวร์ Linux ที่ยังไม่มีอะไรเปลียนแปลง
คนที่เข้าข่ายก็อย่างเช่น Red Hat Enterprise "Linux" อะไรทำนองนี้ ซึ่งตามเงื่อนไขการใช้เครื่องหมายการค้าของ LMI ก็กำหนดราคาไว้ อัตราสูงสุดคือสินค้ามียอดขายเกิน 1 ล้านเหรียญขึ้นไป ก็จ่ายให้ LMI 5 พันเหรียญต่อปี ซึ่งสำหรับบริษัทขนาด Red Hat หรือ Novell เงินแค่นี้มันก็กระจ้อยมากเลยครับ แค่ RHEL รุ่น AS Premium ไลเซนส์เดียวก็ 2500 เหรียญแล้ว ขายสองทีก็เอาเงินไปจ่าย LMI ได้สบาย
สำหรับการใช้แบบ non profit อย่างเช่น Debian หรือ Gentoo เค้าคิด 200 เหรียญ แน่นอนว่าจะมีเงื่อนไขแบบ fair use บังคับอยู่ อย่างเช่นผมไปสกรีนเสื้อยืดขายเขียนว่า "มาใช้ Linux กันเถอะ" อันนั้นเค้าไม่ว่าอะไรดอก
สาเหตุที่ต้องมีการบังคับให้จ่ายสตางค์ด้วย ก็เพราะต้องการควบคุมคุณภาพของชื่อ Linux ไม่ให้ถูกนำไปใช้ในทางเสียหาย ฟังดูอาจไกลตัว แต่ลองนึกดูว่าถ้ามีบริษัท M เกิดอยากทำลายชื่อเสียง Linux ขึ้นมา ก็ทำ Linux ห่วยๆ ขึ้นมาตัวนึง ชื่อ M Linux ผู้ใช้ใช้แล้วก็รู้สึกแย่ พลอยไม่ชอบ Linux รวมๆ ไปด้วย มันก็เป็นไปได้ใช่มั้ยครับ ดังนั้นถ้ามีการควบคุมสิทธิ์อย่างเป็นระบบและมีการจ่ายเงินบ้าง (เพื่อสกรีนคุณภาพได้ในระดับนึง) มันก็ฟังขึ้น
คร่าวๆ ก็จบแค่นี้ ส่วนแบบละเอียดๆ อ่านได้จากลิงก์ Groklaw ที่ให้ไป
ป.ล. ถ้าใครเคยอ่านหนังสือชีวประวัติของลินุส เรื่อง Just For Fun (ฉบับภาษาไทยก็มีชื่อ "เอามัน" ของมติชนพิมพ์) จะมีอยู่ตอนนึง John Maddog Hall แห่ง Linux International ได้มองเห็นปัญหานี้ตั้งกะปี 95 และบอกให้ลินุสไปจดทะเบียนชื่อ Linux เอาไว้แล้ว และตัว John เองภายใต้ชื่อของ LI ได้จ่ายเงินส่วนตัวไปกว่า 3 แสนเหรียญในการจดชื่อ Linux (ว่าเป็นของลินุส) ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกตลอดสิบปีที่ผ่านมาด้วย
Linux® is the registered trademark of Linus Torvalds in the U.S. and other countries
Comments
ดีๆ ได้ป้องกันคุณภาพของตัวเองด้วย
ขอบคุณที่นำมาบอกครับ (เผื่ออนาคตถ้าจะทำ distro เอง จะได้เลี่ยงคำนี้ อิอิ) :D
ผมว่าเรื่องนี้ต้องชี้แจงกันดีๆครับ
เด๋วจะมีประมาณ "ไหนว่าฟรีไง สุดท้ายก็...." ตามมาแน่นอนครับผม
ก็จดแค่ชื่อ เรียกเก็บเงินจากการใช้ชื่อไปหาเงิน ก็สมควรอยู่
ที่น่าห่วงก็คือ คนเขียนข่าวจะนำไปเสนอในแงมุมลบ ซึ่งทำ ให้คนเข้าใจผิดคิดว่าใช้ Linux แล้วไม่ฟรี น่าห่วงเหมือนกรณี เค้าจดชื่อ ผัดไทย หลายๆ คนยังมั่วไปคิดว่าต่อไปนี้แม่ค้าทำ ผัดไทยขายไม่ได้แล้ว
คนอื่น ใช้ ขื่อ ไป หา เงิน. Linus ก็ ใช้ ชื่อ และ คุณภาพ ของ linux ไป หา เงิน. ราย ละเอียด ที่, http://linux.thai.net/article.pl?sid=05/09/01/1037201&mode=nested&threshold=-1
Noi: มา อ่าน แล้ว ครับ.
OSX ซะก็จบ
คุณภาพของลีนักส์คงจะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วแน่ๆ ถ้าบ้านเราสนับสนุนอย่างจริงจัง กลัวไปเจอกับเงินของไมโครซอฟท์ก่อน แล้วจอดเหมือนที่ผ่านๆมา
Yimp::Webmaster Resources
http://yimp.6te.net
อ่านบทความใน่ส่วนแรกทำให้ตกใจครับ คิดว่าไลนุสเปลี่ยนไป ที่ไหนได้เพราะอย่างงี้นี่เอง