ผู้ใช้ระบบปฏิบัติการวิสต้าหลายท่านคงเคยประสบกับปัญหาที่ว่า ไม่สามารถติดตั้งหรือรันโปรแกรมบางตัวได้บนวิสต้า แต่โปรแกรมเหล่านั้นกลับทำงานได้บนวินโดว์รุ่นเก่าๆ ซึ่งปัญหานี้อาจเป็นหนึ่งในหลายสาเหตุที่ทำให้ผู้ใช้กลุ่มหนึ่งถอดใจจากวิสต้าแล้วกลับไปใช้ Windows XP
เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ไมโครซอฟท์ได้ส่ง Microsoft Enterprise Desktop Virtualization (หรือ MED-V) เวอร์ชัน 1 รุ่นเบต้าให้ดาวน์โหลดกันแล้ว โดย MED-V ใช้ความสามารถของ Microsoft Virtual PC ในการสร้างคอมพิวเตอร์เสมือน และผู้ใช้สามารถเลือกระบบปฏิบัติการวินโดว์เวอร์ชันเก่าสำหรับการทำงานของคอมพิวเตอร์เสมือนนี้ได้ (เช่น Windows XP หรือ Windows 2000) ทำให้คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้สามารถรันวิสต้าและวินโดว์เวอร์ชันเก่าได้พร้อมๆกัน
คาดว่า MED-V รุ่นรีลีสจะออกภายในไตรมาสที่สองของปีนี้ ส่วนรายละเอียดของรุ่นเบต้าสามารถดูได้ที่เว็บของไมโครซอฟท์ (ต้องใช้ Live ID ถึงเข้าเว็บได้) ทั้งนี้ ท่านต้องกรอกแบบสอบถามก่อน ถึงจะดาวน์โหลด MED-V ได้
ที่มา - The Register และ Microsoft
Comments
เสริมจากข่าว
MED-V มีชื่อเดิมคือ Kidaro ซึ่งไมโครซอฟท์ซื้อมาเมื่อปีที่แล้ว ผมไม่มีวิสต้า เลยไม่ได้ลองใช้ MED-V และไม่เห็นภาพชัดเจนว่าเมื่อใช้ MED-V แล้วจะไปต่างจากติดตั้ง Virtual PC 2007 (หรือ VMware / VirtualBox) แล้วลงคอมพิวเตอร์เสมือนเองอย่างไร
ใครมีวิสต้าแล้วได้ทดลอง MED-V ก็ช่วยวิจารณ์กันหน่อยครับ แต่ข้อมูลจากไมโครซอฟท์กล่าวว่า MED-V ทำให้ผู้ใช้สามารถเอา image ของ Virtual PC มารันบนวิสต้า และรันแบบ "invisible" ซึ่งผมเข้าใจว่าคงหมายถึง transparency อันทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่า เขาใช้เพียงวิสต้าอย่างเดียว โดยไม่รู้สึกเลยว่ามี Virtual PC หรือคอมพิวเตอร์เสมือนเครื่องอื่นรันพร้อมๆกันกับวิสต้า ดังนั้น จึงเป็นผลให้วิสต้าสามารถติดตั้งโปรแกรมเก่าๆที่เคยรันได้บน XP อย่างไม่ (น่า) มีปัญหา
ขณะนี้ MED-V สนับสนุนการทำงานบน Windows Vista SP1 (32-bit) และ Windows XP SP2 และ SP3 (32-bit) ส่วนคอมพิวเตอร์เสมือน (หรือ Guest) รองรับระบบปฏิบัติการ Windows XP Pro SP2 หรือ SP3 และ Windows 2000 SP4
ข้อมูลจากไมโครซอฟท์กล่าวว่า ปัญหาความเข้ากันไม่ได้ (incompatibility) ระหว่างโปรแกรมรุ่นเก่ากับวินโดว์รุ่นใหม่ ทำให้เกิดความล่าช้าต่อการอัพเกรดไปใช้วินโดว์รุ่นล่าสุด และ (คำพูดผมเอง) ทำให้ผู้ใช้บางกลุ่มไม่ซื้อวิสต้า ส่วน Windows 7 ก็อาจจะเกิดปัญหาเช่นนี้เหมือนกัน (ผมอ่านจากคำบอกเล่าของผู้ที่ได้ลอง Windows 7 บางท่าน) ซึ่งไมโครซอฟท์ก็อาจจะใช้วิธีแก้ปัญหาในรูปแบบเดียวกัน
อ้างอิง - Microsoft
My Blog / hi5 / tumblr. / Follow me
My Blog
ผมยังสงสัยว่าทำไมทำแบบ Wine ไม่ได้หรือที่นำไลบราลีมาคอมไพล์ใหม่สำหรับวืสตาทำให้ใช้งานได้โดยไม่ต้องทำการจำลองระบบ
LongSpine.com
จะคล้ายๆ พวก thinapp หรือเปล่าน้าาา
มันจะลำบากชีวิตกว่าเดิมมั้งเนี่ย ผมว่าพวก end user คงไม่สามารถขนาดนั้นมั้งครับ
ขนาดผมเองไม่ใช่ end user ก็ยังคิดเลยว่าจะใช้ Vista ไปทำไม ในเมื่อยังใช้งาน XP ได้ดีอยู่
เคยลองใช้ Vista ได้เกือบเดือนก็ทนไม่ได้กับความอืดของมัน(เมื่อเทียบกับ xp) ส่วน 7 นั้นก็ลงไปได้ไม่ถึงชั่วโมงก็เอาออก
เพราะไม่เห็นว่าจะดีกว่า Vista ตรงไหน
จริงๆแล้วอาจจะเป็นผมเองก็ได้ที่ไม่เหมาะกับ Vista และ 7 -*-
ถ้าทำแบบกดคลิ๊กขวาแล้วเลือกจะ run ผ่านระบบ os ไหนได้เลยก็ดีสิ
ติดตั้งใน 7 ไม่ได้แฮะ
"ทำให้คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้สามารถรันวิสต้าและวินโดว์เวอร์ชันเก่าได้พร้อมๆกัน"
มันจะกินหน่วยความจำหนักขึ้นไปอีกไหมเนี่ย ขนาดแรม 1 กิ๊กยังจะไม่พอให้มันเขมือบเลย ระบบมันจะสับสนในตัวมันเองหรือเปล่า เดี๋ยวจะกลายเป็นบักส์หรือไม่ก็รูรั่วปล่อยให้เหล่าสัมภเวสีมาสิงสถิตย์ได้
แนวคิดเดียวกับ bootcamp ?
Bootcamp รันได้ 2 ระบบพร้อมๆกันในเวลาเดียวกันได้แล้วหรือครับ ?
Bootcamp ที่ผมใช้ ต้องเลือกเอาว่าจะรันโอเอสไหน และรันได้ัครั้งละโอเอส อย่างไรก็ตาม ผมใช้ Parallel Desktop ให้ดึง image ของ Windows มารันพร้อมๆกับ Mac OS X ไำด้ครับ
สำหรับ MED-V ผมคิดว่า ไอเดียมันต่างจาก Virtualization แบบปกติ ตรงที่มันเป็น Desktop Virtualization หมายถึง เรามี Desktop เดียว (คือ Vista) แต่รันได้หลายโปรแกรมที่ออกแบบมาให้ทำงานบนโอเอสที่ต่างกันได้ในเวลาเดียวกัน (และพร้อมๆกัน) คงเทียบได้กับ feature พวก seamless desktop ของ virtualization ของหลายๆยี่ห้อมากกว่าครับ
My Blog / hi5 / tumblr. / Follow me
My Blog
Parallels Desktop, VM-Ware, Virtual Box
(Virtualization)
แนวนี้มากกว่าครับ
Boot Camp มัน Native ...