อีก 1 ปีจากนี้คือวันที่ 14 ตุลาคม 2025 เป็นวันสิ้นสุดระยะซัพพอร์ต Windows 10 ตามที่ไมโครซอฟท์เคยประกาศเอาไว้
Windows 10 ออกครั้งแรกวันที่ 29 กรกฎาคม 2015 ตอนนั้นประกาศไว้ว่ามีระยะซัพพอร์ตนาน 10 ปี จนถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2025 หลังจากนั้นจะไม่ได้รับแพตช์ความปลอดภัยใดๆ อีก (สามารถจ่ายเงินซื้อแพตช์ต่อได้อีก 3 ปี ลักษณะเดียวกับตอน Windows 7) คำแนะนำของไมโครซอฟท์คือให้อัพเกรดเป็น Windows 11 นั่นเอง
นอกจาก Windows 10 แล้ว วันที่ 14 ตุลาคม 2025 ยังเป็นวันสิ้นสุดระยะซัพพอร์ตซอฟต์แวร์ตัวอื่นๆ ของไมโครซอฟท์ ได้แก่
ไมโครซอฟท์ออกมาย้ำเตือนว่า Office 2016 และ Office 2019 เวอร์ชันซื้อขาด จะหมดอายุซัพพอร์ตในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 (วันเดียวกับ Windows 10) เท่ากับเหลือระยะเวลาให้ย้ายอีกราว 1 ปีครึ่งนับจากนี้
ไมโครซอฟท์แนะนำให้ลูกค้าย้ายไปใช้ Microsoft 365 แทน โดยเสนอแพ็กเกจ E3 ที่มีแอพในชุด Office ครบถ้วนเท่ากัน และได้บริการฝั่งเซิร์ฟเวอร์ของ SharePoint กับ Exchange ผ่านคลาวด์ด้วย
แต่ถ้าหากไม่ต้องการจ่ายเงินแบบ subscription ก็ยังมีตัวเลือกคือ Office 2021 แต่ก็จะหมดอายุเพียง 1 ปีหลังจากนั้นคือ 13 ตุลาคม 2026
Lenovo Thailand ประกาศความร่วมมือกับไมโครซอฟท์ ในการติดตั้ง Microsoft Office Home & Student 2019 ที่ประกอบด้วย Word, Excel, PowerPoint, OneDrive 5GB ซึ่งผู้ใช้สามารถใช้งานได้ "ตลอดอายุการใช้งานเครื่อง"
คอมพิวเตอร์ของ Lenovo ที่วางขายในไทย และมาพร้อม Office 2019 ได้แก่
สินค้าจะเริ่มขายในงาน Commart Joy 2019 ช่วงสุดสัปดาห์นี้
ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์ Lenovo Thailand
นโยบายของไมโครซอฟท์ช่วงหลังแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ต้องการขาย Office 365 แบบเสียค่าสมาชิก มากกว่า Office 2019 แบบซื้อไลเซนส์ขาด โดยคิดค่าไลเซนส์ของ Office 2019 ให้แพงขึ้นกว่ารุ่นก่อนอีก 10% เพื่อจูงใจให้คนอยากใช้ Office 365 แทน
แต่แค่นั้นยังไม่พอ ไมโครซอฟท์ยังออกแคมเปญเปรียบเทียบฟีเจอร์ระหว่าง Office 365 และ Office 2019 ให้เห็นกันชัดๆ ว่า Office 2019 ด้อยกว่าในหลายแง่มุม เช่น
ไมโครซอฟท์ประกาศราคาขายปลีกของ Office 2019 ตามที่เคยประกาศไว้ว่าจะขึ้นราคา โดยซอฟต์แวร์ไคลเอนต์ขึ้นราคาประมาณ 10% จาก Office 2016 และซอฟต์แวร์ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ขึ้นราคาประมาณ 30%
ซอฟต์แวร์ที่ขึ้นราคาเป็นไลเซนส์แบบ perceptual แบบดั้งเดิม (ซื้อขาดแล้วใช้ได้ตลอดไป) ส่วนไลเซนส์แบบ subscription ที่เรารู้จักกันในแบรนด์ Office 365 ไม่ได้ขึ้นราคาตามไปด้วย ซึ่งเหตุผลที่ขึ้นราคาก็ชัดเจนว่าต้องการบีบให้ลูกค้าย้ายไปใช้ Office 365 นั่นเอง
แพ็กเกจและราคาของ Office 2019
ไมโครซอฟท์ออก Office 2019 ตัวจริงให้ใช้งานกันทั้งบนวินโดวส์และแมค (เข้าสถานะ general availability หรือ GA)
เนื่องจากช่วงหลังไมโครซอฟท์เปลี่ยนโมเดลจากซื้อไลเซนส์ขาดมาเป็นเช่าใช้งานที่มีอัพเดตของใหม่ให้ตลอด ดังนั้นผู้ใช้ Office 365 อาจได้ฟีเจอร์หลายอย่างของ Office 2019 มาก่อนแล้ว แต่ผู้ที่ใช้ Office 2019 แบบไลเซนส์ซื้อขาด (on premise) จะได้ฟีเจอร์ทั้งหมดของ Office 365 นับจาก Office 2016 ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา
ของใหม่ใน Office 2019 มีดังนี้
ไมโครซอฟท์ประกาศขึ้นราคา Office 2019 แบบขายไลเซนส์ขาด (on-premise) ขึ้นจากเดิม 10% โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนใหญ่ที่ประกาศปรับค่าไลเซนส์ของไมโครซอฟท์ให้เท่ากันทุกช่องทางการขาย
ปัจจุบันไมโครซอฟท์มีช่องทางการขายหลายรูปแบบ ทั้งผ่านตัวแทนจำหน่าย ซื้อไลเซนส์ครั้งละมากๆ สำหรับองค์กร และโครงการส่วนลดพิเศษอื่นๆ มากมาย การปรับราคาครั้งนี้จะปรับให้ราคาสุดท้ายของทุกช่องทางเท่ากัน และปรับราคาของเวอร์ชันคลาวด์กับเวอร์ชัน on-premise ให้ทัดเทียมกันด้วย
ไมโครซอฟท์ออก Office 2019 for Mac Preview ตามหลัง Office 2019 สำหรับพีซีที่ออกพรีวิวไปก่อนหน้านี้ ในชุดประกอบด้วย Word, Excel, PowerPoint, Outlook, OneNote
ฟีเจอร์หลายอย่างของ Office 2019 อยู่ใน Office 365 เรียบร้อยแล้ว แต่ไมโครซอฟท์ยังออก Office 2019 สำหรับลูกค้าที่ยังใช้วิธีจ่ายค่าไลเซนส์แบบซื้อขาด ไม่ได้จ่ายรายเดือนแบบเดียวกับ Office 365 ให้ต่อไป ตัวอย่างฟีเจอร์ใน Office 2019 ได้แก่การรองรับปากกาที่ดีขึ้น, ฟีเจอร์ Morph ใน PowerPoint, แปลงไฟล์วิดีโอเป็น 4K, Word โหมดโฟกัสกับงานเขียน เป็นต้น
Office 2019 มีกำหนดออกตัวจริงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ทั้งบนพีซีและแมค
MIcrosoft ออก Office 2019 Commercial Preview แล้ววันนี้ โดยเน้นจับกลุ่มภาคธุรกิจที่ต้องการฟีเจอร์แบบเดียวกับ Office 365 แต่ยังไม่พร้อมสำหรับการสมัครสมาชิกหรือการย้ายระบบการทำงานขึ้นคลาวด์ ซึ่ง Office 2019 จะรันได้เฉพาะบน Windows 10 เท่านั้น ตามข่าวก่อนหน้า และ Microsoft วางแผนจะปล่อยเวอร์ชันเต็มในปีนี้
Office 2019 ที่ปล่อยพรีวิวในครั้งนี้จะมี Word, Excel, PowerPoint, Outlook, Publisher, Access, Project, Visio และ OneNote ส่วน Exchange 2019, SharePoint 2019, Project Server 2019 และ Skype for Business 2019 รวมถึง Office 2019 for Mac จะปล่อยในเดือนถัด ๆ ไป
เราเห็นทิศทางการผลักดัน OneNote เวอร์ชัน UWP ของไมโครซอฟท์มาได้สักพักใหญ่ๆ และล่าสุดไมโครซอฟท์ก็ประกาศนำ OneNote for Windows 10 (UWP) มารวมอยู่ในชุด Office 2019 และ Office 365 แทน OneNote 2016 (Win32) ตัวเดิมอย่างเป็นทางการ
ไมโครซอฟท์ให้เหตุผลของการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า OneNote UWP พัฒนาขึ้นมากในเรื่องประสิทธิภาพ เสถียรภาพ รวมถึงมีเอนจินการซิงก์ข้อมูลตัวใหม่ที่ซิงก์เร็วขึ้นกว่าเดิม (ตัวเดียวกับที่ใช้ใน OneNote for Web/Mac/iOS/Android) และการอัพเดตที่เป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุดเสมอ
ไมโครซอฟท์ประกาศข้อมูลเพิ่มเติมของ Microsoft Office 2019 ที่จะออกในครึ่งหลังของปี 2018 (รุ่นพรีวิวจะเปิดทดสอบในไตรมาสสอง) ว่าจะรันได้เฉพาะบน Windows 10 และ Windows Server รุ่นใหม่เท่านั้น
การเปลี่ยนแปลงอีกข้อคือ กระบวนการติดตั้ง Office 2019 จะมีเฉพาะแบบ Click-to-Run ซึ่งไมโครซอฟท์ใช้มาได้สักระยะหนึ่งแล้ว ส่วนแพ็กเกจ MSI แบบดั้งเดิมจะไม่มีให้อีกแล้ว
สุดท้ายคือ Office 2019 จะลดระยะเวลาซัพพอร์ตระยะหว่างรุ่นลง (เฉพาะรุ่นขายขาด ไม่นับ Office 365) จากเดิมที่ไมโครซอฟท์ให้ระยะเวลาซัพพอร์ต 5+5 ปี จะเหลือ 5+2 ปีแทน
ไมโครซอฟท์ประกาศออก Office 2019 ในครึ่งหลังของปี 2018 โดยจะออกรุ่นทดสอบช่วงกลางปี 2018 ให้ทดลองกันก่อน
ฟีเจอร์ใหม่ของ Office 2019 เป็นการหยิบฟีเจอร์หลายอย่างของ Office 365 มาสู่ซอฟต์แวร์ออฟไลน์ เช่น ฟีเจอร์ด้านปากกา (Ink Replay), ฟีเจอร์ด้านสูตรและชาร์ทของ Excel, ฟีเจอร์ด้านแอนิเมชัน (Morph) ของ PowerPoint เป็นต้น
ไมโครซอฟท์ระบุว่า Office 2019 จะเน้นจับตลาดองค์กรที่ต้องการใช้ซอฟต์แวร์แบบดั้งเดิม (perpetual license) และยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนไปใช้ Office 365 บนคลาวด์