Jolla บริษัทฟินแลนด์ที่ก่อตั้งโดยอดีตทีมงานระบบปฏิบัติการ MeeGo ของ Nokia เดิมตั้งแต่ปี 2012 หลังจากพยายามสร้างระบบปฏิบัติการ Sailfish OS สำหรับสมาร์ทโฟนแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ช่วงหลังจึงผันตัวไปทำ AppSupport ระบบคอนเทนเนอร์สำหรับรันแอพแอนดรอยด์บนลินุกซ์ และจับกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์แทน ถึงแม้ไม่ถึงขนาดดังเปรี้ยงแต่ก็ช่วยให้บริษัทอยู่รอดต่อมาได้
อย่างไรก็ตาม โครงสร้างบริษัทของ Jolla ในช่วงปี 2017-18 หลังประสบปัญหาการเงิน ใช้วิธีดึงบริษัทรัสเซียบางราย เช่น Rostelecom รัฐวิสาหกิจด้านโทรคมนาคมของรัสเซียเข้ามาถือหุ้น และเมื่อเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนในช่วงต้นปี 2022 ทำให้ Jolla ประสบปัญหาในการทำธุรกิจกับลูกค้าในประเทศอื่น
ถือเป็นโมเดลธุรกิจแบบใหม่ที่น่าสนใจ หลังจาก Jolla ประกาศไว้เมื่อต้นปีว่าจะออกระบบปฏิบัติการ Sailfish สำหรับ Sony Xperia X บริษัทก็เงียบหายไปนานกว่าครึ่งปี และกลับมาพร้อมกับ Sailfish X
Sailfish X คือการนำระบบปฏิบัติการ Sailfish OS มาปรับแต่งเพื่อทำงานได้บน Sony Xperia X (มือถือปี 2016) และรองรับการรันแอพ Android ผ่าน Jolla Store
Sailfish X จะวางขายแบบดาวน์โหลดในราคา 49.90 ยูโร (ประมาณ 2,000 บาท) โดยการันตีอัพเดตและซัพพอร์ตนาน 1 ปี แต่ตอนนี้ยังขายเฉพาะประเทศในยุโรปเท่านั้น
บริษัท Jolla เงียบไปพักใหญ่ๆ แต่ก็ยังไม่ตาย และในงาน MWC 2017 บริษัทก็ประกาศความร่วมมือกับ Sony Mobile เพื่อนำระบบปฏิบัติการ Sailfish OS ไปใช้กับสมาร์ทโฟนตระกูล Xperia อย่างเป็นทางการ
Sony Mobile มีโครงการ Open Devices Program สำหรับใช้งานรอม AOSP บนมือถือ Xperia อยู่แล้ว (ผู้ใช้ต้องแฟลชรอมเอง แต่ Sony เตรียมเครื่องมือให้) ความร่วมมือกับ Jolla ครั้งนี้เปิดให้นำ Sailfish OS มาใช้กับ Xperia เพิ่มได้อีกทาง
มือถือตัวแรกที่จะได้ Sailfish OS อย่างเป็นทางการคือ Xperia X โดยคาดว่าจะออกรอมได้ในช่วงปลายไตรมาสที่สองของปีนี้
Jolla ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากฟินแลนด์ยังไม่ตาย (แม้โครงการแท็บเล็ตไปไม่รอด) ในงาน MWC 2016 ที่ผ่านมา บริษัทก็ประกาศความร่วมมือกับ Intex Technologies ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากอินเดีย ออกมือถือใหม่ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Sailfish OS
มือถือตัวใหม่ชื่อว่า Intex Aqua Fish ถือเป็นมือถือรุ่นแรกในโลกที่ได้ไลเซนส์ระบบปฏิบัติการ Sailfish OS สเปกเครื่องยังไม่ระบุชัด แต่บอกว่าตั้งใจขายลูกค้าประเทศกำลังพัฒนากลุ่ม BRIC และจะวางขายปลายเดือนเมษายน 2016
ในโอกาสเดียวกัน Jolla Africa โครงการสาขาในทวีปแอฟริกา ยังประกาศความร่วมมือกับ mi-Fone ผู้ผลิตมือถือจากแอฟริกาด้วย สินค้าจะเปิดตัวในไตรมาสที่สองของปีนี้
แม้จะเพิ่งมีข่าวดีที่เพิ่งระดมทุนรอบใหม่ได้สำเร็จ แต่ชะตากรรมของผู้ร่วมระดมทุนแท็บเล็ต Jolla ก็ยังคงต้องลุ้นกันต่อไป ล่าสุดทางบริษัทออกมาอัพเดตความคืบหน้าให้กับคนที่ระดมทุนแท็บเล็ตเพิ่มเติมมาแล้ว
ในประกาศดังกล่าว Jolla ระบุว่าในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ มีแผนจะส่งมอบแท็บเล็ต Jolla ชุดใหม่อีกเป็นจำนวน 540 เครื่อง เพิ่มขึ้นจากล็อตแรก 121 เครื่อง ซึ่งก็ยังห่างไกลกับยอดสั่งจองที่มีมากกว่า 20,000 เครื่อง แต่เนื่องด้วยปัญหาซัพพลายเออร์ที่ดูจะยังแก้ไขไม่ได้ Jolla ระบุว่าจะยอมให้ผู้ร่วมระดมทุน และผู้ที่สั่งจองผ่านหน้าร้านสามารถยื่นเรื่องรับเงินคืนได้ โดยจะมีแจ้งเตือนไปในเดือนกุมภาพันธ์นี้
ดูเหมือน Jolla จะเริ่มต้นปีด้วยข่าวไม่ดีนัก เนื่องจาก Juhani Lassila หัวหน้าฝ่ายสื่อสารองค์กรเผยว่าบริษัทไม่สามารถส่งมอบ Jolla Tablet ให้นักลงทุนทุกรายบน Indiegogo ได้ อย่างไรก็ดีบริษัทสามารถส่งมอบ Jolla Tablet รอบใหม่ให้ผู้ที่ลงทุนตั้งแต่เริ่มแรก (early backers) ได้ในต้นปีนี้ Jolla สัญญาว่านักลงทุนจะไม่กลับไปมือเปล่าอย่างแน่นอน และอาจมี "positive surprises" ให้
Jolla ที่ส่อแววระส่ำหนัก เลื่อนแผนการระดมทุน ปรับโครงสร้างหนี้ ปลดพนักงาน ในเดือนพฤศจิกายน ตอนนี้กลับมารอดตายด้วยการระดมทุน Series C ได้สำเร็จ ช่วยให้สถานะทางการเงินของบริษัทกลับมามั่นคงอีกครั้ง
Jolla ไม่ได้ระบุรายละเอียดของการระดมทุนครั้งนี้ว่าได้เงินมาเท่าไร และได้เงินจากนักลงทุนรายใดบ้าง บอกเพียงแค่ว่าบริษัทจะเดินหน้าการขายไลเซนส์ Sailfish OS ต่อไป บริษัทบอกว่ามีพาร์ทเนอร์ให้ความสนใจหลายราย โดยเฉพาะบริษัทในประเทศกลุ่ม BRIC ในที่นี้คืออินเดีย รัสเซีย และจีน
ข่าวร้ายสำหรับคนที่จองแท็บเล็ตรัน Sailfish ของ Jolla เอาไว้มาถึงแล้ว หลังจากเพิ่งออกมายอมรับว่าบริษัทกำลังมีปัญหาจนต้องพักงานพนักงานไปบางส่วน ตอนนี้แท็บเล็ตที่มีกำหนดจะส่งของตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคม ก็ดูจะมีปัญหาเช่นกัน
Jolla ผู้สืบทอดจิตวิญญาณของ Nokia MeeGo ดูท่าจะไปไม่รอดซะแล้ว สถานการณ์ล่าสุดของบริษัทคือไม่สามารถระดมทุนรอบใหม่ได้ตามแผน ต้องปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ และยื่นขอปรับโครงสร้างหนี้ในฟินแลนด์แล้ว
นอกจากนี้ Jolla ยังประกาศพักงานพนักงานครึ่งหนึ่ง (จากทั้งหมดประมาณ 100 กว่าคน) เพื่อลดค่าใช้จ่าย โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไป
Jolla เริ่มต้นจากการผลิตฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ควบคู่กันไป ภายหลังบริษัทปรับยุทธศาสตร์ใหม่ โดยเน้นไปที่การขายไลเซนส์ซอฟต์แวร์แทน แต่แนวทางนี้ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก จนต้องประกาศปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัท
ในการประกาศแยกบริษัทของ Jolla เมื่อสัปดาห์ก่อน มีการพูดถึงอุปกรณ์ตัวใหม่ที่จะรันระบบปฏิบัติการ Sailfish OS 2.0 ว่าจะเปิดตัวในงาน MWC Shanghai และตอนนี้เจ้าตัวที่ว่าก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว
โดยผู้ผลิตที่จะมาโชว์อุปกรณ์รัน Sailfish OS 2.0 เป็น Intex ผู้ผลิตรายใหญ่จากอินเดียที่เพิ่งประกาศจับมือกัน Jolla ในวันเดียวกัน โดยสมาร์ทโฟนรุ่นที่ว่ายังไม่ทราบชื่อ แต่สเปคคร่าวๆ จะใช้ Snapdragon 600 และรองรับ LTE โดยจะเปิดราคามาราว 15,000 รูปี (ราว 8,000 บาท) และจะวางขายในอินเดียก่อน ผ่านร้านค้าออนไลน์อย่าง Snapdeal (ยังไม่ยืนยัน) ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้
Jolla บริษัทผู้พัฒนาสมาร์ทโฟน และระบบปฏิบัติการ Sailfish OS สัญชาติฟินแลนด์ ประกาศแยกบริษัท พร้อมกับเผยแผนธุรกิจที่จะเน้นในอนาคตอย่างเป็นทางการ
สำหรับบริษัทเดิม Jolla Ltd. จะยังพัฒนาระบบปฏิบัติการ Sailfish OS และมุ่งขยายไลเซนส์ในการใช้ตัวระบบปฏิบัติการต่อไป โดยจะเปิดเผยข้อมูลในส่วนนี้เพิ่มเติมในงาน Mobile World Congress Shanghai ที่ประเทศจีนช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งจะพูดถึงการเติบโตในตลาดใหญ่อย่างรัสเซียด้วย
ในขณะที่บริษัทใหม่ (ยังไม่มีชื่อ) จะดูแลในส่วนของธุรกิจฮาร์ดแวร์ ซึ่งเล็งเห็นว่ายังมีความต้องการอุปกรณ์ที่สามารถเก็บข้อมูลส่วนตัวได้อย่างปลอดภัยในตลาดอยู่ รวมถึงตลาดแท็บเล็ตที่ตัว Jolla Tablet ทำผลงานได้ดีก็จะเดินหน้าต่อไป
Jolla ผู้ผลิตมือถือสัญชาติฟินแลนด์ เปิดตัวโครงการ Sailfish Africa ตั้งเป้าผลักดันระบบปฏิบัติการ Sailfish OS ในทวีปแอฟริกา
ยุทธศาสตร์ของ Jolla ในช่วงหลังหันไปเน้นประเทศเกิดใหม่กลุ่ม BRICS โดย Jolla เพิ่งประกาศแผนการผลักดัน Sailfish OS ในรัสเซียไปเมื่อเร็วๆ นี้ และล่าสุดเป็นคิวของแอฟริกาใต้ ซึ่งจะเป็นฐานสำหรับขยายไปยังประเทศอื่นๆ ในแอฟริกาต่อไป
Jolla ใช้วิธีจับมือเป็นพันธมิตรกับโอเปอเรเตอร์และนักลงทุนท้องถิ่น และพัฒนา Sailfish OS ให้ทำงานร่วมกับบริการท้องถิ่นให้ดีกว่าเดิม เบื้องต้นบริษัทได้ Cell-C โอเปอเรเตอร์ของแอฟริกาใต้เป็นพันธมิตร และจะประกาศแผนการเพิ่มเติมต่อไป
Jolla ผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการ Sailfish ที่เพิ่งเปิดตัวแท็บเล็ตของตัวเองเมื่อไม่นาน ในงาน MWC 2015 ได้หยิบเอาแท็บเล็ตรุ่นใหม่ที่ว่ามาให้ลองจับกันด้วย
จากที่บรรดาสื่อต่างชาติได้ลองจับแท็บเล็ต Jolla เริ่มด้วยเรื่องของการออกแบบ ตัวแท็บเล็ตทรงสี่เหลี่ยมมุมตัดที่น่าจะจับได้ยากนั้นได้ขอบมนด้านข้างทั้งสองฝั่ง และผิวสัมผัสของฝาหลังมาช่วยให้ถือได้สะดวกขึ้น (แต่ฝาหลังเป็นรอยนิ้วมือง่าย) หน้าจอจัดว่าสว่างมาก และยังให้สีสันสดใสแม้ว่าจะเจอแสงไฟจ้าในงาน ฝั่งสเปคที่ให้มา แม้ว่าจะอยู่ในระดับกลางๆ แต่ก็ทำงานได้ลื่นไหล The Next Web บอกว่ายังไม่เจออาการกระตุกให้เห็นในฟีเจอร์พื้นฐานอย่างการปาดหน้าจอเพื่อเรียกเมนู หรือการสลับแอพ
หลังจากกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งด้วยการเปิดโครงการระดมทุนทำแท็บเล็ตตัวใหม่ Jolla ก็เดินเครื่องพัฒนาระบบปฏิบัติการ Sailfish OS ต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัวรุ่น 2.0 อย่างเป็นทางการแล้ว
ใน Sailfish 2.0 มาพร้อมกับการรองรับแอพ Android ที่มากขึ้น รวมถึงรองรับซีพียูซีรีส์ Atom ของอินเทล รวมถึงปรับปรุงอินเทอร์เฟซบางส่วน เช่นหน้ารวมงาน ระบบแจ้งเตือนแบบขยายได้ และการเข้าถึงฟังก์ชันหลักได้รวดเร็วขึ้นด้วย gesture
หลังจากที่ Jolla ประกาศปิดการระดมทุน โครงการแท็บเล็ตของ Jolla ซึ่งทะลุเป้าไปกว่า 480% ล่าสุด Jolla ประกาศระดมทุนเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยการระดมทุนครั้งนี้เพิ่มตัวเลือก 64 GB เข้ามาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ Jolla ยังเพิ่มขนาดของแบตเตอรี่ขึ้นจากเดิม 4,300 mAh เป็น 4,450 mAh แต่ข่าวร้ายก็คือ Jolla ได้ตัด proximity sensor ออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ gyroscope และ compass sensor ยังอยู่ดีมีสุข
หลังจากที่ Jolla ประกาศระดมทุนทำแท็บเล็ตตัวแรกของบริษัท และสามารถระดมทุนได้สำเร็จภายในเวลาเพียง 2 วันเท่านั้น ล่าสุด แคมเปญระดมทุนดังกล่าวเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว โดย Jolla ทวีตขอบคุณผ่านทางทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของบริษัท
ทั้งนี้ ในหน้าเว็บระดมทุนบน Indiegogo ได้สรุปยอดการระดมทุนครั้งนี้อย่างเป็นทางการแล้ว โดยสามารถระดมทุนได้มากถึง 1,824,055 ดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าเป้าหมายที่ระดมทุนครั้งแรก (ตั้งไว้ที่ 480,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ถึง 480%
หลังจากที่โครงการระดมทุนสร้างแท็บเล็ตตัวแรกของ Jolla ที่จะมาพร้อมกับ Sailfish OS 2.0 สร้างปรากฎการณ์ระดมทุนสำเร็จใน 2 วัน ล่าสุดทาง Jolla ประกาศเตรียมเพิ่มการรองรับ 3G ถ้าหากสามารถระดมทุนได้มากกว่า 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ณ เวลาที่เขียนข่าวตอนนี้อยู่ราว ๆ 1.3 ล้านดอลลาร์)
นอกจากนี้ ทาง Jolla ยังสัญญาว่าจะเพิ่มการรองรับ microSD การ์ดความจุสูงสุด 128 GB ถ้าหากระดมทุนได้มากกว่า 1.5 ล้านดอลลาร์ (ซึ่งใกล้จะเป็นจริงแล้ว ขาดเพียงราว 2 แสนดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น) และจะเพิ่มฟีเจอร์การแบ่งหน้าจอ (คาดว่าน่าจะคล้าย ๆ กับบน Windows 8 และ 8.1) เมื่อระดมทุนได้มากกว่า 1.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ร้อนแรงเกินคาดสำหรับ Jolla Tablet แท็บเล็ตรุ่นแรกที่รัน Sailfish OS 2.0 ที่เพิ่งเปิดโครงการระดมทุนกับ Indiegogo ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ด้วยความหวังตั้งต้นเพียงต้องการจะผลิตแท็บเล็ต 2,000 เครื่อง ที่ตอนนี้ต้องเพิ่มจำนวนอย่างต่อเนื่องไปมากกว่า 4,000 เครื่องแล้ว และทำเงินระดมทุนเกินหนึ่งล้านเหรียญไปเป็นที่เรียบร้อย
สำหรับผู้ที่ยังสนใจอยู่ตอนนี้ ก็ยังสามารถไปสั่งได้จากหน้าระดมทุนได้เหมือนเดิม แต่ราคาจะเพิ่มขึ้นจากตอนแรก (ที่เริ่มต้น 189 เหรียญ) ไปอยู่ที่ 209 เหรียญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนี้ทางทีม Jolla ก็เปิดราคาปกติของเจ้าแท็บเล็ตรุ่นนี้ออกมาแล้วว่าอยู่ที่ 249 เหรียญครับ (เท่ากับ Nokia N1)
ให้หลังจากการเปิดตัวสมาร์ทโฟนตัวแรกของบริษัทไปเมื่อปลายปีก่อน วันนี้ Jolla กลับมาอีกครั้งด้วยการเปิดโครงการระดมทุนแท็บเล็ตตัวแรกของบริษัทที่อัพเกรดไปใช้ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่อย่าง Sailfish OS 2.0
Jolla Tablet เป็นแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 7.85" สเปคใกล้เคียงกับ Nokia N1 ที่เพิ่งเปิดตัว มาเมื่อวาน รายละเอียดคร่าวๆ มีดังนี้ครับ
ใครที่ยังจำกันได้ว่ามีอดีตทีม Meego ของ Nokia ที่แยกออกมาทำโทรศัพท์ในแบรนด์ของตัวเองที่ชื่อว่า Jolla ตอนนี้พวกเขาเริ่มทำตลาดในทวีปเอเชียแล้ว โดยประเดิมที่แรกในฮ่องกง
Jolla เริ่มจำหน่ายสมาร์ทโฟนของพวกเขาผ่านทางผู้ประกอบการเครือข่ายที่ชื่อ "3 Hong Kong" โดยลูกค้าที่ต้องการใช้สมาร์ทโฟน Jolla สามารถเข้าไปสั่งได้ทางเว็บไซต์ของ 3 Hong Kong โดยมีกิจกรรมพิเศษซึ่งลูกค้าผู้โชคดีบางรายจะได้รับเครื่องไปใช้งานฟรีกันด้วย
ให้หลังข่าวทีม Nokia (ส่วนที่ไม่โดน Microsoft ซื้อไป) เปิดตัว Z Launcher ไม่นาน Jolla ซึ่งเป็นอดีตทีมงานของ Nokia ก็ประกาศว่าจะเริ่มเปิดให้ทดสอบการใช้งาน Jolla Launcher ซึ่งเป็นแอพสำหรับ Android ที่จะทำให้ผู้ใช้ได้สัมผัสประสบการณ์ใช้งานเสมือนการใช้อุปกรณ์ Sailfish OS ของ Jolla โดยจะเริ่มแจกลิงก์ดาวน์โหลดแอพตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป
จุดเด่นอย่างหนึ่งของมือถือ Jolla คือฝาหลัง The Other Half ที่เปลี่ยนได้ตามใจชอบ (ข่าวเก่า) ซึ่งบริษัทเองก็มีนโยบายเปิดกว้าง แจกพิมพ์เขียว 3D Printer เพื่อกระตุ้นให้ชุมชนนักพัฒนาสร้างอุปกรณ์เสริมมาใช้กับ Jolla กันเยอะๆ (ตัวอย่างอุปกรณ์เสริมของบริษัทเองคือ ฝาหลังคีย์บอร์ด)
ล่าสุดมีคนในชุมชน Jolla ทำฝาหลังที่เป็นแบตเตอรี่เสริม (extended battery) มาโชว์แล้ว โดยใช้ชื่อว่า The Power Half (ล้อไปกับชื่อของ The Other Half) มันสามารถทำงานได้ทั้งการชาร์จเฉพาะชิ้นใดชิ้นหนึ่ง หรือชาร์จทั้งสองชิ้นพร้อมก็ได้
ในงาน MWC หรือ Mobile World Congress ปี 2014 ทางบูท Jolla ได้แสดง และสาธิตฝาหลังต้นแบบที่มีชื่อว่า “The Other Half” (TOH) โดยตัวฝาหลังนี้จะมีส่วนของคีย์บอร์ดใส่เข้ามาให้ด้วย และสามารถใส่กับตัวโทรศัพท์ Jolla ได้เลย โดยไม่ต้องหาซื้อมือถือพร้อมคีย์บอร์ดเครื่องใหม่ที่หายาก และแพง
โดยตัวนี้สร้างมาจากการพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์วัตถุสามมิติ และใช้คียบอร์ดจาก Motorola Milestone มาประกอบร่าง และยังสามารถสไลด์ขึ้นลง และพับให้แบนหรือเงยขึ้นเล็กน้อยได้ โดยต้องใช้เวลาสร้างต้นแบบนี้ร่วม 4 ชั่วโมง จึงเห็นเป็นรูปร่างอย่างที่เห็นครับ และนอกจากนี้ยังมีฝาหลังต้นแบบอื่นๆ มาแสดงในงานด้วย เข้าไปดูรูปเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างข่าวครับ
สามารถดูวีดีโอการสาธิตตัวต้นแบบจริง ได้ที่ท้ายข่าวครับ
การเดินทางอันยาวนานของ Jolla และ Sailfish OS มาถึงวันเริ่มต้นเวอร์ชัน 1.0 โดยจะโชว์ตัวจริงที่งาน MWC สัปดาห์หน้า และออกอัพเดตให้กับมือถือ Jolla ที่ขายไปแล้วในเดือนมีนาคม
Jolla บอกว่าการปรับสถานะของ Sailfish OS จากรุ่น Beta มาเป็นรุ่นจริง หมายถึงความพร้อมของ Jolla ในการขยายไปทำตลาดโลกให้กว้างขึ้น โดยตอนนี้ Jolla กำลังเจรจากับคู่ค้าในรัสเซีย อินเดีย และฮ่องกงเพื่อเปิดร้านออนไลน์อยู่เช่นกัน
Jolla ยังสัญญาว่าภายในครึ่งแรกของปีนี้จะออกซอฟต์แวร์บางส่วนของ Sailfish OS เช่น launcher บนระบบปฏิบัติการ Android ด้วย
ที่มา - Jolla (PDF)
มือถือ Jolla วางขายไปแล้ว แต่กระแสตอบรับยังดูเงียบๆ เพราะเปิดตัวเฉพาะในฟินแลนด์ (ล่าสุดขยายให้ครอบคลุมยุโรปด้วย) ซึ่งทางบริษัทเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามสร้าง ecosystem ของตัวเองให้กว้างขึ้น
จุดเด่นของ Jolla คือฝาหลังที่เรียกว่า The Other Half หรือ TOH (ข่าวเก่า) ซึ่งเชื่อมต่อกับตัวเครื่องด้วย NFC และถือเป็นลูกเล่นทางฮาร์ดแวร์ที่จะเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของซอฟต์แวร์ในเครื่องไปเรื่อยๆ (เบื้องต้นยังทำได้แค่เปลี่ยนธีมตามฝาหลัง)