บทความนี้เป็นเพียงข้อคิดเห็นจากนาย Rob Enderle จาก Tech News World
มีคำถามที่ว่า แอปเปิลสมควรได้รับเครดิตว่าเป็นผู้ที่เปลี่ยนแปลงโลกหรือไม่ จริงๆแล้วแอปเปิลได้ทำให้โลกขยับก้าวหน้าไปอีกขั้น แต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามทิศทางที่แอปเปิลเองตั้งใจเอาไว้ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แอปเปิลสร้างขึ้นนั้นได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็วให้กับวินโดวส์ โดยเฉพาะ วินโดวส์ 7 รวมไปถึงเร่งการพัฒนาให้กับ Palm Pre และ Android อีกด้วย
ถึงเวลารึยังที่จะเสียความเป็นผู้นำในตลาด smart phone เช่นเดียวกับที่เคยสูญเสียความเป็นผู้นำด้านคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลไป
สัปดาห์ที่แล้วมีผู้สนับสนุนแอปเปิ้ลหลายคนถามผมเกี่ยวกับความเห็นของผมที่ว่าแอปเปิ้ลที่ว่าเทคโนโลยีของแอปเปิลไม่ต่างอะไรจากผลิตน้ำหวาน สตีฟ จ็อบส์ได้ละทิ้งอุดมการที่จะเปลี่ยนแปลงโลกของเขา ซึ่งผมคิดเช่นนั้นจริงๆ และยิ่งทำให้ผมแปลกใจที่ไม่มีแฟนๆ ของแอปเปิลซักคนที่สนใจเรื่องภาวะโลกร้อน การบำเพ็ญประโยชน์ใหัสังคม หรือแม้กระทั่งความก้าวหน้าทางด้านการประมวลผลทางคอมพิวเตอร์ แต่แอปเปิลก็ยังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์
ในคราวนี้ผมเห็นด้วยที่ว่าแอปเปิลเองไม่ได้ตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงโลก โดยการทำให้ Windows 7, Palm, Android ดีขึ้น ผมกำลังจะชี้ให้เห็นว่า "เปลี่ยนแปลงโลก" ในความหมายของผมเป็นอย่างไร ผมจะยกตัวอย่างจาก Marvell ว่าเค้าทำได้อย่างไร
เกมส์ที่มีผู้แข่งแค่คนเดียว
เมื่อครั้งที่แอปเปิลเริ่มต้นขึ้น ทั้ง Steve Wozniak และ Steve Jobs ได้แสดงให้เห็นว่าทั้งคู่มีความฝันที่ไม่ต่างอะไรจากวิสัยทัศน์ Bill Gates และ Pual Allan พวกเค้าต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงโลกของคอมพิวเตอร์ จริงๆแล้วในปี 1984 แอปเปิลได้ออกโฆษณาที่ยังคงเป็นโฆษณาที่ดีทีสุดในซุปเปอร์โบวล์ ถ้าใครยังไม่เคยดูลองจินตนาการว่าจะเป็นอย่างไรถ้าแอปเปิลครองความยิ่งใหญ่แทนที่ IBM ในสมัยนั้น
แต่อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ได้เล่านิทานที่แตกต่างออกไป -- บิล เกตส์ มองเห็นศักยภาพของแอปเปิล แต่เขารู้ว่าบริษัทไม่สามารถเติบโตได้ตามที่เป้าของเข้าทั้งคู่ เขาจึงอยากที่จะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ OS เสียเอง แต่หลังจากที่เขาถูกปฏิเสธ เขาจึงได้สร้างตัวเลียนแบบขึ้นมา จนทำให้ทุกวันนี้ Microsoft เป็นผู้ปฏิวัติวงการ PC และแน่นอนเป็นผู้เปลี่ยนแปลงโลก หาใช่ชื่อ Apple ไม่
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า Microsoft เองคงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้หากไม่มีไอเดียจาก Apple ลองคิดดูว่าถ้าแอปเปิลกับไมโครซอฟท์ร่วมมือกันคงไม่ใช่แค่แบ่งความเป็นผู้นำกันแต่ยังทำให้ผู้ใช้ได้รับสิ่งที่ดีกว่าด้วย แต่นั่นไม่ช่สิ่งที่เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลๆจริงๆเกิดจากสิ่งที่ไมโครซอฟท์ทำไม่ใช่สิ่งที่แอปเปิลทำ คงไม่มีใครสงสัยว่าไมโครซอฟท์ทรงพลังยิ่งกว่าแอปเปิลเพียงใด
สำหรับตัวไอโฟน แอปเปิลออกมาเขย่าตลาดครั้งใหญ่ จนทำให้มีผลิตภัณฑ์ iPhone-like ออกมามากมายหลายแบบทั้งจาก Samsung, LG, RIM, HTC และ Palm แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ไมโครซอฟท์กำลังดูว่า iPhone กำลังทำอะไรอยู่ และกำลังให้ Verizon ดูแลการผลิตผลิตภัณฑ์ที่คล้ายไอโฟนของตัวเอง
สำหรับ Palm Pre ผมได้ลองใช้ดูสักพักผมรู้สึกว่ามันดีกว่าในหลายๆด้านก็ทำได้เท่าเทียมกับ iPhone สำหรับตัว Android ไม่เพียงแต่จะความสามารถเท่าเทียมแล้ว ยังจะมีข้อได้เปรียบอีกหลายๆอย่างเช่นเดียวกับที่ไมโครซอฟท์เคยมีเหนือกว่าแอปเปิล
หลายคนสงสัยว่าไอโฟนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ดูเหมือนว่าจะมีผู้ผลิตซักรายที่ชนะในคราวนี้ แอปเปิลกำลังจ้อง Palm อยู่เพราะยังไม่เห็นใครเป็นคู่ต่อกร แต่ถ้ามันยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ สุดท้ายแอปเปิลก็จะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการครองตลาดอีกครั้ง
สั้นๆเลยนะ แอปเปิล กำลังทำให้บริษัทอื่นเปลี่ยนแปลงโลก แอปเปิลกำลังสร้างสนามให้ Palm ลงมาเล่นอยู่ในตอนนี้
ความพยายามที่จะปฏิวัติ Windows 7 ของแอปเปิล
ผมเพิ่งจะได้ลงอเจาะลึงลงใน Windows 7 ผมติดตั้ง RC ไปสามเครื่อง และคราวนี้เป็นการเตรียมตัวที่ดีที่สุดที่ไมโครซอฟท์เคยทำมาเลยก็ว่าได้
โฆษณา Mac vs. PC ทำหน้าที่กระตุ้นไมโครซอฟท์ได้ดีกว่าผู้บริหารคนไหนๆของไมโครซอฟท์ มันทำให้บริษัทที่ซับซ้อนสุดอย่างไมโครซอฟท์หันมาโฟกัสในจุดแข็งของแอปเปิล จนกว่าจะไม่มีอะไรเหลือให้โฟกัสกันไปเลย
ยิ่งกว่านั้น ไมโครซอฟท์ก้าวหน้าไปไกลกว่าในเรื่องของการป้องกันไวรัส ตอนนี้ก็กำลังสร้างตัวป้องกันไวรัสฟรีๆอยู่ด้วย ในขณะที่แอปเปิลกำลังจะเหมือนไมโครซอฟท์ในยุคปี 90 แต่ก็ทำเหมือนไม่มีปัญหา
ทุกวันนี้แอปเปิลได้รับคำชมเพราะวินโดวส์มันเจาะได้ง่ายกว่า แล้วก็แพร่กระจายได้ง่ายกว่า แต่เมื่อไหร่ที่ Windows 7 ออกมาละก็ผู้ใช้ก็จะได้ใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสฟรีๆ วินโดวส์ก็จะมีความปลอดภัยที่สูงกว่า แล้วคราวนี้คนที่สร้างไวรัสมาก็จะย้ายกันไปเจาะแอปเปิลแทน จริงๆเราก็เห็นกันเยอะแล้วนี่ในงานสัมมนาหรือแข่งขันการเจาะระบบอย่าง Black Hat Conference ว่าแอปเปิลก็ถูกเจาะได้อย่างไรบ้าง เรื่องนี้มันไม่จบสวยๆแน่สำหรับแอปเปิล แต่ก็เช่นเดิมนั่นแหละ นี่ก็เป็นจุดกระตุ้นอย่างหนักเลยให้ไมโครซอฟท์พัฒนา Windows ให้ดีขึ้น
เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงเรื่องตลกอย่างนึง มีชายสองคนกำลังวิ่งหนีหมีอยู่ อยู่ดีๆคนนึงก็หยุดสวมรองเท้าวิ่ง คู่หูอีกคนทำกำลังจะกลายเป็นอดีกคู่หูเลยถามว่า นายทำไร "นายวิ่งหนีหมีไม่ได้หรอกนะ" อีกคนเลยตอบว่า ฉันไม่ต้องวิ่งหนีหมีหรอก วิ่งหนีแกก็พอแล้ว" คนทำไวรัสก็เหมือนหมีแหละครับ แต่ไมโครซอฟท์ ใส่รองเท้าวิ่งไว้ก่อนที่แอปเปิลจะใส่แล้ว สุดท้าย แอปเปิลก็ทำให้ Windows 7 ดีขึ้น ผมพนันเลยว่าแอปเปิลจะต้องเสียใจ คอยดูเดือนตุลาเจอกันแน่
การเปลี่ยนโลกของ Marvell
ผมมีโอกาสได้เห็นผู้ก่อตั้ง Marvell ในงาน CITRIS เธอ(she: ผู้ก่อตั้งเป็นหญิงซะด้วยน่าสนใจๆ - ผู้แปล)ได้ให้แรงบันดาลใจจากความฝันที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการวิธีการถ่ายทอดความรู้ทางวิศวะกรรม สิ่งนี้แหละที่เป็นสิ่งสำคัญในการก่อตั้งบริษัทอย่างไมโครซอฟท์หรือแอปเปิลเอง มันไม่ได้เกี่ยวกับการขายผลิตภัณฑ์ของ Marvell แต่แต่เกี่ยวกับการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่สามารถทำให้ Silicon Valley กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกครั้ง
ไอเดียของ CITRIS คือสร้างศูนย์บ่มเพาะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะให้นักเรียนมีโอกาสได้สร้างผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้จริงในท้องตลาดไม่ใช่ สร้างสิ่งประดิษฐ์งานวิจัยตามมอบหมาย หรือ กองเอกสารมากมาย หรือให้โอกาสสร้างสรรค์ระบบต่างๆได้เอง
ทุกวันนี้มีเด็กๆ มากมาย มากเกินไปด้วยซ้ำที่จบออกมาจากระบบการศึกษาพร้อมกับทักษะในการ#เล่นวิดีโอเกม แล้วก็ให้เครดิตกับงานคนอื่น# ต่อไปมันจะเป็นตัวฉุดธุรกิจเลยแหละ สิ่งที่ CITRIS และ Marvell ทำอยู่ก็คือการเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้น จากที่ผมได้คุยกับนักเรียนที CITRIS ใน Berkley นะพวกเค้ากำลังสนุกกับสิ่งที่เค้าเรียนรู้ เพราะไม่ต้องไปเสียเวลาทำแบบฝึกหัดไร้สาระอะไร แต่ได้สร้างผลิตภัณฑ์ทางธุรกิจจริงๆกันเลย
สิ่งที่ทำให้ CITRIS แตกต่างคือการผสมผสานระหว่างสังคมทางวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมาย ผู้เชียวชาญด้านธุรกิจ และโปรแกรมเมอร์ภายใต้หลังคาเดียวกัน ตอนนี้ CITRIS กำลังทำให้โครงการนี้แพร่หลายไปทั่วโลก และมันน่าจะสำเร็จเพราะตอนนี้มี 76 โครงการแล้วที่ได้รับเงินสนับสนุนจากแหลงเงินทุนใหญ่ๆ
ถ้ามันสำเร็จละก็ มันไม่ได้เป็นแค่ทางเลือกสำหรับมหาวิทยาลัยเลยนะ มันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงเลยมากกว่าแค่การเอาน้ำมาผสมน้ำตาลใส่สีแต่งกลิ่นเหมือนแอปเปิ้ลแน่ CITRIS จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสุดๆไปเลยละ
สรุปประเด็น: น้ำหวานของแอปเปิล
สุดท้ายผมมีประเด็นสรุปย่อยสำหรับทั้งสามบริษัทจากที่เคยอธิบายไปแล้วอย่างนี้: Google กำลังกำหนดทิศทางโลก สนับสนุนการพัฒนาระบบ grid แล้วก็พลังงานแสงอาทิตย์ และทำกำไรจากการกุศล ส่วน Microsoft ทำให้วิสัยทัศน์ของแอปเปิลในปี 1984 เป็นจริง แล้วทำให้ PC ประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ ในขณะที่ บิล เกตส์ เป็นผู้บริจาคที่มากที่สุดคนหนึ่งของโลก
แอปเปิลเองเพียงแค่นำโลกไปสู่ iPod แต่เทคโนโลยีของแอปเปิลเองก็เหมือนน้ำผสมน้ำตาลหรืออย่างที่ โค้กกับเป๊บซี่ ตีตลาดเครื่องดื่นด้วย น้ำโคล่านั่นแหละ แอปเปิลเองไม่ได้ทำอะไรเหมือนอย่างที่ ไมโครซอฟท์หรือมาเวลล์ทำเลย แต่ก็ดูเหมือนว่าการเป็นผู้นำสำหรับแอปเปิลเป็นจุดประสงค์แรกเริ่ม ถามหน่อยครับคุณสตีฟ ตกลงคุณอยากจะเปลี่ยนแปลงโลกจริงๆไหม หรือคุณพอใจกับการขายน้ำหวานของคุณแล้ว
ที่มา TechNewsWorld
ปล. ผมยังไม่เคยเขียนข่าวมาลงนะครับ แล้วก็ไม่แน่ใจว่านี่เรียกว่าบทความหรือข่าว ถ้าอย่างไรไม่ถูกที่รบกวนช่วยย้ายด้วยครับ
Comments
เนื้อหาน่าสนใจครับแต่ อ่านแล้วเหมือนงานแปลมากกว่าคับ
เอาใจช่วยนะครับ
{$user} was not an Imposter
ขอบคุณครับ เป็น อะำไรที่น่าคิดได้อย่างจริงจัง
http://tomazzu.exteen.com
ลองไปแก้ให้เป็นตาม Guideline แล้วเสนอให้เป็น Special Report ดูครับ
คำผิดค่อนข้างเยอะนะครับ แต่เป็นงานเขียนที่ดีเลยทีเดียว ชอบประโยคตอนท้ายมากมาย (แต่อาจไม่ถูกใจ ใครบางคน- -*)
-บรรทัดที่ 3 แต่ก็ ไม่ ได้เป็นไปตามทิศทางที่แอปเปิลเองตั้งใจเอาไว้
-ไม่แน่ใจที่นี่แอ๊ปเปิ้ลต้องมีไม้โทหรือไม่ ตรงนี้ถ้ามี ก็ผิดทุกคำครับ เพราะในบทความแทบจะไม่มีไม้โทเลย
-บรรทัดที่ 5 เปลี่ยน Palm Pre เป็น Web OS ดีกว่าครับ (ระบบปฎิบัติการกับรุ่นของสมาร์ทโฟน ถ้าให้สอดคล้องกับ Android แล้วควรเป็นระบบปฏิบัติการครับ)
-บรรทัดที่ 8 สตีฟ จ็อบส์ได้ละทิ้งอุดมการที่จะเปลี่ยนแปลงโลกของเขา
-บรรทัดที่ 10 หรือแม้กระทั่งความก้าวหน้าทางด้านการประมวลผลทางคอมพิวเตอร์
เฉพาะท่อนแรกก่อนดีกว่า ไม่งั้นยาว - -*
ก็ต้องขอบคุณทั้ง Apple และ Microsoft ละครับ ผมเป็นแค่ผู้ใช้ธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น
สะกดผิดเล็กๆน้อยๆหลายจุดครับ ลองอ่านทวนละเอียดๆดีๆนะครับ
แต่เขียนได้ดีทีเดียว ^^
รู้สึกเหมือน Apple กำลังขายน้ำหวานจริงๆล่ะครับ
แปลได้ลื่นไหลมากครับ
ยังมีสะกดผิดอยู่พอสมควร ตามที่หลายๆ ท่านได้แจ้งมาแล้วครับ
แปลได้ดีครับ window 7 ทำได้ดีครับชอบมาก
อ่านเสร็จวกกลับไปดูคนเขียน อ้าวพี่เวย์เองนี่นา ^ ^
เป็นการแปลมาทั้งบทความนะครับ เกรงว่าจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของทาง TechNewsWorld
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
แก้ปัญหานี้ยังไงเหรอครับ ต้องสรุปประเด็นตัวเองเหรอครับ
ลองเปลี่ยนเป็นสรุปประเด็นหลักๆของบทความ ที่คุณจับประเด็นได้
บวกความคิดเห็นส่วนตัวของคุณต่อบทความนี้
ที่เหลือก็ให้คนอ่านตามไปอ่านของจริงเอง ครับ
สรุปบทความใหม่ครับ อาจจะ rewrite ในสำนวนของเรา โดยอ้างถึงบทความและแนวคิดเดิมในบทความต้นฉบับได้ครับ
อ่อ ใส่แนวคิดของคุณเองรวมถึงความเห็นใหม่ลงไปด้วยก็ได้ครับ
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
อีกวิธีหนึ่ง คืออีเมลไปขอทางเจ้าของบทความนะครับ ว่าอยากแปลมาเผยแพร่ภาษาไทย น่าจะได้เหมือนกัน
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ผมมองว่า บางอย่างเท่านั้นน่ะครับ อันนี้ต้องเอาใจ Microsoft นิดนึง เพราะพักหลังๆนี้ Windows 7 พัฒนาไปในทางที่ดี และค่อนข้างแตกต่างกับ Apple เช่น Taskbar Preview
แต่บางเรื่องก็ลอกเค้ามา อย่าง Calc ในส่วนของการเลือกโหมดมัน Resize แบบ Slide นี้ น่าคิด
ผมว่าฝรั่งเนี่ยเวลาเค้าวิจารณ์อะไรมันดุเดือดดีจริง ๆ ผิดถูกไม่รุ้แต่ไม่มีอ้อมค้อมกันเลย ดีไม่ดีอย่างไรซัดกันจะ ๆ
ผมว่าเค้าใช้เหตุผลซัดกันนะ แล้วไม่โกรธกันเสียด้วย ซึ่งผิดกับบ้านเราอย่างลิบลับ (ทีใครทีมัน บ้านเราถนัดนักแล)
แปลได้ดีครับ
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
น่าสนุกดี รอดู Windows 7 กับ Snow Leopard
ผมกลับคิดว่า ถ้า Apple ไม่ได้นำโลกไปสู่ iPod.. แต่ Apple เลือกใช้ iPod เป็นตัวนำโลกเข้าสู่การใช้งานเทคโนโลยีในอนาคตที่ถูกกำหนดโดย Apple (เช่น Click wheel หรือ multi-touch) คงเป็นความพยายามที่เสียเวลาและแรงงานกว่านี้มาก ถ้า Apple พยายามเอา Mac OSX มาเป็นตัวกำหนดทิศทาง โดยแข่งกับจ้าวโลกในปัจจุบันอย่าง Microsoft เพราะยังไงประชากรโลกย่อมอยู่ใกล้และใช้งานอุปกรณ์สร้างความบันเทิง มากกว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล