AIS เปิดตัวบริการ AIS Care+ with AppleCare Service ซึ่งต่อยอดจากบริการ AIS Care+ เดิม ที่เป็นเหมือนการจ่ายประกันเครื่องที่ซื้อกับ AIS ในการเปลี่ยนจอ เปลี่ยนเครื่อง กรณีที่มีปัญหา
บริการใหม่ AIS Care+ with AppleCare Service เป็นการจับมือร่วมกับ Apple ในการให้บริการลักษณะเดียวกันกับลูกค้าที่ซื้อ iPhone กับ AIS ซึ่งลูกค้าจะได้รับการดูแล แก้ไข ซ่อมแซม ด้วยอะไหล่แท้จากช่างผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์บริการของ Apple หรือ เครื่องที่ให้บริการแลกเปลี่ยน หรือ รับเครื่องทดแทน ลูกค้าจะได้รับตัวเครื่องจากโรงงานผู้ผลิตโดยตรง (Apple Manufactured Guaranteed Device)
รายละเอียดการให้บริการก็เช่น
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า Apple ซุ่มพัฒนาแชตบอต AI แบบเดียวกับ ChatGPT และกำลังทดสอบใช้ภายในบริษัท ล่าสุดมีรายงานจาก Mark Gurman แห่ง Bloomberg คนเดิม เพิ่มเติมว่า Apple กำลังหาวิธีที่ขยายการใช้งาน Generative AI มากขึ้น โดยอาจจะนำไปใช้กับทีม AppleCare เพื่อช่วยบริการลูกค้า
การนำ Generative AI มาใช้ในการบริการลูกค้าอาจจะต้องใช้เวลาอีกสักพักสำหรับ Apple เนื่องจากทางบริษัทและ Tim Cook ซีอีโอ Apple รู้ดีว่าแชตบอตมีแนวโน้มที่จะผิดพลาดได้ถ้ายังไม่มีการพัฒนาให้ดีพอ และตัว AI ยังมีปัญหาอีกหลายอย่างที่ต้องแก้ไข
แอปเปิลปรับปรุงเงื่อนไขแผนการรับประกันเพิ่มเติม AppleCare+ หลังการเปิดตัว iPhone 14 และ iPhone 14 Pro โดยสำหรับ iPhone เปลี่ยนเป็น คุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุไม่จำกัดจำนวนครั้ง จากเดิมกำหนดไว้ 2 ครั้งต่อปี
ทั้งนี้ในความเสียหายแต่ละครั้ง แอปเปิลกำหนดค่าธรรมเนียมการให้บริการเพิ่มเติมด้วย โดยหากเป็นหน้าจอหรือกระจกด้านหลังเครื่อง อยู่ที่ 1,000 บาท และ 3,300 บาท สำหรับความเสียหายอื่นจากอุบัติเหตุ
Apple เพิ่มบริการ AppleCare+ ประเภทที่ครอบคลุมประกันการโจรกรรมและการสูญหายเพิ่มให้ผู้ใช้ในอีก 3 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน หลังจากให้บริการในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เยอรมัน ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักรไปก่อนหน้านี้แล้ว
ประกัน AppleCare+ แบบใหม่ มีราคาสูงสุด €229 (ประมาณ 8,400 บาท) ราคาจริงขึ้นอยู่กับรุ่นไอโฟน และมีระยะเวลาครอบคลุม 2 ปี ซึ่งราคาสูงกว่าประกันที่ไม่ครอบคลุมการสูญหายแบบเดิมอยู่ประมาณ €40 (ประมาณ 1,500 บาท) ผู้ใช้ไอโฟนสามารถเคลมประกันได้สองครั้งในระยะเวลา 12 เดือนและจะเสียค่าเปลี่ยนเครื่องใหม่ต่อครั้งเป็นจำนวน €129 (ประมาณ 4,800 บาท)
แอปเปิลเปิดตัวบริการใหม่สำหรับลูกค้าองค์กร Apple Business Essentials โดยเน้นไปที่องค์กรซึ่งมีพนักงานไม่เกิน 500 คน ในการบริหารจัดการอุปกรณ์ (Device Management), การรับการสนับสนุนจากแอปเปิล 24/7 และบริหารจัดการพื้นที่ iCloud ได้สะดวกมากขึ้น
บริการ Apple Business Essentials เป็นการรวมโซลูชันดูแลจัดการอุปกรณ์ เช่นการควบคุมสิทธิเข้าถึง, VPN, รหัส Wi-Fi, แอปที่ติดตั้งในเครื่อง ไปจนถึงสามารถควบคุมการเข้ารหัสเครื่องผ่าน FileVault หรือสั่งล็อกเครื่องระยะไกลกรณีอุปกรณ์สูญหาย และการใช้งาน iCloud บัญชีเฉพาะสำหรับองค์กร เป็นต้น
บริการนี้ยังสามารถเลือกเพิ่ม AppleCare+ for Business ซึ่งจะซัพพอร์ตทางโทรศัพท์ตลอด 24 ชั่วโมง ไปจนถึงแผนในการซ่อมแซมอุปกรณ์อีกด้วย
แอปเปิลได้ปรับลดราคาแผนรับประกันเพิ่มเติม AppleCare+ สำหรับ MacBook Air และ MacBook Pro 13 นิ้ว ที่ใช้ชิป M1 โดยเงื่อนไขต่าง ๆ เหมือนเดิม
แอปเปิลปรับปรุงเงื่อนไขแผนรับประกันเพิ่มเติม AppleCare+ โดยรองรับความเสียหายจากอุบัติเหตุ 2 ครั้ง ภายในช่วงเวลาทุก 12 เดือน จากเดิมกำหนดไว้ที่ภายใน 24 เดือน
การซื้อ AppleCare+ จะขยายระยะเวลารับประกันเป็นอย่างน้อย 2 ปี เงื่อนไขใหม่นี้จึงดีขึ้นกว่าเดิม
แผนการรับประกันใหม่นี้มีผลกับทุกอุปกรณ์แอปเปิลซื้อใหม่รวมทั้ง Apple Watch รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว ตลอดจน iPhone, Mac และ iPad
ทั้งนี้การรับประกันยังคงมีค่าธรรมเนียมบริการซ่อมแซมจากอุบัติเหตุ ซึ่งแตกต่างไปตามอุปกรณ์ ตัวอย่างเช่น iPhone 1,000 บาท สำหรับความเสียหายกับหน้าจอ หรือ 3,300 บาท สำหรับความเสียหายอื่น ส่วน Apple Watch คิดค่าธรรมเนียมเริ่มต้น 2,300 บาท
แอปเปิลประกาศเพิ่มการขายการรับประกันเพิ่มเติม AppleCare+ สำหรับอุปกรณ์หูฟังโดยเฉพาะ โดยครอบคลุมทั้ง AirPods และสินค้าตระกูล Beats การรับประกันนั้นครอบคลุมตัวหูฟัง แบตเตอรี่ สายชาร์จ ตลอดจนความเสียหายจากอุบัติเหตุสูงสุด 2 ครั้ง คิดค่าธรรมเนียมบริการส่วนของอุบัติเหตุครั้งละ 1,000 บาท
ราคาของ AppleCare+ อยู่ที่ 1,200 บาท โดยขยายระยะเวลาคุ้มครองเป็น 2 ปี เงื่อนไขคือต้องซื้อเมื่อซื้อหูฟังคู่ใหม่ผ่านช่องทางออนไลน์ หรือซื้อที่ Apple Store ภายใน 60 วันนับจากวันที่ซื้อสินค้า
รายการหูฟังที่สามารถซื้อ AppleCare+ ได้ ประกอบด้วย AirPods, Beats EP, Beats Pro, Beats Solo3 Wireless, Beats Studio3 Wireless, BeatsX, Powerbeats Pro และ Powerbeats2 Wireless
หลัง iPhone 8 และ 8 Plus เริ่มวางจำหน่ายในประเทศกลุ่มแรกไปแล้ว ทว่าการรับประกันการซ่อม iPhone ภายใต้ประกัน AppleCare+ ของแอปเปิลระบุบนหน้าเว็บว่าความเสียหายจากหน้าจอจะคิดค่าบริการที่ 29 ดอลลาร์ ขณะที่ความเสียหายอื่นๆ จะคิดที่ 99 ดอลลาร์ ทำให้ค่าบริการในการเปลี่ยนส่วนที่เป็นกระจกบริเวณฝาหลังของ iPhone 8 จะแพงกว่าส่วนหน้าจอ
ข้อสันนิษฐานนี้ได้รับการยืนยันจากพนักงานของแอปเปิลแล้ว เนื่องจากตัวกระจกจะแนบติดไปกับตัวเครื่องเลยและใช้กาวเยอะกว่าบริเวณหน้าจอมาก โดยก่อนหน้านี้แอปเปิลได้ปรับเพิ่มราคาของประกัน AppleCare+ ของ iPhone รุ่น Plus ที่วางจำหน่ายอยู่ตอนนี้จาก 129 ดอลลาร์ (เท่ารุ่นเล็ก) เป็น 149 ดอลลาร์ ขณะที่ iPhone X จะอยู่ที่ 199 ดอลลาร์
เว็บ AppleInsider รายงานว่าแอปเปิลได้จัดการประชุมที่ Town Hall ภายในบริษัท แล้วได้มีการพูดถึงบริการ AppleCare หรือรับประกันสินค้าปัจจุบันว่าต่อไปนี้ แอปเปิลจะเริ่มเปลี่ยนวิธีการให้บริการลูกค้า ด้วยการซ่อมสินค้า iOS ที่มีปัญหา แทนการเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้กับลูกค้าโดยสิ้นเชิงแล้ว และคาดว่าแอปเปิลจะสามารถประหยัดเงินได้เกือบสามหมื่นล้านบาทจากการเปลี่ยนนโยบายใหม่ครั้งนี้
จนถึงวันนี้ ผู้ใช้ฮาร์ดแวร์ของแอปเปิลเกือบทุกชนิดสามารถที่จะต่ออายุ "ประกันสินค้า" (warranty) ได้เพิ่มอีก 1-2 ปีด้วยการซื้อ AppleCare Protection Plan ซึ่งจะรวมไปถึงการให้บริการหลังการขายผ่านทางโทรศัพท์ตลอดเวลาด้วย โดยแอปเปิลขาย AppleCare สำหรับไอโฟนที่ราคา 69 ดอลลาร์
ล่าสุด แอปเปิลได้ประกาศวางขาย AppleCare+ ซึ่งเป็นประกันอุบัติเหตุและประกันสินค้าสำหรับไอโฟนทุกรุ่น โดยในราคา 99 ดอลลาร์ แอปเปิลรับประกันไอโฟนจากอุบัติเหตุด้วย แต่ในการเคลมสินค้าแต่ละครั้งจากอุบัติเหตุ ผู้เคลมจะต้องจ่ายเงินอีก 49 ดอลลาร์