Amazon เข้าซื้อ Art19 แพลตฟอร์มโฮสติ้งพอดแคสต์โดยไม่เปิดเผยมูลค่าดีล ซึ่งจะนำมาเสริมทัพเนื้อหาใน Amazon Music และเปิดโอกาสสร้างรายได้โฆษณาบนพอดแคสต์ เนื่องจาก Art19 มีบริการกำหนดกลุ่มเป้าหมายโฆษณาที่แทรกในพอดแคสต์ด้วย
Amazon จริงจังในตลาดพอดแคสต์มากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ก็เข้าซื้อกิจการ Wondery ผู้ผลิตรายการพอดแคสต์ดังมากมายอย่าง Dirty John, Dr. Death, Business Wars และ The Shrink Next Door มีจำนวนผู้ฟังรวมมากกว่า 10 ล้านคนต่อเดือน การเข้าซื้อ Art19 ยังเปิดทางให้ Amazon เป็นแหล่งสร้างพอดแคสต์และหารายได้โฆษณาเพิ่มด้วย
Amazon เปิดบริการเพลงสตรีมมิ่งคุณภาพสูงที่เป็น lossless audio ในชื่อ Amazon Music HD ราคา 14.99 ดอลลาร์ต่อเดือน (ถ้าเป็นสมาชิก Amazon Prime อยู่แล้วจะได้ราคา 12.99 ดอลลาร์ต่อเดือน)
Amazon บอกว่ามีเพลงคุณภาพสูงแบบ loseless บิตเรตสูงสุด 850 kbps (16-bit/44.1 kHz) ให้เลือกฟังจำนวน 50 ล้านเพลง และมีเพลงคุณภาพสูงแบบ Ultra HD ที่เป็น Hi-Res บิตเรตสูงสุด 3730 kbps (24-bit/192 kHz) อีกหลายล้านเพลง
ระดับคุณภาพเพลงของ Amazon Music HD เทียบได้กับบริการคู่แข่งอย่าง Tidal ที่มีทั้ง Tidal HiFi (16-bit/44.1 kHz) และ Tidal Master (24-bit/192 kHz)
ตอนนี้ Amazon Music HD ยังเปิดบริการใน 4 ประเทศคือ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี ญี่ปุ่น
Music Business Worldwide รายงานว่าตอนนี้ Amazon กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบสตรีมมิ่งเพลงความละเอียดสูงซึ่งจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ TIDAL โดยคาดว่าจะเปิดตัวบริการใหม่ได้ภายในช่วงท้ายปีนี้
บริการใหม่จาก Amazon นี้ คาดว่าจะเก็บค่าใช้บริการราว 15 ดอลลาร์ต่อเดือน โดยชูจุดขาย “คุณภาพดีกว่าซีดี” ซึ่งแน่นอนว่าบริการใหม่นี้จะเป็นคู่แข่งกับ TIDAL ทันที ซึ่งล่าสุด Amazon ก็เพิ่งเปิดให้บริการ Amazon Music แบบฟรีมีโฆษณาสำหรับผู้ใช้ Echo หมายความว่าหากเปิดบริการนี้จริง ก็จะเท่ากับ Amazon มีบริการสตรีมมิ่งแบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ฟรี, จ่ายเงิน ไปจนถึงพรีเมียมคุณภาพเสียงดี เป็นคู่แข่งกับทั้ง Pandora, Spotify, Apple Music และ TIDAL
หลังจากลือมาสักระยะ วันนี้ Amazon ก็ได้เปิดตัวบริการสตรีมมิ่งเพลงแบบฟรีมีโฆษณาอย่างเป็นทางการแล้วในสหรัฐฯ เพิ่มเติมจาก Prime Music และ Music Unlimited เพื่อผู้ใช้อุปกรณ์ Alexa โดยเฉพาะ
Amazon ระบุว่า ผู้ใช้สามารถสั่งเล่นเพลงจากอุปกรณ์ที่มีระบบผู้ช่วยส่วนตัว Alexa ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการสั่งเล่นเพลงตามศิลปิน, ยุค, หรือเพลย์ลิสต์ โดยถ้าผู้ใช้ไม่ได้สมัครสมาชิก Prime จะมีโฆษณา แต่ถ้าสมัครสมาชิก Prime ไว้แล้วก็จะเป็น Prime Music โดยอัตโนมัติ (คือไม่มีโฆษณาแสดง) ส่วนไลบรารีก็จะใช้แบบเดียวกับ Prime Music คือมีเพลงอยู่ราว 2 ล้านเพลง (ส่วน Music Unlimited มีเพลงราว 50 ล้านเพลง)
แหล่งข่าวของ Billboard รายงานว่า Amazon กำลังเตรียมหารือเกี่ยวกับบริการสตรีมมิ่งเพลงแบบฟรีมีโฆษณา เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีบริการสตรีมมิ่ง Prime Music และ Music Unlimited ที่เป็นบริการสตรีมมิ่งแบบเสียเงิน
การเปิดตัวบริการสตรีมมิ่งใหม่ของ Amazon นี้ นอกจากแข่งขันกับ Spotify โดยตรงแล้ว ก็ยังมีจุดประสงค์เพื่อเป็นบริการเสริมให้ผู้ใช้ลำโพงอัจฉริยะ Amazon Echo สามารถเปิดเพลงฟังได้เลย ไม่ต้องสมัครสมาชิกหรือจ่ายเงินก่อน แต่จะจำกัดการเข้าถึงเพลงที่ไม่เหมือนบริการเสียเงิน และมีโฆษณาด้วย
ปัญหาสำคัญของสินค้าและบริการจาก Amazon คือมักจำกัดประเทศ ขายแค่ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปบางประเทศเท่านั้น ส่งผลให้การซื้อมาใช้ในบ้านเราค่อนข้างยุ่งยาก หรือแม้ใช้งานได้ก็อาจขาดฟีเจอร์บางอย่าง
ท่าทีของ Amazon ในช่วงหลังก็พยายามขยายสินค้าและบริการออกสู่ตลาดโลกมากขึ้น ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Amazon Prime Video ที่มาเปิดในบ้านเราตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
ล่าสุด Amazon ประกาศขยายประเทศที่วางขายลำโพงอัจฉริยะ Echo และบริการเพลงสตรีมมิ่ง Amazon Music Unlimited อีก 28 ประเทศ ครอบคลุมหลายประเทศในยุโรปและละตินอเมริกา เช่น โบลิเวีย ชิลี โคลอมเบีย เปรู อาร์เจนตินา
ก่อนหน้านี้ก็เคยมีข่าวลือว่า Amazon เตรียมจะเปิดตัวบริการสตรีมมิ่งเพลง ซึ่งตอนนี้ทาง Amazon ก็ได้เปิดตัวบริการนี้อย่างเป็นทางการในชื่อ Amazon Music Unlimited
บริการ Amazon Music Unlimited นี้เป็นบริการสตรีมมิ่งเพลงเต็มรูปแบบจาก Amazon โดยเพลงในคลังของ Amazon นั้นทางบริษัทบอกว่ามีนับสิบล้านเพลง โดยรวมเพลงจากค่ายเพลงใหญ่ ๆ สามแห่งคือ Sony, Universal และ Warner ไว้ในคลังเรียบร้อยแล้ว
ในการเปิดตัวบริการ Amazon ยังได้ปรับปรุงแอพ Music สำหรับ iOS, Android, Fire และเดสก์ท็อปใหม่ทั้งหมด ซึ่งสามารถใช้งานได้กับผู้ใช้ทั้ง Prime Music และ Music Unlimited โดยมีการปรับปรุงให้ง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น
วันนี้ Amazon ได้เปิดตัว Prime Music บริการสตรีมมิงเพลงออนไลน์ โดยค่าบริการยังไม่เปิดเผยออกมา แต่สามารถทดลองใช้ได้ฟรี 30 วัน ขณะที่สมาชิก Amazon Prime สามารถใช้บริการได้ฟรี
Prime Music มีเพลงที่ให้บริการกว่าล้านเพลง และมีให้เลือกฟังแบบเพลย์ลิสต์ด้วยเช่นกัน โดยไม่มีโฆษณาแทรก เพียงแต่ช่วงแรก จะยังไม่สามารถให้บริการเพลงจากค่าย Universal Music ได้ และณ ตอนนี้เป็นการให้บริการสตรีมมิงเพลงบนหน้าเว็บก่อนเท่านั้น และจะมีแอพพลิเคชันบน Kindle Fire, iOS, Android, พีซี และเครื่องแมคออกมาในอนาคต ซึ่งสามารถเปิดฟังแบบออฟไลน์ได้ตลอดเวลา
ที่มา - The Verge