สำหรับคนที่อ่านข่าวสารไอทีผ่านทาง Blognone ช่วงนี้อาจสังเกตได้ว่า จำนวนข่าวต่อวันของ Blognone ลดลงอย่างเห็นได้ชัด (ส่วนจำนวนเนื้อหาใหม่ ๆ ของ BioLawCom ต่อเดือนนั้นลดฮวบมานานแล้ว) ทีแรกผมก็นึกว่า เป็นเพราะช่วงนี้เป็นช่วงสงกรานต์ ทีมเขียนข่าวลาพักร้อน เลยไม่ค่อยได้เขียนกัน แต่แล้ว mk หนึ่งในผู้ก่อตั้ง และผู้เขียนหลัก ก็เฉลยความจริงออกมาว่า ขอบายเลิกเขียนข่าวไปสักพัก เพราะเบื่อสาวก Apple จึงทำให้จำนวนข่าวใน Blognone ลดลงด้วยประการฉะนี้แล
ที่มา : BioLawCom.De
สงครามค่ายไอที เป็นเรื่องที่มีให้เห็นตลอดเวลา ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง แล้วแต่กาละเทศะ มีตั้งแต่สงครามระบบปฏิบัติการ Windows vs. Linux vs. Mac OS X สงครามภาษาเขียนโปรแกรม Java vs. Python vs. Ruby vs. C# สงครามฐานข้อมูล MySQL vs. PostgrSQL vs. MS SQL vs. Oracle สงคราม Open Source vs. Proprietary สงคราม ค่ายหนัง ค่ายเพลง vs. BitTorrent สงคราม Search Engine etc. นับกันไม่หวาดไม่ไหว
โดยส่วนตัว ผมชอบอ่านอะไรแบบนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะผมซาดิสต์เท่านั้น แต่ผมรู้สึกว่า หากถกกันเรื่องพวกนี้ แล้วยกเหตุ และปัจจัยมาฟัดมาเหวี่ยงกัน นากจากจะได้ความเพลิดเพลินในการอ่านแล้ว ยังได้ความรู้และมุมมองใหม่ ๆ อีกด้วย (บางครั้งมันนำไปสู่ innovation) แต่ส่วนมากแล้ว กรอบในการปะทะคารมมักไม่ได้หยุดอยู่เพียงนั้น มันมักจะลามปาม ออกนอกลู่นอกทาง เกิดการกระทบกระแทกเสียดสี บางคนถึงขนาดละทิ้งหลักแห่งเหตุผล ไปลงเอากับความเชื่อ เข้าขั้นไสยศาสตร์ก็มีไม่น้อย ใช่ว่าอาการผีเข้าแนว ๆ นี้จะไม่เคยเกิดขึ้นกับผม มันไม่เคยละเว้นใคร ผมเองก็ต้องคอยระวังเนื้อ ระวังตัว ระวังปาก ระวังคำอยู่บ้างเหมือนกัน
แต่เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าเรากำลังถูกไสยศาสตร์เข้าครอบงำ ?
หลวงพ่อ หรือหมอผีก็บอกเราไม่ได้ครับ เราต้องตรวจสอบตัวเอง เมื่อไรที่เรารู้สึกว่า สิ่งที่เราชอบไม่มีข้อเสียอะไรเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างดีไปหมด นั่นแหละ คุณกำลังถูกไสยศาสตร์เข้าครอบงำ และกำลังกลายเป็นสาวกของอะไรบางอย่าง ทุกอย่างในโลกนี้ ย่อมมีข้อดีและข้อเสียในตัวของมันเอง อยู่ที่ว่าข้อดีกับข้อเสียเหล่านั้น มันเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เราจะนำมันมาใช้งานหรือไม่
แต่ระยะหลังมานี้ ในโลกไซเบอร์ของคนไอที มีเหล่าสาวกของ Apple ปรากฏกายให้เห็นบ่อยครั้ง และบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ จนสร้างความอึดอัดใจให้กับใครหลาย ๆ คน (รวมถึงกรณีตัวอย่างที่ยกมา คือ คุณ mk) ที่น่าสนใจคือ ทำไมสาวก Apple จึงมีมากขึ้นเรื่อย ๆ และอะไรที่สาวก Apple สร้างความอึดอัดใจให้กับคนอื่น
ทำไมสาวก Apple จึงมีมากขึ้น ก็เพราะมีคนใช้ Apple กันมากขึ้น แล้วทำไมคนใช้ Apple กันมากขึ้น ตอบแบบกำปั้นทุบดิน คือ การตลาดของ Apple ดี ยุทธวิธีการขายของ Apple นั้นง่าย ๆ ครับ ทำสินค้าของตัวเองให้เป็นแฟชั่น มากกว่าจะเป็นสินค้าไอที ทำให้คนใช้รู้สึกว่า การใช้ Apple มันเท่ห์ ความเทห์ของ Apple อยู่ที่ดีไซน์อันโดดเด่น และการออกแบบตามหลักการ minimalist พร้อมกับโฆษณาตัวโต ๆ ว่า "The best practice" แน่นอนว่า การตลาดและโฆษณาเพียงสองอย่างคงไม่พอ ตัวผลิตภัณฑ์เองก็ต้องมีคุณภาพ และราคาอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ด้วย
ผมยอมรับว่าผลิตภัณฑ์ Apple มีความลงตัวมาก ในเรื่องของ ดีไซน์ คุณภาพ ราคา และความเท่ห์ แต่ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ Apple มีความพิเศษอยู่ที่ เราไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Apple ได้ โดยพิจรณาเพียงแค่
ดีไซน์ คุณภาพ และราคาได้ เพราะมีสินค้าหลายยี่ห้อ ที่มอบดีไซน์ และคุณภาพของสินค้าให้กับลูกค้าได้พอ ๆ กับ Apple ในสนนราคาที่ต่ำกว่ามาก ดังนั้น ตัวแปรสำคัญที่สุดในเรื่องนี้ คือ ความเท่ห์
สิ่งที่ Apple หยิบยื่นให้กับลูกค้า ผ่าน MacBook ไม่เหมือนกับการขายโน้ตบุ้คคุณภาพอย่าง ThinkPad ที่ IBM หรือ Lenovo ทำ การขาย iPhone ไม่เหมือนกับการขาย Smart Phone อื่น ๆ ที่ Blackberry หรือ Nokia หรือ Motolora หรือ Samsung ทำ การขาย iPod ไม่เหมือนการขาย Walkman หรือเครื่องเล่น MP3 อื่น ๆ แต่สิ่งที่ Apple กำลังทำอยู่ไม่ต่างจากการขาย Prada หรือ Luis Vuitton หรือสินค้าฟุ่มเฟือยอื่น ๆ (แต่ผมก็ยอมรับว่าการซื้อ Apple ไม่ฟุ่มเฟือยเท่าซื้อ Prada หรือ Luis Vuitton) สิ่งที่มากับ MacBook, iPhone หรือ iPod ไม่ได้มีแค่วงจรอิเลคโทรนิค แต่รวมไปถึง life style ที่สามารถบอกสถานะทางสังคม วิธีการใช้ชีวิตของผู้ใช้ เป็นเครื่องมือที่ผู้ใช้ต้องการบอกคนอื่นว่า "ฉันก็ Cool เหมือนกันนะ" (สำหรับคนที่ใช้ Apple ด้วยเหตุผลอื่น ๆ ก็อย่าว่ากันนะครับ ผมแค่พยายามอธิบายพฤติกรรมของเหล่าสาวกเฉย ๆ)
ดังนั้นโฆษณา Apple ที่เราเห็น มันจะไม่ใช่โฆษณาขายสินค้าแต่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นโฆษณาที่มาพร้อมกับ life style แบบเท่ห์ ๆ เสมอ เช่น มีเพลงประกอบเทห์ ๆ มีท่าเต้นเทห์ ๆ มีการใช้ชีวิตแบบเท่ห์ ๆ แต่เนื่องจากความเท่ห์เป็น relation หรือความสัมพัทธ์ การมีอยู่เพียงหนึ่งเดียวไม่สามารถประกาศความเท่ห์ได้ เราจึงได้เห็นโฆษณาชุด Get a Mac ซึ่งมีนัยะของการข่มผู้ใช้ PC ทั่วไปเพื่อประกาศความเท่ห์ของผู้ใช้ Apple อยู่
ในเมื่อความเท่ห์เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อสินค้า Apple เป็นปัจจัยที่สำคัญพอ ๆ กับ ดีไซน์ คุณภาพ และราคา ลองคิดดูครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากมีคนเสนอแนวคิดที่ว่า "ผลิตภัณฑ์ Apple ราคาแพงกว่าที่ควรจะเป็น" หรือ "ผลิตภัณฑ์ Apple ไม่ได้มีคุณภาพดีกว่าผลิตภัณฑ์ยี่ห้ออื่น" หรือ "Apple ไม่ได้ใช้ง่ายอย่างที่ใคร ๆ เข้าใจกัน" ในห้วงความคิดแรก หลายคนอาจมองว่าไม่เกี่ยวกับความเท่ห์เท่าไร แต่จริง ๆ แล้วมันเกี่ยวแบบเต็ม ๆ เพราะความเท่ห์ของ Apple ไม่ได้มีเพียงเรื่องดีไซน์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความฉลาดในการเลือกซื้อด้วย เมื่อเป็นเช่นนั้น ความขัดแย้งย่อมบังเกิด การประกาศความเป็นสาวก เพื่อปกป้องความเท่ห์ของการเลือกใช้ Apple จึงมีให้เห็น สงครามสาวก Apple vs. The Other จึงเลี่ยงไม่ได้ และมักจะจบตรงบทสรุปที่ว่า สินค้า Apple ดีทุกประการ (ในสายตาสาวก) ส่วนคนอื่น ๆ ก็เบื่อและเลิกไปเอง (ส่วนหนึ่งเพราะคิดว่า ไม่ได้ควักเงินซื้อของให้สาวก)
ด้วยประสบการณ์ส่วนตัว ผมคิดว่า ผมจะไม่ซื้อสินค้าของ Apple อีก หากการตลาดและ Product Line ของ Apple ยังคงเป็นอยู่แบบในตอนนี้ ผมเคยซื้อสินค้ายี่ห้อ Apple มาใช้งานสองชิ้น และเคยสัมผัส Mac OS X (จาก MacBook ของรุ่นน้อง) และ iPhone (จากร้าน Telekom) มาบ้าง สำหรับ Mac OS X และ iPhone ผมคงไม่วิจารณ์อะไรมากนัก เพราะ จุดแข็งของ Mac OS X อยู่ที่ Usability แต่ Usability สำหรับผมคือความเคยชิน และผมเป็นคนไม่ชอบใช้ Smart Phone อยู่แล้วก็เลยไม่ได้สนใจ iPhone มากนัก
แต่ iPod สองเครื่องที่ผมซื้อมา ทำให้ผมมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับ Apple อย่างมาก ด้วยเหตุผลดังนี้
สุดท้ายผมเลยเลิกใช้ iPod ทั้งที่มันยังไม่พัง (แต่แฮงค์บ่อยมาก) แล้วซื้อ Phillip GoGear มาใช้งานแทน รู้สึกมีความสุขในการใช้งานมากกว่ากันมากมาย ด้วยความไม่ประทับใจเหล่านี้ ผมจึงไม่อยากซื้อสินค้า Apple มาใช้งานอีก ยิ่งเมื่อพิจรณาถึงปัจจัยเรื่อง feature, คุณภาพ และราคาด้วยแล้ว ความน่าซื้อของ Apple ก็ยิ่งลดลง
ผมตั้งใจไว้ว่า หลังจากเรียนจบจะซื้อโน้ตบุ้คใหม่หนึ่งเครื่อง (งานที่ผมทำอยู่เป็นงาน Simulation และ Data Processing ที่ใช้พลังการคำนวนเยอะที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เลยใช้เป็นข้ออ้างในการเปลี่ยนโน้ตบุคได้บ่อย ๆ) หนึ่งในตัวเลือกที่ผมสนใจคือ MacBook ด้วยเหตุผลที่ว่า หากใช้ MacBook ผมก็จะสามารถใช้ระบบปฏิบัติการที่สำคัญได้ครบทั้งสามตัว คือ Linux, Windows และ Mac OS เพื่อที่จะใช้ทดสอบซอพท์แวร์ที่เขียนขึ้น แต่เมื่อคิดไปคิดมา มันเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย ในการที่ผมต้องเสียเงินเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า (โน้ตบุ้คสเปคเดียวกัน ยี่ห้ออื่น ๆ ถูกกว่า MacBook ประมาณสองเท่า) เพื่อที่จะใช้ Mac OS ทั้งที่ Mac OS สามารถใช้งานบนโน้ตบุ้คเครื่องอื่น ๆ ได้ หาก Apple ต้องการ
และนี่คือตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น สำหรับนโยบายผูกขาดของ Apple ที่มีให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรณี iTunes หรือ App Store สำหรับ Apple แล้วทุกอย่างควรอยู่ในการควบคุม โดยมักใช้ข้ออ้างในเรื่องคุณภาพที่ลูกค้าควรได้รับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมรับไม่ได้มากที่สุด เพราะมันขัดต่อแนวทาง Open Source ที่ผมชื่นชอบ
ที่สุดแล้ว การตัดสินใจเลือกใช้สิ่งต่าง ๆ ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล ที่ทุกคนมีสิทธิที่จะตัดสินใจ แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ไม่สามารถกำหนดให้ทุกคนคิดและตัดสินใจเหมือนเราได้
Comments
ชัดเจนดีครับ เขียนได้เป็นกลาง (โดยเฉพาะแถวสองย่อหน้าสุดท้าย)
ezybzy.info blog
กลาง? (ถ้าจัดเลย์เอาต์แบบ center อาจจะพอรู้สึกว่าเขียนได้เป็นกลางนะครับ) ผมอ่านดูแล้วไม่เห็นรู้สึกเป็นกลางเลย :(
อันนี้เป็นหัวซ้ายครับ แบบไม่ indent ด้วย 55+
เป็นพวกซ้ายจัดนั่นเอง ^ ^
เอ้า... กราบบบ
pittaya.com
pittaya.com
ปูเสื่อ จองที่
ปล.ซักพักจะเขียนข่าว "มะละกอ มะละกอ มะละกอ"
รับสมัครคนเขียนข่าวกล้วยกับส้ม :P
ผมรับเขียน "กล้วย กล้วย กล้วย" ละกัน ยาวดีเกือบ 8 นิ้วแน่ะ
My Blog
ส้ม ส้ม ส้ม ส้ม
ต้องข้างๆ แหว่งด้วยป่าวหว่า?
บล็อกของผม: http://sikachu.com
บล็อกของผม: http://sikachu.com
สรุปว่าไงครับ ขี้เกียจอ่าน
NERD GOD
อ่านย่อหน้าสุดท้ายสิครับ
@TonsTweetings
ผมก็อึดอัดกับ Mac mini ครับ แต่ให้อภัยได้เพราะมันน่ารักนี่แหละ :P
ผมยังลังเลไม่ซื้อ iPod เพราะต้องใช้กับ iTunes เช่นเดียวกันครับ ทั้งใหญ่ทั้งอืด -_-'
ผมได้รับประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีเกี่ยวกับ MacBook มามากมายเหลือเกิน แต่ท้ายที่สุด laptop เครื่องที่ 2 ของผมก็ยังคงเป็น MacBook ครับ ด้วยเหตุผลเพราะความเคยชินในการใช้งาน OS และเคยชินในโปรแกรมต่างๆที่เคยใช้ รวมทั้ง UI ที่ผมชอบมากว่า OS อื่นๆ
ในบรรดา Laptop ทั้งหลาย ผมคิดว่า Apple นี่ทนที่สุดแล้วครับ ใช้งานได้นานหลายปี อย่างไม่มีปัญหาเลยครับ
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
ผมเห็นแมคบุคแล้วรู้สึกไม่อยากใช้ ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี ไม่สวย หรือแพง แต่รู้สึกว่าัมันดูหรูเกินไปที่จะถือเดินไปเดินมาในออฟฟิศ หรือควักออกมาใช้กลางที่สาธารณะ รู้สึกออกแนวอาย ๆ นะเวลามีคนมองเพราะใช้แมคบุค
เรื่องสาวกแอพเปิลผมเฉย ๆ ไม่ได้รำคาญมาก เพราะไม่ได้มองเหมารวมทุกสาวก หรือเป็นคน ๆ แต่มองเป็น คอมเม้นต์นั้น ๆ ว่าเกรียนมากเกรียนน้อยแค่ไหน
ผมว่า blognone ช่วงหลังเริ่มมีคอมเม้นต์เกรียน ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นแอพเปิล ซึ่งผมว่าอันนี้แหละอันตรายกว่า และน่าจับตามองมากกว่ามา เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นเพราะเวบเริ่มเป็นที่นิยมมากกว่า แต่ไม่อยากให้มันกลายเป็นเวบข่าวอย่าง manager หรือ เวบอื่น ๆ มันก็ทำให้เวบดูด้อยลง
คอนเทนต์ของเวบที่ทำให้เวบแข็งแรงขึ้นไม่ได้มีแค่ข่าว แต่รวมถึงคอมเม้นต์ในข่าว กระทู้ที่ถูกตั้งขึ้นในฟอรั่มด้วย
แนะนำให้ใช้ระบบเดียวกับ youtube สำหรับแบนคอมเมนต์ต่าง ๆ จะได้มีมีคอมเม้นต์เกรียนมาให้เห็นครับ
เห็นด้วยครับ
ส่วนตัวเพิ่งใช้ MacBook ได้ไม่กี่ปี ยอมรับว่าเหนื่อยหน่ายกับราคา และน้ำหนัก
ส่วน OS ก็มีปัญหาบ้าง ทั่วๆไป เหมือนระบบอื่นๆ
แต่มีบางโปรแกรม หรือบางอย่างที่อยากทำ แต่ทำไม่ได้ เพราะข้อจำกัดทางด้าน S/W
ส่วนชอบตรงไหนก็คงที่มี Terminal มาให้
ตัวต่อไปก็เล็งว่าจะเป็น MacBook แต่กำลังต่อสู้กับราคาอยู่
Linux ก็ดีนะคับ เปิดกว้างดี แต่ไดรฟเวอร์เนี่ย
มีปัญหาแก้ไม่หายสักที โดยเฉพาะ การ์ดจอ
สุดท้ายที่เลือก Mac เพราะ ปัญหาที่มีกับ Linux เนี่ยหละครับ
คือผมไม่คิดว่าคนที่ใช้ Apple ทั้งหมด คิดว่าชื้อเพราะเท่ห์อย่างเดียวครับ
มีหลายๆคนที่ชื้อ Mac เพราะชอบใช้ Mac OS X จริงๆ..
ผมขอยกตัวอย่างคือตัวผมล่ะกันครับ
ผมใช้ Mac Pro 8-Core Xeon "Harpertown" อยู่ครับ ด้วยราคา 102900 บาทครับ
ส่วนตัวผมนั้นใช้ Mac OS X บน PC ประกอบมาก่อนด้วยซ้ำครับ (ทำเว็ป MacMafia อยู่ครับ)
และถ้าผมจะประกอบคอมเครื่องใหม่ที่ใช้งาน OS X ได้ใกล้เคียง 100% ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผมเลย..
แต่ผมชื้อ Mac Pro ครับเพราะถ้าในขณะนั้นถ้าหากผมชื้อ PC ประกอบในตอนนั้นที่เสป็กเทียบเท่ากัน
แล้วผมต้องจ่ายแพงกว่าอย่างแน่นอนครับ
หรือโน็ตบุ๊คของผม
MacBook Air 1.6GHz ตัวนี้ผมก็ชื้อตอนที่มันตกรุ่นครับ ผมชื้อเพราะผมอยากได้ Ultra portables
ที่มีจอใหญ่หน่อย ซึ่งเจ้า Air มันตอบโจทย์ผมได้ และด้วยราคาที่ถูกกว่าเจ้าอื่นๆในขณะนั้น ผมชื้อ Mac ครับ
โทรศัพท์ผม
iPhone ผมก็ชื้อด้วยราคา Refurbish 299 usd ด้วยราคา 10500 บาทในตอนนั้นไม่มีโทรศัพท์เครื่องไหน
ให้ผมได้มากเท่า iPhone ผมซื้อ มันก็จบ..
ครับที่พิมพ์มานี้เพราะจะบอกว่าไม่ใช่ทุกคนหรอกครับที่ชื้อเพราะเท่ห์อย่างเดียว
และการที่สังคมเว็ปบอรด์จะมีเกรียนบ้าง .. จะมีการเถียงกันบ้าง และมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันบ้าง
ผมไม่คิดว่ามันแปลกครับผม..
นี้คือสังคมที่มีคนหลายๆประเภทรวมกันอยู่ครับ.. ยิ่งใหญ่ขึ้น คนก็หลากหลายครับ
ธรรมดามากๆครับ
เห็นวี่แววไฟสงครามคุกรุ่น ^^"
ปล. "การ upload เพลงขึ้น iPod ยากมาก ไม่ intuitive อย่างแรง ผมซื้อ iPod Shuffle ให้น้องสาวหนึ่งเครื่อง เวลาผ่านไปสองปี เธอยังไม่สามารถ upload เพลงขึ้น iPod ได้" ... จริงรึนี่ - -"
ผมกลับตรงข้ามแฮะ :P
ผมก็ตรงข้ามเหมือนกันนะครับ รู้สึกมันลงง่ายนะ แค่มี iTunes เท่านั้นเอง และลงแบบ Manual ได้ตามปกติ(ลากลงได้เหมือนเครื่องอื่นๆแต่ต้องผ่าน iTunes )
ปล. ไอพอดผมกับของแฟนพี่ผมก็ไม่เคยแฮงค์เลยนะ = ="
เหมือนกันครับ ผมตะโกนบอกเด็กวัยสิบสามขวบมาจากห้องน้ำว่าให้โหลดiTuneก่อน พออกมาจากห้องน้ำก็ลองงมๆกันอยู่สองคนประมาณไม่เกิน20นาที เรียบร้อย
ผมซื้อมาครั้งแรก ใช้งานได้ในครึ่งชั่วโมงครับ
ด่ามันจนทุกวันนี้ ซื้อของจีนแดงโยนไฟล์สองนาทีก็เสร็จแล้ว
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
iTunes กิน resource เยอะมากครับ ตอนลงยังแถมโปรแกรมพ่วงมาอีกตูม (e.g. QuickTime, Bonjur, AppleMobile, AppleUpdater etc.) นั่งลบเหนื่อยเลย
ใครไม่อยากใช้ iTunes แนะนำ foola ครับ ใช้แทน iTunes ไม่กิน resource :)
เท่ห์ = ตัว, เท่ = โก้เก๋
ผมเกือบจะซื้อ iPod เพราะความเป็นแฟชั่น แต่ผมไม่เอาเพราะผมไม่ค่อยชอบ iTunes เลยโชคดีไป เพราะตอนที่เพื่อนเอา iPod Touch มาให้ใส่เพลงให้แล้วรู้สึกนรกมาก ๆ
ผมอยากได้ Apple ที่ความสวยของมัน แต่พอเอาเข้าจริง ๆ (ไม่ได้ใช้จริง ๆ) ลง Mac4Lin กับ Ubuntu แล้วกลับรู้สึกว่าชอบ Human ที่เปลี่ยนเป็นสีฟ้า ๆ น้ำเงิน ๆ กับ Icon สวย ๆ ที่เลือกเองมากกว่า
แต่ไม่ว่าจะยังไง ผมชอบในจุดเด่นของหลาย ๆ ตัว และผมก็มองเห็นจุดด้อยของหลาย ๆ ตัวด้วย (ไม่ใช่แค่ระบบปฏิบัติการเพียงอย่างเดียว)
ถ้าเรายอมรับจุดด้อย และใช้จุดเด่นที่มีให้เป็นประโยชน์ โดยไม่เอาจุดเด่นที่มี มาแสดงเพียงอย่างเดียว แล้วเอาเท้าเขี่ยจุดด้อยเข้าใต้โต๊ะ เพื่อไม่ให้ใครมองเห็นคงจะดีไม่น้อย เพราะเราไม่ใช่เจ้าของผลิตภัณฑ์ที่เขาจะต้องทำอย่างนั้น เพราะว่า ถ้าบอกข้อด้อยของผลิตภัณฑ์ของตัวเอง แล้วใครมันจะซื้อ
สุดท้าย Who care fact? และผมก็เห็นด้วยเสียด้วย
My FingerSports Site
Jusci - Google Plus - Twitter
เท่ +10^6
Oakyman.com
เอา iphone ชาวบ้านมาใช้สามวัน มีความเห็นว่า มันเป็นคอมพิวเตอร์พกพาที่เอาไว้เล่นเกมได้ดีมาก (มันคือคอมที่มีโมเด็มไว้โทรออก??? 555)
iPAtS
iPAtS
+1
ทุกวันนี้ต้องมีอีกเครื่องไว้สำรอง เพราะแบตไม่ค่อยจะเหลือตอนเวลาที่จำเป็นต้องใช้โทร
ไม่หมดเพราะเล่นเกมส์ ก็ไวไฟ
ปล.assassin creed สนุกมาก
เพิ่งลองใช้ iphone มาได้สามวันเหมือนกัน รู้สึกว่ามันทำหน้าที่โทรศัพท์ได้แย่มาก แต่เอาไว้เล่น twitter กับอ่าน feed ได้ดีจริงๆ
ปล. tap tap revenge สนุกดี (แต่เปลืองแบต)
pittaya.com
pittaya.com
ชอบเกมนี้เหมือนกันครับ ^^
+1 ฮ่าๆๆๆๆ
ฉลาดกันจริ๊งงงง
:)
onedd.net
onedd.net
มีสติในการเม้นท์หน่อยครับ ถ้าไม่ได้ตั้งใจจะตลก :p
ก็ผมไม่ขำ!
กร๊าก~
ใช่ล่ะซี๊ (ออกเสียงเหมือนเดี่ยว 7)
NERD GOD
ใช่ซี้~~~~~~~~~~~~~~
ไม่ขออ่านนะครับ กลัวถูกแบ่งฝ่ายโดยไม่ตั้งใจ
ถูกใจตรง ฟีตblognone มีรูปโผ่ลมาได้ไง
สำหรับผม สิ่งหลักๆที่ผมชอบใน Macintosh ก็คือการออกแบบเครื่องบูชาแต่ละอย่างของเขาครับ ยอมรับว่าทำได้สวยและน่าดึงดูดจริงๆ (แต่ผมชอบหน้าตาถึกๆโบราณๆครับ หนึ่งคือคนจะได้นึกว่าเคืร่องมันโบราณแล้วไม่ต้องมาขอยืมใช้ - -")
ตอนแรกที่ผมดูโฆษณาของแมค ผมอุทานแบบ Windows Vista ครับ "Wow" คือในวิดีโอตัวอย่างมันลื่นไหลไปทุกอย่าง ไม่มีอาการกระตุก ทำให้ในตอนแรกผมนึกว่า OSX นั้นทำงานได้ดีสุดๆ ไม่มีอาการกระตุกระหว่างโหลดหนักๆเหมือน Windows แต่ว่าหลังจากที่ได้ไปลองใช้จริงๆ (ทั้งของเพื่อนแล้วก็ตามร้าน) พบว่ามันก็ไมไ่ด้เป็นอย่างในโฆษณาเสียทีเดียว หลายส่วนบน OSX นั้นก็ยังมีอาการกระตุกเหมือนใน Windows แต่ยอมรับครับว่าอาการมันน้อยกว่า
นอกจาก Macintosh และ MacBook แล้ว ของเล่นอีกอย่างของ Apple ที่นิยมมากๆคือ iPod ตอนแรกที่เห็นผมยอมรับว่าผมชอบในหน้าตาของมันนะครับ แต่หลังจากได้ลองสัมผัสของจริงผมกลับไม่ชอบซะงั้น เสียงที่ได้มันห่วยกว่า MP3 จีนแดงบางรุ่นอีกครับ (คราวก่อนผมยกหูฟังโซนี่อันละพันกว่ามา คราวนี้หูฟังแถมมาเคืร่องครับ) ซึ่งไอ้เอ็มพีสามจีนแดงนี้ผมเห็นราคาหน้าร้านอยู่ที่ราวๆ 1800 บาท แตการออกแบบกับวัสดุสู้ iPod ไม่ได้ครับ แต่ขอโทษที ผมสนเสียงฮะ :P
เรื่อง iPhone นี้ผมยอมรับว่าผมเป็นสาวก Windows Mobile แบบเต็มตัวครับ การที่มันสามารถทำ Multitasking ได้ทำให้ชีวิตผมสะดวกโคตรๆ ไอโฟนนี้ผมยกให้เรื่องทัชสกรีนเลยครับ ทำได้เนียนและลื่นไหลมากๆ แต่ผมก็ไม่ค่อยได้ใช้ - -"
คงไม่โดนรุมนะ เหอๆ
อยากบอกว่าผมเคยโดน Kernel Panic มา 1 อาทิตย์เต็ม ๆ โดยที่ไม่รู้สาเหตุ จากนั้นมันก็หายไปเอง เคยโมโหจนทุบ Macbook จนช่อง Slot Loading บุบ (ผมซาดิสม์) แต่ผมก็ยังใช้มันอยู่ เพราะผมเคยชิน ...
iPod ผมก็มีแค่เครื่องเดียว สีขาว 30GB ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากฟังเพลง ดู MV, VDO เคยมีเพื่อนคนนึงมายืม iPod ผมไปอัดเสียง ผมบอกมันทำไม่ได้ เลยโดนเยาะเย้ยเลย ว่า U โง่มากจ่ายตังตั้งเป็นหมื่นซื้อ MP3 Player แต่อัดเสียงไม่ได้ ฟังวิทยุก็ไม่ได้ (ไม่นับที่ว่าต้องซื้ออุปกรณ์เสริืมนะ) แต่ผมก็ยังใช้มันอยู่ เพราะว่า ผมมีเพลงเยอะ เวลา Sync จาก iTunes แล้วมันง่ายจริง ๆ Click wheel ก็เจ๋ง ระบบจัดการ Library ทำได้ดี ...
ส่วน iPhone นั้นก็เหมาะกับผม เพราะว่าผมขาด Internet ไม่ได้ และผมชอบ Facebook on iPhone มาก :-)
ผม Switch จาก Windows ก็เพราะว่า Mac มันสวยแค่นั้นแหละ
หลังจากนั้นก็เพราะความเคยชินทั้งนั้น ...
+1 เพราะเพลงเยอะมาก บวกกับขี้เกียจลากเพลงเข้า-ออก เลยต้องซื้อ Classic อย่างช่วยไม่ได้ (แต่หูฟังโยนให้น้องใช้ไป แล้วซื้อหูฟังโซนี่มาใส่แทนทันที)
เมื่อก่อนตอนที่ผมยังใช้โปรแกรมเถื่อนแบบ 100% ลงโปรแกรมถอนโปรแกรมไม่เป็น ทำให้ Windows มีปัญหาบ่อยมาก วิธีแก้ของผมคือเตะเครื่องครับ ฮ่าๆ แค่เคสสมัยสิบปีก่อนรู้ๆกันว่ามันแข็งขนาดไหน เคยเตะจนขาบวม แต่ไส้ในมันก็ไม่เป็นไรเลยสักนิด - -"
หลังๆมาตรัสรู้ อ้อ เพราะกรูไปลงอะไรมั่วแบบนั้นนั่นเอง - -"
ผมใช้ทั้ง 3 OS จะขอตอบอย่างเป็นกลางนะครับ
ทุกอย่างมีดีในตัวของมัน และทุกอย่างไม่ได้เหมาะสมสำหรับทุกคน
Mac ไม่ได้มีเหตุผลแค่เท่แน่นอน
Linux จัดการภาพถ่ายได้ดีเท่า Mac ไม๊ครับ (ไม่เถียงว่ามี freeware เยอะแยะ แต่ช่างภาพมืออาชีพมีใครใช้ Linux ไม๊ครับ)
Mac มีเกมส์เยอะเหมือน Windows ไม๊ครับ
Windows มีความเสถียรเท่า Linux ไม๊ครับ
อย่างที่บอกไป แต่ละอย่างก็มีข้อดีในตัวของมัน ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน
แล้วทำไม Mac ต้องโฆษณาว่าตัวเองเป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้ง่าย เข้ากับ Life style
คำตอบคือ เพราะมันเป็นอย่างนั้นครับ Mac ซ่อนสิ่งที่ยุ่งยากทั้งหลายไว้หลังฉาก
ซึ่งทำให้ Users ทั่วไป (ย้ำว่าทั่วไปที่ใช้คอมพ์แบบงูๆปลาๆ)
สามารถใช้ Mac ได้โดยง่าย ใช้สัญลักษณ์ภาพเป็นตัวสื่อความหมาย ผ่าน Menu ที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน (ซับซ้อนสำหรับบางคน อย่าที่บอกไปแล้ว ว่าไม่มีอะไรเหมาะสำหรับทุกคน)
ทั้งๆที่เป็น unix เหมือนกันกับ Linux แต่ความเข้าใจง่ายของ Mac เหนือกว่าจากการออกแบบโปรแกรมต่างๆ
เช่น iPhoto ซึ่งภายในโปรแกรม ได้ตัดเมนูที่เข้าใจยากทั้งหลายทิ้งไป แทนที่ด้วยสัญลักษณ์จากรูปภาพ และ features ที่ผู้ใช้ทั่วไป สามารถเข้าถึงได้โดยง่าย (ย้ำอีกทีว่าผู้ใช้ทั่วไป และไม่ได้ง่ายสำหรับทุกคน)
แล้วฝ่ายการตลาดควรจะทำการตลาดว่าอะไรครับ ถ้าไม่ใช่ความเท่(จากการ Design) ความใช้ง่าย(ของโปรแกรมต่างๆ) และ Innovation ของสินค้าต่างๆ ก็ในเมื่อสิ่งเหล่านี้ เป็นจุดขายของ Apple
เช่นเดียวกับแข็งของ Linux คือความปลอดภัย และเสถียรภาพ
Windows คือเกมส์, Office, การใช้งานที่หลากหลาย ในราคา(เครื่อง)ที่ถูกกว่า
เรื่อง iPod สำหรับผมแล้ว ผมใช้เครื่องฟังเพลงหลายยี่ห้อมาก
และจุดเด่นที่สำคัญที่สุดที่ผมชอบใน iPod คือ iTunes เนื่องจากความง่าย และความมีระเบียบในการใช้งาน (หลายคนอาจจะเถียงว่าง่ายตรงไหน เช่นเดียวกับเจ้าของบทความ แต่อย่างที่บอกไปครับ ไม่มีอะไรเหมาะสำหรับทุกคน)
และถ้าเทียบราคาต่อพื้นที่ จะเห็นได้ว่า iPod หลายๆรุ่น ไม่ได้แพงไปกว่าเจ้าอื่นเลย (ยอมรับว่าหลายๆรุ่นก็แพงกว่า)
และนอกจากนี้ สิ่งที่ตีค่าเป็นราคาไม่ได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลก็คือ "เสียง" ครับ
ผมไม่ได้บอกว่าเสียง iPod เทพสุดยอด แต่บอกว่า iPod นั้น มีเสียงในแบบของมัน เช่นเดียวกับเครื่องเล่นยี่ห้ออื่น ที่มีเสียงเฉพาะของตัวเอง
เคยเห็นหูฟังราคาเป็นหมื่นไม๊ครับ(ไม่ได้หมายถึงของ Apple นะครับ) บางทีหูฟังราคาเป็นหมื่นสำหรับคุณ อาจจะฟังแล้วไม่เพราะเท่าหูฟังราคาเป็นร้อยบางตัวก็ได้ และเช่นเดียวกัน บางคนอาจจะชอบหูฟังราคาเป็นหมื่นมากกว่าหูฟังราคาเป็นร้อยก็ได้ ทั้งๆที่มันทำหน้าที่ได้เหมือนกัน นั่นคือเปร่งเสียงเพลงออกมา
ซึ่งนั่นหมายความว่าคนที่ใช้หูฟังราคาเป็นหมื่นโง่ ซื้อหูฟังแถม Logo ร้อยเดียวก็ฟังได้เหมือนกันเหรอครับ
ไม่ใช่ครับ เค้าซื้อในสิ่งที่เค้าคิดว่าเหมาะสมสำหรับตัวเค้า ไม่มีใครอยากจ่ายแพงกว่าแล้วได้คุณภาพเท่าเดิมหรอกครับ
ที่เขียนเรื่อง iPod มาทั้งหมดนี้ ไม่ได้หมายความว่า iPod ดีที่สุดนะครับ ตัวผมเองก็ใช้เครื่องเล่นหลายตัว แตกต่างกันไปในแต่ละโอกาส และคิดว่าหูแถมของ iPod ห่วยเอาซะมากๆอีกด้วย(ความเห็นส่วนตัว)
สำหรับ iPhone
โดยส่วนตัวแล้ว ผมใช้มือถือมาหลายแบบ แม้กระทั้ง Windows mobile
ยอมรับครับ ว่า iPhone นั้น มีหลายอย่างที่ยังด้อยกว่ามือถือทั่วไป ราคาแพงกว่า windows mobile ทั้งที่ specs ต่ำกว่า
แต่ข้อดีของมันก็มีครับ มันสร้างความบันเทิงได้มากกว่า ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่น net (ไม่เถียงว่า Windows mobile ก็ทำได้ แต่ถ้าใครเคยใช้จะเข้าใจถึงความต่าง)
มีคนมากมายบ่นว่า iPhone ห่วย ส่ง MMS ก็ไม่ได้
ผมขอบอกว่า ตั้งแต่จำความได้ ผมไม่เคยคิดจะส่ง MMS เลยแม้แต่ครั้งเดียว
และเมื่อผมออกมาบอกประโยคนี้ หมายความว่าผมเป็นสาวก ชื่นชมจนโงหัวไม่ขึ้น apple ทำอะไรถูกหมด
ข้อเสียก็บอกว่าเป็นข้อดี งั้นหรือครับ
ไม่ใช่ครับ ผมแค่ออกมาบอกถึงความเห็นของผมเท่านั้นเอง มันอาจเป็นข้อเสียสำหรับหลายๆคน แต่มันไม่ใช่ข้อเสียสำหรับผมครับ
เมื่อมีหลายๆคนออกมาบอกว่า iTunes ใช้ยาก แต่ผมออกมาบอกว่าสำหรับผมแล้วมันใช้ง่ายมาก แปลว่าผมหลง apple จนโงหัวไม่ขึ้นเหรอครับ
ไม่ใช่ครับ ผมก็ยอมรับในข้อเสียหลายๆอย่างของ apple (เช่นเดียวกับที่เจ้าอื่นก็มีเช่นกัน) ผมแค่คิดต่าง ว่าสำหรับผมแล้ว มันใช้ง่ายมากเท่านั้นเอง
ที่เขียนมายืดยาวทั้งหมดนี้ต้องการจะสื่ออะไร?
ผมต้องการจะสื่อว่าทุกๆท่านได้เปิดใจหรือยังครับ หรือว่าอคติ พอได้ยินคำว่า apple คำต่อมาที่ถึงถึงคือคำว่าสาวก?
อย่างนี้มันอคติตั้งแต่ยังไม่คุยกันแล้วครับ
หลายๆท่านได้เหมารวมผู้ใช้ที่ออกมาแสดงความเห็นถึงความชอบในสินค้า(ซึ่งไม่ใช่สาวก) ว่าเป็นสาวกไปซะหมด
ถ้ามีคนด่า Apple เมื่อไหร่ คนที่เถียงเป็นสาวกหมด
ซึ่งมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นครับ คนที่เถียงด้วยความรู้ เถียงเพราะมันเหมาะสำหรับเค้าจริงๆก็มี
และก่อนที่จะมาว่าคนนู้นคนนี้เป็นสาวก Apple คุณได้ลองมองตัวเองหรือยังครับ ว่าคุณเป็นสาวก Linux หรือเปล่า เป็นสาวก Windows หรือเปล่า เป็นสาวก Firefox หรือเปล่า
เมื่อมองอย่างเปิดใจแล้ว เดี๋ยวนี้ผมเห็นคนเริ่มด่า Apple ก่อนที่สาวกจะมาซะอีกครับ ใน Twitter ผมก็เห็นแต่คนบ่น
"สาวกอย่างนู้น" "สาวกอย่างนี้" "ระวังพวกสาวกนะ" ทั้งๆที่ยังไม่มีใครทำอะไรด้วยซ้ำ นี่มันแสดงถึงความอคติไม่ใช่เหรอครับ?
มีหัวข้อเกี่ยวกับ Apple ทีไร ต้องมีคนมาด่า มาโจมตีผู้ใช้ Apple อยู่เรื่อยไป ก่อนที่ผู้ใช้ Apple จะไปโจมตีคนอื่นด้วยซ้ำ (เป็นบางครัง)
หวังว่าจะมีประโยชน์ต่อหลายๆคนนะครับ
ป.ล. ผมเขียนบทความนี้อย่างเป็นกลางที่สุดแล้ว และโดยส่วนตัว ผมใช้ทั้ง 3 OS ในโอกาสที่แตกต่างกันออกไป และคิดว่าทุกอย่างมีดีในตัวของมัน Apple ไม่ได้ดีที่สุด Linux หรือ Windows ก็เช่นกัน ผมยอมรับว่าสาวกมีอยู่จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่เถียงแทน Apple เป็นสาวกนะครับ
สำหรับผม ผมก็มองว่า "จะมี MMS มาทำไมวะ" เหมือนกันครับ ไม่เคยคิดจะส่ง MMS เลย
แต่ตั้งแต่ได้แฟนเนี่ยแหละ ส่ง MMS เป็นว่าเล่นเลย เหอๆ
ผมกลับกัน
ชอบประโยคนี้ครับ
"เมื่อมีหลายๆคนออกมาบอกว่า iTunes ใช้ยาก แต่ผมออกมาบอกว่าสำหรับผมแล้วมันใช้ง่ายมาก แปลว่าผมหลง apple จนโงหัวไม่ขึ้นเหรอครับ ไม่ใช่ครับ ผมก็ยอมรับในข้อเสียหลายๆอย่างของ apple (เช่นเดียวกับที่เจ้าอื่นก็มีเช่นกัน) ผมแค่คิดต่าง ว่าสำหรับผมแล้ว มันใช้ง่ายมากเท่านั้นเอง"
"ผมต้องการจะสื่อว่าทุกๆท่านได้เปิดใจหรือยังครับ หรือว่าอคติ พอได้ยินคำว่า apple คำต่อมาที่ถึงถึงคือคำว่าสาวก? อย่างนี้มันอคติตั้งแต่ยังไม่คุยกันแล้วครับ
หลายๆท่านได้เหมารวมผู้ใช้ที่ออกมาแสดงความเห็นถึงความชอบในสินค้า(ซึ่งไม่ใช่สาวก) ว่าเป็นสาวกไปซะหมด ถ้ามีคนด่า Apple เมื่อไหร่ คนที่เถียงเป็นสาวกหมด ซึ่งมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นครับ คนที่เถียงด้วยความรู้ เถียงเพราะมันเหมาะสำหรับเค้าจริงๆก็มี"
โดนมากๆครับ เพราะผมแค่ซื้อ iPod ถูกตรีตราหน้าจากหลายสิบคนว่าเป็นสาวกไปเรียบร้อยแล้ว (I'm a PC เฟร้ย) -*-
ขอระบายๆ 555+
หลายๆคนไม่ได้หมั่นไส้ลูกค้าแอปเปิลครับ แต่เค้าหมั่นไส้สาวก
onedd.net
onedd.net
ขอเสริมเรื่อง Linux นิดนึง ..
จริง ๆ ถ้าอยากให้มันเทียบระดับกับ Mac ได้ คงต้องมีตรงกลางระหว่าง GNOME และ KDE ครับ
.
.
GNOME ขาด KDE ล้น so ถ้ามันพอดี ๆ มันก็จะดีเทียบเท่า Mac ได้แหละนะ (ก็ยากอยู่ดี เรื่องความเข้ากันได้กับ Hardware ฝั่ง Mac เค้ากินขาด)
อะ.. อย่าสนใจรีผมมาก เข้าประเด็นต่อ อิอิอิ
My Experiences : Pexeriences
I'm Windows Evangelist. And I'm proud of it.
I'm a mac evangelist
ผมก็ชอบนะ
เพื่อนผมก็เรียกผมอย่างนี้ ไม่มีใครรังเกียจเลย
แต่แปลก ที่นี่ บางคน ทำท่าทีรังเกียจ
รังเกียจแต่สาวก Apple แต่สาวกแบรนด์อื่นเฉย ๆ
Double Standard ?
I'm not Evangelist. but I'm Zealot :D
but I still slag Windows off
I am self-converted. No more WindowsMobile, it always pisses me off.
+1
no more WM
+หมดหน้าตัก
เขียนได้ดีมากครับ
อาจจะอ่านแล้วงงๆ และเขียนผิดค่อนข้างเยอะนะครับ Edit ไม่ทัน
ผมว่าจ๊อบเค้าก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำตลาด Apple ให้เป็นแฟชั่นนะครับ ผมว่าผู้บริโภคต่างหากที่ทำให้มันกลายเป็นแฟชั่นไป
ยกตัวอย่าง ไอโฟน ที่หลายๆคน(และหลายๆเวบ) ยกให้เป็นโทรศัพท์แฟชั่น(บางที่"แห่งปี"ด้วยนะ) ซึ่งตอนจ๊อบประกาศเปิดตัวไอโฟนรุ่นแรก เค้าก็บอกอยู่แล้วว่า มันคือ Smart phone เครื่องหนึ่งเท่านั้น(ไปดูตอนเก่าใน youtube ได้ครับ)
แต่ส่วนตัวผมก็ไม่กล้าซื้อไอโฟนอยู่ดีแม้จะอยากได้ smart phone เครื่องนีงเพราะรู้สึกมันหรูเกินไป = =
ยอมรับเหอะครับ ไม่ว่าจ๊อบจะบอกว่าอะไรแต่สุดท้ายแล้วเค้าก็มองว่ามันเป็นแฟชั่น เค้าวางทั้งแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของตัวเองให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่"บ่งบอกความเป็นตัวคุณ" แล้วมันจะหนีแฟชั่นไปได้อย่างไร แล้วผมก็ไม่คิดด้วยว่าที่เค้าทำแบบนี้เป็นสิ่งที่ผิด
ขึ้นชื่อว่าแฟชั่นมันก็ต้องมีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบนั่นแหละครับขึ้นอยู่กับความพึงพอใจส่วนบุคคล
onedd.net
onedd.net
แต่ยังไงลองไปอ่าน "Inside Steve's brain" ดูนะครับ
จะขอบคุณมากหากจะเขียนสรุปให้ทุกๆคนได้อ่านครับ
ด้วยความสัตย์จริง
onedd.net
onedd.net
สิ่งที่จ๊อบพูดประโยคแรกเมื่อก้าวเข้ามาเป็นซีอีโอในปี 1997(อีกครั้ง)ก่อน Apple ล้มละลายก็คือ "สินค้า Apple มันห่วย จืดชืดเหมือนเป็นกามตายด้านไม่มีผิด"
แล้วเค้าก็สนุกกับการสร้างและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ(รวม OS ด้วย) เหมือนเด็กทำของเล่นสนุกๆแล้วบอกต่อเท่านั้นเอง
ปล.หนังสือสามร้อยกว่าหน้า เรื่องมันยาวและเยอะครับ ไม่รู้จะสรุปยังไง.. ไปดูยูทูปตอนจ๊อปสนุกกับไอโฟนอยู่คนเดียวบนเวทีน่าจะให้คำตอบได้มากกว่า หลายคนบอกว่าจ็อบอ่ะเหมือนเด็ก
ปล2.ก่อนที่จะมีใครว่าผมเป็นสาวก ขอบอกว่าผมมีเพียงแค่ iPod เครื่องเดียวครับและเป็น PC user
ขอบคุณครับ
ความคิดผมก็คือจ๊อบส์มองให้มันเป็นของเล่นแฟชั่นนะครับ ผมไม่ได้หมายความว่าแฟชั่นไม่ดี แต่มันเข้าถึงคนทั่วไปยากครับ คอมพิวเตอร์ตอนนั้นมันเป็นเหมือนเตาไมโครเวฟ แล้วใครจะอยากโชว์คนอื่นว่าชั้นถือไมโครเวฟมาทำงาน
โอเค เดี๋ยวจะมีคนมาแย้งว่าไม่ใช่ทุกคนที่ใช้แมคเพราะเท่ ไม่เถียงครับ แต่เมื่อก่อนถือแล้วมันก็ดูดีจริงๆนั่นแหละ ก็พี่ท่านเล่นแพงกว่าชาวบ้าน ยังไงถือแล้วก็ดูว่ามีเงิน Fujitsu กับ Sony เองก็พอกัน
onedd.net
onedd.net
เข้าใจความหมายแล้วครับ แหะๆ ^^ ขอบคุณครับ
ขอแก้ข้างบน
และขยายความเพิ่ม
onedd.net
onedd.net
เนื่องจากทำงานสาย fashion มาก่อน
ผมว่ามันยังไม่ถึงขั้น fashion ประหนึ่งว่าซื้อแบบ impulsive โดยตรงหรอกนะครับ เนื่องจากมันยังมีคนบอกว่า ซื้อเพราะ function อยู่
ผมมองว่ามันคือ passion มากกว่า ครับ
เรื่องไอทีก็ยังมีแบ่งแยกกันได้
ผมมองว่าคำว่า "สาวก" อยู่ที่ใครนิยามมากกว่า
คนบ้างคนที่มีความชอบจริงๆ้บางครั้ง เขาอาจจะไม่ทราบว่าเขาอาจจะเข้านิยาม สาวก ของคุณหรือเปล่า
แมคใช้ง่าย , แมคเท่ ก็แล้วแต่คนที่ใช้จะคิด ไม่ต้องไปคิดให้เขา ว่าเขาเป็นใคร
ถือว่าเขาจ่ายเงินมาคุ้มค่า แน่นอน คุณซื้อของราคาแพงๆบางครั้งมันก็มีความสุขทางจิตใจ
แต่ก็ต้องเข้าใจทั้งสองฝ่าย อาจจะมองว่า Blognone ต้องแสดงความคิดเห็นเป็นกลางด้วย ?
อย่าคอมเมนต์ในแนวโฆษณาอะไรก็ว่าไป (แต่นี่มันก็เวอร์เกิน)
ดังนั้น อยู่ที่ใครจะยอมรับเถอะครับ
ผมใช้เพราะมีอะไรที่รองรับกับการใช้งานของผมอีกเยอะ ไม่ได้เท่ มีแต่คนมาบอกว่าผมเท่
เพราะเท่อย่างเดียว มันกินไม่ได้ สำหรับผมจริงๆ ผมทำงานได้เร็วขึ้น ประหยัดเวลาลง
ก็แค่นั้น ก็อย่างว่าครับ เท่ ไม่เท่ ผมไม่เคยตัดสินใจ มีแต่คนมาตัดสินใจให้ทั้งนั้น
ถ้าอ่านข้างบนเข้าใจ จะรู้ว่าผมใช้ผลิตภัณฑ์ Apple และไม่ใช่สาวก
มันอยู่ที่ใครจะเรียก ใครพอใจจะเรียก มากกว่า
เห็นด้วยกับเฟรมคุงครับ
บวกหายนะครับ :D
อิอิ ล้อเล่นเน้อ
ปล. เป็นตัวของตัวเองดีกว่าครับ ^^
My Blog
เปลี่ยนวิธีตอบให้เข้ากับสถานที่ครับ :D
สำหรับผมแล้ว ความหมายไม่ต่างกัน
เลือกเองให้เหมาะสมกับตัวเอง
มะละกอ มะละกอ มะละกอ
ไม่น่าจะคิดมากเลย การสร้าง Image ของสินค้าเพื่อให้เกิดความแตกต่างและต้องการให้ใครๆ จดจำ ไม่ว่าผู้ผลิตรายใดๆ ก็อยากทำให้ถึงจุดนี้กันทั้งนั้นแหละ สินค้าทุกแบรนด์ก็พยายามสร้าง Image และใช่ว่าทุกรายจะประสบความสำเร็จ การสร้าง Image ให้กับสินค้าของตัวเองมันต้องใช้เวลานานมากและต้องพยายามรักษาเอกลักษณ์ของตัวเองไว้ให้ได้ เนื่องจากเทคโนโลยีในปัจจุบันมันมีความสามารถที่ใกล้เคียงกันไม่ว่าคอมพิวเตอร์แบรนด์อะไรก็ตาม และไม่่ว่าจะใช้ Windows Mac OSX Linux ฯลฯ ก็มีความสามารถดีหรือไม่ดีพอๆ กัน (ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้ใช้นะแหละ เพราะเท่าที่สัมผัสมาฟังก์ชั้่นบางอย่างบางคนแทบไม่ได้ใช้งานเลยแต่พอไปใช้ระบบปฏิบัติการอื่นที่ไม่มีเหมือนของที่ตัวเองใช้งานอยู่ก็จะพูดโจมตีทันทีว่าทำไมถึงไม่มีอันนั้นทำไมไม่มีอันนี้ เจอบ่อยมากๆ)
จนถึงปัจจุบันนี้หลายๆ คนก็คงต้องยอมรับ(แบบหมั่นใส้)ว่า สินค้า Apple มันเป็น life style ไปซะแล้ว และเป็นมานานแล้วด้วย ผมมีข้อสังเกตุนิดนะครับ
ฯลฯ
สุดท้าย คุณอย่าเบื่อมันเลยครับอย่างน้อยมันก็เป็นจุดเริ่มต้นสิ่งดีๆ แปลกๆ ใหม่ๆ อีกหลายๆ อย่างให้กับเทคโนโลยีบนโลกนี้นะครับ ตัวมันเองมันไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหรอก เปิดใจให้กว้างๆ ในโลกนี้มีอะไรดีๆ ก็ใช้มันไปเถอะครับ
ขอตอบข้อ 6 นะครับ
เพราะแมคออกแบบจะมีความสามารถในการจัดการงานด้านการพิมพ์ดีมากมาตั้งแต่สมัยแรกๆครับ พวก Color Profile (ที่เถียงกันจะเป็นจะตายใน Forum) แล้วก็เรื่อง PostScript ก็ไม่น่าแปลกครับที่เค้าจะเลือกใช้แมคมาจนถึงทุกวันนี้
onedd.net
onedd.net
ตอบ ข้อ 6 ครับ เพราะแมค มี PS มาก่อน PC ความเชื่อว่าการทำงานด้านกราฟฟิคของแมคจึงดังมากกว่าพีซี
ความคิดเห็นส่วนตัว
งั้น ไวรัสซึ่งเกิดขึ้นครั้งแรกในเครื่องแมค ก่อน PC ผมจึงมีความเชื่อในหลักการเดียวกันว่า ไวรัสในแมคจะต้องมากกว่าพีซี
แต่ว่าความจริงมัน.... กร๊ากกกก!!
ความฮาส่วนตัว ไม่ได้มาหาเรื่องแต่อย่างใด
My Blog
เห็นด้วยครับ
เมื่อก่อนผมชอบ apple มากเหมือนกันเกือบจะเป็นสาวกแล้ว แค่มี Macintosh 360 เก่าๆเครื่องเดียว ตอนนั่นยังเป็น OS9 อยู่ เลยฝันอยากได้เครื่องใหม่ๆมา แต่คนมันจนครับ ไม่มีเงินถึง...
เมื่อผมได้เรียน ปวช ได้ไปฝึกงานที่ร้าน Apple แห่งหนึ่ง
เล่น Mac iPod จนหายบ้า Apple
ผมก็ได้ซ่อมเกือบทุกอย่าง ทั้ง iPod Macbook iMac MacPro eMac iBook
เกือบทุกอย่างจริงๆ อาการที่เจอบ่อยก็คือ บอร์ดเสีย ผมเปลี่ยนเกือบทุกวันสำหรับ Macbook และการซ่อมเครื่องอื่นๆก็ไม่มีอะไรมากมาย เช่น ลง OSX ใหม่ เพิ่ม RAM เพิ่ม Harddisk เปลี่ยน นิดหน่อย
แต่ที่เห็นคือค่า Service หลังจากหมดประกัน นั่นแพงมากจริงๆ
แค่เอามาวางที่ร้านเสียไปแล้ว ประมาณ 300 บาท (สำหรับตอนนั่นนะครับ)
ตอนนี้เท่าที่ผมได้เข้าไปลองงานมา (คือพี่เค้าเรียกไปช่วยงานตอนพนักงานขาด)
เห็นในใบราคาว่า Service 800 บาท แพงมาก
(ไม่รู้ตอนนี้เท่าไหร่นะครับ ของบอกอีกทีว่า ร้านแห่งหนึ่ง ไม่ระบุที่อยู่)
ก็ได้เห็นว่า Apple ก็ไม่ได้มีไรมากต่างไปจาก PC นอกจาก OS และ ความเท่ห์
และสำหรับผมตอนนี้ การใช้งานกับความแรงต้องมาก่อน
ซื้อคอมใหม่ไม่กีสัปดาห์ผ่านมานี้ผมก็ประกอบคอมเอง ไม่ถึง 10000 บาท รวมจอก็ 14000 บาท
ลง Windows 7 , XP , Linux และที่สำคัญคือลง MacOSX x86 Intel ได้ด้วย
ที่สำคัญสำหรับคนชอบความแรงก็คือ PC สามารถ OC ได้นั่นเอง
ที่เขียนมาผมเล่าประสบการ์ณที่ได้รับจากการฝึกงานให้ฟังนะครับ
ทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสียอย่างที่ คุณ bow_der_kleine บอก
**นอกเรื่อง ผมก็ถูกไสยศาสตร์เข้าครอบงำ ผมถูกผีอำมาหลายปีแล้ว ผีแดงแมนยู อิอิ
14000 รวมราคาสารพัด OS ที่คุณลงไปหรือยังละนั่น
อ้อ..และการ service ก็มีราคานะ (ผมรู้สึกไปเองมั้งว่าคนไทยมักเห็นว่าการบริการเป็นสิ่งไม่มีราคา แต่เจอแบบนี้มาเยอะจริงๆ) ถ้าคุณเปิดร้านซ่อมเอง แล้วคุณจะซ่อมฟรีก็ตามใจ :P
7 Beta ของฟรี
Linux ฟรี
ถ้าจะคิดก็ XP สามพันกว่าบาท :P
ค่าอะไหล่ขอไม่พูด แล้วแต่ยี่ห้อ แล้วแต่เงื่อนไขการประกัน
XP ผมซื้อมานานแล้ว เลยไม่ได้คิดรวมราคา
คุณก็พูดถูกนะครับ แต่ค่า service นี้มันน่าจะขึ้นอยู่กับอาการของคอมอีกที
ผมก็รับซ่อมแต่ไม่ได้เปิดร้าน แค่ลูกค้าบอกกันปากต่อปาก
เช่น ติดไวรัส ผมก็คิดไม่เกิน 100 บาท หรอก
นอกจากหนักจิงๆ ไม่เกิน 300 หรอกครับ
ถ้าแพงกว่าลูกค้าไม่มาร้านเราหรอกครับ
พูดตามจริงคนไทยชอบของฟรีและถูก ลองไปดูร้าน ซ่อมคอมสิ หนักจริงๆ ไม่เกิน 500 หรอกครับ เกินนั่นลูกค้าไม่เข้าหรอก
ส่วน ฮาร์ดแวร์เสีย พูดอีกทีว่าเท่าไหร่
แต่ที่ร้านที่ผมฝึกงาน ทุกอาการ 800 บาท แค่ผมเอาขึ้นไปกดอยู่ 4 ปุ่ม ที่เอาไว้รีเซต ช่าง Mac เค้ารู้ดี ร้านก็ได้ 800 เต็มๆ ไม่ถึง 1นาทีด้วยซ้ำ อาการบูตไม่ขึ้นก็หายไป
ราคานี้ มาจากแมคโซนแหง
@TonsTweetings
อืม อ่านตั้งนานกว่าจะจบ
ตอนแรกดูเหมือนว่าบทความจะมีทัศนคติที่เป็นกลาง
แต่จริงๆ ก็เอนเอียงมิใช่น้อย แต่ไม่ว่ากัน เสรีภาพทางความคิดครับ
ผมเองเป็น user ธรรมดาคนนึง ไม่ใช่สาวกอะไรทั้งนั้น
แต่ผมจะรู้สึกไม่ดีมากๆ เลย ถ้าสมมติผมใช้สินค้าของยี่ห้อใดยี่ห้อนึง
แล้วต้องมีพวกปากหาเสี้ยนมาพูดว่า
"มีเงินอย่างเดียวไม่พอนะ ต้อง...ด้วย"
ในเมื่อทุกคนต่างมีสิทธิใช้สินค้าอะไรก็ได้ ทำไมต้องมีพวกนี้มาพูดจาหาเท้าแบบนี้
ผมไม่เข้าใจจริงๆ
ผมว่าถ้าอยากให้ทุกฝ่านสมานฉันท์กัน ผมว่าเราไม่ควรจะมีทัศนคติ หรือมีวาจาอย่างที่ผมบอกนะครับ
~?Ja:aๅe ฯJกัU|S๐~
เป็นบทความที่ดีมาก
http://tomazzu.exteen.com
ตัวผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้ใช้ Macbook นะครับ
มีหลายคนถามผมว่า ซื้อมาทำไม? แพง? specก็ต่ำ?
ผมตอบว่า " ซื้อมาเพราะหน้าตาครับ " เหมือนกับเวลาคุณจะเลือกจีบผู้หญิง ก่อนที่จะดูนิสัยใจคอของเทอ แต่ผมว่าผู้ชายทุกคนมองหน้าตาของเทอก่อน บางทีสาวๆหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม ก็ดึงดูดเรา มันก็ไม่ต่างจาก design ของ macbook ที่ดึงดูดเรา แค่พลังดึงดูดมันเบาบางกว่าหน้าตาของสาวๆแค่นั้นเองครับ
โดยส่วนตัวชอบความใส่ใจทุกรายละเอียดในการออกแบบผลิตภัณของ apple
End your suck life, end microSuck.
ผมมองหน้าาา...อก ก่อนเลยนะ :P
ผิวขาวผมหันควับก่อนเลย :D
สาวกพลังเกาหลีแน่ๆ ขาเดียวกัน XD
My Blog
โอ้ เจอเพื่อนร่วมสาวกสาวเกาหลีแล้ว อิอิ
แบบนี้ต้องกรีดเลือดสาบาน!!
/me นั่นมันหนังจีนเฟ้ย!!
My Blog
สาวเกาหลีนิยมขึ้นเขียง(ศัลยกรรม) ชอบของ GMOs เหรอครับ :D
ของมันแก้ไปแล้ว เราแก้ไขอะไรไม่ได้ อยู่กับปัจจุบันดีกว่าครับ :D
ผมชอบครับ :D
สาวไทยก็ขึ้นเขียงเยอะครับ แต่ยังไม่ประทับใจเท่าเกาหลี โดยเฉพาะ ยุนอา กริ๊ววววว~~*
My Blog
ติดเรท!!
v
v
v
ผมชอบให้สาวไทยขึ้นเตียง :D
งั้นขึ้นเตียงแทนละกัน //ฮิ้ววววววววววว :P
ถ้าออกมาน่ารักแบบ SNSD แถวนี้คงไม่มีใครบ่นครับ
+10
หน้าตาดีคบไว้อวดเพื่อนฝูงครับ...แต่แม่ของลูกนี่ต้องเลือกเยอะเลยนะ 55+
ค่อนข้างไม่เห็นด้วยกับบางประเด็นนะครับ แต่ของอย่างนี้แต่ละคนต้องเจอกับตัวเองถึงจะรู้อะเนอะ ..
ป.ล. ตอนนี้กำลังเล็งผู้ทำหน้าที่แทน iPod Nano Gen4 เนื่องจากเบื่อที่จะต้อง Sync กับ iTunes (ทั้ง ๆ ที่ข้าพเจ้าใช้ Linux) สิ่งที่ยอมรับคือ การจะหา MP3 หรือ MP4 ซักเครื่องนึง ที่รูปลักษณ์ สวย บาง เบา ได้ใจ เหมือน iPod Nano Gen นี้นี่ ยากจริง ๆ (ยกเว้นเครื่องจีนผมไม่นับนะ 555+)
My Experiences : Pexeriences
ใช้ Linux ก็ sync กับ Songbird สิ ^^
ไม่ Work ครับ
My Experiences : Pexeriences
ผมรอให้ Songbird มันดีๆกว่านี้อยู่ครับ
ลองไช้ floola ดู ไม่ก็ลง rockbox ใน ipod สิครับ ^^
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ผมชอบ iPhone แต่เริ่มไม่อยากใช้ เพราะหลายคนมองว่าคนใช้ iPhone เพราะเท่ โก้ หรู ฯลฯ
ซึ่งไม่เป็นตัวผมเลย และไม่ใช่จุดประสงค์ที่ซื้อด้วย แต่ยังหาเครื่องเหมาะมือมาใช้แทนไม่ได้ - -
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ผมใช้อยู่ แต่เริ่มไม่อยากใช้เหมือนกันครับ เพราะโดนหาว่าเป็นสาวก ใช้เพราะเท่ ซึ่งจริงๆแล้ว ผมใช้เพราะมันเหมาะกับผม
เสริมที่ผมพิมพ์ไปแล้วนิดนึงครับ
โดยความคิดเห็นส่วนตัว ผมไม่ชอบที่คนมองว่า ซื้อแอปเปิลเพราะ fashion เพราะหรู ไว้ก่อน
แต่ก็ไม่ชอบคนที่ปกป้องทุกข้อด้อย โดยพยายามจะหาข้อดีอื่นมาแทน หรือวิธีอื่นมาแทน
เช่นพวกที่บอกว่า iPhone ส่ง mms ส่ง file ผ่าน bluetooth ได้แล้ว ตอนไป defense กับมือถืออื่น เพราะผมมองว่าไม่สะดวก และไม่ได้มากับเครื่อง ไม่ได้เป็นฟังก์ชั่นของมัน
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
คนที่บอก ITUNE ใช้ยาก คือคนที่ ชีวิตที่ผ่านมา เอา mp3 ยัดเข้าเครื่อง แล้วเปิด winamp add folder หรือ จิ้มที่ไฟล์เพลง winamp ก็ต้องขึ้นแล้ว หรือ เอาเพลงใส่ mp3 แค่ลากวางไฟล์
ใช่ครับมันง่ายจริงๆ สำหรับคนที่ฟังเพลงไปเรื่อย มีเพลงไม่กี่เพลง แต่ถ้าคุณเป็นนักฟังเพลงจริงๆ การจัดระเบียบเพลง 35,000 เพลง มันไม่ใช่แค่ลากวางครับ
คุณต้องมีโปรแกรมจัดการ ใช่แล้ว มีอยู่ 3 โปรแกรมที่ผมเห็น work
1.Library ใน winamp : ตัวนี้ผมถือว่าดีมากๆ ครับ แค่ Located แฟ้มที่เก็บเพลงจากนี่น บู้ม.. การหาเพลงจะเป็นเรื่องง่ายแต่น่าเสียดาย ที่มันไม่มี Function ที่จะเอาเพลงนั้นๆลากขึ้น player ตรง
2.Windows Media Player : จัดการ Library ได้ห่วยที่สุดเท่าที่ฟังมา แต่มันกลับเยี่ยมยอดในการ RIP CD ลิขสิทธิ์
3.ITUNE : ด้อยมากเวลา add เพลงเข้า library แต่ถ้าคุณ rip จาก CD หรือ add ไฟล์ ค่อนข้างมีระบบ นี่คือ สวรรค์ของนักฟํงเพลงเพราะมันจัด Library ได้ดีมากๆ ครับ
จุดเด่นของ osx คือการจัดการ ด้าน รูปและเสียว รวมถึงด้านการเก็บไฟล์ ซึ่งเอาจริงๆนะครับ คอมตามบ้านที่ไม่ใช่ที่ทำงาน ส่วนมากเป็นเรื่องความบันเทิง
OSX ทำได้ดีมากๆ
แต่ขณะเดียวกัน โปรแกรมต่างใน windows ที่มากมายกลับเป็นจุดเด่นที่สำคัญ ซึ่งเป็นเหลุผลเดียวกันกับที่ iphone ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
software ไงครับ app ใน iphone มันมีมากกว่า app java symbian อีก แถมหลายๆ app ชวนน่าเล่นยิ่งนัก
mac มันก็มีข้อดีขอเสียครับ แต่ที่ผมเลือก mac เพราะว่ามันสวย และ ดูดีครับ ถ้าเอาเรื่อง performance จริงๆ
pc ที่บ้านแรงไม่รู้จะแรงยีงไงแล้วครับ
ปล.up เพลงขึ้น ipod ง่ายมาก ลากไฟล์มาทิ้งที่เครื่อง ipod ใน itune แล้วก็นั่งรอครับ
ง่ายกว่า add file ใน windows media player อีก... สงสัย ทำไม คนถึงใช้ไม่เป็น...
ipod ใส่เพลงง่ายต้องลองเทียบกับเครื่องจีนแดงครับ
เครื่องพวกนี้จะสู้ ipod ไม่ได้ (เครื่องที่ผมใช้) ก็ตรง playlist นี่หละ
onedd.net
onedd.net
จุดเด่นของ osx คือการจัดการ ด้าน รูปและเสียว ..... อูยยยยย เสียววว :P
ปล. ชิง reply ก่อน กันการ edit :P
ผม reply ดักไว้แล้ว ปลอดภัยหายห่วง หุหุหุ
onedd.net
onedd.net
จุดเด่นของ osx คือการจัดการ ด้าน รูปและ"เสียว"
... อืม osx ดีแบบนี้นิเอง
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
--> จุดเด่นของ osx คือการจัดการ ด้าน รูปและเสียว
ฮา อย่างเดียวกรั๊บ... :D
-- Flex | Java | REALBasic --
ทุกอย่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ
เช่นกันกับที่ทุกวงการล้วนมีสาวก เช่น Microsoft, Java, Linux แม้แต่ Open Source ที่คุณชื่นชอบก็ตาม ผมเห็นสาวกเหนียวแน่นขนาดแตะต้องไม่ได้มาก็เยอะ
ต้องเข้าใจว่าคนบนโลกนี้มีความชอบไม่เหมือนกันครับ และธรรมชาติของคน ชอบอะไรก็มักจะเทิดทูนบูชาสิ่งนั้น อยากแนะนำคนอื่นเกี่ยวกับสิ่งนั้น ผมมองว่าไม่แปลกครับ ผมเป็นคนชอบในความคิดเห็นที่แตกต่าง ความคิดเห็นที่หลากหลาย เพราะมันจะทำให้เราได้เห็นมุมมองของคนอื่น ได้เห็นมุมต่างๆ ที่หลายหลากยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นสีสันของเว็บ ต่อให้มันเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบก็ตาม ผมก็พอใจจะรับรู้ครับ
คนจากร้อยพ่อพันแม่ คุณจะคาดหวังให้มันเป็นสังคมอุดมคติที่ไม่มีเกรียนเลย ก็คงเป็นไปไม่ได้อีกเช่นกัน เพียงแต่ว่า ถ้าคุณไม่อยากให้พวกไร้วุฒิภาวะมาโพสต์ก็ต้องมีมาตรการรับมือกับพวกนี้ ดูจากเว็บพันทิปเค้าก็มีมาตรการของเค้า ไม่ใช่ว่าพอเว็บกลายเป็นแบบนี้ คุณก็ละทิ้งไป สิ่งที่เกิดขึ้นคือ
ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้นครับ
ถ้าถามผมเรื่องแอปเปิ้ล
ผมว่าสาวกเยอะ ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะธรรมชาติของผลิตภัณฑ์แอปเปิ้ลมัน "เข้าถึง" คนส่วนใหญ่ เมื่อก่อนผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ Anti สินค้าจากบริษัทนี้นะ ผมผมไม่ชอบระบบปิดแบบ Macintosh
iPod และ iTune ไม่เคยอยู่ในสารบบความสนใจของผม
ในอดีตผมเคยแม้กระทั่งว่าเห็นเพื่อนที่ปกติเขียนโปรแกรมบน Windows ไปซื้อ Macbook มา ผมบอกเลยว่า "บ้าป่าววะ" MacBook มันทำอะไรได้เหนือกว่า PC ไปซื้อมาทำไมถ้าจะเพี้ยน
ตลอดเวลาจากนั้นมาผมก็เห็นพัฒนาการของผลิตภัณฑ์ของบริษัทนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
ผมได้ลองเล่น MacBook ได้ลองใช้ iPhone ลองเปิดใจ จะพบว่ามีหลายๆ อย่างเลย ที่ผมชอบมาก
iTune มันทำให้การจัดการเพลงเป็นเรื่องง่ายทั้งการ Edit Metadata การจัดการ Library ... iPhone ก็ใช้งานดีกว่าที่คาดถ้าเปรียบเทียบกับ Windows Mobile เครื่องเก่า ถ้าจะให้เป็นคำที่ตรงที่สุดคือ "มันได้ดั่งใจ"
และผมก็คิดว่า คงมีหลายๆ คนที่รู้สึกแบบนี้
เพราะฉะนั้น เปิดใจเถอะครับ รับความคิดเห็นที่แตกต่าง
สินค้าทุกอย่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่ง ข้อดีและข้อเสีย ในมุมมองของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน
....แตกต่างแต่ไม่แตกแยกครับ....
เหนื่อยใจ!
ตอบกันย๊าวยาววว~~~ ดูแล้วแต่ละคนมีแนวคิดที่บรรเจิดจริงๆ
ผมมิกล้า...โต้แย้งในความคิดใดๆที่พวกท่านทั้งหลาย ผมยังไม่ดีพอ อิ๊อิ๊
ผมก็ชอบแอปเปิ้ลนะ ติดที่ว่าผมยังใช้ PC :P
ปล.เห็นมีสาระกันเยอะแล้ว ขอไร้สาระบ้างเหอะ มันหนักเกิ๊น XD
My Blog
ทำไมบล็อกนันถึงมีสาวก? ง่ายๆ เพราะมีคนเกลียดแอปเปิล ถึงมีสาวก ถ้าที่นี่ไม่มีคนด่าแอปเปิล ทุกคนสรรเสริญแอปเปิลหมด สาวกจะไม่แสดงตน (ขอร้อง เข้าใจในความหมายผมหน่อย ไม่ได้หมายความว่าอาาา ต้องเกลียดแอปเปิลสินะ ผมแค่จะออกมาแสดงความเข้าใจให้ถูกต้อง ผมพูดถึงซีล็อต เข้าใจบ๊ ไม่ใช่แมคยูสเซอร์ ผมไม่ได้แตะแมคยูสเซอร์ ผมแตะแมคซีลอต)
ผมใช้ Mac ไม่เป็นอะ พูดจริงๆ นะ.... แต่ชอบ ย่อหน้าสุดท้ายครับ.! ความคิดใคร ความคิดมัน..!
ทำไมต้องมาแบ่งฝ่ายกันด้วยเนี่ย? หลายๆ เคยว่าพวกเสื้อเหลือง-แดง แต่ในที่สุดก็หลายคนก็ตกอยู่ในสถานะการแบ่งแยกกันเอง ในเรื่องง่ายๆ แค่นี้
ใช้อะไรก็ใช้ไปเหอะ เท่าที่มันทำงานให้เราได้ครับ
:)
Pawoot.com
Pawoot.com
ก็รัก(Mac)ไปแล้ว เป็นเพื่อนไม่ได้หรอกนะ...
เมื่อไหร่ที่คนไทยรู้จักใช้ "เสรีภาพทางความคิด" มันก็ไม่มีความขัดแย้ง ผมเคยอ่านบทความของท่านมุ้ยในเวปพันทิป ท่านเคยว่าไว้อย่างนี้แหละ
ในความคิดเห็นของผมนะ
ปล. ผมมีแค่ iPod 5th Gen 30G ตัวเดียว, ใช้แต่ Dell Latitude, เคยคิดจะซื้อ iPhone 3G แต่ผมมีกติกากับตัวเองว่า ไม่อยากซื้อโทรศัพท์มือถือที่ราคาเกิน 20k เลยตกไป
ผมมองความคุ้มค่า... ราคา... มาก่อนความเท่ห์...
ผมซื้อ notebook มาใช้งาน... ไม่ได้ใช้โชว์...
ผมไม่มีปัญญาพอที่จะซื้อความเท่ห์ครับ... ผมจะซื้ออะไรคิดแล้วคิดอีก...
นี่เป็นเหตุผลของผม...
มีคนถามว่า iphone ดีไม๊ ??? ผมจะตอบเค้าว่าถ้ามีปัญญาซื้อและอยากได้ก็ซื้อครับ...
แต่เรื่องสาวก... ถ้าคนยึดติด... จะมีสาวกออกมาครับ...
ถ้าลองไม่ยึดติด... ใช้ MS Windows, Linux, OSX อยากใช้อะไรก็ใช้ได้ ขอให้มันได้งาน... ตัวเองก็จะไม่เป็นสาวกของอะไรทั้งสิ้น...
อย่างภาษาที่ใช้งาน PHP, .NET, JSP, Ruby ถ้าเปิดใจสนใจลองศึกษาอะไรอื่นๆ ไม่ยึดติด คำว่าสาวกก็จะไม่เกิด มีแต่ใช้เป็น ใช้ได้ ใช้บ่อย ถนัด... จะมาเถียงว่า PHP เจ๋งกว่า .NET ตรงนี้ตรงนั้นตรงนู้นไปทำไม ถ้าจะต้องใช้ทำงานและได้งาน ส่วนเรื่องเจ๋งไม่เจ๋ง ก็ต้องยอมรับ ทุกอย่างมีจุดเด่น จุดด้อยของตัวเอง
+10
เห็นด้วยกับหลายๆความเห็น
และก็ไม่เห็นด้วยกับอีกหลายๆความเห็น ที่มองคนใช้แมคแคบไป
ใช้อะไรก็ใช้ไปเหอะครับ เลือกให้เหมาะกับงาน ผมเองก็ใช้ทั้ง 3 OS ขึ้นอยู่กับงานที่จะใช้
แต่ Windows ผมมีไว้เพื่อเล่นเกมบางเกมอย่างเดียวเท่านั้น (โดยเฉพาะเกมออนไลน์)
มันคงหมดยุคที่ผมสนุกกับการนั่งลง OS, Driver ปรับนู่นนิด แก้นี่หน่อย หลายๆชั่วโมงละครับ
ผมขอเลือกอะไรที่มันให้ผม พร้อมที่จะทำงานได้เลยมากกว่าครับ
สำหรับผมแล้วการนั่งลง OS ปรับโน่นแก้นี้ มันช่วยให้ผมได้งาน (และเงิน) น่ะครับ การทนใช้งาน บ่นบ้าง ช่วย report bug ตามโอกาส จึงเป็นเรื่องที่ผมเต็มใจทำ เงินนี่
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
นั่นแหละครับ ผมถึงบอกเลือกให้เหมาะกับงาน และเหมาะกับเรา
ผมมาสาย Graphic Design ตอนนี้ก็เลยไม่มีเวลาไปทำอะไรแบบนั้นแล้วล่ะครับ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ทำเลยนะครับ เพราะ linux ผมใช้ Arch Linux มันก็ต้องจัดการเองแทบจะทุกอย่างครับ แต่ว่าเป็นการทำครั้งเดียวจบ เพราะ Rolling Release ก็แค่สั่งอัพเดท ไม่จำเป็นต้องลงใหม่ทุกครั้งที่ออก version ใหม่ มันคุมอะไรได้มากกว่าการทำ Distribution Upgrade :P
เห็นด้วยเลยว่า ผมมันคงหมดยุคที่จะสนุกกับการนั่งลง OS, Driver ปรับโน่นนิด ปรับนี่หน่อย หลาย ๆ ชั่วโมงแล้ว แก่แล้ว
เมื่อก่อนลง Debian เสร็จ ลง Redhat ต่อเลย
นี่ถ้าไม่ต้องทนใช้ Xfig ก็จะไม่ลง colinux ให้เสียเวลาเล่นหรอก ยิ่งเดี๋ยวนี้มี KDE for windows แล้ว สบาย
ผมชอบสตีป
แต่ไม่ชอบของสตีป เพราะมันแพง ฮ่าๆ
เป็นไม่กี่ครั้งที่มีรูปแปะอยู่หน้าแรกของ BN :P
_________________________pawinpawin | clinicalepi.com
นานาจิตตัง วุมิภาวะของอารมณ์ วุฒิภาวะของสมอง แต่ละคนไม่เหมือนกัน ย้ำ "ไม่เหมือนกัน" ไม่ใช่ "ไม่เท่ากัน" ผมก็เลยไม่ค่อยสนใจ ผมใช้ Apple มานานละ ยืนยันอีกคนหนึ่ง ว่าไม่ได้ซื้อมาเพราะความเท่ห์ (แพงเกิ้น ที่จะลงทุนซื้อมาเพื่อความเท่) ซื้อมาทำงานกับเรียนครับ
Priesdelly Blog
นัับวันเรื่องนี้ก็ยิ่ง "ใหญ่" ขึ้นในบล็อกนั้นเนาะ
บอกตรงๆ ครับ ผมเบื่อทุก content
ทุกความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้
เบื่อที่จะอ่าน เบื่อที่จะใส่ใจ
เพราะมันไม่มีข้อมูลใดๆ ที่จำเป็น
ต่อการดำรงชีวิตเลยแม้แต่นิดเดียว
เป็นขยะ และไร้สาระสิ้นดี
ด้วยความเคารพ ขอบคุณครับ
ผมว่าเลิกเขียนข่าว Apple ไปเหอะครับ จริงๆแล้วพวก User เค้าสามารถไปหาอ่านเองได้อยู่แล้ว ใน BN ก็ไม่ค่อยต่างกับเว็ปเฉพาะทางมากหรอกครับ
" ผมว่ามันไม่คุ้ม เอาเงินทำอย่างอื่นดีกว่า แพงก็แพง ได้แค่นี้ " >>> ซื้อให้มั้ยล่ะ
" ผูกขาด ระบบปิด " >>> จะให้ผมไปเดินประท้วงหรอ
ผมเห็นข้อความประมาณว่า "ไอ้ นั้น นู้น นี่ ไม่ดี ห่วย" นั้นมันสำหรับคุณ ไม่ใช่ผม
ไม่มีอะไรบนโลกนี้ที่ดีและไม่ดีหรอก ทุกอย่างเรากำหนดขึ้นมาเอง ใจเราพอใจชอบมันก็จะบอกว่าดี แต่จะให้คนอื่นมาคิดว่ามันดีตามไม่ได้หรอก
ถ้าเราสามารถยอมรับในข้อด่อย และพอใจในข้อดี เราก็จะสรุปว่ามันดี สำหรับเราแต่ไม่ใช่คนอื่น
สรุป เลิกเขียนข่าว Apple ไปเหอะ รำคาญ Zealot หัวเกรียน + Anti Zealot
ผมรับข่าวจาก blognone เป็นหลักครับ
พวกเว็บเฉพาะทาง จะได้คลิกจากผมก็ต่อเมื่อเป็นข่าวที่ผมสนใจจริงๆ เท่านั้น
ดังนั้น ผมจึงไม่เห็นด้วย ถ้าจะเลิกเขียนข่าวของค่ายใดค่ายหนึ่ง เพียงเพราะกลัวคอมเมนท์เกรียนๆ
คุณค่าของบทความ มันก็อยู่ที่ตัวบทความนั่นแหละครับ
อย่าให้คอมเมนท์มาตัดสินหรือทำลายคุณค่าของตัวบทความเลย
http://tomazzu.exteen.com
อ่ะ เดี๋ยวเกิดรำคาญ MS, Adobe, Intel ไปด้วย ไม่มีข่าวอ่านแล้วนา..
-- Flex | Java | REALBasic --
ร้อนนนนน
กลับมาเถอะครับ ผมเข้ามาอ่านทุกวันเลย ถึงว่าข่าวน้อยๆลงไป
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
ผมก็เข้ามาแทบทุกวันครับ
มาช่วยกันเขียนข่าวดีกว่า อย่ามาเถียงกันเลย
ประโยชน์ัมันต่างกัน เห็นๆ!!
My Blog
+1 ให้สาวก Korean girl อิอิ
ผมว่าใครอยากใช้อะไรก็ใช้ไปเถอะครับ
แต่ต้องยอมว่าการแสดงความคิดเห็นของสาวกแมคบางท่าน
เล่นเอาผมน้อยใจที่เกิดมาแล้วไม่มีปัญญาซื้อแมค
ทั้งๆที่ผมใช้ Windows + Linux ผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร
ก็คิดว่าพอเข้าใจความรู้สึกของคุณ mk อยู่(มั้ง)ครับ
แต่ก็เอาเหอะครับ ใครอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะครับ ไม่มีใครบังคับกันได้
ปล. แถมว่า เพื่อนผมหลายๆคนซื้อแมคมาแต่ก็ใช้กันแต่ Windows ครับ ผมเลยพอสรุปได้ว่า ใช้แมคมันเท่นี่เอง
Karaboon
ทุกคนก็มีความเห็นส่วนตัวกันได้ทุกคน ความเห็นแตกต่างกัน เป็นเรื่องปกติ
ผมว่ามันเป็นเรื่องปกตินะ ... บางครั้ง (หลายๆ ครั้งด้วย) เราจำเป็นต้อง
กรองเอาอารมณ์และความรู้สึกทิ้งไปบ้าง ให้เหลือแต่เนื้อๆ (หา) เหตุผล
เพราะไม่เช่นนั้น เป็นไปได้ทีเีดียวที่จะทำให้เกิดผลกระทบที่ไม่ดีต่อตัวเรา ...
ท้อแท้ เบื่อ เหนื่อยหน่าย อีกมากมาย ... ที่แย่ๆ ...
อย่างไรก็ตามเก็บสิ่งดีๆ เอาไว้ ... รวมกับเนื้อหา สาระ เหตุผล ดี ...
ชีวิตจะมีความสุขอีกแยะไป
และ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่มีความเห็นหลายๆ อย่างคล้่ายกับเจ้าของกระทู้
คือ ... ผมไม่ชอบการตลาดของ Apple เอาซะเลย ...
จะแนวๆ คล้ายๆ กับที่ Sony เคยทำตลาดสมัยก่อนๆ (เดี๋ยวนี้ก็ยังเ็ป็นเหมือนกัน
แต่อาจจะลดลง) ของ Sony ก็ควรใช้กับผลิตภัณฑ์ Sony อื่นๆ ประกอบ
ถึงจะมีสินค้าจาก 3rd Party ออกมา แต่ราคาก็ไม่ย่อมเยาว์เท่าไร เพราะ
อาจจะมีค่าสิทธิอะไรบางอย่างรวมในนั้น ...
มาหนักที่ iPhone ที่บอกตรงๆ มันเป็นอะไรที่ลงตัวมากทีเดียว
เพราะมันเป็นเหมือนจะแทนคอมพิวเตอร์พกพาได้ตัวหนึ่งทีเดียว ...
ตอบสนองการใช้งานที่มากทีเดียว ... อยากซื้อมาใช้งาน
เพียงแต่ผมยังไ่ม่คิดจะซื้อ
ถึงแม้จะมีของขายในไทยนานแล้วที่หิ้วมาหรืออาจจะฝากคนซื้อได้จากต่างประเทศก็ตาม
(และนำมา Unlock เอา) แต่ถ้าเขาไม่ยินดีที่จะทำตลาดในบ้านเรา
ทำไมต้องพยายามไปซื้อของเขาล่ะ!
ถึงจะนำเข้ามาในไทย ... แต่หากไม่มีภาษาไทยก็ไม่สมเหตุผล
ที่จะทำตลาดในไทยเช่นกัน
มีไทยแล้ว แต่ ควบคุมตัวสินค้ามากอยู่ ให้ TrueMove ขายเจ้าเดียว
มีส่วนในการขาย ยอดขาย อะไรก็ตาม (ไม่ค่อยปกติในไทย หรือ
เจ้าอื่นๆ ทำแต่ผมไม่ทราบก็ต้องขออภัย)
สรุป ง่ายๆ คือ ไม่ชอบที่มาควบคุมมากเกินไป (เผอิญเบื่อแล้ว
กับการควบคุม จากใคร หรือ อะไรก็ตาม)
ผมไม่ทราบนะว่า จะเกี่ยวกับ การควบคุมคุณภาพ การให้บริการหลัง
การขาย อะไรก็ตาม แต่ โทษเถอะ Battery เปลี่ยนเองไม่ได้
หรือได้ก็ ไม่ได้สะดวก ก็เป็นอีกเรื่อง
อีกอย่าง ... ขอมี Netbook ไว้ใช้งานด้วยราคาต่ำกว่าก่อน
กับ โทรศัพท์ต่อ Edge/GRRS แทนไปก่อน สำหรับงาน
ที่ทำได้แยะกว่า ละกัน
(นี่ตั้งแต่ iPod แล้ว แต่นะ ผมก็มี 1st Gen iPod อยู่ตัว
ซึ่งไม่เคยเปลี่ยนเลย เพราะ รุ่นหลังๆ ใส่ตัวหนังสือไทยเพิ่มไม่ได้
เลยไม่คิดจะเปลียน จนถึงรุ่นปัจจุบันเปลี่ยนได้ แต่ ...
ไม่เห็นความจำเป็น ... เท่าไร เลยยังคงใช้อยู่ ยังโชคดีที่
Battery ยังไม่เสื่อมมากนักด้วยประกอบกัน)
ลืมไป ... ผมเป็นหนึ่งใน Linux User
ใช้ Ubuntu เป็น OS หลัก ในการทำงาน ...
และไม่แย้งเลยว่า OS X มี Usability ที่ดี
Learning Curve ต่ำ ... แต่ ...
ผมยังไม่คิดจะซื้อ Macbook น่ะ ... เพราะราคาสูงไป
Ubuntu ตอบสนองงานประจำวันผมได้หมดอยู่แล้ว
เพราะจริงๆ ก็มี OSS หลายๆ ตัวที่ทำอะไรได้หลายๆ อย่าง
ที่พอจะทดแทน Software ใน OS X ได้ ถึงจะไม่ดีเท่า
แต่สำหรับคนที่ไม่เ็ป็น Artist ไม่ใช้นักออกแบบ ...
แค่นี้ก็พอ ... สำหรับที่ทำไม กลุ่มอาชีพนี้ไม่คิดมาใช้
OSS เพราะ ... เวลาเขาเป็นเงินเป็นทอง ...
เขาทำรายได้ ... (ซึ่งต้องบอกว่ามากจากงานแต่ละชิ้น)
เข้าใจว่าหากต้องมาเรียนรู้การใช้งานสิ่งใหม่ๆ เอาเวลาไป
ทำงานทำรายได้น่าจะดีกว่าเป็นไหนๆ ... จริงหรือไม่?
จริงๆ เราเอง เราไม่คิดจะพัฒนาอะไรขึ้นมาให้เราใช้กันเอง
ให้มันดีไปเลย ให้คนในบ้านเราได้ใช้กัน ทดแทน
หรือดีกว่า ของต่างประเทศ ไม่รวมตัวกัน ช่วยกัน
เป็นไปในแทบ ต่างคนต่างทำ ไม่ค่อยจะแชร์ แบ่งปัน
รวมกันทำ ให้ได้อะไรที่ดีๆ ไปเลย ...
อย่าง คิดจะดัน OS แห่งชาติ กล้าๆ กลัวๆ อิทธิพลอื่นๆ แทรก
อีกมากมาย ...
ไม่ต้องอะไรมากมาย หน่วยงานที่พัฒนา OSS ในไทย
หนุนออกหน้าออกตา ยังทำไม่ได้จริงๆ จังๆ เองเลย...
คนเก่งในไทยมีแยะ ... หากรวมกันได้ ทำอะไรได้
พัฒนา OS แห่งชาติ อะไรที่เป็นของไทยขึ้นมาได้ ...
ก็ดีได้เท่ากับต่างประเทศล่ะ ... และดีกว่าด้วย ...
ช่วยกันหน่อยเถอะครับ ...
มาเป็น สาวกชาวไทย กันดีกว่าครับ
เพื่อประเทศของเรา จะทะเลาะกันทำไม
จบคนละเรื่องแต่ก็นะ ...
เถียงกันมากให้บร๊ะเจ้า โจ๊ก โซคูลตัดสิน -*-
+1 ครับ ^^
ผมได้ใช้สินค้าหลายชิ้นของแอปเปิล บอกได้เลยว่าสินค้าของแอปเปิลไม่ได้มีดีแค่เท่อย่างเดียวแน่นอนมันเป็นอะไรที่มากกว่านั้น ความแข็งแรงทนทานก็มากกว่าหลายยี้ห้ออื่น(ยกตัวอย่างเวลาเปิด ปิดหน้าจอโน้ตบุคของ vaio เหมือนกับว่ามันจะหลุดออกมาเป็นชิ้นๆให้ได้ ลองไปเปิดดูและเปรียบเทียบกับ macbook)อีกอันนึงคือหูฟัง แน่นอนที่คนเราชอบเสียงที่แตกต่างกันออกไป แต่อันที่พูดว่าซื้อมาวันแรกแล้วเสียนี่สิ งงๆ เพราะว่าผมใช้มาตั้งแต่ ipod videoซื้อตอนมันพึ่งออกใหม่ๆ(ลองนับดูสิกี่ปีแล้ว)ตอนนี้หูฟังก็ยังใช้งานได้ดีอยู่ เสียงไม่แตกเหมือนกับหลายยี่ห้อ อีกอันนึงคือที่บอกว่าอัพโหลดยาก สำหรับผมง่ายด้วยซำ้ แค่ลากแทบ แดรกเมาส์ แล้วก็วาง ไม่เห็นว่ามันจะยากตรงไหนเลย
ป.ล.อยากถามหลายๆคนที่บอกว่า mac ใช้ยาก ipod ใช้ยาก itunes ใช้ยาก ที่บอกว่าใช้ยากอ่ะใช้
มานานแล้วหรือยัง อยากรู้ หรือว่าที่ใช้ยากเพราะพวกคุณเคยชินกับการใช้งานบน pc กันแน่ ของหลายสิ่ง
หลายอย่างมันต้องลองใช้ไปนานถึงจะรู้ จะด่วนสรุปไม่ได้
ป.ล.2 อันนี้อย่าจะบอกกันผู้เขียนนะ(ไม่ได้ด่า)คือว่าก่อนที่จะเขี่ยนเนี่ยช่วยเอาข่าวที่ใหม่ๆมาเขียนได้ป่าว เพราะว่าตอนนี้ ipod รุ่นที่ออกมาใหม่มันอ่านภาษาไทยได้แล้ว
ป.ล.3iphone รุ่นต่อไปที่จะออกมามี mms แล้วก็มีคีบอร์ดภาษาไทยด้วย(บางท่านน่าจะทราบกันดีแล้ว)
ป.ล.4 ถ้าใครที่คิดจะซื้อของๆแอปเปิลละก็บอกได้เลยว่าไปซื้อที่premiun reseller จะชัวกว่าไปซื้อร้านข้างนอก และที่สำคัญถ้าไม้อยากถูกของเสียต้องซ้ือของที่ยังไม่แกะกล่อง
ป.ล.สุดท้าย มีปัญหาเกี่ยวกับสินค้าของ apple ก็ไปถามที่ร้าน premiun reseller สิเพราะยังไงสันค้าของapple มันก็รับประกันทั่วโลกอยู่แล้ว
ป.ล.สุดท้าย (นิดๆ)ไม่มีอุปกรณ์อีเล็กทรอนิกชิ้นไหน ยี่ห้อไหนหรอกที่ดีไปหมดทุกอย่าง เพียงแต่ว่าเราชอบแบบไหน ต้องการใช้งานแบบไหน ก็ซื้อไห้ถูกแล้วกัน ไม่ใช่ว่าซื้อของผิดความต้องการของตัวเองแล้วมาเขียนว่าแบบนั้นไม่ดี แบบโน้นไม่ดี เดี๋ยวคนอื่นเขาจะเข้าใจผิดว่าของๆ apple ไม่มีชิ้นไหนดีเลย
ป.ล.สุดท้าย(จริงๆ) อย่านึกว่าตัวเองเก่ง แล้วจะแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้หมดทุกเรื่อง ถ้าคิดแบบนั้นคุณคิดผิดแล้วหละ เพราะไม่มีใครเก่งไปหมดทุกเรื่องหรอก (ipod อ่ะถ้าupload เองไม่ได้ก็เอาไปไห้ที่ร้านเขาช่วยสอนดิ)
ผมว่าเอาเข้าจริง iTunes มันใช้ง่ายกว่า WinAmp หรือ WMP อีกนะ
โดยเฉพาะเรื่อง Library เพลง มันจะให้อะไรมาก ๆ กับคนที่ไม่ได้ใช้แค่ฟังเพลงเฉย ๆ
สิ่งหนึ่งที่อยากให้ iTunes ทำได้คือ 'Watch Folder' แต่ก็เข้าใจว่าคอนเซปต์ของโปรแกรมมันคือซื้อเพลงมาฟัง
My Experiences : Pexeriences
อย่าลืมๆ
แต่ไม่ได้บอกว่า "ห้ามน้อยใจ"
I'am Cydia. :P
<mOkin>
ตรู่ว่าแล้วในโลกนี้มีปัญหา เขาไม่ด่า ก็ชื่นชม หรือเฉยๆ
สามประเภทที่ว่านี้มิเปลี่ยนเลย จงวางเฉยใครถือสาเป็นบ้าตาย<mOkin/>
i'm iCy ;P
ผมชอบ apple นะ
เน็ตผมล่มไปแป๊บนึง กลับมาทำไมรู้สึกมันร๊อนร้อน - -"
ผมเบื่อคนใช้ Iphone บางกลุ่ม
มีใช้แล้ว? ใช้ทำไรบ้าง? ฟังเพลง ถ่ายรูป - -" แต่เล่นเน็ต ลงเกมเพิ่ม และอีกหลายๆอย่าง
"มานใช้งายร๋อ ม่ายรู้อ๊ะ" เห็นมันสวยดีเพื่อนมันมีเลยอยากมีบ้าง เหอะๆ
(ขออภัยครับที่นอกเรื่อง)
ผมเบื่อกลุ่มนั้นเหมือนกันครับ
เพราะมันทำให้คนใช้เพราะฟังก์ชั่นแบบผม เหมือนโดนดูถูกเหมารวมไปด้วย
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ไอ้กลุ่มแบบแนวนี้มันก็มีเป็นประชากรส่วนใหญ่ของทุกๆ อย่างแหละครับ เหมือนไปถามว่าทำไมใช้วินโดวส์ ก็เพราะมันมีในเครือง อะไรทำนองนั้น
-- Flex | Java | REALBasic --
ผิดตรงไหนเนี่ย
ไม่เคยคิดว่า Apple จะก่อความแตกแยกได้มากขนาดนี้ ประมาณอดีตนายกกันเลยทีเดียว ผมเป็นสาวก Windows ขั้นสูงสุด เคยใช้มาแล้วทั้ง Mac และ Linux แต่ก็พบว่าตัวเองเหมาะกับ Windows ที่สุด ชินมือ และไม่ต้องการของหรู ขอทนๆ แบบ Thinkpad ก็พอ
แต่งานนี้ขอออกมาพูดปกป้อง Apple โดยเฉพาะเรื่องที่ว่า Apple ผูกขาด ผมคิดว่า Apple ไม่ได้ผูกขาดตรงไหน ไม่ได้กดดันให้ผู้ซื้อไปซื้อสินค้าของตน ไม่ได้ไป take over หรือทำข้อตกลงอะไรที่ทำให้บริษัทคู่แข่งต้องมีอันเป็นไป แต่ Apple มีการใช้หลักการตลาดที่เก่งมากๆ จนทำให้คนอยากได้สินค้าจำนวนมาก ผมว่าผู้ใช้ต้องการเลือกในสิ่งที่เหมาะกับตนเองอยู่แล้ว ผิดเหรอที่อยากได้ Notebook ที่ออกแบบสวยๆ สักเครื่อง การมีทางเลือกย่อมเป็นสิ่งที่ดี
ป.ล. อยากให้ WinMo ดูหนังฟังเพลงเกมเยอะๆ แบบ iPhone / ให้เวลา Microsoft อีกหน่อยในฐานะรักกันมานาน แต่ถ้านานมากๆ แล้วยังไม่พัฒนาไปเท่าไหร่คงไปถอย iPhone แน่ๆ Firmware 3.0 นี่ขาดแค่ MultiTask กับหน้าแจ้งเตือนต่างๆ ก็เทพแล้ว
เรื่องผูกขาดของแอปเปิลนี่เป็นที่ซอฟท์แวร์เสียมากครับ สังเกตุว่าซอฟท์แวร์ที่ใช้ได้กับผลิตภัณฑ์ของแอปเปิล (หรือฮาร์ดแวร์ที่ใช้ได้กับซอฟท์แวร์ของแอปเ้ปิล) จะมาจากแอปเปิลเอง
ค่ายอื่นเขาก็ทำกันครับ แต่บังเอิญว่าทั้งซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ของแอปเปิลนั้นน้อยกว่าชาวบ้านเขาอยู่ เลยทำให้ดูเหมือนว่าผูกขาดไปเสียทุกอย่างครับ
Personally, I prefer Linux. and i cant agree more that mac's "too cool". however, i totally disagree with mk's logic http://www.blognone.com/node/11337 ur words should look like educated guy,shoudnt it?. i personally see it as an "emotional" comment rather a logical one.
Ps. it requires not that much logic to write news. i believe that what important for news (and mk has got it4sure) is contribution and (?)unbiased mind.
I belive that mk isn't biased he just stage that ...
I also think that mac is good os. But the way Apple do business is disgusting.
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ขอแสดงความเห็นด้วยคน..
น่าจะใช่ แต่ไม่ที่สุด เห็นพวก sony, fujitsu ก้ไม่ได้ถูก
เห็นด้วย ยกเว้บเครื่องแข็งแรงดีเพราะเป็นอะลูมิเนียม (macbook, macbook pro)
ผมว่าถ้าใจเป็นธรรมและเข้าใจวิธีการใช้ทั้งหมดพอๆ กัน มันดีกว่า windows vista UI และ Gnome/KDE desktop เยอะ สำหรับคนใช้ทั่วๆ ไป และงานในชีวิตประจำวัน
ในโลกธุรกิจ ผมไม่เคยเห็นบริษัทอะไรไม่พยายาม monopoly เลย แต่ถ้าคนไม่ซื้อ ก็บังคับไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นการจะ monopoly ได้ก็ต้องมีดีให้ซื้อ intel, ms, apple, adobe ฯลฯ มีทั้งนั้น
-- Flex | Java | REALBasic --
^^
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ถ้าเทียบที่ราคาใกล้กัน ผมคิดว่า spec ของตัวเครื่อง macbook และ sony รุ่น SR ก็ไม่ต่างกันมากนะครับ (ต่างกันที่แรมอย่างเดียวมั๊ง ตรงนี้จำไม่ได้)
laptop hunters #3 เป็น vaio fw ราคา $1500 ครับ
เทียบกับ MacBook ที่ $1,599 จะใด้
คาดว่าเทียบด้วยใจเป็นกลางแล้วคำตอบคงจะเหมือนกันทุกคน ^^
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ค่า SW ล่ะครับ?
เอามาผิดนะครับอันนี้ราคากลางประมาณ $2000 เดี่ยวเปลี่ยนรุ่นก่อน
Sony VAIO VGN-FW198U/H
trialware อีกชุดหนึ่ง
ปล. เนื่องจาก ad นี้ฉายต่างประเทศ ดังนั้นผมเอาราคาต่างประเทศเป็นหลักนะครับ
อันที่ถูกน่าจะเป็นอันนี้ครับ
Sony VAIO VGN-FW270J ($1,499)
เทียบกับ MacBook ที่ $1,599 จะใด้
ดูยังไง sony ก็ยังคุ้มกว่าด้วยจนาดจอและบรูเรย์ ^^
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ถ้าอยู่ ตปท sony คุ้มกว่าครับ แต่ที่ไทยราคามันแพงกว่าเยอะเลยแฮะ - -"
เห็นแก้มาหลายรอบละ ผมล่ะไม่กล้า reply
แต่สุดท้ายก็มีคนมา reply ก่อนแฮะ = =
ผมไล่แก้เองมั้งครับ ^^
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
หลายคนไม่ได้ซื้อเพราะ spec ที่ดูแล้วมันน่าจะคุ้มกว่าเพียงอย่างเดียวนะครับ ยังมีอื่นๆอีกมากมายที่เรามาเป็นส่วนช่วยในการคิครับ ว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ
design ก็ sony นะครับ นอกจากนั้น sound และจอ 16:9 ที่มียี่ห้อ sony รับประกันคุณภาพ ^^
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ผมเทียบจากราคาที่ไทยนะครับ
http://www.notebookspec.com/notebook/1676-Apple+MacBook+%5B2.0GHz%5D.html
http://www.notebookspec.com/notebook/1740-SONY+VAIO+VGN-SR25S.html
รุ่น fw ราคาที่ไทยเริ่มที่ 59,000 บาทครับ spec ไม่แรงเท่าที่โพสไว้ด้วยครับ :)
เอามาผิดครับ อ่านข้างบน ^^
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
-> ผมบอกว่าคนที่ "เกิดกับ windows" ยังไงก็เห็น windows ง่ายกว่า apple
นั่นน่าจะเป็นเพราะคุ้นเคย มากกว่าที่จะเป็นเพราะ windows มันง่ายกว่านะครับ
ถ้าจะเทียบอันไหนง่ายกว่า น่าจะต้องเทียบที่สิ่งแวดล้อมเหมือนๆ กัน คือ ไม่เคยใช้ทั้งคู่
หรือเคยใช้มาแล้วทั้งคู่มากกว่านา
ปล. ผมเคยใช้แต่ windows
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ถูก คำถามคือ ทำไมคนที่เกิดกับ windows จะต้องปรับตัวไปไช้ mac หละ ^^
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ถ้าถามว่าทำไมถึงต้อง Switch ไปใช้ Mac
ส่วนตัวผมแล้วก็เพราะว่า Windows มันไม่ตอบโจทย์ในการทำงานของผม
และหลาย ๆ ท่าน ที่ Switch มาจาก Windows ก็คงจะรู้ดีว่าทำไม ...
เรื่องของเรื่องคือแมคไม่ได้ตอบโจทย์ทุกคนน่ะนะ คนทำงานยาไส้ไปวันๆ PC กะหลั่วๆเครื่องนึงก็หาเงินให้เขาได้ (คืออันนี้เพราะว่าคนทั่วๆไปที่ใช้คอมก็ไม่พ้น Microsoft Office ที่ต้องใช้ร่วมกับที่ทำงานไง) ดังนั้นผู้ใช้ส่วนใหญ่จึงยังไม่ยอมสลับไปใช้ OS อื่น
ปล.แม้แต่ Windows Vista !
ถ้างานตาม office ทั่วไปก็ไม่ควรเปลี่ยนล่ะครับ เพราะใช้ Microsoft office กันหมด = =
แต่สำหรับเค้าอาจจะหมายถึงพวกงานรูปภาพ การตัดต่อและการนำเสนอสี หรือพวกกราฟฟิคดีไซน์มั้งครับ?
นั่นแหละ ผมว่ามันเป็นเหตุผลต้นๆเหตุผลหนึ่งเหมือนกันที่คนไม่คิดจะไปซื้อแมคมาให้เปลือง - -"
ส่วนงานกราฟิก ผมว่าถ้าไม่ใช่พวกที่ทำงานด้านนี้แบบสุดๆจริงๆ วินโดวส์ก็พอให้เขาใช้นะ
แต่ Keynote นี่ทำงานออกมาได้สวยจริงๆ
หลายๆท่านที่ทำงานด้านออกแบบมักจะมองดูของด้วยความงามนอกเหนือจากความสามารถด้วยน่ะ
Mac รูปทรงมันทำมาสวยงาม ทุกอย่างทำออกมาให้ดูน่าใช้
มันมีผลต่อจิตใจนะ
เด็กถาปัตฯ "มันเป็นแรงบันดาลใจ"
ผมเด็กวิศวะ "มันคืออะไรเหรอ?"
ใช่ๆ อะไรประมาณนั้นล่ะ
ถ้าถามว่ารู้สึกอย่างไรหลังลองเล่น mac (osx86) แล้ว
ส่วนตัวแรกๆก็พบว่าสวยดี แต่พอไช้ไปสักพักพบว่า ไช้ยากและไม่ตอบโจทย์ในการทำงานของผม
และหลายๆท่านที่เป็นแบบผมก็น่าจะลบ osx86 ไปล้ว ...
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
The Inquirer talks about the 9600 by NVIDIA in general. That includes all models in all PC brands accross the board. Get your facts right mate, and gat your English right too :)
ผมเชื่อว่าไม่มีความเป็นกลางหรอกหากเรามาดูที่ตัวบุคคลแต่ละคน เพราะว่าเราเป็นมนุษย์ และอีกอย่าง อยากได้ Proof ครับว่า Sony เขาขาย Quality ตรงไหน ต่างจากแบรนด์อื่นอย่างไร ทำไม HP หรือ Dell หรือ Acer ไม่ใช่ Quality? หรือราคาของโซนี่เป็นเหตุผลที่ดีแล้ว?
@TonsTweetings
ผมว่า Finder ห่วยกว่า Windows Explorer นะ
แต่ Spotlight เจ๋งกว่า Run
+1 Finder ซังกระบ๊วยจริงๆ
แต่ Spotlight นี่... ผมว่าบน 10.5 มันห่วยกว่า 10.4 นะ - -"
เห็นด้วยเลยครับ ใช้แล้วอึดอัดรู้สึกมันใช้ยากกว่า Windows Explorer แฟนผมไม่บอกว่ายาก แต่ลาก icon ทุกอย่างที่ใช้บ่อยมาไว้ตรง dock หมดเลย 555
หวังว่าด็อคคงไม่ยาวเหยียดเหมือนถนนพหลโยธินนะ หาโปรแกรมทีอ้วกแตกแน่ - -"
คนใช้ Mac หลายๆคนใช้ QuickSilver ครับ อยากได้โปรแกรมอะไร นึกชื่อแล้วพิมพ์ซัก 1-2 ตัวอักษรก็วิ่งมาปรู๊ดปร๊าดด แล้วครับ
+1 Quicksilver ครับ ไวกว่า Start เยอะ ใช้จนติด Linux(GNOME) ก็ยังขาด Gnome-Do ไม่ได้เหมือนกัน
บางทีบนวินโดวส์ก้ใช้ launchy เหมือนกัน แต่บางโปรแกรมที่ร้แน่ๆว่ามันอยู่ตรงไหน จิ้มๆหามันเร็วกว่าใช้ launchy แฮะ (ไม่รู้ทำไม launch กดเรียกไม่ค่อยขึ้น - -)
+1 Launchy
สอนมันได้นะ
ผมเห็นด้วยนะครับ windows explorer สามารถทำอะไรๆ ได้มากกว่า finder หลายขุม
spotlight ก็พอๆ กับ windows 7 startmenu สรุปแล้ว quicksilver ดีสุด 555
Command Line is the Best ครับ อิอิ
พูดถึง Windows Explorer แล้วคิดถึง
ฮือ ๆ ๆ +
My Experiences : Pexeriences
+1 quicksilver เป็นเมพที่แท้ขิง
ผมชื่นชมแมนยู โคตรทีมบอล เล่นกันได้ Die Hard มากๆ
แต่เกลียดแฟนบอลแมนยู เพราะมันโชว์เกรียนอยู่บ่อยครั้ง
กระนั้นแล้ว ผมก็ยังติดตามข่าวฟุตบอลอยู่เสมอ ไม่แบ่งการรับรู้ว่าเป็นของทีมไหน
เพราะทุกเรื่อง มันย่อมมีผลกระทบกับเราบ้าง ไม่มากก็น้อย
อันที่จริง เพื่อนสนิทที่ดีๆ ของผม เชียร์แมนยูกันไม่น้อย
อาการหมั่นไส้ของผม จึงเป็นคำแซวแกมด่าหรือเตือนสติมากกว่า
ให้เคารพความรู้สึกของแฟนหงส์ แฟนปืน แฟนสิงห์กันบ้าง
เลี่ยงไม่พูดเรื่องคอมนะครับ
ผมแค่อยากให้คุณกลับมาเขียนต่อแค่นั้นเอง :D
ปล. ปัจจุบัน ผมใช้ iPod, iPhone, Macbook, Ubuntu, XP และเป็นแฟนนิวคาสเซิ่ลที่แอบลุ้นลิเวอร์พูลให้ได้แชมป์ลีกกะเค้า (ซักที)
ปล.2 แมวสีใดก็ได้ ขอให้จับหนูได้เป็นพอ!
up2gu.net - ใกล้ครบรอบ 6 ปีแล้วจ้า :D
ผมแฟนลิเวอร์พูลครับ ให้เกียรติทุกทีม โดยเฉาะแมนยู ให้ไปเสียทั้งไปกลับรวมกันหกลูก
เค้าว่ากันว่าแฟนหงส์เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ท่าจะจริง
วันนี้แมนยูระวังปืนโตใจดี ให้ไม่ยั้งนะครับ เป็นห่วง...กลัวจะเจ็บ
ปล. ขำๆนะ ผมเป็นกองแช่ง :P
My Blog
+1 ครับ
ชนะทีมไหนหรือได้แชมป์ไหนไม่สะใจเท่าชนะแมนยูทั้งเหย้าและเยือน
เดี๋ยวก่อน ท่าน กลับมาก่อนที่กระทู้นี้จะกลายเป็นกระทู้บอล
สาวก แมนยูฯ vs สาวก สมาคมเชียร์ทีมอื่นที่ไม่ใช่แมนยูฯ
รุมนิ
พูดแบบนี้ก็เปิดอีกข่าวไปคุยกันเลยดีกว่าครับ
แฮะๆ
(เมื่อคืนโอเชยิงเดาจริงๆ)
ต้องชมคาร์ริค ล็อกลูกนั้นให้เต็ม 10
ต้องชมแมนยูฯ ที่ทนทานแรงแช่งปนไสยศาสตร์ของผมได้ :P
My Blog
คานที่มาป้องกันลูกยิงของลูกโด้ มาจากคุณ blize นี่เอง
แหมๆ ผมให้ไวอากร้ากับ อัลมูเนียด้วยตะหาก ตะครุบพลาดไปลูกเดียวเอง ;P
My Blog
เด็กหงส์ แต่ตามข่าว ผีแดง
ใช้ OS X เป็นหลัก แต่ลง XP ด้วย (MacBook)
ขึ้นอยู่กับความพอใจในแต่ละคน ครับ
ป.ล. ยืนไว้อาลัย ให้กับ .... (กระทู้ล่อเป้า จิง ๆ)
นานาจิตตังครับ
ดูๆไปกลายเป็นนิยาย sci-fi เรื่องยาวไปแล้ว อิอิ
ผมไม่ใช่สาวก mac แต่ผมก็อยากได้มาใช้งานบ้าง
เพราะอยากลองใช้เท่านั้นเอง มี Ipod touch เครื่องนึง
ผมก็ว่ามัน synce ง่ายดีถึงแม้บางครั้งจะไม่ตรงใจบ้างก็เถอะ
เพือนผมก็มี mac หลายคน บางคนก็อยากได้มากๆ
พอถามดูว่าจะซื้อมาทำอะไร เพื่อนก็ตอบว่าอยากลอง
บางคนซื้อมาลบ osx ลง win เฉยเลย เพื่อ... - -"
อย่าทะเลาะกันเลยครับ ^^
Comment ยาวมาก
สนับสนุน Paragraph สุดท้ายครับ
ผมใช้ mac ครับ
Itune ใช้ยากตอนแรก แน่นอนไม่เหมือน Winamp แต่ถ้าใช้คล่องๆมันจะเป็น Tools ที่ดีมากๆตัวหนึ่ง
เรื่องภาษาไทย ผมใช้ตัวแปลงนี้ครับ
http://sourceforge.net/projects/unicoderewriter/
แล้วคุณจะรัก Itune
แต่ไม่ได้ชักชวนให้รัก Mac นะ ผมว่ามองแบบขำๆคนใช้ Mac ในนี้เยอะ
แต่ตอบแบบตลกๆมากกกว่า (แต่บางคนก็เหลือเกินจริงๆ)
Mac ห่วยหลายอย่างครับ แต่รับรองว่า
1.มันสวย
2.มันแพง
3.มันประกอบในจีน
4.มันเป็น Unix ตัวหนึ่ง
คนใช้แมค เกือบทั้งหมดเคยใช้วินโดวส์
และคนใช้วินโดว อาจจะไม่เคยใช้แมค.
"ผมจะสื่ออะไร?"
เรื่อง IPOD นี้ก็ขอเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยที่...
ทำไมต้องมานั่งทำภาษาไทยเอง..
ทำไมจะต้องอัพเพลงผ่าน iTunes
ทำไมไม่ทำให้เสริชเพลงไทยได้(ตัวอักษรไทย)
------
Unlimited Asian Music (ดูเอ็มวี ไทย, เกาหลี และญี่ปุ่น ฟรีๆ)
สองประเด็นที่ผมเลือก iPod (ณ ขณะซื้อ) คือ ใช้ iTunes อยู่แล้ว และไม่ค่อยได้ฟังเพลงไทย
ปัจจุบันก็ยังไม่ค่อยฟังเพลงไทย แต่ไม่ได้ใช้ iTunes แล้ว ลำเค็ญมากมาย
(Nano Gen4 อ่านไทยได้แล้ว แต่หาด้วยไทยได้รึเปล่าไม่เคยลองนะ)
My Experiences : Pexeriences
ข้อแรก: เพราะภาษาไทยไม่ได้มีมาตั้งแต่แรกแล้ว apple เพิ่งจะมาบูมในไทยก็ประมาณ 2-3 ปีหน่อยๆนี่เองครับ
ข้อสอง: สำหรับผมแล้วการ browse เพลงหมื่นกว่าเพลงที่ผมมีบน iTunes มันสะดวกกว่าสมัยเล่น WinAmp เยอะครับ
ข้อสาม: กลับไปดูข้อแรกครับ
Sony เวลาลงเพลงในเครื่องเล่นเพลงของเขา ก็ต้องใช้โปรแกรมของ Sony ในการลงเพลงครับ แถมโปรแกรมมีปัญหากว่านี้เยอะ อีกทั้งการใช้โปรแกรมในการลงเพลงสะดวกกว่าจริงๆ
ส่วนเรื่องภาษาไทย ตอนแรกผมนึกว่ามันจะไม่มีมาบน iPod ด้วยซ้ำ เพราะดูแล้วขนาดภาษาในแถบตะวันตกบางประเทศยังไม่มีเลย(สมัยนั้น) การมีภาษาไทยบน iPod ถือว่าเหนือความคาดหมายมากๆ แต่ตนเองก็ผิดหวังที่ถ้ารออีกซักปีน้อง iPod ของผมก็จะรองรับภาษาไทย ด้วยความที่คิดว่ายังไงก็คงไม่มีภาษาไทยแน่ๆ เลยซื้อเลยเพราะส่วนอื่นๆ ตรงความต้องการหมดแล้ว
ถ้าลดคำจำกัดความที่ว่า
"มีเงินอย่างเดียวไม่พอ"
ออกไปจากความเห็นของบางคนไมไ่ด้
ก็เลิกพูดเรื่องความขัดแย้งครับ
เรื่องข้อดี ข้อด้อย ใครๆก็คิดเองได้
แต่เรื่องดูถูกกันนี่ล่ะที่มันยอมไม่ได้
ผมเ็ป็นสาวกมั๊ยไม่รู้แล้วแต่คนจะมอง
ตัวผมเองเคยใช้แค่ iPod Mini . iPod Nano , iPhone เท่านั้น
Macbook กับ iMac เคยแต่ใช้ของคนอื่น
แต่ด้วยประโยคข้างต้นและค่านิยมในสังคมที่มองว่าคนใช้ Apple
คือพวกติดหรู มันทำให้อดไม่ได้
ก่อนจะมาเบื่อสาวก น่าจะมองคนพวกนี้ก่อนนะครับ
ด้วยความเคารพ ผมเข้า Blognone วันนึงไม่ต่ำกว่า 10 รอบ
และคิดว่าเวปนี้เป็นประโยชน์
แต่ก็ไม่พอใจคนบางจำพวกดังที่กล่าวไป
ขออภัยที่ก้าวร้าว ขอบคุณครับ
^
^
ถูกใจ ให้กิ๊ฟท์ ^_^
1"เรื่องข้อดี ข้อด้อย ใครๆก็คิดเองได้ แต่เรื่อง ดูถูก กันนี่ล่ะที่มันยอมไม่ได้"
2"ก่อนจะมาเบื่อสาวก น่าจะมองคนพวกนี้ก่อนนะครับ"
ผมคิดว่า คนประเภทนี้นี่แหละ ตัวจุดประเด็นที่ทำเกิดปัญหา (..51%..)
คุณเลิกกัดเขา เลิกแขวะเขาสะทีเถอะ สงบปาก สงบใจ ปล่อยเขา เขาจะชื่น จะชม ก็ปล่อยเขา
เดี๋ยว iคำว่าสาวกมันก็ละลายหายไปเองแหละ
อ้อ.. iประเภท "ฉลาดกันจริ๊งงง !!" นี่อีก มันสร้างสรรค์ตรงไหน ไม่เข้าใจ เลิกได้ไหมครับ คุณแม่ร้องขอ
+100
ด้วยความเคารพครับ ผมมีความรู้สามารถทำงานหาเงินเองได้ มีรายได้และมีความรู้มากพอในการเลือกซือสินค้าไอที ด้วยความคารพอีกครั้ง ผมซื้อไอพอดมากลับโดนคนบางกลุมว่า "มีเงินไม่พอต้อง...ด้วย" ไม่ทราบว่าผมไปทำอะไรให้พวกเค้าครับ?
+1 เห็นด้วยครับ
ผมกำลังวางแผนให้ป้าผม ซึ่งไม่เคยใช้ OS อะไรเลย
ลองเอาเพลงลง Cowon D2 ผ่าน OSX เทียบกับ XP
แล้วลองให้เอาเพลงลง iPhone ผ่าน iTunes ดู
ผมอยากรู้เหลือเกินว่าจะออกมาเป็นอย่างไร
ติดแค่ว่าผมไม่มี Mac กร๊าก
ไหนว่าโบนัสออกแล้วจะไปซื้อไงครับ
onedd.net
onedd.net
หมดไปกับ safe house ริมคลอง(ขุดเอง) แล้วครับ เครี๊ยกๆ
ลองเลยๆ :P
แค่การเอาเพลงลงเครื่อง กับ การหาเพลงที่"ต้องการ"เจอและเอาลงเครื่อง มันต่างกันเยอะนะ
ปล. ไม่มี Mac ก็ลองใช้ iTunes บน Windows สิ :P
เอาแค่ก๊อบเพลงธรรมดาลง Nokia N70 กับ iPod Touch แฟนผมก๊อบเพลงลง iPod Touch ได้เร็วกว่าครับ (ใช้เวลาหาวิธีก๊อบประมาณ 10 นาที) ส่วน Nokia นี่เสียบแล้วเจอเลยก็จริง แต่ไม่รุ้จะก๊อบไว้โฟลเดอร์ไหน ก๊อบแล้วดันไม่ขึ้นใน media player ของมันอีก
ป.ล. เปรียบเทียบครั้งแรกของทั้ง 2 อย่างนะครับ ตอนนี้แฟนผมไม่ได้ใช้ Nokia ฟังเพลงแล้ว
แปลว่าไม่ได้ใช้ Utiiles ของnok เอี้ย โตยรึเปล่า N95 ผมมันขึ้นเองเลยนะ
http://tomazzu.exteen.com
ตอนใช้นั้นแฟนผมลงโปรแกรมที่แถมมากับกล่อง แล้วใช้ไม่ได้ครับ เลยต้องทำผ่าน Windows Explorer อีกอย่างผมรู้สึกว่าทำผ่าน software มันช้ากว่าถอด card ออกมาต่อผ่าน usb ตรงๆ
ปัญหาน่าจะเป็นคนมากกว่าสินค้าครับ หลายคนคลั่งและเถียงจนน่ารังเกียจ ผมเองก็พยายามเลิกยุ่งกับคนพวกนี้แต่มันก็น่าเบื่อมากเวลาจะเขียนข่าวแอปเปิลแล้วต้องมานั่งคิดว่า เฮ้ย ! จะดีรึเปล่า มันจะมาตีกันให้เห็นอีกแล้วเหรอ
---
Khajochi Blog : It's not a Bug ... It's a Feature
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
อุเบกขา จงอย่ายึดติดว่าเป็นอะไร จงใช้เพราะว่าเราทำอะไร
แสวงหามิใช่เพราะรอคอย เชี่ยวชาญมิใช่เพราะโอกาส ชำนาญมิใช่เพราะโชคช่วย"ดังนี้แล้วลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"chonlatee
ผมนึกว่าข่าวลดลงเพราะไป ประทวงแถว ทำเนียบฯ กับ อนุสาวรีย์ฯ ซะอีกเหอ ๆ
©NgOrXz™®
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เก่งที่สุดในโลก
Hardware เป็นแค่องค์ประกอบ สำหรับความคิดของ Software developer ของผม
Error hardware 5% Software 95% ...
เรื่องเดียวกะเขาไหมเนี่ย ผมไม่ขอเลือกฝ่ายละนะครับ งานที่ผมทำลูกค้าสั้งให้ทำอะไรก็ทำอันนั้น .net ก็ไปทำซะ เดือนหน้าไปทำ iPhone ก็ไปทำซะ ไม่มีสิทธิจะเถียง (^.^)v
Junior Software Engineer.
ข่าวใน blognone ลดลง เพราะสาวก apple นั้นจริงหรือ ผมว่าใน blognone มีข่าว Apple เยอะเกินไปมากกว่า สวนทางกับ จำนวนผู้ใช้ที่มีแค่ 5% ส่วน Windows มีผู้ใช้ถึง 90% สถิติ ไม่เคยโกหกครับ
สถิติจากผู้ใช้ blognone ปี 2008 นะครับ
apple ไม่ได้มีแค่ os ครับ ถ้านับข่าวเฉพาะเรื่องของ os กะ imac ก็คงไม่เยอะจนน่าเกลียดหรอกครับ แต่ยังไงก็คงเกิน 5% อยู่ดี
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
เท่าที่รู้ตอนนี้ก็มี 4-5 writer ที่งดเขียนหรือเขียนน้อยลงเพราะเบื่อสาวกครับ (รวมทั้งผมด้วย)
---
Khajochi Blog : It's not a Bug ... It's a Feature
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
ผมว่าตอนนี้คนเขียนข่าว Apple ก็คงจะไม่อยากเขียนแล้วด้วยครับ บทความของคุณ mk มีผลมาก ๆ เพราะเป็นคนสำคัญของที่นี่
คุณ mk เป็นคนเริ่มสร้างเว็บ blognone ขึ้นมาครับ ถ้าต้องการให้มันเป็น community แบบเปิดจริงๆ ควรมีวุฒิภาวะมากกว่านี้
จะหยุดเขียนข่าวเพราะเบื่อก็หยุดได้ครับ ไม่เห็นจำเป็นต้องประกาศเพื่อให้คนอื่นรู้ มันเหมือนเรียกร้องความสนใจ
เขาก็เขียนลงไว้ในบล็อกของเขาไม่ใช่เหรอครับ ? ไม่ได้เอามาลงใน BN เสียหน่อย
ปล.เวลาผมเขียนบล็อกผมไม่ค่อยสนสายตาคนอื่นสักเท่าไหร่ - -
มันก็บล็อคของเค้าไม่ใช่เหรอ ?
ส่วนข้างบนนี่คนอื่นเขียน
---
Khajochi Blog : It's not a Bug ... It's a Feature
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
แต่เขาเป็นคนบอกให้เอามาลง
ดูจากไหนเหรอที่บอกให้เอามาลง ?
---
Khajochi Blog : It's not a Bug ... It's a Feature
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
จากเว็บต้นฉบับ มีความเห็นของเขา
โอ้ .. จริงด้วยครับ ขอบคุณที่บอก :)
---
Khajochi Blog : It's not a Bug ... It's a Feature
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
เป็นบล๊อคของคุณ mk ครับ แต่จุดประสงค์ของการเขียนคืออะไร และเขียนแล้วมันมีผลดีอะไรบ้าง? ซึ่งตรงนี้ผมยังคิดไม่ออกเลย
ส่วนตัวแล้วผมไม่ชอบวิธีการแสดงออกที่เค้าทำอยู่ มันเหมือนอยากด่าใคร ก็ด่าในบ้าน (บล๊อคส่วนตัว) แต่ด่าใส่เครื่องเสียงแล้วเปิดดังๆ นั่นแหละครับ
เหมือนกันครับ
ให้ตายเหอะ ส้วมในเน็ทนี่ยังต้องระวังขี้เลอะ
ตราบใดที่เจ้าตัวยังไม่ได้ประกาศ ในนี้ผมถือว่าเขามีสิทธิบ่น ได้อย่างเต็มที่นะครับ
http://tomazzu.exteen.com
ในเน็ตนี่เราสามารถพูดจาเสียดสีใครๆ ก็ได้เหรอครับ? ถ้าเป็นแบบนั้นคุณก็ควรจะยอมรับการกระทำของกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า "สาวก" ด้วยนะครับ เพราะพวกเค้าก็ออกมาโพสเชิงเสียดสีเหมือนกัน
แต่โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่าในอินเตอร์เน็ตหรือที่ไหน ก็ไม่ควรโพสหรือพูดจาเสียดสีกัน เพราะมันไม่ได้มีข้อดีอะไรเลย นอกจากทำให้แตกแยกกันเหมือนที่คุณ mk ทำให้เป็นอยู่ตอนนี้
ที่สาธารณะกับที่ส่วนตัวครับ
อินเทอร์เน็ทคือที่สารธารณะครับ หากจะเป็นที่ส่วนตัวก็ควรเขียนใส่ไดอารี่ล็อกไว้ในห้องนอน อะไรที่เผยแพร่ให้ชาวบ้านชาวช่องอ่านกันได้นั่นเรียกว่าสารธารณะไม่ใช่เหรอ
ในบล็อกของผมก็เคยเขียนด่าเสื้อเหลืองเอาไว้ (ตั้งแต่สมัยเสื้อเหลืองอาละวาด) แต่ผมไม่ได้เอาไปเขียนไว้ที่อื่น ก็เพราะ "มันเป็นบล็อกส่วนตัว" ครับ ผมไม่ได้ต้องการให้ทุกคนเห็นว่าผมเขียนอะไร แต่ถ้าเข้ามาเห็น ผมก็ยินดีให้แสดงความคิดเห็นครับ
อีกอย่างคือเนื้อหาในบล็อกของคุณ mk ก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัีวของเขา จำได้ว่าเหมือนมีใครสักคนบอกว่าเราควรยอมรับความคิดเห็นของทุกคนนี่นา
"ควรยอมรับความคิดเห็นของทุกคน"
รวมทั้งสาวก Apple ด้วย ?
ผมเห็นแต่สาวกนะที่ไม่ยอมรับความคิดเห็น
เช่น ?
ไปขุดข่าวที่มีเถียงกันเรื่องแอปเปิลอ่านเอาครับ
เห็นแต่เขาโต้แย้งกัน ด้วยเหตุผลและไม่ด้วยเหตุผล
เวลาที่คนออกมาบอกข้อดีของ Apple ก็จะโดนตราหน้าว่า "สาวก" ซึ่งเป็นที่รังเกียจใน Blognone มาก ไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ก็เพราะว่าอีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับความคิดเห็นของอีกฝ่ายด้วย ไม่ใช่หรือ ?
ไม่ใช่ว่าบอกข้อดีไม่ได้ แต่ว่าเวลามีคนบอกข้อเสีย ก็ไม่ต้องไปแก้ต่างอะไรมากหรอกครับ
ถ้ายอมแพ้บ้างอะไรบ้าง คุณก็จะไม่ใช่สาวกครับ
เถียงข้างๆคูๆ มันเหนื่อยนะ :D
My Blog
ความคิดเห็นที่แตกต่างเป็นเรื่องปกติ ซึ่งผมและคนส่วนใหญ่ยอมรับได้ แต่ประเด็นมันอยู่ที่การแสดงออกของคุณ mk ซึ่งมันเป็นเรื่องที่หลายคนมองว่าไม่เหมาะสม และแสดงถึงความไม่มีวุฒิภาวะ
การอ้างว่า blog เป็นพื้นที่ส่วนตัว มันเหมือนเป็นการเลี่ยงบาลีเท่านั้น เพราะถ้าอยากให้เป็นส่วนตัวจริงๆ ก็ private เนื้อหานั้นๆ ไว้ไม่ต้อง public ให้คนอื่นอ่าน กรณีของคุณ mk มันอาจจะไม่ชัดเจนเพราะเป็นการโพสข้อความเสียดสีเท่านั้น ถ้าลองเปลี่ยนจากข้อความเสียดสีเป็นข้อความที่เข้าข่ายหมิ่นประมาทน่าจะเข้าใจได้ง่ายขึ้นนะครับ เพราะความผิดมันชัดเจนกว่า
ผมเห็นด้วยว่ามันมีปัญหาเพราะการแสดงออกครั้งนี้ (หลายๆครั้งก่อนหน้านี้ไม่รุนแรงมาก)
แต่ผมคิดว่าสิ่งที่เค้าเขียนไว้ในบล็อกเป็นเรื่องส่วนตัว หรืออย่างน้อยก็ไม่ได้มีเป้าหมายให้คนที่นี่อ่าน ทว่าความเป็นส่วนตัวนั้นได้หายไปเมื่อเกิดบทความนี้ขึ้น
การเขียนข้อความนั้นในบล็อกตัวเองไม่ใช่สิ่งที่เป็นสาธารณะ แต่มันมีความเป็นสาธารณะภายหลังจากที่เขียนไปแล้วสักพักต่างหาก ผมจึงว่าเขาไม่ผิดที่เขียนบทความอันนั้น (เฉพาะกรณีการเขียนบทความ)
LongSpine.com
เอ่อ บล็อกของคุณ mk ไม่ได้ง้อให้คุณเข้าไปอ่านนี่ครับ
ปล.ความเห็นนี้แอบเกรียนนิดๆ
ปล.ใครก็ได้ซื้อจ Wide Screnn ให้ผมที - -"
แต่คุณ mk ขอให้เอามาโพสต์ที่นี่นี่นา
ปล.จริงๆผมก็คิดว่าเป็นสิทธิของเค้านะที่จะโพสต์อะไร
เพียงแต่ต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเองเท่านั้น
ถ้าจะเถียงเรื่องโพสต์ได้ไม่ได้ผม vote ให้ว่าโพสต์ได้
แต่ถ้าเถียงกันเรื่องเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ผม vote ให้ไม่เหมาะสม
เรื่องมันไม่ได้อยู่ที่คุณ mk ง้อให้ผมหรือใครก็ตามเข้าไปอ่าน ซึ่งผมและอีกหลายคนคงไม่อยากเข้าไปอ่านเนื้อหาที่ทำให้เกิดความคิดแง่ลบกับคุณ mk หรอกครับ อ่านแล้วไม่ได้ประโยน์ และผลของสิ่งที่คุณ mk ทำลงไปมันก็คือความแตกแยกแบบที่เป็นอยู่
ประเด็นที่ผมพูดอยู่คือเรื่องความไม่เหมาะสมและวุฒิภาวะของคุณ mk ในฐานะที่เค้าเป็นทีมงานของเว็บนี้ การกระทำของเค้าย่อมมีผลต่อเว็บไม่ว่าจะทำที่ไหนก็ตาม (เขียนในบลอคส่วนตัว หรือทำป้ายตัวหนังสือใหญ่แปะไว้ในบ้าน, ผมพยายามยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เพราะเรื่องที่เราอ้างว่าส่วนตัวบางเรื่องก็ไม่สมควรทำ) คุณ mk ตัดสินใจที่จะทำอะไรลงไปก็ควรยอมรับผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำของตัวเค้าเองครับ
ผมเข้าใจว่าถ้าคุณ mk ต้องการเก็บไว้อ่านคนเดียว ก็ไม่จำเป็นต้อง public ครับ
ผมขอเปรียบเทียบอย่างนี้นะครับ
เปรียบเทียบให้คุณ MK เป็นหนึ่งในรัฐบาล (เนื่องจากเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Blognone)
แน่นอนครับ คุณ MK ไม่ควรเลือกข้างอย่างโจ่งแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นเหลืองหรือแดง
เนื่องจาก "ด้วยตำแหน่งหน้าที่" แล้ว คุณ MK ต้องวางตัวเป็นกลางครับ
รวมถึงการติดป้ายตัวโตๆหน้าบ้านพักว่า "เกลียดสีใดสีหนึ่ง" ก็เช่นกันครับ
ยกเว้นจะเป็นการพูดคุยในหมู่เพื่อนฝูง อันนั้นสามารถทำได้
ถ้าจะบอกว่า การติดป้ายตัวโตๆ พร้อมชี้ช่องทางให้คนเข้าไปอ่านนั้น เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ได้บังคับให้ใครเข้าไปอ่าน
ผมว่าไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องครับ ป้ายนั้นอยู่ในรั้วบ้านก็จริง แต่ทุกคนสามารถมองเห็นได้
ทั้งหมดนี้ เนื่องมาจากคำว่า "ตำแหน่งหน้าที่" ครับ
แน่นอน ถ้าเป็นคนธรรมดา จะบ่นใครก็ย่อมได้ครับ
แต่ด้วยตำแหน่งแล้ว คุณ MK เป็นหนึ่งในรัฐบาลครับ
การติดป้ายในบ้านแบบนี้ สามารถส่งผลเสียถึงส่วนรวมได้
ถ้าจะแสดงความคิดเห็นในที่นี้
ควรแสดงความคิดเห็นง่ายๆสั้นๆ ได้ใจความว่า
"ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุณแรงของกลุ่มผู้ประท้วง ไม่ว่าจะเป็นสีไหนก็ตาม"
หรือ
"ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเหล่าสาวก ซึ่งแสดงความเห็นโดยไร้ซึ่งเหตุผล ไม่ว่าจะสาวกของค่ายไหนก็ตาม"
ผมว่าประโยคข้างบนนั้นชัดเจนมากๆครับ และไม่ส่งผลกระทบต่อ "ผู้ใช้" ทั่วไปด้วย
จะทำอะไร ต้องคำนึงถึงตำแหน่งหน้าที่ตัวเองด้วยครับ
"ไม่มีอะไร เหมาะสำหรับทุกคนครับ ใครใช้อะไรก็ใช้"
อยากให้เข้าใจกันทั้งสองฝ่ายครับ
ด้วยความหวังดี
ป.ล. ไม่เกี่ยวกับการเมืองครับ แค่ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ โปรดงดวิจารณ์ในเชิงการเมือง
ประเด็นการเลือกข้าง ผมต้องเสียใจด้วยครับ ที่ Blognone เราเปิดให้ "ทุกคน" เลือกข้างได้เสมอ ตราบใดก็ตามที่ยังอยู่บนฐานของ "ข้อเท็จจริง"
ประเด็นว่าแปะป้ายในบ้านแล้วไม่พอใจ ให้ไปบ่นที่หน้าบ้านเขาได้เลยครับ ผมเชื่อว่า mk เปิดให้ comment เอาไว้อยู่แล้ว
ป่วยการที่จะถกประเด็นว่า mk ทำอะไรที่เว็บส่วนตัวโดยมาคุยกันเอาที่ blognone ครับ
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ป่วยการที่จะถกประเด็นว่า mk ทำอะไรที่เว็บส่วนตัวโดยมาคุยกันเอาที่ blognone ครับ
+1
"ประเด็นว่าแปะป้ายในบ้านแล้วไม่พอใจ ให้ไปบ่นที่หน้าบ้านเขาได้เลยครับ ผมเชื่อว่า mk เปิดให้ comment เอาไว้อยู่แล้ว"
"ป่วยการที่จะถกประเด็นว่า mk ทำอะไรที่เว็บส่วนตัวโดยมาคุยกันเอาที่ blognone ครับ"
ใช่ครับ คุณ MK จะทำอะไรในเว็บส่วนตัว ไม่ควรเอามาถกกันที่นี่ครับ
ซึ่งผมก็เห็นด้วย ว่าควรจะไปถกประเด็นนี้ที่เว็บส่วนตัว
แต่ว่าบทความนี้ อ้างถึงบทความในเว็บส่วนตัวของคุณ MK ครับ
มันไม่ใช่แค่การแปะป้ายในบ้าน แต่นอกจากแปะป้ายในบ้านแล้ว ยังเอามาประกาศในสภาอีกด้วย
ว่าผมในแปะป้ายไว้ในบ้านนะ ลองเข้าไปอ่านดู
ผมเห็นด้วย ว่าไม่ควรลากประเด็นในเว็บส่วนตัว กับบทความนี้มาเกี่ยวกันครับ
แต่มันดันเกี่ยวข้องกันตั้งแต่เขียนบทความขึ้นมาซะแล้ว
ผมสนับสนุนให้ถกเถียงกันอย่างมีเหตุผลนะครับ ผมเองก็ไม่ชอบ "สาวกที่เถียงโดยไร้เหตุผล" เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะค่ายไหนก็ตาม
งั้นก็ควรจะว่าคนที่เอามาเขียนที่นี่สิ ไม่ใช่ว่า mk
(edit)
เพิ่งเห็นข้อความนี้
แบบนี้ก็ตามความเห็นข้างบนครับ
ถ้าพูดถีงประเด็นเรื่องส่วนตัวกับเรื่องตำแหน่่ง คุณอาจจะหมายถีงว่าคนมีตำแหน่งต้องไม่เปิดเผยเรื่องส่วนตัว ผมว่ามันไม่ถูก
ผมไม่เชื่อเรื่องความขาวสะอาดของคน และเชื่อว่างานกับหน้าที่นั้นแยกกันได้ ผมเองไม่ชอบความคิดแบบนี้ของ Mk เหมือนกันแต่ผมเห็นว่าเค้าคิดแบบนี้ในบล็อกของเขา ไม่ได้นำมาเขียน(เอง)ในบล็อกที่นี่ ตรงนี้ก็ไม่น่าจะผิดอะไร
เพียงแต่ผมยังสงสัยที่ Mk ไปโพสท์คอมเมนท์ไว้ในต้นฉบับของบทความนี้อยู่บ้าง
ปล. ถ้าใช้ตัวอย่างเรื่องการเมืองเหมือนกับคุณ ผมว่าถ้ามีใครสักคนพูดว่า "โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ชอบสีนี้เลย แต่ผมจะสู้เพื่อสิทธิ์ที่เท่าเทียมกันของสีนี้และสีอื่น" ผมว่าแบบนี้เท่และแฟร์ดีออก
(ทว่านี่เป็นแค่ตัวอย่าง)
LongSpine.com
คุณตดอย่างเปิดเผย ทุกที่รึเปล่า
ทั้งในบ้านและนอกบ้านหนะ...
ในบ้านอยากทำอะไรเราก็ทำได้ไม่ใช่เหรอครับ
ถ้าอยู่นอกบ้านอาจต้องบังคับกริยานิสสส นึงใช่ไหมละครับ
การที่ เขาบ่น แม้จะดัง จนมีคนทนไม่ไหว บอกเรื่องที่เราอึดอัดใจแล้วสรุปว่าเขาผิด
" ก็ไม่ควรโพสหรือพูดจาเสียดสีกัน เพราะมันไม่ได้มีข้อดีอะไร " <---
มีสิครับ...จะเก็บ ตดไว้กับตัวทำไม
คนเราระบายไม่ได้เหรอครับ อย่างน้อยที่สุดจะได้เห็นแนวคิดของแต่ละคนครับ
http://tomazzu.exteen.com
ระบายได้สิ แต่ถ้าโดนคนที่ได้กลิ่นตดด่าเอาก็ต้องยอมรับใช่มั๊ยล่ะ
ส่วนตัวมองว่า Internet ไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัว
เมื่อใดตัดสินใจโพสตฺอะไรลงบน Internet เมื่อนั้นความส่วนตัวก็ไม่มีแล้ว
ผมกับคุณ tomazzu คงนิยามคำว่าที่สาธารณะต่างกันครับ และกรณีที่คุณยกตัวอย่างมามันใช้เปรียบเทียบกับกรณีคุณ mk ไม่ได้ เพราะคำพูดของคุณ mk ไม่ใช่ตด :)
กรณีคุณ mk คือเค้าต้องการพูดจาเสียดสีใครสักคน ซึ่งถ้าเค้าพูดในที่สาธารณะก็ต้องยอมรับว่า มันอาจจะมีคนที่ได้ยิน และอาจจะมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
มุมมองของผมคือการออกมาพูดของคุณ mk คือการพูดในที่สาธารณะ เพราะถ้าคุณ mk ไม่อยากให้มันเป็นสาธารณะก็ไม่ต้อง public เนื้อหานั้น และถ้าคุณ mk เขียนบทความนั้นเป็นแบบ private ก็คงไม่มีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นหรอกครับ (เพราะไม่มีใครรู้ว่าคุณ mk พูดอะไร เสียดสีใครบ้าง)
คนเราระบายได้ แต่ควรระบายออกมาอย่างถูกต้อง รู้จักาละเทศะ และควรมีวุฒิภาวะมากกว่านี้ครับ
พวกชอบด่าความชอบคนอื่นน่าจะหัดพิจารณาตัวเองบ้างว่า "ใช้คำพูดอะลุ่มอะหล่วย รอมชอมยังไง"ไม่ให้เขาแสดงออกมาแล้วทำให้ตัวเองเบื่อและเซ็ง
แทนที่จะมานั่งดีแต่โทษคนอื่น หัดแก้ที่ตัวเองเสียบ้างนะ..?
ทำไรไว้เขาก็ทำท่านกลับ มันก็แค่นั้นเอง
ผมเกลียด apple ครับ
แต่ชอบ Mac OS X
ถ้าผู้เขียนข่าวหลาย ๆ คนทำใจยอมรับในความแตกต่างทางความคิดไม่ได้ ผมว่าอีกไม่นานก็คงไม่มีคนเีขียนข่าวใน Blognone และสุดท้า้ย Web ก็คงต้องล่มสลายไป
ส่วนตัวผมคิดว่าบทความนี้ไม่เขียนมาน่าจะดีกว่า ตอนนี้คุณ mk ในสายตาผมถูกตีค่าลดลงจากเฉย ๆ เป็นติดลบเพราะเหตุผลอะไร ผมขอไม่เขียนแล้วกัน เดี๋ยวผมจะใช้ภาษารุนแรงจนทำให้หมางใจกันไปเปล่า ๆ (แม้ว่าผมจะพยายามใช้ภาษานุ่มนวลแล้วก็ตามแต่ผมก็ยังเขียนออกมาแล้วรู้สึกว่ารุนแรงอยู่)
That is the way things are.
สมมุติถ้าผมเป็นคนชอบ เขียนข่าว Apple แล้วเอามาลงใน blognone แล้วผมได้อ่าน บทความนี้ กับของคุณ mk ผมคงจะเสีย self ไปเลยครับ เพราะอย่างน้อยคนที่เขียนข่าว Apple ก้คือคนที่สนใจ Apple นั่นแหละครับ หรืออย่างน้อยก็คงจะเลือกไปเขียนข่าวอื่น ๆ เพราะเดี๋ยวคนจะหาเป็น สาวก Apple แล้วพาลจะไม่ชอบอีก
ผมว่า bricker เขาใจผิดแล้วครับคุณ MK เขาไม่ได้ห้ามให้เขียนข่าวเกี่ยวกับ Apple ซะหน่อยครับ
อยากเขียนก็เขียนได้ไม่ว่ากัน ผมยังเขียนไปหนึ่งข่าวเลยเมื่อเร็วๆ นี้
แต่ที่เขาหน่าย เขาหน่ายกับ สาวกบางคนที่ เอาความศรัทธาและความนับถือมาเถียงกับ ข้อเท็จจริงหรือสิ่งที่ได้จากการพิศูจน์แล้วว่ามันเป็นเช่นนั้นมากกว่าน่ะครับ
ปล. สาวกแมคคนดีๆ มีเยอะถมไป ถ้าใครคิดว่าผมเป็นสาวกแม็คผมก็ยอมน่ะครับ
<mOkin>
ตรู่ว่าแล้วในโลกนี้มีปัญหา เขาไม่ด่า ก็ชื่นชม หรือเฉยๆ
สามประเภทที่ว่านี้มิเปลี่ยนเลย จงวางเฉยใครถือสาเป็นบ้าตาย<mOkin/>
มีร้อยบวกร้อย มีล้านบวกล้าน
-1 ครับ ผมเห็นในทางกลับกัน :)
---
Khajochi Blog : It's not a Bug ... It's a Feature
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
โลกยังมีความหลากหลายทางชีวภาพ ก็เพื่อเติมเต็มให้กับส่วนที่ขาดหายไป
...แล้วทำไมโลกเทคโนโลยีจะไม่เป็นอย่างนั้นเล่า
ความหลากหลาย อาจจะเพิ่มอิสรภาพให้กับชีวิตทุกๆชีวิตก็ได้
เคยบ้างไหมที่เราต้องการอะไรที่มันไม่มีให้ หลายครั้งที่เราอยากจะเริ่มสร้างอะไรให้เข้ากับการใช้ชีวิตของเรา
Blognone ก็เช่นเดียวกัน (อยากได้ที่ๆแบ่งปันความรู้ด้านไอที ที่มีความรวดเร็วในการนำเสนอข้อมูล - อย่างเป็นกลาง??? )
สังคมโลกพัฒนาต่อไป เทคโนโลยีก็พัฒนาต่อไป และทั้งสองสิ่งนี้ก็ค่อยๆหลอมรวมเป็นสิ่งเดียวกัน
เสียใจมากครับผมรักแอปเปิ้ลมาตลอด แต่แอปเปิ้ลไม่เคยสนใจผมเลย
ผมรอว่าเมื่อไหร่แอปเปิ้ลจะซัฟพอร์ทภาษาไทยกับไอพ่อดชัฟเฟิ่ลซักที รอมาตั้งแต่gen1 แล้ว
... -___-"
//โป๊กๆๆ
ไม่มีอะไรจะกล่าวมาก (เพราะท่านอื่นกล่าวไปหมดแล้ว) กะจะมาลงชื่อร่วมในกระทู้ประวัติศาสตร์เฉยๆ ;P แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ ขอสักหน่อยน่า
1.น่าจะเกือบทุกคนที่ไม่ชอบพวกคลั่งไคล้เกินเหตุ ไม่ว่าจะค่ายไหน ไม่ใช่แค่แม็ค แต่บังเอิญว่าทางแม็คจะโดนเยอะกว่าชาวบ้านเค้าหน่อย ซึ่งก็ไม่ทราบได้ว่าเพราะพวกคลั่งไคล้เยอะ หรือพวกต่อต้านพวกคลั่งไคล้เยอะกันแน่ (ไม่รู้ว่าไข่กับไก่อันไหนเกิดก่อน)
2.คำว่า "สาวก" มักจุดประเด็นให้ร้อน เพราะหลายคนนิยามผิดๆ ประเภทว่าแค่ซื้อใช้ก็นับเป็นสาวกซะแล้ว ถ้านิยามให้เหมือนกันเป็นพวกคลั่งไคล้เกินเหตุ ปกป้องข้อด้วย ชูข้อดี ราวกับว่าเป็นเจ้าของเสียเอง ความขัดแย้งก็น่าจะลดลงได้
3.หลายคนตั้งแง่กันเร็วเกินไป ฝ่ายหนึ่งยังไม่ทันเริ่ม อีกฝ่ายก็พูดจาหาเรื่องกันซะแล้ว เช่น บทความไม่มีอะไร เพียงแต่เกี่ยวกับสินค้ายี่ห้อหนึ่งแบบกลางๆ มีทั้งข้อดีข้อเสียที่เห็นได้ชัด (ย้ำว่าเห็นได้ชัด) พอผ่านไปซักสิบความเห็น ก็จะมีคนออกมาพูด "แปลกแฮะ ไม่มีสาวก" (ฝั่งแอนตี้ออกมาหาเรื่อง) หรือ "ไม่จริงหรอก ฟังก์ชันนั้นมันทำได้แค่นั้นมันก็พอแล้ว" (ฝั่งคลั่งไคล้ออกมาปกป้อง ทั้งๆ ที่ก็เห็นๆ อยู่ว่ามันควรจะมีแต่มันไม่มี)
แค่นี้แหละ ผมมองว่าที่มันเดือดๆ กันอยู่ก็เพราะเหตุผล 3 ข้อนี้เอง
หรือคิดกันว่ายังไงครับ?
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ที่ผมเห็นอีกอย่างคือ ถ้าเป็นข่าว Apple จะมาบางคนมาโพสแรก ๆ ประมาณว่า "รอพวกสาวก" "ดักสาวก" อะไรประมาณนี้ อ่านดูก็รู้เจตนาแล้วครับ
เออเนอะ ก็จริง บางข่าวโผล่มาตั้งแต่ความเห็นแรกๆจริงๆ - -a
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ผมเห็นด้วยกับข้อ 3 อย่างรุนแรง ไม่อยากอธิบายต่อ
+1 ใช่เลย โดนใจ
LongSpine.com
เห็นด้วยกับเจ้าสามข้อนี้
อย่างหนึ่งเคยรู้สึกลึกๆ ว่า ไอพวกที่ดักคอตั้งแต่แรกๆ นี่มันมีปัญหาอยุ่สองอย่าง
มันหมั่นไส้เพื่อนที่ไม่เหมือนมันอยู่เป็นพิเศษ หรือชอบลุ้นให้เขาตีกันเรื่อย เลยโยนระเบิดถางทางซึ่งก็มักได้ผลใน BN
มันคล้ายๆ กับหมั่นไส้เพื่อนมีคอมแพง, มือถือแพง เลยไม่ชอบซะงั้น เหมือนกับสินค้าอื่นๆ เช่น รถ เครื่องเสียง ฯลฯ
อะไรกันนักหนาก็ไม่รู้กับไอ้พวกทั้งสองข้างนี้..มีอะไรใช้ทำงานก็ใช้กันไป ใครจะคลั่งก็ปล่อยไป มันเหมือนกับชอบวงดนตรี ใครจะคลั่งก็ปล่อยมันไปสิ... เกรียนมากเดี๋ยวก็โดนด่าเองก็เท่านั้น
-- Flex | Java | REALBasic --
ไม่หมั่นใส้ สาวกลีนุกซ์มั่งเหรอ
เจ้าที่แรงครับ
จะเอาอะไรไปด่าอะครับ gnome ห่วย?
gnome พ่อ KDE
ด่า GNOME ห่วยนี่ผมไม่เคืองนะ
555+
My Experiences : Pexeriences
I thought KDE 4 was a disaster. So I switched to GNOME.
Nothing greater than Terminal !!!!
driver ห่วย :P
หรือว่า ..อะไรๆ ก็ต้อง terminal.. ดีหว่า //เอิ้กๆ - -"
+1 driver ห่วยครับ
แต่อย่างไรก็ชอบ Ubuntu อยู่ดี หุๆ
ใช้งานยาก (อย่างน้อยที่สุด Driver หายาก)
KDE ช้า กินแรมมหาศาล
สำหรับ user ทั่วๆ ไปมันก็ใช่ครับ
ถ้าเค้าไม่ยอมอ่านภาษาอังกฤษตาม
คู่มือน่ะครับ แต่โดยรวมๆ ผมคิดว่า
linux นี่มันก็ให้ข้อมูลเพียงพอที่จะ
แก้ปัญหาได้ดีในระดับหนึ่ง แล้วก็
เรื่องไดรเวอร์ผมเห็นมีแต่ nvidia
ที่มีปัญหานะครับ ซึ่งมันก็มีวิธีแก้บอก
อยู่แล้ว ถ้าตามอ่านกันหน่อย
นอกจาก nvidia แล้วยังมีเรื่องซาวด์การ์ดอีกครับ อันนี้ปัญหาพอๆกับบนวินโดวส์
แต่หลังๆก็เหืมอนวินโดวส์ คือใช้ได้เกือบหมดแล้ว
ปกติ user คงไม่อยากทำอะไรที่ซับซ้อนน่ะครับ เค้าต้องการซื้อเครื่องที่เปิดมาแล้วใช้งานได้เลย
เรื่องปัญหาของ Driver นี่คือผมเจอกับตัวเองว่าไม่มี Driver wifi ตัวที่ให้โหลดจากในเว็บผู้ผลิตก็ใช้ไม่ได้
ถ้าจะว่า User ทั่วๆ ไปนี่มันก็เยอะมากแล้วนะครับ ขนาด Advance User ที่เซียนๆ ใน Windows ยังมาตกม้าตายเวลาต้องมานั่ง Manual Config ใน Linux เลย -_-" การ์ดจอมั่งล่ะ เสียงมั่งล่ะ ไวร์เรสอีก เครื่องพิมพ์ ฯลฯ
Driver มีปัญหาเยอะแยะครับ ขนาด Ubuntu 9.04 ยังทิ้งการ์ดจอ Intel เลย ไหนจะอุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหลายแหล่อีก ยิ่งบางยี่ห้อให้ Driver มาเป็น Source ให้ Compile เองซะงั้น -"-
ผมกลับคิดว่าให้เป็น source มา compile นี่เป็นเรื่องที่สมควรทำแล้วต่างหาก ไม่อย่างนั้นเวลา update kernel แล้ว driver เก่าก็ใช้ไม่ได้ ถ้าไม่มี source แล้วจะ compile ให้ใช้กับ kernel ใหม่ได้ยังไง?
ไม่ได้เก่งพอที่จะทำเป็นกันทุกคนไงครับ อย่างเพื่อนผมมันลง Ubuntu ไป เพราะเจอเพื่อนเอา Desktop หมุนๆ เด้งๆ มาโชว์ ลงไปแล้วมันใช้ไดรเวอร์ การ์ดจอ+ไวร์เรส+เสียง ไม่ได้ เลยให้เพื่อนไปโหลดไดรเวอร์ให้ แต่ดันโหลดมาเป็น .tar.gz บางตัวก็ให้มาเป็น Binary แต่ให้แตกไฟล์เอาไฟล์ไปใส่ให้ถูกที่เอง
แล้วมันโทรมาหาผมกลางดึกนะ บอกให้สอนวิธีลงไดรเวอร์ทางโทรศัพท์ -"-
แล้วเพื่อนคนนี้ไม่ได้เก่งคอมอะไรด้วย ขนาดลงเกมจะ Crack ยังทำไม่เป็น แค่ User ธรรมด๊า ธรรมดา
... ผมก็เลยบอกมัน format ลง Windows ไปซะ
มันก็จริงอยู่ว่าควรให้มาด้วย ... ว่าแต่ user บ้านๆ จะ compile กันเป็นมั้ยละนั่น ผมไม่เป็นคนนึงละ >.<
ผมเป็นแต่ โปรแกรมบ้าน ๆ อย่างอื่นไม่เป็นเลย ยิ่งให้ compile โปรแกรมของ Microsoft ยิ่งไปกันใหญ่กว่าจะโหลดนั่นโหลดโน่นเสร็จ ตายพอดี
user ทั่วไปคงไม่อยากเสียเวลา compile น่ะครับ
ผมยัง compile ไม่เป็นเลยครับ = =
อ่านจบแล้วผิดหวัง นึกว่าจะเขียนโดยไร้อคติ
คุณแค่บังเอิญใช้ PC มานานจนคล่อง แต่คนทั่วๆไปใช้ทำงาน ไม่ว่างที่จะมาเก่ง PC
คุณแค่บังเอิญที่ลองใช้ Mac, iPod แล้วไม่ชอบ คิดว่ายุ่งยาก แต่คนทั่วๆไปลองใช้แล้วเค้าชอบ
เท่านี้คุณก็เขียนบทความนี้ โดยยึดตัวคุณเป็นเกณฑ์
ทั้งๆที่คุณก็เข้าใจอยู่แล้วว่าผลิตภัณฑ์ของ Apple มีดีอะไร ที่คนอื่นไม่มี
แต่คุณก็ไม่ยอมรับสิ่งนั้น ไม่เอาสิ่งนั้นมาพูดถึง
นี่เป็นเพียงบทความที่โน้มน้าวให้คนอื่นรู้สึกเบื่อเหมือนคนเองเท่านั้น
นี่เป็นเพียงบทความที่โน้มน้าวให้คนอื่นรู้สึกเบื่อเหมือนคนเองเท่านั้น
เห็นด้วยครับพูดอีกก็ถูกอีก
เห็นด้วยครับ ขนาดผมชอบ Windows OS มากๆและพยายามเลี่ยงสินค้า Apple เพราะกลัวติด แต่อ่านบทความนี้แล้วยังรู้สึกว่าบทความนี้ไม่ได้ใช้เหตุผลเลย ใช้อารมณ์ความรู้สึกล้วนๆ เหมือนกับฉันไม่ชอบสินค้าชนิดนี้อ่ะ ไม่ชอบวิธีการโฆษณา ไม่ชอบการวางตำแหน่งตัวสินค้า ไม่ชอบๆๆ ใครจะใช้อะไรก็ใช้ แต่ผมจะไม่ใช้มัน แต่ไม่ใช่เพราะมันดีหรือมันไม่ดี แต่เพราะไม่ชอบก็เลยไม่ใช้
Pages