Amazon Web Services
AWS เริ่มให้บริการเครื่อง Amazon EC2 แบบใหม่ P4 instance ที่ใช้จีพียู NVIDIA A100 สถาปัตยกรรม Ampere สำหรับลูกค้าที่ต้องการเครื่องพลังสูงมาทำ Machine Learning และงานด้าน HPC
ตอนนี้เครื่อง P4 ยังมีเพียงรุ่นย่อยเดียวคือ P4d.24xlarge และยังมีบริการเฉพาะเขตสหรัฐ สเปกเครื่องคือ
Canalys บริษัทวิเคราะห์ตลาดรายงานภาพรวมตลาดคลาวด์ทั่วโลกประจำไตรมาส 3 ปี 2020 พบว่าตลาดกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว มูลค่าตลาดรวม 36,500 ล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้นจากปีที่แล้ว 32.5% หรือเป็นเงิน 9,000 ล้านดอลลาร์ โดย AWS ยังคงครองตลาดได้ 32% ตามมาด้วย Azure 19%, Google Cloud 7%, และ Alibaba Cloud 6% แต่หากนับเฉพาะตลาดจีน Alibaba Cloud ยังคงอันดับหนึ่งต่อไป เนื่องจากภาครัฐหันมาใช้คลาวด์มากขึ้นในช่วงหลัง
ในรายงานยังระบุว่าความสนใจของตลาดเทไปทางเทคโนโลยี multi-cloud และ hybrid IT เนื่องจากองค์กรพยายามหาแนวทางการใช้งานที่เหมาะกับแต่ละงาน
ที่มา - Canalys
AWS เปิดตัวซีพียู Graviton ของตัวเอง (เป็น ARM) ในปี 2018, อัพเกรดเป็น Graviton 2 ในปี 2019 และเพิ่งเริ่มนำ Graviton 2 มาให้บริการในเดือนพฤษภาคม 2020 นี้เอง
ล่าสุด AWS ประกาศว่าบริการ Amazon ElastiCache จะเริ่มนำ instance ที่เป็นซีพียู Graviton 2 (M6g และ R6g) มาใช้งานแล้ว ความน่าสนใจคือ ElastiCache จะเลือกใช้ Graviton 2 เป็นค่าดีฟอลต์ด้วย ถ้าลูกค้าไม่เปลี่ยนค่าอะไร แปลว่าจะรันบน ARM แทนที่จะเป็น x86 นั่นเอง
AWS โอเพนซอร์สโครงการ Diagram Maker ไลบรารีจาวาสคริปต์สำหรับสร้างตัววาดแผนภาพ ที่แอปพลิเคชั่นจำนวนมากก็ต้องใช้งานกันอยู่แล้ว โดย AWS ระบุว่าไลบรารีที่มีอยู่เดิมไม่เหมาะกับงาน IoT เนื่องจากไลบรารีบางตัวก็เป็นระดับล่างเกินไปหรือบางตัวมี API ระดับสูงก็อินทิเกรดกับแอปพลิเคชั่นได้ยาก
Diagram Maker ของ AWS มีฟีเจอร์มาให้ในตัวค่อนข้างครบ ได้แก่
AWS เปิดฟีเจอร์ Cost Anomaly Detection สำหรับเตือนเมื่อค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติให้ลูกค้าทั่วไปใช้งานแบบพรีวิว โดยสามารถติดตามค่าใช้จ่ายทั้งในบัญชีเดียวกัน, ตามกลุ่มบัญชี, แยกประเภทบริการ, และแยกตามแท็กของบริการที่ใช้งาน
บริการนี้ไม่ได้ใช้เงื่อนไขตรงไปตรงมา เช่น การตั้งเพดานค่าใช้จ่ายหรือความเปลี่ยนแปลงรายวัน แต่ AWS ใช้อัลกอริทึมแบบ machine learning เพื่อตรวจจับแนวโน้มค่าใช้จ่าย โดยผู้ใช้สามารถกำหนดได้ว่าความผิดปกติเกินระดับใดจะแจ้งเตือน และจะให้บริการแจ้งเตือนบ่อยเพียงใด
นอกจากการใช้ machine learning ในการตรวจจับความผิดปกติแล้ว เมื่อมีการแจ้งเตือนบริการจะระบุต้นเหตุว่าเกิดค่าใช้จ่ายจากส่วนใด พร้อมลิงก์ไปยังบริการ Cost Explorer เพื่อตรวจสอบปัญหาต่อไป
Amazon CloudFront บริการ content delivery network (CDN) ของ AWS ประกาศรองรับการบีบอัดข้อมูลแบบ Brotli โดยเปิดใช้งานเป็นดีฟอลต์ (ก่อนหน้านี้ต้องเปิดตัวเลือกเอง)
Brotli เป็นฟอร์แมตการบีบอัดข้อมูลที่กูเกิลพัฒนาขึ้นในปี 2015 เพื่อใช้ทดแทน gzip ซึ่งนิยมใช้กันแพร่หลายในวงการเว็บเซิร์ฟเวอร์ ค่าเฉลี่ยแล้วอาจบีบอัดไฟล์ได้เล็กลงถึง 24% เทียบกับ gzip
AWS เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ EC2 แบบใหม่ T4g ที่ใช้ซีพียู Graviton2 ที่เป็นซีพียูสถาปัตยกรรม Arm ที่ AWS พัฒนาเอง
T4g ราคาถูกกว่า T3 20% ทำให้ราคาเครื่อง t4g.nano แรม 0.5GB มีค่าใช้งานเพียงเดือนละ 3.024 ดอลลาร์ ที่ราคาศูนย์ข้อมูล US East (Ohio) หรือประมาณ 95 บาทต่อเดือนเท่านั้น นับเป็นเครื่องรุ่นแรกของ AWS ที่ค่าบริการไม่ถึงเดือนละร้อย
T4g คิดค่าใช้งานแบบเครดิตซีพียู โดย AWS จะรับประกันประสิทธิภาพพื้นฐาน (baseline performance) เพียงบางส่วนของประสิทธิภาพคอร์จริง และหากใช้งานไม่เกินก็จะได้เครดิตสำหรับใช้งานให้เต็มประสิทธิภาพคอร์
Gartner ออกรายงานสรุปสถานการณ์แข่งขันในตลาดคลาวด์ (Magic Quadrant for Cloud Infrastructure and Platform Services) ประจำปี 2020
ผลลัพธ์ออกมาไม่มีอะไรน่าประหลาดใจ เพราะยังเหมือนปีก่อนๆ ที่ผู้ให้บริการ Top 3 ของโลก (AWS, Microsoft, Google) ยังอยู่ในกลุ่ม "ผู้นำ" (leaders) โดย AWS ยังนำคู่แข่งรายอื่นๆ แบบค่อนข้างทิ้งห่าง ส่วนผู้เล่นรายที่เหลือ 4 ราย (Alibaba Cloud, Oracle, IBM, Tencent Cloud) อยู่ในกลุ่ม "เฉพาะทาง" (niche players)
จากกรณี ไมโครซอฟท์เบียดชนะ AWS คว้างานใหญ่ JEDI Cloud กลาโหมสหรัฐ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนตุลาคม 2019 จนทำให้ AWS ต้องยื่นฟ้องศาลว่ากระบวนการพิจารณาไม่เป็นธรรม
กระทรวงกลาโหมสหรัฐตรวจสอบกระบวนการแล้วไม่พบความผิดปกติ และล่าสุดเสร็จสิ้นกระบวนการตรวจสอบ ยืนยันว่ายังให้ไมโครซอฟท์เป็นผู้ชนะโครงการ JEDI Cloud ดังเดิม (วิธีการคัดเลือกคือ กระทรวงกำหนดราคา 10,000 ล้านดอลลาร์ แล้วให้บริษัทเป็นผู้เสนอว่าจะให้อะไรบ้างในงบประมาณเท่านี้)
AWS เปิดตัว Bottlerocket OS ระบบปฎิบัติการเพื่อการรันคอนเทนเนอร์โดยเฉพาะ ตัดส่วนประกอบอื่นๆ ที่ใช้งานสำหรับเซิร์ฟเวอร์ปกติออกไป และเพิ่มระบบคอนฟิกผ่าน API แทนระบบไฟล์
จุดขายสำคัญของ Bottlerocket คือความปลอดภัย โดยส่วนประกอบอื่นๆ นอกจากเคอร์เนลพัฒนาด้วยภาษา Rust เป็นส่วนใหญ่เพื่อลดความเสี่ยงช่องโหว่การจัดการหน่วยความจำ, โครงการตั้งค่า SELinux แบบ enforcing เป็นค่าเริ่มต้น, และยังตรวจสอบการแก้ไขระบบปฎิบัติการ เพื่อหาการฝัง rootkit ด้วย dm-variety
AWS เปิดตัว AWS Controllers for Kubernetes (ACK) ซอฟต์แวร์ Operator สำหรับ Kubernetes ที่จะทำให้บริการบนคลาวด์กลายเป็นบริการที่เรียกใช้งานได้จากใน Kubernetes โดยตรง จากเดิมที่ก่อนหน้านี้เคยมีโครงการ AWS Service Operator ที่ Chris Hein พัฒนาเป็นงานอดิเรกมาก่อน ตอนนี้ทาง AWS ก็นำโครงการมาพัฒนาต่อ
ACK ทำให้การเรียกใช้ทรัพยากรต่างๆ ของ AWS กลายเป็นคอนฟิก YAML บน Kubernetes ไป โดยตอนนี้รองรับบริการ API Gateway V2, DynamoDB, ECR, S3, SNS, และ SQS ส่วนฟีเจอร์ที่กำลังเพิ่มในเร็วๆ นี้คือการเรียกระบบฐานข้อมูล RDS และ ElastiCache นอกจากนี้ทาง AWS ยังพิจารณาว่าจะรองรับการสร้างคลัสเตอร์ Kubernetes (Amazon EKS) บน ACK เอง ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการคลัสเตอร์จากคลัสเตอร์ได้
Amazon Braket บริการเช่าเครื่องคอมพิวเตอร์ควอนตัมของ AWS เข้าสถานะ GA (generally available) เรียบร้อย หลังเปิดทดสอบมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2019
Amazon Braket รองรับทั้งการรันควอนตัมบนซิมูเลเตอร์ และบนเครื่องจริงๆ (QPU หรือ Quantum Processing Unit) จากผู้ให้บริการ 3 รายคือ D-Wave, IonQ, Rigetti ซึ่งมีแนวทางแตกต่างกัน โดย IonQ และ Rigetti เป็นแนวทาง circuit-based ส่วน D-Wave เป็นแนวทาง quantum annealing
AWS ประกาศปรับรูปแบบงานประจำปี re:Invent จากเดิมเหมาหลายโรงแรมในลาสเวกัสกลายเป็นงานออนไลน์เต็มรูปแบบ และงานจะนานขึ้นเป็น 19 วันจากวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 18 ธันวาคมนี้
เดิม re:Invent มีกำหนดจัดงานวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 4 ธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงเดิมของทุกปี เฉพาะปี 2019 ค่าเข้าร่วมงานเต็มรูปแบบอยู่ที่ 1,799 ดอลลาร์และมีผู้ร่วมงานกว่า 60,000 คน
ผู้สนใจลงทะเบียนขอรับอัพเดตได้ที่เว็บ AWS
ที่มา - @jeffbarr
ไมโครซอฟท์ซื้อกิจการ Minecraft มาตั้งแต่ปี 2014 แต่ยังคงปล่อยให้ Minecraft ใช้เทคโนโลยีที่ไม่ใช่ของไมโครซอฟท์มายาวนาน ทั้งโปรแกรมเวอร์ชัน Java และรันบนคลาวด์ AWS (ภายหลัง Minecraft ออกเวอร์ชัน C++ ที่เรียกว่า Bedrock Edition มาเพิ่มเติม แต่เวอร์ชัน Java ก็ยังอยู่)
ล่าสุดไมโครซอฟท์ประกาศย้ายเซิร์ฟเวอร์ของ Minecraft จาก AWS มาเป็น Azure แล้ว โดยให้ข้อมูลสั้นๆ แค่ว่าทยอยย้ายระบบมาสู่ Azure เป็นเวลาหลายปีแล้ว และจะย้ายเสร็จสิ้นภายในปีนี้
ก่อนหน้านี้มีกรณีคล้ายๆ กันคือ LinkedIn ที่ซื้อมาตั้งแต่ปี 2016 ก็ทยอยย้ายมา Azure เสร็จในปี 2019
จุดเริ่มต้นของ Amazon Web Services คือการที่ Amazon ต้องการนำเทคโนโลยีเซิร์ฟเวอร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ภายใน มาหารายได้จากการให้องค์กรอื่น (ที่มีขีดความสามารถทางเทคโนโลยีเยอะไม่เท่า) มาเช่าใช้งานด้วย ภายหลังจึงค่อยพัฒนามาเป็นบริการคลาวด์อันดับหนึ่งของโลกในยุคปัจจุบัน
แต่แนวคิดการนำเทคโนโลยีภายในมาเปิดใช้งานยังคงอยู่ ล่าสุด Amazon เปิดเทคโนโลยีด้านไลฟ์สตรีมมิ่งที่เราคุ้นกันจาก Twitch มาให้องค์กรอื่นใช้งาน ในรูปบริการตัวใหม่ของ AWS ชื่อว่า Interactive Video Service (Amazon IVS)
AWS เปิดตัว cdk8s+ ไลบรารีที่ขยายต่อมาจาก cdk8s ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดย cdk8s+ สร้างเป็นส่วนขยายขึ้นมาเพื่อลดการเขียนโค้ดส่วนที่ไม่จำเป็นลง
โดยปกติการคอนฟิก Kubernetes มีออปเจกต์ต้องคอนฟิกต่อเนื่องกันหลายส่วน เช่นการเปิดบริการขึ้นมารับการเชื่อมต่อผ่านเน็ตเวิร์คก็ต้องคอนฟิกทั้งพอร์ตของบริการและสร้างออปเจกต์ Service ขึ้นมาอีกครั้ง รวมถึงต้องประกาศ label เพื่อให้ Kubernetes ส่งทราฟิกไปยังคอนเทนเนอร์ได้ถูกตัว แต่ใน cdk8s+ สามารถเขียนโค้ดประกาศบริการทีเดียว คอนฟิกที่ออกมาจะสร้าง label และออปเจกต์ขึ้นมาเอง
แม้เพิ่งประกาศโครงการมาไม่นานแต่ตอนนี้ repository ของ cdk8s ก็มีคนกดดาวถึง 1,300 คนแล้ว
Docker Inc. ร่วมมือกับ AWS รองรับการรัน docker-compose ขึ้น Amazon ECS และ AWS Fargate จาก Docker Desktop ได้ในคำสั่งเดียว
ผู้ใช้สามารถล็อกอินเข้า AWS ได้จาก Docker CLI จากนั้นสั่ง docker ecs compose up
เพื่อรันคอนเทนเนอร์บนคลาวด์ได้ทันทีโดยไม่ต้องเรียนการคอนฟิกบริการ ECS อีก
บริการนี้ยังอยู่ในสถานะเบต้า นักพัฒนาต้องใช้ Docker Desktop Edge เวอร์ชั่น 2.3.3.0 ขึ้นไป และตัวโค้ดเบื้องหลังเป็นปลั๊กอินของ Docker ที่เป็นโครงการโอเพนซอร์ส
ที่มา - AWS Blog
AWS ปรับสถานะบริการฐานข้อมูล RDS บน Outpost (ที่เพิ่งวางขายในไทย) เป็นสถานะ GA เปิดให้ลูกค้าสามารถสร้างฐานข้อมูลในองค์กรโดยไม่ต้องดูแลซอฟต์แวร์เอง ทำให้ AWS กลายเป็นคู่แข่งโดยตรงกับออราเคิลที่ให้ขายคลาวด์สำหรับการสร้างฐานข้อมูลในศูนย์ข้อมูลลูกค้าเองมาก่อนในชื่อ Cloud at Customer
AWS เปิดตัวโปรแกรม App2Container โปรแกรมสำหรับแปลงแอป Java และ .NET ที่อาจจะรันบน VM ให้กลายเป็น แอปแบบคอนเทนเนอร์อัตโนมัติ พร้อมสร้างคอนฟิกสำหรับการย้ายแอปขึ้นคลาวด์ไม่ว่าจะเป็น Kubernetes หรือ AWS ECS
App2Container รองรับแอปแบบ ASP.NET (.NET 3.5 ขึ้นไป) ที่รันบน IIS 7.5 ขึ้นไป หรือแอป Java ทั้งที่รันบน JBoss, Apache Tomcat, Spring Boot, IBM WebSphere, Oracle WebLogic หรือเซิร์ฟเวอร์อื่น
HEY ผู้ให้บริการอีเมลที่เพิ่งมีปัญหากับแอปเปิล เขียนบล็อกเล่าถึงการใช้คลาวด์ของบริษัท โดยการใช้ Spot Instance ของ AWS ที่มีค่าใช้ใช้งานเปลี่ยนไปตามปริมาณเครื่องคงเหลือของ AWS แต่ทาง HEY ก็ระบุว่ายังคงสามารถให้บริการโดยผู้ใช้อีเมลไม่รู้สึกอะไรแม้จะมีเครื่องถูกปิดไปตลอดเวลา
เมื่อวานนี้ AWS Outpost เริ่มทำตลาดในประเทศไทย วันนี้ทาง AWS โดยคุณ Paul Chen, Head of Solutions Architect ASEAN ก็แถลงข่าวในประเด็นนี้เพิ่มเติม
AWS เปิดตัว Amazon Honeycode บริการสำหรับพัฒนาแอปพลิเคชันง่ายๆ ที่มักใช้บ่อยในฝั่งธุรกิจ ผ่านอินเทอร์เฟซแบบลากแล้ววาง โดยไม่ต้องเขียนโค้ดแม้แต่บรรทัดเดียว ("ง่ายเหมือนกินน้ำผึ้ง" ประโยคที่ AWS ไม่ได้กล่าวไว้)
Amazon Honeycode จับตลาดการพัฒนาโปรแกรมแบบง่ายๆ (No-Code หรือ Low-code) ที่องค์กรมักต้องสร้างแอปพลิเคชันตอบโจทย์การใช้งานภายใน ดึงข้อมูลจากไฟล์สเปรดชีต ทำฟอร์มผ่านหน้าเว็บ ให้หัวหน้าอนุมัติเอกสาร ฯลฯ (หรือเรียกง่ายๆ คืองานที่เคยเขียนด้วย VBA ในอดีตนั่นเอง)
Amazon ประกาศเพิ่มประเทศที่ให้บริการ AWS Outpost เซิร์ฟเวอร์คลาวด์สำหรับติดตั้งในองค์กรเพิ่มขึ้นอีก 9 ประเทศ จากเดิมที่จำกัดประเทศที่ใช้งานได้ต้องเป็นประเทศที่มีศูนย์ข้อมูล AWS อยู่เท่านั้น โดยเพิ่ม บราซิล, อินเดีย, อิสราเอล, มาเลเซีย, เม็กซิโก, นิวซีแลนด์, แอฟริกาใต้, ไต้หวัน, และไทย ตรงตามที่ AWS ประเทศไทยเคยระบุมาก่อนหน้านี้
ตัว Outpost เป็นตู้เซิร์ฟเวอร์สำเร็จรูปที่จัดการภายในโดย AWS ทั้งหมด สำหรับองค์กรที่มีเงื่อนไขด้าน latency หรือติดกฎการคงข้อมูลไว้ในประเทศ แต่กระบวนการจัดการนั้นต้องเปิดทางให้ทาง AWS เข้าไปจัดการได้ และการสั่งงานต้องผ่านทางคอนโซลของ AWS อยู่ดี
AWS มีเซิร์ฟเวอร์สำหรับสั่งมาใช้งานแบบ edge computing ในชื่อตระกูล Snow เช่น Snowball เซิร์ฟเวอร์สตอเรจความจุ 50TB แต่น้ำหนักก็มากกว่า 20 กิโลกรัม วันนี้ทางบริษัทก็เปิดตัว Snowcone เซิร์ฟเวอร์ตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม
Snowcone มีซีพียูไม่ระบุรุ่นจำนวน 2 คอร์ แรม 4GB และสตอเรจ 8TB ตัวเครื่องในเคสแบบสมบุกสมบัน สามารถสร้างเครื่อง EC2 ได้ 3 ขนาด โดย snc1.medium จะกินทรัพยากรทั้งหมด
แนวทางการใช้งาน Snowcone เช่นการใช้เป็นเกตเวย์สำหรับส่งข้อมูลขึ้น AWS โดยอาจจะมีการประมวลผลบางส่วนก่อน เช่น การออกกองถ่ายและเซฟข้อมูลตลอดเวลา, การเก็บข้อมูลจากอุปกรณ์ IoT และเครื่องจักรอุตสาหกรรม
นักวิจัยจาก vpnMentor เว็บไซต์เปรียบเทียบ vpn และลงข่าวข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต เปิดเผยว่าเข้าไปพบ AWS S3 bucket ที่คอนฟิกผิด และมีข้อมูลผู้ใช้แอปหาคู่ 9 แอป เช่น แนวเสี่ยหาเด็กเลี้ยงแบบ SugarD, หาคู่สำหรับผู้หญิงอายุเยอะกว่า CourgarD, แอปหาคู่เกย์สายหมี Gay Daddy Bear, แอปหาคู่ของคนที่เป็นโรคเริม Herpes Dating (อิหยังวะ) และอีกมากมาย ที่คาดว่ามีผู้พัฒนารายเดียวกัน
ข้อมูลที่หลุดประกอบไปด้วยรูปภาพแนว 18+ ข้อมูลการสนทนา ข้อมูลบัญชีธนาคาร ไฟล์บันทึกเสียง และข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตนผู้ใช้ได้ มากว่า 845 GB จำนวนประมาณ 20 ล้านไฟล์ คาดมีข้อมูลของผู้ใช้ ราว 100,000 คน แต่ข้อมูลก็ถูกล็อกไปแล้วตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังผู้ค้นพบแจ้งหนึ่งในเว็บไซต์ที่ข้อมูลหลุดไป