ไอ้เครื่องที่จ็อบส์เอาไปโชว์ในงาน WWDC ส่งถึงมือลูกค้าแล้วครับ (พวกนี้เป็น Developer Kit น่ะนะ) ไม่ว่าจะข้างในข้างนอกมันก็เป็นพีซีธรรมดา เพราะยังไม่สนเรื่องดีไซน์ ทีนี้มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากรู้ สรุปว่าเอาวินโดวส์ไปลงได้สบายๆ ในแหล่งข่าวมีปัญหาเรื่องความละเอียด แต่ก็รันขึ้น ส่วนการเอาแผ่น MacOSX ที่มากะชุดไปลองลงบนพีซี ปรากฎว่าได้ข้อความ Error บอกว่าไม่สนับสนุนฮาร์ดแวร์นี้ (แอบเศร้ากันล่ะสิ)

คาดว่าแอปเปิลคงใส่ชิปอะไรลงไปบนบอร์ด ซึ่งในทางทฤษฎีแล้วมันก็เป็นไปได้ที่จะแก้ได้ครับ รอลุ้นกันละ

หลังจากเหมางานจากแอปเปิลมาหลายต่อหลายครั้ง ล่าสุดเอซัสเทคก็รับงานล่าสุดจากแอปเปิลไปอีกแล้ว โดยครั้งนี้คือ iBook G5 ที่ชาวแมครอคอยกันมานานนั่นเอง

โดยข่าวระบุว่า iBook G5 ที่เอซัสเทคเป็นผู้ผลิตนี้จะเป็นรุ่นจอกว้าง และวางจำหน่ายในปลายปีนี้

โดยบริษัทที่ร่วมประมูลงานครั้งนี้มีสองบริษัทคือ เอซัสเทค และควันต้า (Quanta) ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในตลาดแลบทอปทั้งคู่

อย่างไรก็ตาม แม้ข่าวนี้จะออกมากว้างขวางแล้ว แต่ทางแอปเปิลและเอซัสเทคก็ยังไม่ได้ออกมายืนยันแต่อย่างใด

ข่าวนี้ข่าวลือครับ ลือแบบไม่มีคำยืนยันด้วย สาเหตุเพียงเพราะว่าแอปเปิลไปจดทะเบียนชื่อการค้าซอฟต์แวร์ว่า "Numbers"

แค่นี้ก็เป็นข่าวแล้วเนาะ ชุดโปรแกรม iWork ของแอปเปิลนี้ก็เทียบได้กลายๆ กับไมโครซอฟท์ออฟฟิศ เพียงแต่มีแค่ 2 โปรแกรม (บางคนบอกมีแค่สองเรียกเป็นชุดได้ไง) คือ Pages เป็นเวิร์ดโพรเซสเซอร์ที่ไม่ใช่อารมณ์แบบ Word เป๊ะๆ (เหมือน Microsoft Publisher มากกว่า) กับ Keynote โปรแกรมนำเสนอแบบ Powerpoint โปรแกรมสำคัญที่ขาดไปก็คือ spreadsheet แบบเดียวกับ Excel นั่นเอง

เดลล์ (Dell) ได้เสนอว่าอยากจะให้บริษัทแอปเปิล คอมพิวเตอร์ (Apple Computer) ให้โอกาสที่จะผลิตคอมพิวเตอร์ที่ใช้เป็นฐานของ OSX หลังจากที่แอปเปิลได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่โดยเปลี่ยนไปใช้สถาปัตยกรรมแบบ x86 แทน PPC

Nokia ยักษ์ใหญ่วงการมือถือร่วมมือกับ Apple Computer ในการพัฒนา open-source web browser เพื่อใช้บน Series 60 Platform ซึ่ง Nokia เป็นผู้นำ smartphone software อยู่ ซึ่งจากการร่วมมือกับ Apple Computer ก็สามารถใช้เทคโนโลยีของ Apple ได้โดยใช้ open-source components ชุดเดียวกันคือ WebCore และ JavaScriptCore ซึ่งใช้อยู่ใน Safari web browser (based on Konqueror->KHTML,KJS)ของ Apple. การที่ Nokia หันมาสนใจเทคโนโลยีในโลก open-source ก็เนื่องด้วยต้องการการพัฒนาที่รวดเร็วยิ่งขึ้นในทันกับการแข่งขันในวงการมือถือทุกวันนี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ใช้กันต้นปีหน้า.

คราวนี้ผมไม่ได้วิเคราะห์เองนะครับ คนวิเคราะห์คือ Jon "Hannibal" Stokes นักเขียนของเว็บไซต์ Ars Technica เว็บที่ผมชอบมากๆ ที่นึงเลย อีตา Hannibal ก็เป็นหนึ่งในคนที่เชี่ยวชาญด้านซีพียูมากๆ คนนึงเลยล่ะ (ไปค้นดูงานเขียนแบบเจาะลึกของแต่ละสถาปัตยกรรมของพี่แกได้)

ถ้าใครจำโฆษณานี้ได้ จะเห็นว่ามันเป็นโฆษณาที่แรงมากชนิดมาเมืองไทยเป็นเรื่องแน่นอน (แค่ขวดแชมพูเบลอๆ ยังเป็นเรื่องเลยนะครับ) แต่ก็เป็นโฆษณาที่ยอมรับว่าตรงเป้ามากๆ ของแอปเปิลตัวหนึ่งเลยเชียวล่ะ ผมไปค้นดูพบว่ามันออกมาในปี 98 ใครจะไปคิดว่าอีก 7 ปีให้หลัง เดือนมิถุนายน 2005 สถานการณ์มันจะเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้ Blognone มีรายงานพิเศษเจาะลึกครับ

update: เพิ่มผลการ Benchmark ของตัว Rosetta ครับ

ข่าวเก่าอยู่ที่นี่ครับ Blognone: แอปเปิลกำลังจะใช้อินเทล

สำนักข่้าวซีเน็ตออกข่าวที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือไ้ด้ว่าแอปเปิลกำลังย้ายค่ายจากชิปพาวเวอร์ของไอบีเอ็ม ไปอยู่กับสถาปัตยกรรม x86 ของอินเทล

ซีเน็ตระบุว่าแอปเปิลจะแถลงข่าวนี้ในงานประชุมนักพัฒนาในวันจันทร์นี้ อย่างไรก็ตามในตอนนี้ยังไม่มีคำยืนยันจากทั้ง แอปเปิล อินเทล และไอบีเอ็ม

การย้ายสถาปัตยกรรมนี้หากเกิดขึ้นจริง น่าจะมีเหตุผลมาจากการที่ไอบีเอ็มไม่สามารถส่งชิปให้กับแอปเปิลได้ตรงเวลา อีกทั้งไม่สามารถออกชิปรุ่นใหม่สู่ตลาดได้เร็วพอ

ข่าวลือครับข่าวลือ ลือกันว่า Apple กับ Sony กำลังร่วมมือกันทำให้เอา iPod ไป Dock กับ PS3 แล้วฟังเพลงผ่าน PS3 ได้ ซื้อเพลงผ่าน iTunes Music Store ได้เหมือนกับใช้พีซี (แต่ไม่ต้องมีพีซี เพราะ PS3 ก็มุ่งตลาดห้องนั่งเล่น) ย้ำอีกทีว่าข่าวลือนะครับ MacDailyNews: RUMOR: Sony and Apple working together on PlayStation 3

ผู้ใช้ iTunes ตามไปอัพเดตกันได้แล้วครับ เวอร์ชันนี้ iTunes สามารถเล่นหนังของ QuickTime ได้ในตัวแล้วด้วย เป็นสัญญาณบอกถึงการเป็น Full Media Player เต็มตัวหรือเปล่า? (นอกจากนั้นมีเพิ่มเรื่องการ sync Address book ลงใน iPod ถ้าไม่มีก็คงไม่สำคัญอะไร)

รีวิวฟีเจอร์ใหม่ใน iTunes 4.8

ร้าน Tiger Direct ซึ่งเป็นร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ออนไลน์ประกาศฟ้องแอปเปิลที่ใช้ชื่อโอเอสตัวใหม่ว่า Tiger โดยทางร้านกล่าวว่าชื่อดังกล่าวทำให้คนเกิดความสับสน และเป็นการละเมิดเครื่องหมายการค้าอีกด้วย

โดยงานนี้หากศาลรับฟ้อง แอปเปิลก็ต้องเลื่อนการจำหน่ายโอเอสตัวใหม่นี้ออกไป

พร้อมๆ กับการขอให้งดการจำหน่าย Tiger แล้ว ร้าน Tiger Direct ยังเตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหายจากแอปเปิลอีกด้วย

ที่มา AppleInsider | Apple sued over "Tiger," injunction sought

ข่าวช๊อกโลกประจำวันคือการที่แอปเปิลประกาศซื้อสิทธิ์การใช้เทคโนโลยี Janus ที่เป็นเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เพลงของไมโครซอฟท์เพื่อนำมาใช้ในเว็บ iTunes และเครื่องเล่นไอพอด

นับเป็นข่าวน่าตกใจแห่งปี เพราะสองค่ายนี้ดูจะไม่ลงรอยกันเท่าใหร่นัก แต่เข้าใจว่าแอปเปิลเองต้องการสกัดทางโตของเว็บหมายเลขสองอย่าง Napster ที่เติบโตค่อนข้างเร็ว ด้วยการใช้เทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ โดยเฉพาะบริการ Napster on the GO ที่ให้ลูกค้าสามารถโหลดเพลงได้ไม่จำกัด ตราบใดที่เขายังเล่นบนเครื่องเล่นที่กำหนด

มอร์แกนแสตนลีย์ แถลงผลวิจัยว่าในปีนี้แอปเปิลมีแนวโน้มจะสามารถกินส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นถึงระดับ 5 เปอร์เซนต์ได้ในปลายปีนี้ โดยมีฐานสนับสนุนการคาดการณ์นี้คือผลการสำรวจผู้ใช้ไอพอด 400 คน พบว่ามีถึง 19 เปอร์เซนต์ที่วางแผนจะย้ายไปใช้งานเครืองแมค สูงกว่าผลการสำรวจเมื่อสี่เดืิอนก่อนถึงสามเท่า โดยไตรมาศสุดท้ายของปีที่แล้ว แอปเปิลมีส่วนแบ่งในตลาดเดสทอปอยู่ที่ 2.9 เปอร์เซนต์ ขึ้นจาก 2.1 เปอร์เซนต์ในไตรมาศเดียวกันในปีก่อนหน้า

อยากย้ายเหมือนกันแฮะ....

แอปเปิลประกาศแคมเปญใหม่ให้ผู้ผลิต ที่ผลิตอุปกรณ์เสริมให้ใช้งานกับเครื่องเล่นเพลงสุดร้อนอย่างไอพอด โดยการออกเครื่องหมาย Made for iPod ให้กับอุปกรณ์ที่ผู้ผลิตยินดีจ่ายสิบเปอร์เซนต์ของราคาส่งให้กับแอปเปิล

ในปัจจุบันมีอุปกรณเสริมเพื่อใช้งานกับไปพอดกว่าสี่ร้อยรายการ แอปเปิลหวังว่าการมีโลโก้ยืนยันจะทำให้ผู้ซื้อมีความมั่นใจในการใช้อุปกรณ์เสริมมากขึ้น โดยผู้เข้าร่วมโปรแกรมจะได้รับข้อมูลด้านเทคนิคของไอพอด เพื่อให้สามารถพัฒนาอุปกรณ์ของตนให้ทำงานร่วมกับไอพอดได้ดีขึ้นอีกด้วย

หลังจากยืนยันใช้เมาส์ปุ่มเดียวมาหลายสิบปี แต่การออก Mac mini เพื่อดึงคนเคยใช้พีซีย้ายมาใช้แมค อาจทำให้แอปเปิลต้องเปลี่ยนใจ และมีข่าวลือว่า Apple Mouse แบบสองปุ่มกำลังจะวางขาย

โดยส่วนตัวผมใช้พีซีมาก่อนแมค และก็พบว่าใช้เมาส์สองปุ่มนี่ล่ะครับดีที่สุดแล้ว ซื้อถูกๆ ตามพันธุ์ทิพย์ เสียแล้วทิ้ง คุ้มกว่าลงทุนซื้อเมาส์แอปเปิลแสนแพงแถมมีปุ่มเดียวด้วย

Apple Insider: Apple developing updated AirPorts, two-button mouse

สินค้าดังๆ ของแอปเปิลอย่างไอพอดนั้นดูท่าจะเป็นเป้าหมายหลักของนักเลียนแบบกันอย่างหนักในช่วงหลังนี้ ล่าสุดในงานแสดงสินค้าระดับโลกอย่าง CeBit บริษัทไต้หวันที่ชื่อ Luxpro ก็ถูกขอให้นำเอาเครื่องเล่น MP3 รุ่น Super Shuffle ออกจากการแสดงแล้ว และแอปเปิลยังมีแผนจะดำเนินการทางกฏหมายต่อไปอีกด้วย

นอกจากชื่อรุ่นของสินค้าจะใกล้เคียงกันแล้ว ถ้าใครได้เห็นเครื่องเล่น MP3 ตัวนี้อาจจะถึงขั้นแยกไม่ออกทีเดียวว่ามันไม่ได้แปะยี่ห้อแอปเปิลอยู่ (ลองเข้าไปดูภาพได้ที่เว็บ LuxPro) โดยความแตกต่างของสินค้าตัวนี้มีเพียงความสามารถในการฟังวิทยุและการอัดเสียง

แอปเปิลประกาศเข้าร่วมบอร์ดของสมาคมบลูเรย์แล้วในวันนี้ โดยกล่าวถึงเหตุผลว่าต้องการร่วมผลักดันการใช้ื่สื่อวีดีโอความละเอียดสูงด้วยเช่นกัน โดยลูกค้าของแอปเปิลก็เป็นกลุ่มที่จะใช้เทคโนโลยีนี้อย่างหนักอีกด้วย เช่นการใช้โปรแกรมตัดต่อภาพยนต์ต่างๆ ในเครื่องแอปเปิล

การเข้าร่วมครั้งนี้ชวนให้คิดได้ว่าแอปเปิลอาจจะใช้บลูเรย์ในเครื่องระดับสูงของแอปเปิลในอนาคต ซึ่งทำให้ฟอร์แมตอย่าง HD-DVD ดูจะหมดอนาคตลงไปทุกที

สะสมดีวีดีไว้เพียบเลย อีกหน่อยคงต้องซื้อใหม่เป็นบลูเรย์

ที่มา Macworld

เจฟ ราสกินผู้รู้แห่งวงการคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามของผู้ให้กำเนิดเครื่องแมคอินทอช ได้เสียชีวิตลงแล้ว ด้วยโรคมะเร็งในตับอ่อน Blognone มีงานพิเศษประวัติของผู้ให้กำเนิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่พลิกโฉมวงการผู้นี้

เจฟ ราสกิน (Jef Raskin) ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 9 มีนาคม 1943 เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์และมนุษย์ โดยเป็นที่รู้จักกันในนามของผู้ให้กำเนิดเครื่องแมคอินทอชให้กับบริษัทแอปเปิล ในยุค 1970

หลังจากเป็นผู้สนับสนุนการเชื่อมต่อแบบ Firewire หรือ IEEE 1394 มาเป็นเวลานาน โดย iPod รุ่นล่าสุดจะไม่แถมสาย Firewire มาให้แล้ว (แต่ยังสามารถซื้อแยกได้) เหตุผลนั้นมีหลายอย่าง อย่างแรกคือเรื่องราคา iPod ที่ลดลง ทำให้ต้นทุนหลายๆ อย่างต้องลดลงตามมาด้วย อย่างที่สองคือความนิยมและความสามารถของ USB 2.0 ที่เพิ่มขึ้น จากเดิม USB 1.0 มีความเร็วต่างกับ Firewire มาก (ผมจำตัวเลขไม่ค่อยได้นะครับ น่าจะประมาณ 12 Mbps กับ 400 Mbps) ส่วน USB 2.0 เลยออกมาแก้ที่ 480 Mbps ซึ่ง Firewire หนีไปที่ 800 มันก็ไม่ต่างกันมากแล้ว สาเหตุที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ผู้ใช้ iPod จำนวนมากใช้พีซี ซึ่งไม่มี Firewire ครับ

ข่าวล่าตอนนี้ลือมาว่า แอปเปิลจะออก iPod รุ่นใหม่ที่เล็กพอๆ กับ iPod mini โดยจะต่างกันแค่จอ แต่ไม่มีการยืนยันแต่อย่างใดว่าที่ต่างกันนั้นคืออะไร

แต่ก็เข้าใจได้ว่าจะเป็นจอสี..........

แอปเปิลยิ่งฟ้อง ข่าวยิ่งเยอะแฮะ....

UPDATE สงสัยรายงานช้าไปหน่อย ข่าวลือเลยกลายเป็นข่าวจริงไปก่อนแล้ว

สรุปว่าที่ออกมาในตอนนี้คือ iPod mini ขนาด 6 กิกะไบต์ครับ พร้อมๆ กับ iPod Photo ขนาด 40 และ 60 กิกะไบต์ โดยมีผลให้ iPod mini ราคาตกลงมาอีก 50 ดอลล่าห์ เหลือเพียง 199$ เท่านั้นเอง....

สอยมาใช้สักตัวดีมั๊ยเนี่ย......

ใครที่ติดตาม Blognone มาก็จะพบว่าเรามีข่าวแอปเปิลค่อนข้างเยอะ (เพราะคนเขียนใช้แอปเปิลไงครับ โฮะๆ) หลังๆ มักจะเห็นข่าวประเภทแอปเปิลไล่ฟ้องชาวบ้านที่แอบเอาข่าวสินค้าใหม่ๆ ไปปล่อยเยอะหน่อย และที่เป็นปัญหาคือมีนักศึกษาคนหนึ่งเกิดไปปล่อย Tiger ซึ่งเป็น OSX ตัวหน้าขึ้นมา เลยโดนแอปเปิลอัดซะเละเลย (แอปเปิลนี่พอๆ กับ Lucasart/Lucasfilm เลยครับ ทุกอย่างเป็นความลับ) คราวนี้เลยมีบางคนที่คิดว่าแอปเปิลทำเกินไป เลยไปขอแรงสนับสนุนจากคนดังหลายๆ คนในโลกของแมค โดยเฉพาะ Steve Wozniak คู่หูดูโอในโรงรถของสตีฟ จ็อบส์ด้วย

ถึงแม้กระแสแมคจะมาแรงมากในปีนี้ ทั้งจากการกรุยทางของ iPod และ Mac ทั้งหลายทั้งปวงที่เริ่มถูกลง จนทำให้ชาวพีซีที่อยากได้อะไรสวยๆ มาโชว์ชาวบ้านเริ่มเปลี่ยนใจ (ผมคนนึงล่ะ) แต่หลังจากลองใช้จริงๆ แล้วทุกอย่างมันก็ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิดไปซะหมดครับ Walt Mossberg คอลัมนิสต์ไอทีคนดังแห่งนิตยสาร Wall Street Journal ก็มองเห็นเรื่องนี้เช่นกัน คนที่เปลี่ยนไปใช้แมคได้ราบรื่น คือ คนที่ใช้พีซีวินโดว์ทำงานทั่วๆ ไป ดูหนัง เล่นเน็ต พิมพ์งาน ฟังเพลง โอนถ่ายรูปจากกล้องดิจิทัล แต่ถ้าเป็นเซียนเกม หรือนักธุรกิจที่ต้องใช้แอพพลิเคชันพิเศษของบริษัท หรือนักวิจัยที่ใช้แอพ

ใจเย็นนะครับยังไม่ใช่ G5

ไม่รู้จะเลือกหมวดอะไรดีเหมือนกันนะครับ ผลสำรวจของ Brandchannel ว่าแบรนด์ที่เป็นที่จดจำ 5 อันดับแรกประจำปีที่ผ่านมา อันดับหนึ่งคือ Apple ด้วยผลบุญจาก iPod อันดับสองคือ Google แชมป์ปีที่แล้ว ตามมาด้วยเฟอร์นิเจอร์ IKEA (บ้านเราไม่มีเนาะ) อันดับสี่คือ Starbucks และปิดท้ายอย่างน่าตกตะลึง เพราะเป็น al-Jazeera สำนักข่าวที่เผยแพร่เทปของบินลาเดนอยู่บ่อยๆ นั่นเองครับ News.com: Apple edges Google as top brand

เป็นไปตามคาดว่าแมคมินินั้นจะขาดตลาดในช่วงต้นนี้แน่ๆ เนื่องจากความร้อนแรงของตัวมันเอง ล่าสุดผู้ซื้อแมคมินิจากแอปเปิล ต้องรอเครื่องเป็นเวลาสามถึงสี่สัปดาห์แล้ว

ทางแอปเปิลเองก็ออกมากล่าวว่า ทางแมคเองก็พยายามเพิ่มกำลังการผลิตอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทันต่อความต้องการนี้

เมื่อก่อนผลิตไม่ทันขายอาจเป็นเรื่องดี แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นเรื่องของการเสียโอกาสที่จะขายไปเสียแล้ว ก่อนที่จ๊อป จะเข้ามาบริหารแมคนั้น การผลิตสินค้าไม่ทันก็เป็นปัญหาเรื้อรังของแอปเปิลอยู่แล้ว ครั้งนี้เป็นการพิสูจน์ฝีมือจ๊อปอีกครั้งหนึ่ง

เอาใจช่วยด้วยคน...... จะได้มีโผล่มาเมืองไทยเร็วๆ