มาตามนัดทันทีหลังจากที่ Google และ Verizon ได้ออกแผนเรื่อง net neutrality ออกมา (ข่าวเก่า) ซึ่งตามแผนนั้นจะไม่รวมเครือข่ายไร้สายเข้าไปในข้อตกลง ซึ่งแน่นอน AT&T เองก็ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า เห็นด้วยกับการที่ระบบการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายไร้สายต้องมีกฏที่แตกต่างจากการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายแบบมีสาย
AT&T อ้างว่าเนื่องจากความสามารถในการรองรับข้อมูลของเครือข่ายไร้สายค่อนข้างมีจำกัด ดังนั้นการจัดลำดับความสำคัญของ traffic จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำเพื่อทำให้ผู้ใช้ได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด แต่ก็ย้ำว่าทาง AT&T ยังสงวนท่าทีไม่ขอออกมาแสดงความเห็นในประเด็นอื่นๆ ของข้อตกลงแต่อย่างใด
โด่งดังจริงๆ กับเว็บ WikiLeaks ซึ่งเป็นเว็บที่เอาข้อมูลภายในของทั้งภาครัฐและเอกชนมาเปิดเผยต่อสาธารณะ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้เอาข้อมูลของทหารสหรัฐในอัฟกานิสถานมาเปิดเผย ซึ่งมีข้อมูลที่ทำลายชื่อเสียงของทหารสหรัฐอย่างหนัก เท่านั้นยังไม่พอทาง WikiLeaks กำลังจะเปิดเผยเอกสารลับเพิ่มเติมออกมาอีก แต่ที่ทำให้เป็นปัญหาขึ้นมาเพราะข้อมูลที่ WikiLeaks นำมาเปิดเผยนั้นทำให้คนหลายคนตกอยู่ในอันตรายเลยเป็นประเด็นว่า ตรงไหนล่ะคือจุดที่สมดุลระหว่างเสรีภาพบนอินเตอร์เน็ตกับการลรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองนำมาเปิดเผยซึ่งอาจจะทำให้ผู้อื่นตกอยู่ในอันตราย
หลังจากข่าวที่ Google จับมือกับ Verizon ออกข้อตกลงร่วมเรื่อง net neutrality (ข่าวเก่า) และมีปฏิกริยาจากฝ่ายต่างๆออกมามากมายวันนี้ผมจะนำมุมมองของคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่อง net neutrality จาก Harvard Business Review มาให้อ่านกันเพื่อจะได้ทำให้เราได้มองในมุมกลับว่าข้อเสียของ net neutrality ก็มีเหมือนกันครับ ข่าวนี้ผมนำมาเพื่อสอบถามความเห็นของทุกท่านว่าท่านคิดว่าอย่างไรกับประเด็นที่ผู้เขียนบทความต้นฉบับเขียนมาขอเชิญทุกท่านแสดงความเห็นได้เต็มที่ครับทั้งเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
ที่ผ่านมาทุกคนค่อนข้างเห็นด้วยกับการที่แอนดรอยเปิดกว้างใครผู้ผลิตคอนเทนต์ผลิตอะไรก็ได้ ตรงข้ามกับ Apple โดยสิ้นเชิง จนเกิดวาทะจาก Steve Jobs ว่าถ้าอยากซื้อโปรแกรมโป๊ก็ให้ไปซื้อบนแอนดรอย แต่ความเป็นอิสระนั้นถ้าไม่ถูกตรวจสอบเลยก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง หากเจ้าของระบบปฏิบัติการมีความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งนี้กำลังจะเป็นเรื่องที่ผมอยากนำเสนอและสอบถามความคิดเห็นของทุกท่าน ว่าอะไรคือเส้นแบ่งระหว่างอิสระภาพกับความรับผิดชอบผมขอยกกรณีตัวอย่างให้เห็นภาพครับ
เหตุเกิดเนื่องจากคุณ Michael Gartenberg ได้ทวีตบนทวิตเตอร์ว่าเขาได้ค้นหาคำว่า "Jewish" ในแอนดรอยมาร์เก็ตกลับพบ themes ของนาซีกับฮิตเลอร์จำนวนมากแน่นอนว่าทาง Engadget ได้เข้าไปตรวจสอบดูและพบว่าเป็นเรื่องจริง
ก่อนหน้านี้มีข่าวมานานแล้วว่าทาง FCC ของอเมริกาพยายามที่จะเพิ่มข้อบังคับใหม่ให้กับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเพื่อทำให้ผู้บริโภคไม่ถูกเอาเปรียบโดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแต่เรื่องก็เงียบหายไปเพราะไม่สามารถตกลงกันได้แต่สองสามวันที่ผ่านมาผมเห็นข่าวของ Google และ Verizon ที่ประกาศขอตกลงเรื่อง net neutrality ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจและผมยังไม่เห็นทาง กทช. ออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้เลยผมเลยอยากจะนำบทสรุปของข้อตกลงระหว่าง Google กับ Verizon ที่ทาง Engadget ทำสรุปไว้มาแปลเพื่อสอบถามความเห็นของทุกๆท่านครับ