รัฐบาลอังกฤษออกมาประกาศว่า บริษัทที่ไม่สามารถป้องกันเหตุโจมตีไซเบอร์ได้จะถูกปรับไม่ต่ำกว่า 17 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 24 ล้านดอลลาร์ โดยอุตสาหกรรมที่คาดหวังว่าจะมีระบบการป้องกันภัยที่ดีที่สุดคือ บริษัทด้านพลังงาน การขนส่ง การจัดการน้ำ และบริษัทสุขภาพ
กฎใหม่เรียกร้องให้องค์กรจัดหาบุคลากรและบริษัทที่จัดการปัญหาภัยไซเบอร์ เข้ามาทำหน้าที่รับมือการโจมตี รวมทั้งเรียกร้องให้มีซอฟต์แวร์ ระบบป้องกันภัยที่มีขีดความสามารถในการป้องกันและตรวจจับการโจมตีได้ หน่วยงานกำกับดูแลจะสามารถประเมินความปลอดภัยของบริษัทนั้นๆ ว่าอยู่ในระดับใด ถ้าระดับต่ำก็จะต้องถูกปรับ นอกจากปรับแล้วจะช่วยติดตั้งระบบความปลอดภัยให้สามารถตอบสนองภัยได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
กฎใหม่จะมีผล 10 พฤษภาคม 2018 และครอบคลุมเหตุการณ์ที่มีลักษณะเดียวกันกับเหตุ WannaCry เข้าโจมตีหน่วยงานต่างๆ
ก่อนหน้านี้ในเดือนสิงหาคม 2017 Matt Hancock อดีตรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัล วัฒนธรรม สื่อ และกีฬา ออกมาบอกว่าการใช้มาตรการค่าปรับจะเป็นทางเลือกสุดท้ายในการแก้ปัญหาโจมตีไซเบอร์ ล่าสุด รัฐมนตรีคนปัจจุบัน Margot James บอกว่า "เราต้องการให้ระบบโครงสร้างพื้นฐานพร้อมรับมือกับการโจมตีไซเบอร์"
ภาพจาก Shutterstock โดย Maksim Kabakou
ที่มา - BBC, TechCrunch
Comments
ถ้าหน่วยงานรัฐบาล โดนโจมตีเอง
จะปรับตัวเองด้วยไหมครับ
น่าจะมีหน่วยงานด้านการเงินด้วยนะ
โครงสร้างพื้นฐานยังดี น้ำไฟยังใช้ได้ แต่ไปกดเงินจากเอทีเอ็มไม่ได้ รูดบัตรเครดิตไม่ผ่าน (สมมติ Clearing House โดนโจมตี) นี่คนก็ Panic ได้นะ...
ด้านการเงินอังกฤษ ตอนนี้ทุกบริษัทหัวปั่นเรื่องกฎหมายการเงินตัวใหม่กันอยู่ครับซึ่งรวมเรื่องไอทีซีเคียวลิตตี้ด้วย
/me ปิดตาชี้ FCA
ฝั่งการเงินโดนบีบหน้าเขียวอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วครับ :-/
ดีครับจะได้เร่งเสริมความปลอดภัย ถือเป็นต้นทุนที่คุ้มกับการลงทุน ดีกว่าถูกปรับและถูกขโมยข้อมูล
แต่ก่อนอาจจะยอมวัวหายแล้วล้อมคอก เพราะต้นทุนถูกกว่า เสียหายบ้างก็ยังจ่ายน้อยกว่าไปลงทุน
กำลังคิดอยู่ว่าการโจมตีทาง Cyber มันกันยากมากไม่ใช่หรือครับ ไม่มีทาง 100% หรอก
น่าจะมีกำหนดมั้งครับว่าถ้าโดนโจมตีแล้วต้องรีบปรับกลับมาให้ทำงานได้ปรกติภายใน Deadline เท่าไหร่เพราะว่าถ้าห้ามโดนโจมตีสำเร็จเลยนี่น่าจะโดนปรับกันโข
edit: อ่านเจอแล้วครับว่าให้บริษัทประเมินด้วย
เดี๋ยวซักพักมีข่าวรัฐบาลโดนเจิมก่อนเลย
แล้วบริษัทที่มีมูลค่าไม่ถึงค่าปรับละ