Terra, LUNA, UST
Terraform Labs ผู้สร้างโทเค็น Luna ยอมความกับก.ล.ต.สหรัฐฯ (SEC) จ่ายค่าเสียหายรวม 4.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นการคืนผลประโยชน์จากการทำความผิด (disgorgement) 4.05 พันล้านดอลลาร์ และค่าปรับอาญา 420 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดีน่าจะไม่มีการโอนเงินจริงเท่าที่ตกลงกันเพราะ Terraform Labs นั้นล้มละลายไปแล้ว
ตัว Do Kwon ผู้ก่อตั้ง Terraform Labs เองถูกสั่งปรับ 80 ล้านดอลลาร์และสั่งให้โอนเงิน 204.3 ล้านดอลลาร์เข้าไปยังกองทุน
ศาลสูงสุดของมอนเตเนโกรยกเลิกคำสั่งของศาลชั้นต้น ที่ให้ส่งตัว Do Kwon ผู้ก่อตั้ง Terraform Labs และสร้างเหรียญ Terra/Luna ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งมีสองประเทศคือสหรัฐอเมริกา และเกาหลีใต้ที่ยื่นขอตัว โดยการเลือกประเทศส่งกลับนั้นอยู่ที่รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมมอนเตเนโกร
คำสั่งศาลสูงสุดระบุว่า อำนาจการตัดสินใจว่าจะส่งตัว Do Kwon ที่ถูกร้องขอจากสองประเทศพร้อมกันนั้น ต้องเป็นการตัดสินใจของศาล ขั้นตอนการตัดสินที่เกิดขึ้นจึงไม่เป็นไปตามขั้นตอน ตามที่ทนายของ Do Kwon ร้องเรียน โดยให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาคดีนี้ใหม่อีกครั้งว่าจะส่ง Do Kwon ไปประเทศใด
ศาลมอนเตเนโกรอนุมัติการส่งตัว Do Kwon ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน หลังจากเขาถูกจับเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยตอนนี้มีสองประเทศยื่นขอตัวพร้อมกันคือสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ อำนาจในการเลือกว่าจะส่งตัวไปยังประเทศใดจะอยู่ที่รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมมอนเตเนโกร
Do Kwon เป็นผู้ก่อตั้ง Terraform Labs และสร้างเหรียญ Terra/Luna ที่เป็นโครงสร้างของการสร้าง stablecoin อย่าง UST หรือ TerraUSD โดยไม่มีเงินจริงหนุนมูลค่าเต็มเหมือน stablecoin อื่นๆ และเหตุการณ์ UST หลุดการผูกค่ากลายเป็นต้นทางที่กิจการต่างๆ ในวงการคริปโตล้มเป็นจำนวนมาก
ศาลมอนเตเนโกรสั่งจำคุก Do Kwon นาน 4 เดือนฐานปลอมหนังสือเดินทาง หลังจากเขาถูกจับกุมเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาระหว่างพยายามเดินทางไปยังดูไบ
ก่อนหน้านี้ Do Kwon พยายามสู้คดีโดยขอให้ศาลตรวจสอบว่าหนังสือเดินทางประเทศคอสตาริกาของเขาปลอมหรือไม่ แต่ Interpol ก็ออกมายืนยันว่าหนังสือเดินทางของเขาเป็นของปลอมทำให้ Kwon ยอมถอนข้อเรียกร้องและศาลก็พิพากษาความผิด
ตอนนี้ทางการเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ต่างขอให้มอนเตเนโกรส่งตัว Do Kwon ไปดำเนินคดีต่อในประเทศของตน พร้อมกับขอหลักฐานคือคอมพิวเตอร์ที่ติดตัว Kwon ไประหว่างเดินทาง
Do Kwon ผู้ก่อตั้ง Terraform Labs และเหรียญ Terra/Luna ถูกจับกุมได้แล้วที่เมือง Podgorica ประเทศมอนเตเนโกร ระหว่างการพยายามบินไปยังดูไบ โดยใช้เอกสารปลอมของประเทศคอสตาริกา
เขาถูกจับพร้อมเพื่อนชาวเกาหลีอีกคน Hon Chang Joon ซีเอฟโอของ Terraform Labs โดยตอนนี้ยังถูกทางการมอนเตเนโกรควบคุมตัวเอาไว้อยู่
Do Kwon ถูกตั้งข้อหาจากทั้งฝั่งเกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา โดยล่าสุด อัยการของรัฐนิวยอร์กก็ได้ตั้งข้อหาฉ้อโกงรวม 8 ข้อตามคำร้องของ ก.ล.ต. สหรัฐแล้วเช่นกัน
SEC หรือ ก.ล.ต. สหรัฐ ตั้งข้อหาบริษัท Terraform Labs และซีอีโอ Do Hyeong Kwon ว่าฉ้อโกงเกี่ยวกับหลักทรัพย์ (securities fraud) จากกรณีเหรียญ Luna และ Terra (UST)
ข้อกล่าวหาของ SEC ระบุว่า Terraform และ Kwon โฆษณาสินทรัพย์ดิจิทัลต่อนักลงทุนว่า token ที่ขายจะมีมูลค่าสูงขึ้น โดยให้ดอกเบี้ย/ผลตอบแทนสูงสุดถึง 20% รวมถึงหลอกลวงว่ามีบริษัทระบบจ่ายเงินรายใหญ่ของเกาหลีใต้ใช้บล็อกเชน Terra เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและปั่นราคาเหรียญด้วย พฤติกรรมเหล่านี้ถือว่าผิดกฎหมายหลักทรัพย์ของสหรัฐ
ในขั้นตอนถัดจากนี้ SEC ยื่นฟ้องต่อศาลเขตนิวยอร์กใต้ เพื่อเข้ากระบวนการยุติธรรมต่อไป
สำนักงานอัยการของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า Do Kwon ผู้ก่อตั้ง Terra และ Luna ตอนนี้หลบหนีไปยังประเทศเซอร์เบีย
ก่อนหน้านี้เมื่อราวเดือนกันยายน Do Kwon อยู่ที่สิงคโปร์ (เขาบอกว่าไม่ได้หนี) แต่หลังจากนั้นเขาเดินทางผ่านดูไบไปยังประเทศปลายทางแห่งหนึ่ง ซึ่งล่าสุดระบุแล้วว่าคือเซอร์เบีย
ทางการเกาหลีใต้ยกเลิกหนังสือเดินทางของ Do Kwon ผู้ก่อตั้งเครือข่าย Terra เป็นที่เรียบร้อย นับเป็นมาตรการล่าสุดหลังจากออกหมายจับ และหมายแดงเพื่อตามตัว หาก Kwon เดินทางข้ามประเทศ
ทางการเกาหลีใต้ประกาศออกสู่สาธารณะเนื่องจากไม่สามารถตามตัว Do Kwon ได้ โดยประกาศระบุให้เขาต้องส่งมอบหนังสือเดินทางคืนกระทรวงต่างประเทศภายใน 14 วัน โดยข้อมูลสุดท้ายคาดว่า Kwon อยู่ในสิงคโปร์
คดีที่อัยการเกาหลีใต้ฟ้องผู้เกี่ยวข้องกับ Terra มีหลายคน พนักงานคนหนึ่งของ Terraform Labs ก็เพิ่งถูกจับกุมสัปดาห์นี้ โดยระบุว่ามีการใช้บอตซื้อขายเพื่อสร้างราคา Terra
อัยการโซลแถลงว่า Interpol ออกหมายแดงแจ้งขอความร่วมมือตำรวจทั่วโลกคุมตัว Do Kwon หลังจากออกหมายจับในเกาหลีใต้ไปก่อนหน้านี้ ขณะที่ตัว Do Kwon อยู่ในสิงคโปร์
คาดว่า Do Kwon ตอนนี้อยู่ในสิงคโปร์โดยถือใบอนุญาตทำงานในสิงคโปร์แต่ใบอนุญาตก็จะหมดอายุในวันที่ 7 ธันวาคมนี้ การออกหมายแดงน่าจะทำให้เขาเดินทางไปยังประเทศอื่นๆ ได้ยากขึ้นมาก
ที่มา - Strait Times
Do Kwon ผู้ก่อตั้งเหรียญ Terra และ Luna ที่โดนหมายจับจากอัยการเกาหลีใต้ ร่วมกับผู้บริหารคนอื่นๆ อีก 5 คน โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า "เขาไม่ได้หนี" (I am not "on the run") และบอกว่ายินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับหน่วยงานภาครัฐ
ก่อนหน้านี้ ตำรวจเกาหลีใต้ออกชี้แจงว่า Do Kwon และพวกหลบไปอยู่ที่สิงคโปร์แล้ว ทำให้ Kwon ต้องออกมาตอบโต้ แต่เขาเองก็ไม่ได้เปิดเผยว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน
ตัวของ Kwon บอกว่าพวกเขากำลังพยายามต่อสู้คดีในหลายประเทศ และจะให้ข้อมูลเพื่อล้างมลทินของตัวเองในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ศาลเกาหลีใต้อนุมัติหมายจับ Do Kwon ผู้ก่อตั้ง Terraform Labs ตามคำขอของหน่วยอาชญากรรมทางการเงิน สำนักงานอัยการสูงสุดเกาหลีใต้ โดยระบุข้อหาทำผิดกฎหมายตลาดทุน หมายจับระบุชื่อ Do Kwon เองพร้อมกับผู้เกี่ยวข้องอีก 5 ราย และระบุว่าทั้ง 6 คนอยู่ในสิงคโปร์
Terraform Labs เป็นบริษัทที่สร้างเหรียญ LUNA พร้อมกับ stablecoin ที่ชื่อว่า UST ที่ผูกค่าเงินไว้กับดอลลาร์ แต่มูลค่า UST กลับหลุดค่าที่ตรึงไว้ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่งผลกระทบให้ LUNA มูลค่าลดลงอย่างต่อเนื่อง
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าอัยการเกาหลีใต้เคยออกคำสั่งไม่ให้พนักงาน Terraform Labs เดินทางออกนอกประเทศ
เหตุการณ์ UST หลุดการผูกค่า นับเป็นจุดหนึ่งที่กดตลาดเงินคริปโตโดยรวมอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ เมื่อวานนี้ก.ล.ต. เผยแพร่บทความวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ซื้อขายเหรียญ Luna โดยนายพงศธร ปริญญาวุฒิชัย ฝ่ายวิจัยของก.ล.ต.
รายงานแบ่งเหตุการณ์ออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่ pre-stage คือช่วงที่ UST ยังผูกค่าเป็น 1 ดอลลาร์ได้อยู่, fall-stage ช่วงที่ UST เริ่มหลุดการผูกค่าแล้ว, และ bottom-stage กลไกรักษามูลค่า UST ทำงานจนกระทั่ง Luna ราคาต่ำติดดิน และมีการหยุดซื้อขาย
สื่อเกาหลีใต้ Seoul Economic รายงานข่าวว่า Uprise บริษัทคริปโตสัญชาติเกาหลีใต้ สูญเงินลงทุนของลูกค้าไป 99% หลังจากนำเงินไปลงทุนในเหรียญ LUNA
ธุรกิจของ Uprise มีด้วยกัน 2 อย่างคือ Heybit รับเทรดคริปโตให้ลูกค้าด้วยอัลกอริทึม AI (ในเว็บใช้คำว่า Robo-Advisor) และ Iruda เป็นกองทุนคริปโตที่ไปลงทุนในตลาดโลก ส่วนที่ขาดทุนคือ Heybit ที่นำเหรียญคริปโตของลูกค้าไปเทรดในตลาดฟิวเจอร์ส และอ้างว่าใช้ AI ช่วยลดความเสี่ยงจากการเทรด
อย่างไรก็ตาม Heybit เข้าไปลงทุนในเหรียญ LUNA ซึ่งได้รับความนิยมสูงในเกาหลีใต้ (เหตุผลหนึ่งเพราะ Do Kwon เป็นคนเกาหลี) และเสียเงินไปราว 26.7 พันล้านวอน หรือประมาณ 700 ล้านบาท คิดเป็น 99% ของทรัพย์สินทั้งหมดที่ลูกค้าฝากให้ Heybit เทรดให้
Reuters อ้างแหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการในเกาหลีใต้ ระบุว่าทางการได้เพิ่มรายชื่อพนักงานของ Terraform Labs บริษัทผู้พัฒนาเหรียญ stablecoin TerraUSD หรือ UST อยู่ในกลุ่มบุคคลที่ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
เหรียญ TerraUSD เป็นเหรียญที่ตรึงมูลค่าไว้กับดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็น algorithmic stablecoin และถูกขายจนมูลค่าต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ ในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้ราคาคริปโตสกุลต่าง ๆ ปรับลดลง
ตัวแทนของ Terraform Labs ให้ความเห็นต่อข่าวดังกล่าวว่าบริษัทไม่ทราบในคำสั่งนี้
บล็อคเชน Terra 2.0 และเหรียญ Luna 2.0 เริ่มใช้งานแล้วเมื่อวานนี้ (29 พ.ค.) ช่วงเวลาราว 16.00 ตามเวลาบ้านเรา
เหรียญ Luna 2.0 ใช้ตัวย่อเหมือนเดิมคือ $LUNA ส่วนเหรียญเดิมที่รันในเชนเดิมยังอยู่ แต่เปลี่ยนชื่อเป็น Luna Classic หรือ $LUNC โดยเหรียญใหม่เริ่มถูกซื้อขายผ่านกระดานแลกเปลี่ยนดังๆ หลายแห่ง เช่น Bybit, Kucoin, Kraken ส่วนรายใหญ่อย่าง Binance ระบุว่าจะเริ่มซื้อขาย Luna ในเวลา 13.00 น. ของวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ (วันพรุ่งนี้)
ชุมชนผู้ถือเหรียญ Terra โหวตลงมติเห็นชอบข้อเสนอของ Do Kwon ที่ให้รีเซ็ตบล็อคเชนใหม่
ข้อเสนอนี้จะเรียกบล็อคเชนเดิมว่า Terra Classic และเหรียญ Luna Classic (LUNC) ส่วนบล็อคเชนใหม่จะเรียกว่า Terra และเหรียญ Luna (LUNA) เหมือนเดิม
ความแตกต่างระหว่างเชนเก่าและเชนใหม่คือ เชนใหม่ไม่มีเหรียญ UST อีกแล้ว โดยจะแจกเหรียญ Luna ใหม่ให้กับผู้ถือ Luna Classic และ UST เดิมตามที่เคยประกาศไว้
ข้อเสนอนี้ผ่านการลงมติเห็นชอบ 65.50%, ไม่เห็นด้วย 13.53% และงดออกเสียง 20.98%
Financial Times มีบทความสอบถามคนในแวดวงคริปโตของเกาหลีใต้ บ้านเกิดของ Do Kwon และ Daniel Shin สองผู้ก่อตั้ง Terraform Labs ที่ออกเหรียญ Luna/UST
สถานการณ์ในเกาหลีใต้ยุค Luna รุ่งเรือง และแนวทางการที่เจ้าของเหรียญ Luna สามารถนำเหรียญไปปล่อยกู้ แลกกับผลตอบแทนถึง 20% ทำให้คนเกาหลีใต้จำนวนมากแห่เข้ามาลงทุน
ตัวอย่างคือแม่ลูกสามคนหนึ่งที่นำเงินเก็บทั้งหมดมาซื้อ Luna โดยเชื่อมั่นในตัวของ Daniel Shin ที่เคยเป็นผู้ก่อตั้งเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ Ticket Monster และประสบความสำเร็จมาก่อน เธอยอมรับว่าผิดพลาดที่ไม่พิจารณาให้ดีก่อนลงทุน และตอนนี้เงินทั้งหมดสูญสลายไปแล้ว
Luna Foundation Guard (LFG) ออกมาแถลงรายละเอียดการใช้เงินคริปโตที่สำรองไว้เพื่อสู้ค่าเงิน UST ตามที่ถูกตั้งคำถามก่อนหน้านี้
ณ วันที่ 7 พฤษภาคม 2022 ก่อนเหตุการณ์ค่าเงิน UST หลุดจากที่ตรึงไว้ เงินคริปโตที่ Luna Foundation Guard ถือครองไว้มีดังนี้
เมื่อต้นปีนี้ โครงการ Terra/Luna ตั้งมูลนิธิ Luna Foundation Guard (LFG) ในสิงคโปร์ เพื่อซื้อ Bitcoin มาค้ำประกันมูลค่าของเหรียญ UST โดยมูลค่า Bitcoin ที่ระบุว่ามีในครอบครองคือ 70,736 BTC หรือคิดเป็นเงินประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์ (ในจำนวนนี้มี Bitcoin ที่กู้มาเป็นมูลค่า 750 ล้านดอลลาร์)
ข้ามเวลามาสามเดือน เราเห็นมูลค่าของ UST หลุดต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ที่ตรึงไว้ แม้ว่า LFG ประกาศนำเงินสำรองนี้ไปต่อสู้กับค่าเงินที่ลดลงในช่วงแรกก็ตาม (ก่อนยอมแพ้ไป) แสดงให้เห็นว่าโมเดลการใช้ Bitcoin มาค้ำประกันนั้นไม่ได้ผล
Do Kwon ผู้ก่อตั้ง Terra ออกมาเสนอแผนการพลิกฟื้นโลกแห่ง Terra หลังต้องปิดเชนรอบที่สองไปเมื่อวานนี้
Kwon ยอมรับว่ามูลค่าของเหรียญ Luna แทบเป็นศูนย์ไปแล้ว (essentially zero) ส่วน UST ยังมีมูลค่าคงเหลืออยู่หลายพันล้านดอลลาร์ (several billion dollars) อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่าต่อให้สภาพการซื้อขายกลับมาเป็นปกติ ผู้ถือ Luna ก็แทบไม่เหลืออะไรแล้ว ecosystem ตรงนี้หายไปหมด ส่วนความเชื่อมั่นใน UST ก็สูญหายไปเช่นกัน
ข้อเสนอของเขาจึงเป็นการ "รีเซ็ต" เครือข่าย Terra ใหม่ทั้งหมด ให้มีจำนวนเหรียญที่ 1 พันล้านเหรียญ แล้วแบ่งกันด้วยสัดส่วนดังนี้
จากที่เครือข่ายบล็อกเชน Terra ที่ใช้เหรียญ LUNA ระงับการทำงานเป็นรอบที่ 2 จึงส่งผลต่อการทำธุรกรรมทั้งหมดเชนดังกล่าว รวมทั้งการซื้อขายเหรียญ LUNA และ UST ด้วย โดยกระดานซื้อขายคริปโตในประเทศไทยต่างประกาศหยุดการซื้อขายดังนี้
เครือข่ายบล็อกเชน Terra ที่ใช้รันเหรียญ Luna กลับมารันต่ออีกครั้ง หลังปิดระบบชั่วคราวเมื่อคืนนี้ โดยอ้างว่าป้องกันการโจมตีเชน (governance attack) เพราะต้นทุนเหรียญ LUNA ถูกลงมาก
สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างหยุดรันเชนคือ Terra ได้ออกแพตช์ปิดการทำงานของ staking (หรือบางคนเรียก delegations) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ของบล็อกเชนประเภท proof of stakes (PoS) ที่เปิดทางให้เจ้าของเหรียญสามารถ "ตั้งตัวแทน" (delegates) ไปร่วมโหวตใน pool ได้ โดยที่เรายังเป็นเจ้าของเหรียญอยู่ แต่ให้สิทธิโหวตกับคนอื่นไปแทน (บทความอธิบายอย่างละเอียด)
เครือข่ายบล็อกเชน Terra ซึ่งใช้โทเค็น LUNA ได้ระงับการทำงานชั่วคราว โดย Terraform Labs ผู้พัฒนาระบบของ Terra ให้เหตุผลว่าเพื่อป้องกันการถูกโจมตี เนื่องจากราคาเหรียญ LUNA ปรับลดลงมาก จนทำให้ต้นทุนการโจมตีเชนทำได้ด้วยต้นทุนที่ถูกลง
ราคาเหรียญ LUNA ล่าสุดอยู่ที่ราว 0.01-0.02 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลจากการ mint เหรียญออกมาจำนวนมากเพื่อพยุงราคาของ stablecoin UST
Terraform บอกว่าเมื่อบล็อกเชนกลับมาให้บริการได้อีกครั้ง จะแจ้งเครือข่าย validator ให้เริ่มกลับมาทำงานต่อทันที
ที่มา: Coindesk
หลังเหตุการณ์เหรียญ UST หลุดค่าที่ตรึงไว้กับดอลลาร์ ก็มีข่าวลือว่าต้นตอของการทุบค่าเหรียญครั้งนี้คือบริษัท Blackrock และ Citadel ล่าสุดทั้งสองบริษัทออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ทาง Blackrock ส่งแถลงถึง Forbes ระบุว่าไม่ได้ซื้อขาย stablecoin รวมถึง UST แต่อย่างใด ขณะที่ฝั่ง Citadel นั้นทาง Forbes อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวว่าบริษัทไม่ได้กู้บิตคอยน์มาทุบ UST อย่างที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
แม้ทาง UST จะอยู่ในสถานะป้อมแตกไปแล้ว แต่เหรียญ stablecoin ที่มีการใช้งานมากที่สุดคือ USDT นั้นก็ถูกขายกดอย่างหนักเช่นกัน โดยมูลค่าลดลงตามตลาดซื้อขายต่างๆ ไปเล็กน้อย บางตลาดอาจจะเหลือ 0.95 ดอลลาร์
ความคืบหน้าของเหรียญ TerraUSD (UST) ที่หลุดมูลค่าตรึงไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังความพยายามสู้เพื่อให้ค่าเงินกลับมาในระดับเดิม ช่วงบ่ายวันนี้ราว 14.00-15.00 ตามเวลาบ้านเรา ป้อมก็แตก ทำให้มูลค่าของเหรียญ UST ลดลงไปต่ำสุดที่ราว 0.23 ดอลลาร์ และยังคงแกว่งตัวอยู่ในระดับ 0.3-0.5 ดอลลาร์ (ขณะที่เขียนข่าวนี้คือ 0.44 ดอลลาร์)
ฝั่งของเหรียญ Terra Luna ที่อยู่ในเครือเดียวกัน (และคอยค้ำมูลค่าของ UST) ก็ลดลงหนักราว 92% ในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุด ขณะที่เขียนข่าวเหรียญมีมูลค่า 2.49 ดอลลาร์ โดยลงไปต่ำสุดที่ 0.70 ดอลลาร์ต่อเหรียญ