แอปเปิลเปิดตัวแอปตัดต่อวิดีโอ Final Cut Pro เวอร์ชันใหม่ Final Cut Pro 11 ซึ่งเป็นอัปเดตครั้งใหญ่ เพราะแอปตัดต่อวิดีโอนี้คงเวอร์ชันเลข 10 มาตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งก็ใช้เวลา 13 ปี จึงเพิ่มตัวเลขเป็นเวอร์ชัน 11
Final Cut Pro 11 บน Mac ได้รับการปรับปรุงโดยอาศัยพลังการประมวลผลของชิปตระกูล M และ AI เพิ่มเครื่องมือใหม่ Magnetic Mask เพื่อใช้ในการปรับแก้สีหรือใส่เอฟเฟกต์วิดีโอที่แม่นยำมากขึ้น และมีฟีเจอร์ Transcribe to Captions สามารถใส่แคปชันคำบรรยายอัตโนมัติผ่านโมเดลภาษาถอดข้อความเสียงของแอปเปิล
iPad mini 7 รุ่นใหม่ล่าสุด ดูเหมือนจะเป็นรุ่นพิเศษที่มีข้อยกเว้นเพิ่มเติม เพราะแอปเปิลบอกว่าเป็น iPad รุ่นที่รองรับปัญญาประดิษฐ์ Apple Intelligence ด้วย แม้ใช้ชิป A17 Pro ซึ่งแอปเปิลก็ไปแก้ไขข้อมูลเพิ่มเติมจากที่เคยบอกไว้ว่า Apple Intelligence ใช้งานได้เฉพาะ iPad ชิป M1 ขึ้นไปเท่านั้น
แอปเปิลออกอัปเดต Final Cut Pro สำหรับ iPad 2 และ Final Cut Pro สำหรับ Mac 10.8 แล้ววันนี้ หลังจากประกาศรายละเอียดไปเมื่อเดือนพฤษภาคม ซึ่งมีการปรับปรุงความสามารถด้าน AI และระบบเวิร์กโฟลว์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
Final Cut Pro for iPad 2 เพิ่มการรองรับ Live Multicam รองรับการถ่ายวิดีโอได้ถึง 4 มุมกล้องแบบเรียลไทม์, รองรับการเปิด Project จากอุปกรณ์ภายนอก, รองรับ Apple Pencil Pro
ส่วน Final Cut Pro for Mac 10.8 ได้เพิ่มฟีเจอร์ AI และเครื่องในการปรับแสงและสี เพิ่ม Smooth Slo-Mo ให้ได้ผลลัพธ์ที่มีความละเอียดสูง มีการจัดระบบเวิร์กโฟลว์ใหม่ ให้ค้นหาฟุตเทจที่ต้องการได้สะดวกมากขึ้น ตามเงื่อนไขที่ต้องการ
Apple เปิดตัวโปรมแกรมตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพ Final Cut Pro เวอร์ชัน 10.8 สำหรับ Mac เพิ่มความฟีเจอร์ AI ใช้ประโยชน์จาก Neural Engine ในชิป Apple Silicon ได้มากขึ้น และเวอร์ชัน 2 สำหรับ iPad ที่มีฟีเจอร์ใหม่อย่าง Live Multicam แถมยังรองรับ Apple Pencil Pro เต็มรูปแบบ
นอกจาก Logic Pro แล้ว แอปเปิลก็อัพเดต Final Cut Pro แอปตัดต่อวิดีโอทั้งเวอร์ชัน Mac และ iPad ด้วยเช่นกัน
โดย Final Cut Pro บน Mac เพิ่มตัวเลื่อนไทม์ไลน์อัตโนมัติ มีการทำสีระบุแยกภาพ-เสียง ซึ่งแอปเปิลบอกว่าช่วยให้ผู้ตัดต่อจัดระเบียบและแยกแยะคลิปได้ง่ายขึ้น ในเวอร์ชันนี้ยังปรับปรุงความสามารถสำหรับ Mac ที่เป็น Apple Silicon สามารถส่งออกไฟล์เป็น H.264 และ HEVC ในแต่ละส่วนของวิดีโอไปที่มีเดียเอนจิ้นสำหรับประมวลผลไปพร้อมกันได้ รองรับผู้ตัดต่อที่ทำงานหลายโปรเจกต์พร้อมกัน
แอปเปิลเปิดตัวแอพตัดต่อวิดีโอ Final Cut Pro และแอพตัดต่อเสียง Logic Pro เวอร์ชัน iPad แล้ว โดยใช้โมเดลคิดเงินแบบ subscription ไม่มีขายขาด เลือกจ่ายได้เป็นรายเดือน 4.99 ดอลลาร์ หรือรายปี 49 ดอลลาร์ (ราคาเท่ากันทั้งสองตัว)
ฟีเจอร์เด่นของ Final Cut Pro และ Logic Pro เวอร์ชัน iPad คือการปรับอินเทอร์เฟซให้เหมาะกับหน้าจอสัมผัส และการใช้ร่วมกับ Apple Pencil, มี Pro Camera Mode สำหรับใช้กล้องของ iPad รวมถึงกล้องภายนอก Multicam , ฟีเจอร์ Machine Learning ช่วยแยกพื้นหลัง Auto Crop และตัดเสียง Voice Isolation รวมถึงการทำงานร่วมกับ Final Cut Pro และ Logic Pro เวอร์ชันบน macOS ใช้ไฟล์โปรเจคแบบเดียวกัน
วันนี้ทาง Apple ได้ประกาศนำ Final Cut Pro และ Logic Pro มาลงให้กับ iPad แล้ว ซึ่งทั้ง 2 แอปเป็นแอปฯ สำหรับตัดต่อวิดีโอ และการทำเพลงแบบมืออาชีพที่พัฒนาโดย Apple เอง โดยจะเปิดให้ดาวน์โหลดผ่าน App Store ในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ โดยคิดค่าบริการเป็นแบบรายเดือนที่ 199 บาท และรายปีที่ 1,990 บาท (เวอร์ชั่น Mac เป็นแบบซื้อขาด) โดยจะรองรับ iPad ที่ใช้ชิป M1 ขึ้นไปเท่านั้น
แอปเปิลประกาศว่าซอฟต์แวร์ตัดต่อ Final Cut Pro X และ Logic Pro X จะขยายระยะเวลาทดลองใช้งาน (Trial) จากเดิม 30 วัน เป็น 90 วัน ชั่วคราว โดยแอปเปิลหวังว่าการขยายระยะเวลานี้ จะทำให้ผู้ใช้ Mac ตลอดจนกลุ่มนักเรียนนักศึกษา ได้ทดลองศึกษาใช้เครื่องมือใหม่ ๆ
แม้แอปเปิลไม่ได้ระบุเหตุผล แต่ก็คาดเดาได้ว่าน่าจะเกี่ยวกับการระบาดของ COVID-19 ซึ่งทำให้คนต้องกักตัวอยู่บ้านมากขึ้น แอปเปิลจึงใช้โอกาสนี้ให้คนมีโอกาสทดลองใช้ซอฟต์แวร์นานขึ้นนั่นเอง
ราคาขายปัจจุบันของ Final Cut Pro X อยู่ที่ 8,900 บาท ส่วน Logic Pro X อยู่ที่ 5,900 บาท โดย Final Cut Pro X เปิดให้สมัครทดลองใช้งานได้แล้วในเว็บไซต์ ส่วน Logic Pro X จะเปิดให้สมัครใช้เร็ว ๆ นี้
แอปเปิลอัพเดตโปรแกรมตัดต่อภาพยนตร์ Final Cut Pro X เป็นเวอร์ชันใหม่ 10.4 ต้อนรับ iMac Pro คอมพิวเตอร์ระดับเวิร์คสเตชัน ที่กลุ่มลูกค้ามักเป็นสายตัดต่อภาพยนตร์
ของใหม่ที่สำคัญคือการตัดต่อวิดีโอ VR 360 องศา แถมยังสามารถใช้กับแว่น HTC Vive เพื่อดูวิดีโอที่กำลังตัดต่อได้แบบเรียลไทม์ (ใส่แว่นเพื่อตัดต่อได้เลย) ส่วนฟีเจอร์อื่นคือการจัดการสี color grading มีวงแหวนสีสำหรับปรับสีและความสว่างได้ง่าย, รองรับการตัดต่อวิดีโอแบบ HDR ในฟอร์แมตต่างๆ มากขึ้น
ส่วนการใช้งาน Final Cut Pro X กับ iMac Pro ที่มีสมรรถนะแรงพอ จะทำให้เครื่องแมคสามารถตัดต่อวิดีโอระดับ 8K ได้เป็นครั้งแรกด้วย
แอปเปิลจัดชุดบันเดิลแอพด้านการตัดต่อวิดีโอและเสียง 5 ตัว มาเป็นแพ็กเกจลดราคาสำหรับนักศึกษา ในชื่อว่า Pro Apps Bundle for Education
แอพทั้ง 5 ตัวได้แก่ Final Cut Pro X, Logic Pro X, Motion 5, Compressor 4, MainStage 3 ถ้าซื้อแยกเป็นรายตัวจะต้องจ่ายทั้งหมด 430 ดอลลาร์ แต่ถ้าซื้อยกแพ็กจะเหลือ 199 ดอลลาร์เท่านั้น
บันเดิลนี้ขายผ่าน Education Store ของแอปเปิลเท่านั้น
ในวันนี้พร้อมๆ กับการเริ่มจำหน่าย Mac Pro รุ่นใหม่ แอปเปิลก็ออกอัพเดทให้กับชุดแอพวิดีโอมืออาชีพทั้ง 3 ตัวได้ แก่แอพตัดต่อวิดีโอ Final Cut Pro X 10.1, แอพสร้างเอฟเฟค Motion 5.1 และแอพแปลงไฟล์วิดีโอ Compressor 4.1 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่เป็นเรื่องของประสิทธิภาพและการรองรับ Mac Pro ใหม่ ยกเว้นในส่วนของ Final Cut Pro X ที่มีฟีเจอร์ใหม่เพิ่มเข้ามามากเป็นพิเศษ ผู้ใช้เก่าสามารถโหลดอัพเดทได้ฟรีจาก Mac App Store ส่วนผู้ใช้ใหม่สามารถซื้อได้ในราคาเท่าเดิมที่ $299, $49 และ $49 ตามลำดับ
พร้อมกันนี้แอปเปิลก็ออกอัพเดทแอพทำดนตรี Logic Pro X รุ่นย่อย 10.0.5 ที่เน้นเรื่องการรองรับ Mac Pro ใหม่เช่นเดียวกัน
พร้อมๆ กับการเปิดตัว Mac Pro อันลือลั่นก็มีข่าวเงียบๆ ว่าแอปเปิลเตรียมออก Final Cut Pro X โปรแกรมตัดต่อวิดีโอมืออาชีพเวอร์ชันใหม่มาพร้อมๆ กันด้วย
Final Cut Pro X ใหม่จะมีประสิทธิภาพสมน้ำสมเนื้อกับ Mac Pro นั่นหมายความว่าจะรองรับการทำงานบนความละเอียด 4K ได้ และอาจจะมีการปรับเพิ่มฟีเจอร์ ส่วนติดต่อการใช้งาน หลังจากมีปัญหาในเวอร์ชันปัจจุบันจนท้ายที่สุดแอปเปิลถึงกับยอมคืนเงิน และเอาเวอร์ชันเก่ากลับมาขายอีกครั้งจนได้
เวลาวางขายเป็นช่วงปลายปีนี้ครับ
หลังจากแอปเปิลมีปัญหากับ Final Cut X ที่เสียความสามารถหลายอย่างใน Final Cut Pro จนลูกค้าเดิมไม่พอใจเป็นจำนวนมาก (แอปเปิลจ่ายเงินคืนให้ผู้ที่ซื้อ Final Cut Pro X แล้ว) สุดท้ายบริษัทก็แอบนำ Final Cut Pro กลับมาขายแบบเงียบๆ อีกครั้งในชุด Final Cut Studio (ซึ่งประกอบด้วย Final Cut Pro และซอฟต์แวร์เสริมอื่นๆ)
Sachin Agarwal ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Posterous ซึ่งในอดีตเป็นพนักงานฝ่าย Final Cut Pro ของแอปเปิลอยู่ 6 ปี ออกมาแสดงความเห็นเรื่อง Final Cut Pro X ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนในขณะนี้
Sachin บอกว่าตอนที่เขาออกมาจากแอปเปิล โครงการ Final Cut Pro X ของแอปเปิลเพิ่งเริ่มพอดี แต่เป้าหมายของแอปเปิลไม่ใช่กลุ่มนักตัดต่อมืออาชีพซึ่งมีขนาดเล็ก แต่ไปเน้นตลาด prosumer (pro+consumer) ที่มีขนาดใหญ่กว่าแทน คนกลุ่มนี้คิดว่า Final Cut Pro ซับซ้อนเกินไป นี่จึงเป็นเหตุว่าทำไม Final Cut Pro X ถึงเปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่
ต่อจากข่าวเก่า Adobe ถึงผู้ใช้ Final Cut Pro X "ยินดีต้อนรับ" ทางค่าย Adobe ก็ปล่อยของตามมาอีกขั้น โดยลดราคาโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ Premiere Pro ให้ 50% สำหรับคนที่อยาก "switch"
เงื่อนไขของ Adobe คือคนที่เป็นเจ้าของ Final Cut Pro (ไม่ระบุเวอร์ชัน เข้าใจว่าได้หมด) และ Avid Media Composer สามารถซื้อ Adobe Premiere Pro หรือโปรแกรมชุดใหญ่สำหรับนักตัดต่อ Adobe CS5.5 Production Premium ในราคาถูกกว่าราคาเต็ม 50% ภายใน 30 กันยายนนี้
ปัญหาของผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอ Final Cut Pro X ของแอปเปิล (ข่าวเก่า) เป็นโอกาสทองของคู่แข่งอย่าง Adobe กับซอฟต์แวร์ Premier Pro
เมื่อวันก่อน Adobe จึงออกวิดีโอชุดใหญ่บนช่อง Adobe TV โดยใช้ชื่อว่า "Switching to Adobe Premier Pro CS5" สอนการใช้งาน Premier Pro หลายประเด็นตั้งแต่การใช้งานเบื้องต้น ช็อตคัต การตัดต่อเสียง ฯลฯ
นอกจากนี้ Adobe ยังมีบทสัมภาษณ์มืออาชีพด้านการถ่าย-ตัดต่อภาพยนตร์หลายคน ว่า "ย้าย" มาใช้ Premier Pro แล้วมีความสุขอย่างไรบ้าง
ทุกคนคงรู้กันดีว่าแอปเปิลออกโปรแกรมตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพที่ชื่อว่า Final Cut Pro X ราคา 299.99 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณเป็นเงินไทยที่ 8800 บาท แต่เรื่องมันไม่จบเพียงแค่นี้
หลังจากแอปเปิลออกโปรแกรมนี้มาไม่นาน ผู้ใช้หลายรายเรียกร้องว่าโปรแกรมนี้ทำอะไรหลายๆ อย่างที่ผู้ใช้ระดับมืออาชีพต้องการไม่ได้เลย จนถึงขนาดที่มีคนให้คะแนนเป็นดาวใน Mac App Store เพียง 1 ดาว มากกว่า 500 คน
แอปเปิลจึงได้ดำเนินการจ่ายคืนเงินให้กับผู้ที่ซื้อโปรแกรมนี้ไป โดยการคืนเงินนั้นจะแจ้งให้ผู้ที่โหลดโปรแกรมนี้ไป (บางคน) ไปคุยกับเจ้าหน้าที่ของแอปเปิลด้านฝ่าย Support ใน Mac App Store โดยเขาจะพูดถึงที่มาที่ไป แล้วพนักงานของแอปเปิลจะให้เราแจ้งความจำนงขอคืนเงิน อ่านต่อเพื่อทำความเข้าใจต่อได้ที่ที่มา
แอปเปิลเริ่มวางขาย Final Cut Pro X ซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอรุ่นใหม่ (ที่เปิดตัวตั้งแต่เดือนเมษายน) ใน Mac App Store แล้ว
Final Cut Pro X เป็นการเขียน Final Cut Pro ใหม่ให้ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ของแอปเปิล เช่น 64-บิต, Grand Central Dispatch ส่วนฟีเจอร์ในแง่การใช้งาน ก็มี Magnetic Timeline ซึ่งเป็นวิธีการจัดเรียงเส้นเวลาของวิดีโอแบบใหม่
ราคาของ Final Cut Pro X คือ 299.99 ดอลลาร์ ส่วนซอฟต์แวร์เสริมที่ใช้คู่กันคือ Motion 5 (สำหรับทำกราฟิกภาพเคลื่อนไหว) และ Compressor 4 (สำหรับการเข้ารหัสวิดีโอขั้นสูง) ขายแยกในราคาชุดละ 49.99 ดอลลาร์
ที่งานแสดงสินค้า National Association of Broadcasters ในลาสเวกัส แอปเปิลได้เปิดตัวซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอรุ่นใหม่ Final Cut Pro X ซึ่งเป็นการเขียนตัวซอฟต์แวร์ Final Cut Pro ขึ้นมาใหม่ด้วยเทคโนโลยี Cocoa ของแอปเปิลเอง
Final Cut Pro เปิดตัวครั้งแรกในปี 1999 ตอนนั้นเทคโนโลยี Cocoa ของ Mac OS X ยังไม่นิ่งนัก (Mac OS X ยังไม่ออกด้วยซ้ำ) การเขียนใหม่ของ Final Cut Pro X จึงเป็นการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในรอบ 12 ปี ทำให้ Final Cut Pro X ดึงพลังของเทคโนโลยีใหม่ๆ ของแอปเปิลมาใช้ได้อย่างเต็มที่ เช่น รองรับการทำงานแบบ 64 บิต, การประมวลผลแบบมัลติคอร์ด้วย Grand Central Dispath เพื่อตัดต่อวิดีโอที่ความละเอียด 4K