The New York Times ได้รายงานว่าสิ่งหนึ่งที่ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในสหรัฐไม่อยากให้ผู้ใช้รู้เกี่ยวกับการเทกซ์หรือการส่ง SMS ก็คือต้นทุนที่แท้จริง เพื่อที่จะเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดจากความโมโหของผู้ใช้บริการที่ถูกเรียกเก็บเงินค่าบริการ SMS ที่เพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัวในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา
The Nation รายงานว่ากรรมการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคได้ออกมากล่าวว่า การส่ง SMS โดยนายกฯ อาจจะเข้าข่ายการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลก็ได้
ภายใต้กฏหมายโทรคมนาคม ผู้ให้โอเปรเตอร์ไม่มีสิทธิที่ให้ข้อมูลและรายชื่อของผู้ใช้ของลูกค้าตัวเอง แก่บุคคลอื่นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม โดยไม่มีการได้รับอนุญาตจากผู้ใช้งานเอง
นอกจากนี้ยังได้เสนอแนะอีกว่า นายกรัฐมนตรีควรเลือกใช้การนำเสนอข่าวผ่านสื่อโทรทัศน์หรือสื่อสาธารณะอื่น ๆ ในการติดต่อสื่อสารกับประชาชน แทนที่จะเลือกละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของประชาชน
ที่มา - The Nation
พรรคประชาธิปัตย์ โดยนายกรณ์ จาติกวณิช ได้ส่งหนังสือเชิญผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือสามค่ายใหญ่คือ เอไอเอส, ดีแทค, และทรูมูฟ เข้าประชุมเพื่อขอความร่วมมือในการส่ง SMS ที่มีข้อความดังนี้
ผม นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ขอเชิญท่านร่วมนำประเทศไทยออกจากวิกฤติ สนใจได้รับการติดต่อจากผม กรุณาตอบ 1 มาที่เบอร์ 9191 (3 บ.)
หากผู้ใช้ทำตามข้อความใน SMS จะมีเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า
ผม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ผมทราบดีกว่า พี่น้องประชาชนกำลังเดือดร้อน เครียด ผมจึงตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะทุ่มเทใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ช่วยเหลือ บ้านเมือง แต่ผมคงจะทำไม่สำเร็จหากคนไทยไม่สามัคคีกัน จึงอยากขอโอกาสจากทุกคน
งานวิจัยจากอาจารย์จิตวิทยาชาวออสเตรเลีย แสดงให้เห็นว่า ภาษาอังกฤษแบบย่นย่อที่ใช้ในการส่งข้อความสั้น ทำให้คนอ่านต้องใช้เวลามากขึ้น
Nenagh Kemp อาจารย์วิชาจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยแทสเมเนีย ได้นำนักศึกษา 55 คนมาทดสอบอ่านข้อความ และพบว่า ถึงแม้การใช้ภาษาเมสเซจจะลดเวลาในการพิมพ์ คนอ่านกลับต้องใช้เวลามากขึ้นเป็นเท่าตัวในการอ่านเมื่อเทียบกับภาษาอังกฤษมาตรฐาน โดยข่าวบอกว่า ใช้เวลา 26 วินาทีในการอ่านข้อความแบบย่อ แต่เพียง 14 วินาทีกับข้อความแบบเต็ม
ภาษาย่นย่อเหล่านี้ โดยทั่วไปใช้การตัดอักษรบางตัวออก มักเป็นสระ หรือใช้การสะกดตามเสียงอ่าน เช่น wld l8 4get 2 แทน would late forget และ to ตามลำดับ
วุฒิสมาชิก Herb Kohl ซึ่งเป็นประธานอนุกรรมการว่าด้วยการค้าผูกขาดของวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกไปยังผู้ให้บริการโทรศัพท์ไร้สายสี่รายใหญ่ทั่วประเทศซึ่งมีส่วนแบ่งรวมกันเกินร้อยละ 90 เพื่อให้อธิบายว่าทำไมค่ารับและส่ง SMS ในสหรัฐฯ จึงมีราคาสูงมาก อีกทั้งยังแพงขึ้นเท่าตัวในช่วงสามปีที่ผ่านมา
จดหมายฉบับดังกล่าวแสดงข้อสังเกตว่าต้นทุนในการส่ง SMS นั้นน่าจะต่ำกว่าการให้บริการในส่วนอื่นๆ เช่นเสียงและข้อมูลอินเทอร์เน็ตมาก แต่กลับมีค่าบริการที่แพงกว่าหลายเท่าตัว และนับแต่มีการรวมตัวของผู้ให้บริการหลายครั้ง Sprint เป็นบริษัทแรกที่เริ่มขึ้นค่าบริการ SMS ไปถึงเท่าตัวตามด้วยบริษัทอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง
นอกจากราคาน้ำมันจะขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์แล้ว ในสหรัฐอเมริกา ราคา SMS ก็เพิ่มขึ้นสูงไม่แพ้กัน นับจากปี 2005 ถึงปัจจุบัน SMS ขึ้นราคามาแล้วอีกหนึ่งเท่าตัว
เดิมที SMS ในสหรัฐคิดข้อความละ 10 เซนต์ หลังจากนั้นขึ้นมาเป็น 15 และเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เครือข่าย Sprint Nextel เป็นผู้นำการขึ้นราคามาเป็น 20 เซนต์ ซึ่งส่งผลให้ AT&T กับ Verizon Wireless ขึ้นราคาตามมาให้เท่ากัน ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถืออีกรายที่เหลืออยู่คือ T-Mobile เพิ่งประกาศปรับราคาตาม โดยมีผลสิ้นเดือนสิงหาคมนี้
นักวิจัยที่มหาวิทยาลัย Leicester ได้ลองตรวจสอบถึงต้นทุนของการส่ง SMS เทียบกับค่าใช้จ่ายในการรับภาพจากดาวเทียม Hubble พบว่าการส่งข้อมูลผ่าน SMS แต่ละเมกกะไบต์นั้นจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 374.49 ปอนด์อังกฤษ หลังจากนั้นเขาได้สอบถามข้อมูลไปยังองค์กรนาซ่าว่าค่าใช้จ่ายสำหรับการรับภาพจากดาวเทียม Hubble นั้นเป็นเท่าใหร่ จึงได้รับคำตอบว่าอยู่ที่ 8.5 ปอนด์ต่อเมกกะไบต์
อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายของนาซ่ายังไม่ได้รวมถึงค่าบำรุงรักษา และค่าแรงของผู้ดูแลระบบ ทำให้ต้องมีการประมาณการใหม่เพื่อเพิ่มค่าใช้จ่ายเหล่านี้เข้าไป แต่จากการประมาณการ ค่าใช้จ่ายรวมนั้นไม่มีทางเกิน 85 ปอนด์ต่อเมกกะไบต์ไปได้ ทำให้ค่าส่ง SMS นั้นแพงกว่าอย่างน้อยๆ สี่เท่าตัว
อาจจะได้เวลาหาทางใหม่ๆ ในการส่ง SMS แล้วสินะ
นักจิตวิทยา จาก University of London รายงานผลการวิจัยเกี่ยวกับการใช้งาน text messaging และ email ที่มีผลต่อ IQ (สนับสนุนโดย Hewlett Packard) โดยแสดงผลของภาวะ Infomania หรือการหมกมุ่นอยู่กับการส่งข้อความผ่านทางช่องทางอิเล็คทรอนิกส์ต่าง ๆ (Electronics Messaging) ซึ่งมีสิ่งที่ทำให้วอกแวกเข้ามาตลอด กลายเป็นปัญหาสำคัญของคนทำงาน โดยเฉพาะผู้ชาย สมองจึงถูกกำหนดให้เตรียมพร้อมรับหลากหลายเรื่อง ตลอดเวลา (always on) แต่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับทางที่อยู่ตรงหน้าลดลง เป็นเหตุให้ IQ ลดลงแบบชั่วคราว