นอกจากโฆษณาในชุด Laptop Hunters ที่ไมโครซอฟท์ได้ปล่อยมาหลายตัวแล้ว ดูเหมือนว่ายิงโฆษณาหยอกแอปเปิลยังไม่จบเพียงเท่านี้ เมื่อโฆษณาตัวล่าสุดสำหรับ Zune ก็พุ่งเป้าตรงมาที่ iTunes กับไอพ็อด
โดยโฆษณาตัวใหม่นี้มีการพูดว่า iTunes แพงและ Zune Pass ถูก เนื่องจากการดาวน์โหลดเพลงจาก iTunes จะต้องจ่ายเงินมากถึงหนึ่งดอลลาร์ต่อเพลง หากต้องการดาวน์โหลดเพลงให้เต็ม ๆ ไอพ็อดละก็ต้องจ่ายเงิน 30,000 ดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว ในขณะที่บริการของ Zune Pass นั้นจ่ายเงินเพียงแค่เดือนละ 15 ดอลลาร์สหรัฐแต่สามารถโหลดเพลงมากเท่าไหนก็ได้
คลิกเข้ามาดูได้เลยครับ
ที่มา - Engadget
Comments
15 ดอลลาร์ต่อเดือน
ถูกจริงแหะ - -"
แต่บริษัทค่ายเพลงจะยอมเหรอ
$15/เดือน ถูกมาก ยิ่งพวกโหลดแหลกนี่ยิ่งถูก
แต่พวกโหลดเดือนละเพลงสองเพลง หรือปีนึงโหลดเพลงนึงแบบผม ใช้ iTunes น่าจะคุ้มกว่า (แต่ในความเป็นจริงแล้วผมหาไฟล์ mp3 เอา - -")
เพื่ออะไร?
ก็โจมตีเรื่องราคาไงครับ
กรณีของโฆษณานี้ อาจจะเจาะที่กลุ่มวัยรุ่นมากกว่า เพราะกลุ่มวัยรุ่นน่าจะดาวน์โหลดเพลงเยอะ ต่างกับกลุ่มสูงอายุ ที่โหลดเพลงค่อนข้างน้อยกว่ากลุ่มวัยรุ่นมาก
you can download all the music you like from our multi-million-song library and now you’ll keep ten of your favorites every month
ก็เป็นอีก model นึงที่น่าสนใจ แต่ต้องจ่ายทุกเดือน เก็บไว้ได้ 10 เพลง ดีกว่าตรงได้ลองฟังหลายเพลง ค่อยเลือกได้
คงถูกกว่าสำหรับคนกลุ่มนึง แต่สำหรับบางกลุ่ม itune อาจจะคุ้มกว่าเหมือนกัน
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
เหมือนกับ Ad : Legal Copy หรือเปล่า ที่เหมือนว่าจะ unlimited แต่มีข้อจำกัดเป็นตัวหนังสือเล็ก ๆ ที่ต้องอธิบายอีกยาว ?
งานนี้ผมชอบแบบ Subscription มากกว่านะ เพราะอย่างน้อยก็เลือกเก็บไว้ได้ 10 เพลง ก็ราคาพอ ๆ กันแล้ว ว่าง่าย ๆ จ่ายเปล่าแค่เดือนละ 4 ดอลลาร์กว่าเอง แถมได้เพลงอื่น ๆ ไปใช้ได้เยอะแยะ
แต่แน่นอน สำหรับคนบางคนที่ไม่ชอบเพลงเยอะ หรือหา mp3 อยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็น
@TonsTweetings
ใช้ไปเรื่อยๆ อาจจะเกิดอาการรักพี่เสียดายน้อง เพลงนู้นก็อยากเก็บ เพลงนี้ก็อยากเก็บ 10 เพลงอาจจะไม่พอครับ
มีผลกะคนไทยรึเปล่านะ ...
มีผลทำให้ มีข่าวเขียน มีข่าวอ่านให้ขำๆ ให้อิจฉา ได้อีกนานอะจิ ^_^
ทำให้สาวกร้อนตัวมั้งคับ
-1 จะจุดประเด็นทำแอร๊ย //โป๊กๆ
เข้ามาเจิมรอ
รอด้วย
งงตรงเก็บไว้ได้ 10 เพลง หมายความว่าไงครับ?
แล้วเรื่องโหลดไม่อั้นล่ะครับ?
งงๆ
โหลดไม่อั้น แต่ฟังได้เดือนเดียวไงครับ เก็บไว้ฟังต่อได้ 10 เพลง
ไม่งั้นจ่ายกันเดือนดียว สูบให้หมด บริษัทเพลงเจ๊งกันพอดี
ของไทยก็มี ikey เดือนละ 150 บาท ไม่อั้น แต่ต้องจ่ายทุกเดือนเหมือนกัน
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ถ้างั้นโหลดเพลงเดิมใหม่มันทุกเดือน ได้มั๊ยหว่า ?
ปล.แต่สำหรับผมยังไงมันก็ไม่คุม ในเคืร่องมียี่สิบสามสิบเพลง ชาตินึงจะมีเปลี่ยนสักที - -" (สำหรับพฤติกรรมแบบผม ซื้อจาก iTunes ค่อนข้างจะคุ้มกว่า)
เพลงทั้งหมดที่โหลดมามีอายุ 1 เดือนในเครื่องคุณ แต่จะมี 10 เพลงที่จะได้รับชีวิตอันเป็นอมตะ (ประมาณนี้)
My FingerSports Site
Jusci - Google Plus - Twitter
บิทTorrent ชนะเิลิศ (ก่อนจะงงว่าจะเถียงกันเรื่องนี้ทำไมเนี่ย?)
อันนี้น่าจะเป็นโฆษณาของ The Pirate Bay มากกว่า
ผมก็หาใน www เอา -0- แล้วก็ลง ipod (ของถูกเรายังไม่ชอบเลยแหะ ตราบใดที่ของฟรียังหาได้)
คุ้นๆ ว่าบ้านเราก็มีไม่ใช่เหรอ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่
_________________________pawinpawin | clinicalepi.com
ของไทย รู้สึกจะโหลดมาเป็นฟอร์แมต .mp3 บิตเรตที่ 96kbps หรือ 128kbps นี่แหละ (แต่น่าจะ 96)
แบบนี้ไปหา MP3 ในเน็ตเอาดีกว่า...
เคยสมัครครับของค่ายสีฟ้า แวมพายมีความสุข สมัครได้เดือนเดียว ยกเลิกแทบไม่ทัน แต่ละ้้ะลง bitrate ห่วยแตกสิ้นดี 96K ดีสุด หลังๆ ไหวตัวทันเอา 128K มาปล่อย แต่สมาชิกหายไปเกือบหมดแล้ว
CMDEVHUB
เขียนเอามันส์ ลองเข้าไปดูความมันส์ได้ครับ
ส่วนตัวผมเก็บเพลงที่ 192kbps เกือบทั้งหมด มีเหลืออยู๋ไม่กี่เพลงที่ยังเป็น 128kbps อยู่ แต่ระดับ 96kbps นี่ลบไปหมดแล้วครับ รับไม่ได้จริงๆ (ถึงผมจะแยกเสียงของไอพ็อด+หูฟังอันละ 1500 กับเอ้มพีสามจีน+หูฟังอันละ 1500 ไม่ออก แต่ 96 กับ 192 นี่ผมแยกออกนะ - -")
แต่หลังๆก็เริ่มหันมามองที่ 128kbps อีกรอบ เพราะ HDD จะเต็มแล้วจ้า (กำ)
ผม RIP แผ่น CD เป็น Apple Lossless หมดเลย :-)
+1 lossless เท่านั้นไม่งั้นจะซื้อเครื่องเล่นความจุสูงๆ มาทำไม
_________________________pawinpawin | clinicalepi.com
ใส่เพลงเยอะๆ ดิครับ
ไม่งั้นซื้อเครื่องใหญ่เท่าใหร่เพลงไม่เพิ่มขึ้นซักที
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ใส่เยอะๆ ไม่เคยฟังครบซะที เฮ้อ
+1 ถ้าไม่เล่น lossless แค่ 8G ก็ชาร์ตกันไม่รู้กี่รอบแล้ว กว่าจะฟังหมด
CMDEVHUB
เขียนเอามันส์ ลองเข้าไปดูความมันส์ได้ครับ
บางครั้งก็อยากฟังเพลงสมัยโน้นนนนนนนนนนบ้างก็นะ
บางวัน Shuffle เพลงนั้นขึ้นมา โอ้ว น้ำลายไหล นึกถึงสมัยเด็ก
@TonsTweetings
+1
แต่กรณีนี้เกิดบนคอมบ่อย เพราะผมมันพวกเล่นเพลงทั้งหมดแล้ว Shuffle เอา
พิมพ์ผิด: น้ำตาไหล ไม่ใช่น้ำลาย
@TonsTweetings
รู้เลย จังหวะนั้นคิดอะไรอยู่ อิอิ
โอ๋ว .. ฟังเพลงคิดเป็นรายเดือน ...
---
Khajochi Blog : It's not a Bug ... It's a Feature
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
ผมว่าแบบรายเดือนแบบนี้ คนบางกลุ่มน่าจะคุ้มกว่าแบบรายเพลงนะ
มันมีนานมากแล้วนะครับ ไม่ใช่ว่า Zune เป็นคนเริ่ม พวก Real Rhapsody, eMusic, Napster (ยุคใหม่)
ลาบเป็ดแชรรรรรรรร์ :P
คิดรายเดือนแบบนี้ ยังกะเคเบิลทีวีเลยวุ้ย - -"
Napster เคยทุ่มเงิน $30 ล้าน ทำโฆษณาเนื้อหาเดียวกันนี้มาอัด iTunes
ค่าบริการตอนนั้นถูกกว่าของ MS ตั้ง 4 เซนต์ (Napster to go $14.95)
ตอนนี้ก็ยังเปิดบริการอยู่ และลดราคาลงเหลือ 12.95
Rhapsody To Go ก็เปิดมาหลายปีแล้ว $14.99 ต่อเดือนเช่นเดียวกัน
หลายบริษัทพยายามโจมตี iTunes store ด้วยวิธีนี้มานานแล้วครับ
หนังโฆษณาของ Napster เปิดตัวงานซูเปอร์โบวล์ 2005
http://www.spike.com/video/do-math-napster/2664236
ที่ตรรกะของวิธีพูดแบบนี้มันไม่เวิร์คคือ ทุกคนรู้ว่าไม่มีใครที่จ่ายเงินเพลงละ 1 เหรียญต่อเพลงทุกเพลงที่มีในเครื่องจริงๆหรอก
อันนี้ผมว่า Napster กับ Rhapsody To Go ค่อนข้างจะเสียเปรียบให้กับ Apple นะครับ เพราะว่าซื้อจา iTunes มันสะดวกกว่า กดซื้อแล้วยัดลงเครื่องได้เลย ส่วน Napster กับ Rhapsody To Go นี่คุ้นๆว่าไม่ได้มีเครื่องเล่นเป็นของตัวเอง
ส่วนของ Microsoft นี่ต่างกันอยู่ตรงที่ Microsoft มี Zune ครับ อันนี้ค่อนข้างจะพอชนกับ iPod + iTunes ได้ แต่พูดไปก็คือ Microsoft ทำตลาดเครื่องเล่น MP3 ช้าไปมาก ซึ่งมาทำเอาตอนที่ iPod ครองตลาดไปเรียบร้อยแล้ว แล้ว Microsoft ก็ยิ่งโดนต่อต้านอยู่ด้วย กลายเป็นว่าทำอะไรก็แป้กไปหมด
ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ผมว่าของของไมโครซอฟท์ก็ไม่ห่วยนะ
ขอโทษนะครับ ไม่เกี่ยวกับเนื้อหา แต่จะ reply ทุก comment เลยเหรอครับ แบบว่ารู้สึกว่าเยอะไปหน่อยรึเปล่า (ถึงจะรู้ว่าก็เป็นสิทธิของเขาล่ะ)
---
Khajochi Blog : It's not a Bug ... It's a Feature
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
เพื่อนผมหลายคนที่อ่าน Blognone ก็เคยถามเหมือนกันครับ ว่า คนนั้นเขาเป็นใคร เห็น comment เกือบทุก entry เลย :-)
ไม่เห็นเป็นไรเลยครับ
ส่วนตัวแล้วชอบอ่านคอมเมนท์ของคนอื่นด้วย อยากรู้ว่าเค้าคิดยังไงกันบ้าง :)
ขอโทษด้วยครับที่ reply เยอะกว่าปกติ
ความผิดผมเองแหละ ที่เป็นพวกพูดมากโดยกำเนิด (เรื่องจริง)
ไม่เป็นไรครับ ถ้าไม่ได้พูดเสียดสียุยง เอาเหตุผลมาโต้กันคนอ่านยังไงก็กำไรครับ
ผมว่าก็ดีแล้วนะครับ ความคิดเห็นเยอะ ๆ ความคิดต่าง ถูกบ้างผิดบ้าง สังคมจะได้มีอะไรที่หลากหลายและน่าสนใจครับ
Ford AntiTrust’s Blog | PHP Hoffman Framework
ผิดตรงไหนครับ
ผมว่าดีออกนะ
จุดขายของ Napster กับ Rhapsody To Go คือ รองรับเครื่องเล่นได้หลายรุ่นหลายยีห้อ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ iPod แล้วแต่คุณจะเลือก
การลงเพลงมันก็ง่ายเหมือนๆกัน โหลดเพลงผ่านโปรแกรม/สั่ง sync (เห็นใครบ่นว่า iPod ลงเพลงยาก?) ตอนนั้นไมโครซอฟท์เองก็สนับสนุน/ช่วยโปรโมทอย่างเต็มที่ด้วย PlaysForSure
เรียกว่า iPod คือเครื่องเล่นเพลงพกพาตระกูลเดียวที่ไม่มีทางเลือกให้เหมาจ่ายรายเดือนแบบนี้ แข่งกับเครื่องอื่นๆในตลาดเกือบทั้งหมดที่ใช้กับ Rhapsody กับ Napster ได้
ผลเป็นอย่างไรก็ทราบกันอยู่...
ประเด็นของผมคือ โมเดลนี้มันไม่ใช่กลยุทธใหม่ที่จะออกมาเพื่อเอาชนะ iTunes/iPod ได้ แต่มันออกมาเพื่อบอกลูกค้า zune ว่ามีทางเลือกนี้อยู่นะ แล้วก็ไปแย่งลูกค้าเป้าหมายในกลุ่ม non-iPod เช่าเพลงด้วยกันเท่านั้น เพราะ PlaysForSure ไม่เวิร์คกับ zune(อ้าว!)
แต่ที่มันไม่สำเร็จอย่างที่คิด เพราะกลุ่มเป้าหมายที่จะสนใจเรื่องราคาต่อจำนวนเพลงจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่รู้จัก 'ทางเลือกในการได้เพลงมาฟรีแบบไม่จำกัด' ดีที่สุดอยู่แล้ว
กลยุทธ์แบบนี้มันเอาชนะได้ยาก เพราะ Apple เพียงแต่อยู่เฉยๆรอดูสถานการณ์ และถ้าตลาดมันไปถึงจุดนั้นเมื่อไรก็แค่ประกาศว่า 'iTunes Store เปิดบริการให้เช่าเพลงไม่จำกัดแล้วจ้า' เกมก็พลิกกลับมาเหมือนเดิมแล้วครับ
จำได้แต่ว่าเคยมีคนบ่นว่า iPod ลงเพลงนาน เคยเอามาลงให้เพื่อนเหมือนกัน (ไอ้เพื่อนบ้า อยากใช้ของหรูแต่ลงเพลงไม่เป็น - -") ก็ไม่นานเท่าไหร่ แต่ยังช้ากว่าต่อเป็น Storage แบบของจีนแดงอยู่ดี (อันนี้ WM ก็เป็นครับ ผมไม่ทราบว่าทำไมเหมือนกัน เวลาต่อผ่านโพรโตคอลเฉพาะแล้วมันช้ากว่าไปต่อผ่าน USB ตรงๆ ทั้งๆที่มันก็ต่อ USB เหมือนกัน)
แต่ที่มันไม่สำเร็จอย่างที่คิด เพราะกลุ่มเป้าหมายที่จะสนใจเรื่องราคาต่อจำนวนเพลงจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่รู้จัก 'ทางเลือกในการได้เพลงมาฟรีแบบไม่จำกัด' ดีที่สุดอยู่แล้ว
เจอย่อหน้านี้ เก็ตเลยครับ
ผมเข้าใจว่าที่ช้าเพราะต้องแปลงข้อมูลของเพลงใน iTunes เช่น ชื่อ ปก อัลบั้ม หรื่อชื่อนักร้อง ให้อยู่ในรูปแบบที่ iPod เข้าใจด้วยซึ่งในจุดนี้ทำให้สามารถลงเพลงในเครื่องจีนแดงเร็วกว่าเพราะไม่ต้องแปลงอะไรมากมาย แต่ในเครื่องจีนแดงก็สร้าง playlist หรือเลือกฟังเพลงตามอัลบั้มไม่ได้ถ้าเราไม่สร้าง directory ไว้ให้
อันนี้ผมสังเกตเอาจากเครื่องที่ผมใช้นะครับ
onedd.net
onedd.net
ไอพ็ิอดไม่ได้อ่านจาก IDv3Tag ตรงๆเหรอครับ ? ที่จริงมันน่าจะอ่านได้จาก IDv3Tag ตรงๆอยู่แล้วนะ
ผมขอยกตัวอย่างของ Windows Mobile แล้วกัน คือเวลาโอนไฟล์ผ่าน ActiveSync เนี่ย มันค่อนข้างช้านะ (แต่ไม่ช้ามากหรอก) แต่พอยกเลิกซิงค์ แล้ว Activate โปรแกรม WM5torage เพื่อให้คอมมองเห็น PDA เป็น Removable Storage (ต่อ USB พอร์เตดียกวัน สายเดียวกันด้วย) การโอนไฟล์จะเร็วขึ้นกว่าโอนผ่าน ActiveSync นะ
แล้วไฟล์ที่ไปโปะอยู่ใน PDA มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับที่โอนผ่าน ActiveSync เลย
มาถึงตรงนี้ชักคิดได้ หรือเพราะมันต้องทำงานผ่านโปรแกรมตัวกลางด้วย มันเลยช้า ?
ตอน Apple ไปเจรจากับค่ายเพลงว่าจะทำเครื่องเล่นเพลงและขายเพลงออนไลน์ มีข้อตกลงกันว่า Apple ต้องหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดการ copy เพลงข้ามเครื่อง หรือป้องกันการใช้เครื่องเล่นพกพาเป็นตัวกลางในการละเมิดลิขสิทธิ์ให้ได้เป็นที่น่าพอใจของสมาพันธ์ค่ายเพลง ไม่อย่างนั้นก็จะตกลงกันไม่ได้
การ sync ของ iTune-iPod มันเลยต้องมีขั้นตอนการซ่อน directory ของเพลง การเช็ค ID ของเครื่องและเช็ค Authorization ของ iTunes account
ใครที่เคยเปิดดูการจัดเก็บไฟล์ของ iPod ก็คงรู้อยู่แล้ว
เครื่องเล่นจีนแดงคงไม่ต้องรับเงื่อนไขอะไรแบบนี้...
ถ้าเปิด iPod Disk Mode ลากไฟล์ไปวาง มันก็เร็วกว่าเช่นเดียวกันครับ เพียงแต่ทำแบบนั้นกับไฟล์เพลงสำหรับเล่นในเครื่องไม่ได้ ตามที่เงื่อนไขข้างบน
ปกติแล้วตอนลงเพลงทีเดียวเยอะๆในครั้งแรกเท่านั้นที่อาจจะต้องใช้เวลาหน่อย แต่หลังจากนั้นผู้ใช้ส่วนมากก็อัพเดท เพิ่ม/ลบเพลงครั้งละไม่เท่าไหร่ ไม่น่ามีผลมากอยู่แล้ว
ขอบคุณครับ
ศึกษาไว้ครับ ^^
เห็นว่าไม่เคยได้ใช้ iTunes อย่างจริงจัง อาจจะไม่รู้เรื่อง Authorized เท่าไหร่ ซึ่งคนใช้ iPod เค้าจะรู้ครับ
มันน่าจะให้เป็นข้อมูลกลางเพราะ iPod เองก็รองรับไฟล์ได้หลายประเภทน่ะครับ เวลาเล่นอาจจะเล่นจาก mp3 ตรงๆแหละ แต่ว่าตอนแสดงรายการมันน่าจะใช้ข้อมูลแบบเดียวกัน
onedd.net
onedd.net
คงต้องดูว่าขั้นตอนไหนของเขาที่เขาว่านานนะครับ บางคนใช้งานตามการใช้งานของ iTunes ไม่เป็น แล้วไปใช้งานโดยติดกับการใช้งานแบบลากไฟล์ลาก folder ก็จะคิดว่ามันนาน แต่ถ้าจัดการผ่าน iTunes ดีอยู่แล้ว การจะเอาเพลงอะไรลงเครื่องนั้นรวดเร็วมากครับ
โดยเฉพาะการใช้งานผ่าน Smart Play List ถ้าใช้คล่องๆ การ "จัดเพลง" ลงเครื่องจะทำได้อย่างปรื๋อ การลากไฟล์ลาก folder เทียบไม่ติดแน่นอน :-)
ผมแสดงความคิดเห็นเฉยๆนะครับ มิได้มา"รุม"ใดๆ คุณ %1 โปรดเข้าใจเจตนารมณ์
จริงๆครับ ผมเองก็ชอบการซิงค์เพลงผ่านโปรแกรมเช่นกัน (WMP11 ที่ใครด่านักด่าหนาว่ามันห่วยนี่แหละครับ) ค้นๆแล้วลากใส่ไปเลย แล้วมันก็ไปอัพเดทไลบรารี่ใน WM ให้อัตโนมัติ
ส่วนตัวผมใส่เพลงไม่มากอยู่แล้ว ราวๆยี่สิบถึงสามสิบเพลง ผมเลยมักจะเล่นเพลงแบบทั้งหมดแล้วเปิด Shuffle เอา สะดวกกว่ามานั่งจัด Playlist เยอะ (อย่างที่บอก เพระาผมฟังเพลงไม่มาก)
อีกอย่างคือการซิงค์เพลงด้วย WMP มันทำให้การหาเพลงใน SD Card เพื่อส่งให้เพื่อน มันง่ายขึ้นเยอะเลย
ผมโคตรอยากได้เลย Zune เนี้ย
ยักใหญ่ไล่ยักเล็ก..
คิดให้สนุก ก็มีความสุขมากมาย..
ถ้าไม่ใช้ Zune จะโหลดได้ไหมอะ
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
อมาซอนชนะเลิศ (เย้ย!)
ezybzy.info blog
ลาบเป็ดแชร์ก็ไม่แพ้ใครนะ :P
ลาบเป็ด ?
อะไรหรอครับ ผมตามไม่ทัน...
rapid :P
ของ MS นี้ยังติด DRM อยู่รึปล่าวครับ
เพลงโหลดไม่อั้นนี่ DRM แหงครับ เมื่อเลิกจ่ายเงิน เพลงไปหมด
@TonsTweetings
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฟอร์แมต MP3 ถึงยังครองโลก
จริงหรอครับ ? format อื่นที่ไม่ติด DRM ก็มีนี่ครับ ถ้าจะเป็นเพราะเหตุว่าปลอด DRM เลยทำให้ mp3 ครองโลก ทำไมไม่เป็น format อื่นที่ไม่ติด DRM ละครับ
เพราะเอ็มพีสามมันครองโลกมาก่อนฟอร์แมตอื่นที่ไม่มี DRM (อย่างเช่น OGG) ครับ
ซึ่งด้วยที่ว่ามันครองโลกมาก่อน และมันไม่ติด DRM เพลงที่ปล่อยกันตามเว็บแบบผิดลิขสิทธิ์ จึงนิยมใช้ฟอร์แมตนี้กันครับ
ที่จริงผมน่าจะโพสต์ว่า "เพราะอย่างนี้แหละ MP3 ถึงยังคงครองโลกอยู่"
ผมว่า format อื่นน่ะ หาเครื่องเล่นยากกว่า mp3 ด้วยละมั้ง
อย่าง aac กับ wma ถึงจะมีไฟล์แบบไม่ติด DRM ก็ได้ แต่ก็ใช่ว่าเครื่องเล่นจะสนับสนุนทุกเครื่อง
ogg ผมว่ายิ่งไปกันใหญ่ แทบจะหาเครื่องเล่นไม่ได้ด้วยซ้ำ
ดูจากเครื่องเล่นที่ขายในท้องตลาดแล้ว mp3 จะกลายเป็น de facto ไปแล้วละมั้ง เห็นเล่นกันได้ทุกเครื่องเลย (เขาถึงเรียกกัน mp3 player ด้วยหรือเปล่านะ) :P
เพลงที่โหลดไมอั้นนั้นติด DRM ครับ หยุดจ่าย $15 ต่อเดือนก็ฟังไม่ใด้
แต่เพลงที่เลือกเป็นเจ้าของใด้ 10 เพลงต่อเดือน ใด้ยินว่าเป็น non-drm MP3 นะครับ ^^
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ไอพ็อด <> ipod น่าจะใช้ให้เหมือนกันทั้งสองที่นะครับ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ขอชี้แจงครับ
กรณีพูดไอพ็อดในรูปแบบสินค้าทั่ว ๆ ไป จะขอใช้ "ไอพ็อด"
กรณีพูดถึง Trademark เฉพาะเจาะจง จะใช้ iPod nano, iPod touch, iTunes + iPod, iPod shuffle, iPod classic ครับ จะไม่ใช้คำว่า "ไอพ็อด"
เช่นกัน ไอโฟน ถ้าใช้เรียกทั่ว ๆ ไปจะเรียกว่า "ไอโฟน"
แต่ถ้าเรียกเจาะจง iPhone 3G ก็จะขอใช้ iPhone 3G ไม่ใช้ ไอโฟน3จี
สำหรับวินโดวส์ก็เช่นกันครับ
ไม่ใช้วินโดวส์เจ็ด แต่จะใช้ Windows 7
@TonsTweetings
อ้อ แบบนี้นี่เอง เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณครับ ^^
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ผมว่า Zune เสียงดีกว่า iPod นะ แต่หาซื้อยากจัง
Yahoo!!!
เพื่อนผมบอกว่ามันซื้อจาก eBay ทั้ง Zune ทั้ง iPod เลย
ปล.บ้านมันตลกมาก พี่ชายคนโตสาวกลีนุกซ์ พี่สาวมันสาวกแมค ส่วนมันสาวกวินโดวส์ ตีกันตาย - -"
เคยเห็น Zune สีแดงบนรถเมล์เมืองไทยด้วย (คนใช้เป็นผู้หญิง)
ezybzy.info blog
อยากได้ Zune แต่ไม่รู้จะซื้อได้ที่ไหน
รวมกลุ่มกันซื้อเหอะ ผมว่ามีหลายคนลงขันนะเนี่ย เพื่อนผมกำลังจะกลับจาก work and travel พอดีฝากดีมั้ยเนี่ย