คุณ Mark Anderson ซีอีโอของ Strategic News Service ที่ให้คำทำนายในด้านการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์และอุตสาหกรรมสื่อสาร ได้กล่าวคำทำนายในงาน Annual SNS Predictions Dinner เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศของปีหน้าไว้ 10 ข้อดังนี้
- เป็นปีแห่งสงครามด้านแพลตฟอร์ม คือ เน็ตบุ๊ก โทรศัพท์มือถือ และมาตรฐานการประมวลผลบนกลุ่มเมฆ โดยการประมวลผลบนกลุ่มเมฆจะเข้าไปรองรับการใช้งานของผู้ใช้ตามบ้าน (consumer) ส่วนเหล่าองค์กรทั้งหลายก็พยายามที่จะสร้างศูนย์ข้อมูล (data center) เป็นของตนเอง และเน็ตบุ๊กจะมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างมาก
- เป็นปีแห่งสงครามด้านระบบปฏิบัติการ คือ วินโดวส์ 7 แมคโอเอส ลีนุกซ์ ซิมเบียน แอนดรอยด์ Chrome OS และโนเกีย Maemo 5 ในด้านยอดขายแล้วผู้ชนะคือ วินโดวส์ 7 แมคโอเอส และแอนดรอยด์ แต่ด้วยความล้มเหลวของจินตนาการสร้างสรรค์ (imagination) และความเป็นแพลตฟอร์มของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) ของวินโดวส์ 7 จะทำให้เปิดโอกาสให้คู่แข่งรายอื่นมาแทนที่ไมโครซอฟท์ได้โดยแพลตฟอร์มบนโทรศัพท์มือถือ
- คอนเทนต์ทั้งหมดจะลงสู่โทรศัพท์มือถือ ซึ่งทำให้เกิดข้อ 4
- แอพพลิเคชันและคอนเทนต์บนโทรศัพท์มือถือช่วยขับเคลื่อนการการชำระค่าสินค้าและบริการขนาดย่อม (micro payment) ซึ่งแยกออกมาจากรูปแบบการชำระค่าสินค้าหรือบริการแบบเดิมๆ
- การแข่งขันระหว่างโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ (The Phone vs. the PC) ทั้งด้านผู้ใช้ในองค์กรและผู้ใช้ตามบ้าน
- การประมวลผลบนกลุ่มเมฆจะถูกจำกัดการเจริญเติบโต เนื่องด้วยปัญหาด้านความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ โดย CIO จะเห็นการประมวลผลบนกลุ่มเมฆเป็นการเปิดทางในการจารกรรมข้อมูล
- เกิดความแตกต่างในระหว่างตลาดผู้ใช้ตามบ้านและตลาดองค์กร โดยแอปเปิล กูเกิล และผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ในเอเซียจะยึดตลาดผู้ใช้ตามบ้านไป ส่วนตลาดองค์กรนั้นจะตกเป็นของเดลล์ ไอบีเอ็ม ซิสโก้ และไมโครซอฟท์ ส่วนเอชพีนั้นจะได้ทั้งสองตลาด
- ไมโครซอฟท์จะสูญเสียความเป็นผู้นำในตลาดผู้ใช้ตามบ้าน ยกเว้นด้านเกม โดยเขาได้บอกว่า "ไมโครซอฟท์แพ้แล้วในตลาดผู้ใช้ตามบ้าน" (it is game over for Microsoft in consumer)
- ตลาดสื่อมีเดียที่ยังเหลือรอดอยู่จะหันไปใช้รูปแบบการลงทะเบียน (subscription model) (ดูข้อ 4)
- การเชื่อมต่อของข้อมูลจากระยะไกลไปยังผู้คนและสรรพสิ่งตามเวลาจริง (real time) จะนำไปสู่อุปกรณ์และแอพพลิเคชันใหม่ๆ อาทิ ใช้โทรศัพท์นำเที่ยว การเปรียบเทียบตามเวลาจริงและการช้อปปิ้งตามใบสั่ง (recipe-driven) เป็นต้น ถึงแม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะมีให้เห็นแล้วในปัจจุบัน แต่สิ่งเหล่านั้นจะกลายเป็นแนวโน้มใหม่ในตลาดแอพพลิเคชันในปีหน้า
คุณ Anderson ได้กล่าวว่าไมโครซอฟท์ไม่มีความหวังเลยในการแก้ตัวในตลาดโทรศัพท์มือถือ นอกจากนั้นหากข้อ 7 เป็นจริงตามที่ว่า ไมโครซอฟท์ก็จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง โดยเฉพาะคุณ Ray Ozzie ที่เป็นหัวหน้าสายสถาปัตยกรรมซอฟท์แวร์ โดยคุณ Anderson ไม่เชื่อว่าวิสัยทัศน์ "three screens and the cloud" ที่ผู้คนจะสามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการได้ผ่านคอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ และโทรศัพท์ โดยข้อมูลและบริการนั้นจะอยู่บนกลุ่มเมฆ (ดูบทความจาก Redmondmag.com ได้ที่นี่, ดูข่าวเก่า) ที่คุณ Ozzie กล่าวจะเป็นจริงได้ เนื่องจากความล้มเหลวในด้านโทรศัพท์ตามที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้
นอกจากนั้นแล้วเขายังกล่าวอีกว่ามันไม่สำคัญที่การเชื่อมต่อระหว่างแพลตฟอร์มที่อยู่หน้าบ้าน (front-end) และหลังบ้าน (back-end) จะเป็นอย่างไรในสายตาผู้ใช้ตามบ้าน แต่พวกเขากลับสนใจถึงการประสานของส่วนติดต่อผู้ใช้งาน (user interface) (อาทิ แอพพลิเคชัน marketplaces เป็นต้น) มากกว่า ซึ่งแอปเปิล แอนดรอยด์ และอื่นๆ มีภาษีที่ดีกว่าและจะชนะ [ไมโครซอฟท์] ได้
คุณ Anderson ได้กล่าวถึงคุณ Ozzie ไว้ด้วยว่า เขาจะไม่แปลกใจเลยที่คุณ Ozzie จะต้องออกจากไมโครซอฟท์ไปในอนาคตอันใกล้ เนื่องด้วยที่เขาไม่สามารถเข้ากันได้กับวัฒนธรรมองค์กรของไมโครซอฟท์เอง ที่มีลักษณะ "dog-eat-dog"** และหากวิสัยทัศน์ three screens and the cloud และ "consumer experiences first" ไม่ประสบความสำเร็จ เขาก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะอยู่กับไมโครซอฟท์อีกต่อไป
ที่มา: ZDNet
** "dog eat dog" น่าจะหมายถึง ทัศนคติของการเอาตัวรอด (survival of the fittest’ attitude) (อ้างอิงจากข่าว Bloomberg)
Comments
ผมไม่เข้าใจว่า dog-eat-dog มันแปลว่าอะไร สำหรับ microsoft มีจุดอ่อนด้าน internet มาแต่ไหนแต่ไรแล้วคือมันไม่มีอะไรใน internet ที่ microsoft ทำขึ้นก่อนคู่แข่งเลย มีแต่คู่แข่งทำแล้วดัง microsoft ก็ทำบ้างก็เท่านั้นหลายงานใหญ่ๆ ที่ล้มเหลวอย่างที่เห็นกันอยู่ ถ้า microsoft รักษาจุดแข็งของตัวเองไม่ได้ คือส่วน OS และ office นี่น่าเป็นห่วงอย่างหนักโดยแท้ครับ
"dog eat dog" = ทัศนคติของการเอาตัวรอด (survival of the fittest’ attitude) (อ้างอิงจากข่าว Bloomberg)
ผมไปเพิ่มในข่าวแล้วครับ
ปลาใหญ่กินปลาเล็ก?
ข้อ 7 กับ 8 จะเกิดขึ้นปีหน้าเหรอ ผมว่าเร็วไปมั่ง
แต่ทุกข้อคงไม่เกิดขึ้นในไทยภายในปีหน้าแน่นอน และอีก 3 ปี ก็ไม่รู้จะเกิดขึ้นในไทยรึเปล่าเลย เพราะอะไรก็รู้กันอยู่
ผมเห็นด้วยกับข้อ 7 น่ะ
ตามบ้านจะใช้จากผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ในเอเซีย ดูตัวอย่างแบรนด์ HP กับ dell เดี่ยวนี้ตกลงมากๆ และผลิตภัณฑ์แม็คขายถูกลง อาจจะมีส่วนตลาดใกล้เคียงกับผู้ใช้ OS windows ก็เป็นได้
ตลาดองค์กรแน่นอนตอนนี้ยังไม่มีบริษัทจากฝั่งเอเชียเจาะได้ ฝั่งตะวันตกยังครองต่อไป
สิ่งที่แพ้แน่ๆ ตอนนี้ก็คือ windows mobile ไม่รีบพัฒนามีหวังมาก่อนไปก่อนเป็นแน่แท้,
และ โลกอินเตอร์เน็ตอันมืดมิดที่ไมโครซอฟท์ยังไม่สามารถมีบริการที่ดีๆ เด่นๆ ชวนชาวออนไลน์หลงไหลใช้มันได้
แล้วก็เห็นด้วยกับข่าว ผู้ใช้ส่วนใหญ่สนใจหน้าตา (user interface) มากกว่า
มีอยู่เหตุการณ์เดียวที่จะทำไห้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
คือ "Apple ยอมไห้ OSX สามารถลงบน PC ได้เลย 100%"
นั่นก็น่าสน ถ้า Finder ไม่ห่วยเกินไป และ iWork ใช้ได้กับการส่งรายงานให้กับ บ.อื่น ๆ ได้
ผมคิดว่าเหตุการณ์นั้นจะกระทบ MS ไม่รุนแรงมากนะ
แถมผมไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นด้วย - -"
อาจจะเรียกได้ว่า วัฒนธรรมการใช้งานของ User เป็นเรื่องที่ยากจะเปลี่ยนครับ
+1 ทุกวันนี้คนสวนใหญ่ก็ยังใช้ XP และน้อยคนนั้นก็ไม่คิดจะเปลี่ยน
อยากให้วันนั้นมาถึงไวๆ..คร๊าบ :)
WE ARE THE 99%
ถ้ายอมก็ส่งผลให้ เครื่อง Mac ต่างๆ ขายไม่ได้เพราะว่าแพง
เนื่องมาจากตัวเครื่องมันได้รวมต้นทุนจาก OS มาบ้างแล้ว
จะแน่ใจเหรอครับว่าจะ ราบรื่นไม่มีปัญหาความเข้ากันได้ของอุปกรณ์
ของแบบนี้ทำให้ Windows ดูเก่งกว่าเลย :D
ผมคิดว่าอันนี้เป็นประเด็นที่คนใช้แมคชูประเด็นเกินจริงอยู่บ่อยๆ ครับ คือถ้าพิจารณาทั้ง stack ของระบบ แมคมันไม่ได้ดีขนาดแทนวินโดวส์ได้ (ถ้าแทนได้คงแทนไปนานแล้ว ตัวเลขการตลาดมันก็ฟ้องชัดเจน)
จะแทนที่ windows ได้รึเปล่า มันก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้ แล้วก็สิ่งแวดล้อมแหละครับ
โดยส่วนตัว หลังใช้ WinXP มานานมากๆ พอไปเล่น MAC OS X แล้วก้อยากจะย้ายค่าย ด้วย UI ซะมาก
แต่พอ Windows 7 ออกมา เวิคมากเลยนะครับ แทบจะไม่อยากใช้ MAC แล้ว เพราะอะไรๆ ก็สู้กันได้หมด
ผมยังจำได้ ตอนที่ไม่ค่อยรู้จัก MAC เท่าไร เคยถามเจ้าของร้านคอมแถวบ้าน เขาบอกว่า MAC มันล้ำวินโดว์ไปนานแล้ว เขาบอก Apple จะ 128Bit ตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว... พอมาได้ศึกษาจริงๆ มันไม่ได้ข้ามกันไปไกลเลย... 64Bit ของ MAC ก็เหมือน Windows ที่ยังไม่มี Apps มา Support ครบซะด้วยซ้ำไป หนำซ้ำ ยังเป็น CPU ตัวเดียวกันอีก ผมตาสว่างเลย อยากจะด่าไอเจ้าของร้านนั่นจริงๆ
แต่ด้วยการใช้งานแหละครับผม ส่วนตัวต้องทำพรีเซนงานอยู่บ่อยครั้ง แล้ว Presentation เนี่ยมันมีส่วนให้ขายงานได้ง่ายขึ้นมากๆเลยนะ ดังนั้น iWork จึงเป็นตัวเลือกที่ทำให้ผมจะย้ายไป MAC ครับ แต่แน่นอนว่า ก็ยังทิ้ง PC ไม่ได้อยู่ดี ในเมื่อต้องติดต่อกับคนส่วนมากที่ใช้ PC
ปล. แค่ความเห็นส่วนบุคคลนะครับ
ข้อ 5 ต๊องอะ - -"
ปล. ข่าวยาวมาก
ตอนแรกผมกะเน้นแค่ประเด้นหัวข่าวคือ "ไมโครซอฟท์แพ้แล้วในตลาดผู้ใช้ตามบ้าน" แต่ไปๆ มาๆ ตรงที่เขาวิเคราะห์ก็น่าสนใจเหมือนกัน ก็เลยเขียนเป็นข่าวเดียวกันไปเลยครับ
หลายอย่างที่ผมชอบใน Microsoft และหลายอย่างที่ผมคลั่งใน Apple
Microsoft สามารถแก้ตัวได้ หากพนักงานพัฒนาไปในทางเดียวกัน ปัญหามันอยู่ที่พนักงาน ไม่ใช่ บริษัท (ขนาด Windows Live Messenger ยังทะเลาะกับ Windows ยังมีเลย)
"Microsoft ล้มเหลวด้านจินตนาการสร้างสรรค์"
เห็นด้วยอย่างแรง.. โดยเฉพาะในส่วนของ UI
เห็นด้วยครับ มุมมองผม ผู้นำ OS อย่าง microsoft น่าจะเปิดตลาด 64 bit ให้กว้างกว่านี้ได้แล้ว อยู่ใน 32 บิตนานเกินไปจนเค้าตามกันทันหมด ตอนนี้หลังเริ่มชนฝาเข้าไป ทุกทีๆ
Microsoft เปิดตลาด 64bit แบบกว้างๆนานแล้วครับ(ตั้งแต่ Vista) ปัญหาคือผู้ใช้ไม่ยอมใช้ต่างหาก ทำให้เหล่า dev ไม่อยากทำ หรือบางทีเทำแล้วก็จะขาดความสามารถที่มีใน 32bit ไปเพราะโปรแกรมคู่ขนานไม่พัฒนาตาม เช่น Firefox+Flash Player/Adobe+Filterเสริมบางตัว(แต่ไม่ใช่ว่า Adobe ไม่ทำ 64bit นะ ทำและได้ผลตอบรับดีด้วย) อีกอย่างไม่จำเป็นว่าโปรแกรมทุกตัวจะต้องเป็น 64bit หมดนี่ครับ พวกโปรแกรมที่ไม่ต้องการ memory register ขนาดใหญ่ๆ เปลี่ยนไปใช้ 64bit ก็อาจจะช้าลงด้วยซ้ำเพราะ memory overhead ใหญ่ขึ้นรวมถึงขนาดไฟล์ที่จะใหญ่ขึ้นด้วย
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
สาเหตุที่คนไม่ใช่ 64bit บนวิสต้า
เพราะคนไม่ใช้วิสต้าตั้งแต่แรกแล้ว
ผมว่า MS ไม่จริงจังด้วยหน่ะ
เห็นเคยประกาศมาตั้งแต่สมัย Vista ละว่าจะ Dev x86 เป็นรุ่นสุดท้าย
จนตอนนี้ 7 แล้วก็ยังเป็น x86 รุ่นสุดท้ายอยู่เหมือนกัน
ผมว่า ถ้าคู่ค้ายังไม่ยอมไป 64 บิท ไมโครซอฟท์ก็คงไม่มีทางเลือกมากนักนะครับ
งานนี้ ต้องมานั่งโต๊ะกลม พูดคุยเจรจากันให้รู้เรื่องไป (ถ้าทำได้)
Windows 8 ก็ว่าจะทำแต่เวอร์ชั่น x64(แต่มี WOW นะ) ยังไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่าเลย ในเมื่อลูกค้าส่วนใหญ่ยังเลือกที่จะลง x86 อยู่ดี
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมว่ามันผิดที่คนทำ driver กับโปรแกรมมากกว่าครับ โดยเฉพาะเรื่อง driver ที่คนส่วนมากจะอ้างว่าไม่ลง ๖๔ เพราะไม่มี driver และถ้า M$ ไม่ยอมออก ๓๒ มาก็เหมือนกับฆ่าตัวตายทันที
อืม สถานการณ์คงเปลี่ยนไป สมัย win 3.11 16 bit ย้ายมาเป็น 95 32 bit ก็ทำสำเร็จมาได้แล้วได้รับการตอบรับที่ดีด้วย ประเด็นน่าสนใจก็คือทำไมคู่ค้าถึงไม่ยอมก้าวข้าม 32 บิตเสียที ส่วนเรื่องที่ว่า software 64 bit มันช้ากว่า 32 bit นี่ผมไม่เห็นด้วยครับ ผมว่ามันเร็วกว่า 32 คนละเรื่องเลย วิสต้าเองที่อืดๆ ส่วนหนึ่งผมก็มองไปที่ขีดจำกัดของ 32 bit ด้วยแหละมันคงเร็วไปกว่านี้กันไม่ได้แล้ว ถ้าย้ายมา 64 bit อะไรๆจะเร็วขึ้นเยอะครับ
กรณีนี้ผมบอกชัดเจนแล้วนะครับ 'พวกโปรแกรมที่ไม่ต้องการ memory register ขนาดใหญ่ๆ เปลี่ยนไปใช้ 64bit ก็อาจจะช้าลงด้วยซ้ำเพราะ memory overhead ใหญ่ขึ้นรวมถึงขนาดไฟล์ที่จะใหญ่ขึ้นด้วย'
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมว่าไม่ถึงกับช้าลงนะ แต่น่าจะกิน memory เยอะขึ้น 2 เท่า
โดยที่อาจจะไม่จำเป็น - -"
Vista มีทั้งคนใช้และไม่ใช้ครับ ตัว SP1 ที่ขายคู่ OEM ผมว่าเป็นส่วนน้อยนะที่จะลบทิ้งแล้วไปลง XP(คิดเฉพาะตลาดถูกกฎหมาย ไม่คิด XP เถื่อน)
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
XP 64 ก็มี ปัญหาใหญ่ของ x64 หลายปีก่อนคือ หา driver ยากมาก แต่เดี๋ยวนี้สบายแล้ว
iPAtS
Vaio ผมมันก็มีแต่ 32 bit เท่าเดิม
น่าจะยกโซนี่ไวโอ้ไว้เป็นกรณียกเว้นนะครับ :P
VAIO เรา Driver 64-bit ครบเครื่องนะ ^^
แต่ช่วยหารุ่นนั้นแล้วไม่เจอจริงๆ จะว่าไปมันมี Driver 7 ได้ก็สุดๆ แล้วอ่ะ เก่าปานนั้น
ผมกลับชอบ UI ของ 7 มากกว่า OSX แฮะ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมมองว่ามันล้มเหลวตั้งแต่ Loghorn (Vista) แล้วหน่ะ
ตัว Concept Video Longhorn นำเสนอได้น่าตื่นตาตื่นใจมาก
แต่พอมาเป็น Vista ตัวจริงๆ กลับต่างกับ Concept Video สิ้นเชิง
(ใช้แล้วได้อารมณ์ WinXP จับสวม Theme Aero ชัดๆ)
ปล.แต่ตัว 7 ก็ไม่ได้ต่างกับ Vista มากนักนอกจากปรับหลายๆอย่างให้เข้าที่ทางที่ควรจะเป็น
ยกเว้น Taskbar นี่หล่ะครับที่ยกเครื่องใหม่ทำงานดีใช้ได้เลย
(อันนี้พูดในแง่ UI ล้วนๆนะ Performance ไม่เกี่ยว...)
ปล2.ในมุมมองผมๆก็ว่า UI7 ใช้ง่าย(ในแง่ของความสะดวก)กว่า OSX นะครับ
รู้สึกเหมือนเคยอ่านที่ไหนสักแห่งว่าที่ Aero นั้นไม่ได้ตาม Concept Longhorn เป็นเพราะ Intel ล็อกสเปคไว้ เพราะชิพ GMA ของตัวเองไม่รองรับความสามารถระดับนั้น ไว้หาลิงค์เจอเดี๋ยวมาแปะอีกทีดีกว่า
ตื่นตาตื่นใจ กับ ใช้งานได้ดี
ผมเลือกอย่างหลังครับ
ผมอยากให้ microsoft แก้ตรง ui เหมือนกัน น่าจะแบ่ง basic mode กับ advance mode ออกจากกัน เข้าใจว่า ui ของ vista และ windows 7 เน้น user-friendly คือดูง่าย แต่ใช้จริงกลับไม่ง่าย ออกอาการ งมหา กันพักใหญ่ ยิ่งงานทาง technical ด้วยและอ๊วกเลยครับ เพราะปรับตัวใช้กันไม่ทัน
แต่ถ้าเอาปัจจุบัน ผมว่า windows 7 น่าจะเสถียรมาก
โดยเฉพาะถ้าเทียบกับ OSX ที่ค้างได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก
แต่ถ้าเทียบในระดับ mobile แล้ว microsft ต้องทำงานหนักทีเดียว
เพราะ apple และ android เข้าที่เข้าทางมากขึ้นเรื่อย
(แต่ iphone/ipod เองผมเริ่มเบื่อ ui มีนซะแล้วซิ)
ผมว่า kernel panic ของ OSX ส่วนใหญ่มาจาก driver ของอุปกรณ์ต่างๆที่เริ่มหลากหลายขึ้น โดยเฉพาะการ์ดจอที่ Apple ไม่ได้ให้ผู้ผลิต(NVIDIA/AMD) ที่ know their hardware เข้ามาทำ driver ให้ ส่วนตัว core ของ OSX นั้นผมว่าดีมากครับ หากยอมให้ผู้ผลิตเข้ามาช่วยเหลือตรงนี้ก็น่าจะเป็นผลดีต่อ Apple แต่จะยอมหรือปล่าว
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
เหมือนกันล่ะครับผมว่า BSOD เกือบ ๑๐๐% ก็เกิดจาก driver นี่แหละ ซึ่งก็มาจากอุปกรณ์ที่ต้องรองรับจำนวนมหาศาลเช่นกัน แล้วผมว่ามันผิดที่คนเขียน driver มากกว่าจะโทษ core ของ Windows หรือ OS X ครับ โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าตอนนี้ core ของทั้งสองมีความเสถียรที่ทัดเทียมกันแล้วด้วยซ้ำ (เพิ่งได้ลองเล่น Mac 9 มาก็รู้เลยว่าสมัยนั้นความเสถียรคนละระดับกันแน่ๆ)
ใช้ windows7 และ osx snow leopard อยู่
ทั้งสองเครื่อง ลงใหม่ช่วงใกล้ๆกัน
ถ้าความเสถียรน่าจะพอๆกัน เครื่องโดยรวมทำงานได้ดีไม่มีปัญหา ยังไม่เคยแฮงค์ดับ
(ยกเว้นทั้งซาฟารีบนแมค และไออีบนวินโดวส์ ที่นานๆทีจะปิดตัวเองไปเฉยเลย)
เรื่อง ui mac ก็เดิมๆ คือดีเหมือนเดิม
ส่วน windows 7 นั้น คิดว่าทำได้ดีเกินคาด ใช้แล้วรู้สึกชอบนะ
แต่ตะหงิดไอตรง taskbar ข้างล่าง มันเหมือนแมคจนเกินบังเอิญ
ผมว่า taskbar มันก็คงตั้งใจเลียนแบบแหละครับ เล่นซะใหญ่เป้งเป็น default เลย แถมเปิดโปรแกรมแล้วแสดงผลตรงนั้นเลยมีอะไรแสดงไว้นิดๆ ว่าเปิดแล้วนะ ไปๆ มาๆ ใช้งานจริงเหมือนประโยชน์เยอะกว่าเลยแฮะ แต่ผมว่าบางกรณีก็สะดวกน้อยกว่าเช่นกัน มีได้มีเสีย
เหตุผลที่เหมือนกันแท้ๆ แต่ผลตอบรับออกมาคนละเรื่องเลยสำหรับ Microsoft กับ Apple
I need healing.
+1 ให้รางวัล editor's choice
เข้าใจว่าฝั่ง Kernel Panic เขาผลิตคอมพิวเตอร์โดยการเลือกชิ้นส่วนเอง เหตุใดมันจึงยังไม่เข้ากัน เทียบกับฝั่ง BLSOD ที่ Hardware ร้อยพ่อพันแม่
จากเสียงของคนที่ BLSOD สัปดาห์ละห้าครั้ง..
BSOD สัปดาห์ละห้าครั้งต้องตรวจดูแล้วหล่ะครับว่ามีอะไรผิดปกติรึเปล่า
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ubuntu จะเป็นพระเอกของ Linux ไปอีกนานเท่าไรน้าา..
cannocial กำลังทำให้ ubuntu เพี้ยนไป..เศร้า
WE ARE THE 99%
เหมือนหาเรื่องด่ากันมากกว่าแฮะ
เขาเทียบกับอะไรหรอคับ
ถ้าเทียบแค่ใน US น่ะไม่แน่คับแต่ถ้าเป็น worldwide อ่ะผมว่าใน1-3ปีนี้ยังไม่ใช้แน่นอน
ผมว่าเขามองที่ตลาดในสหรัฐฯ ก่อนครับ เพราะจากสหรัฐฯ แล้วมันก็จะขยายและส่งผลไปยังตลาดทั่วโลกอยู่ดี
ยกเว้นกรณี Xbox 360 เหอๆ
@TonsTweetings
ต้องรอดูว่าwindows mobile 7 จะออกมาเป็นฮีโร่ หรือ ลูกกระจ๊อก
ฮีโร่เป็น Android ไปแล้วครับ อิอิ
ส่วนตัวผมคิดว่า netbook จะไม่แพร่หลาย อาจจะตายซะด้วย สิ่งที่มาแทนคือ tablet ส่วนตัวไม่เชื่อใน notebook ขนาดย่อส่วนนี่เลยครับ
Tablet จริงๆ ใช้ยากในบางกรณีครับ
อาจจะพบกันครึ่งทางคือ netbook เล็กๆ และจอ Touch ก็ OK แล้วหล่ะ
I need healing.
+1 ครับ
ผมกลับมองว่าตลาดเน็ทบุค น่าจะยังไปได้สวย ในอีก 1-2 ปีนี้ึครับ
ลองไปดูตามร้านเช่าต่างๆ ที่คนขายมักจะมี notebook ไว้เล่น internet/game
ผมเห็นมันกลายเป็น netbook เยอะมากๆครับ
สิ่งที่จะมาแทน netbook ได้ ผมมองว่า
1. โทรศัพท์ที่เล่น internet ได้สมบูรณ์แบบ และมีราคาไม่แพง
2. tablet ที่มี concept เหนือกว่า tablet ในท้องตลาดปัจจุบัน (ต้องรอดูว่า tablet ของ apple จะเปลี่ยนโลกได้เหมือนตอน iphone หรือไม่)
(data center) เป็นของตนเอง และเน็ตบุ๊ก มีจะ อัตราการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างมาก
เหมือจะสลับกันยังไงไม่รู้
(data center) เป็นของตนเอง และเน็ตบุ๊ก จะมี อัตราการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างมาก
ตาดีมากครับ แก้แล้วครับ ขอบคุณครับ :D
ให้แข่งขันกันเยอะ ๆ ดีแล้วครับ พลัดกันแพ่พลัดกันชนะบ้าง จะได้เกิดแรงบันดาลใจมากยิ่งขึ้น เพราะถ้าวันหนึ่งวันใดไม่มีแรงบันดาลใจอะไรเลย จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อวันหนึ่ง ทุกแพลตฟอร์มยกเลิกการพัฒนาปิดตัวลงพร้อม ๆ กัน เราเองเป็นผู้บริโภคจะทำอย่างไร (นึกแล้วเศร้า)
มันติดปัญหาอย่างไหรหรือครับ เป็นกับ 32bit หรือ 64bit แล้ว win7 ใช้รุ่นไหนครับ
เห็นทาง adobe ประกาศว่ามันสนับสนุนกันเล่นด้วยกันได้แล้ว จาก adobe
จากที่ลองใช้มาผมยังไม่เกิดปัญหาอะไรเลยครับ (มีนิดหนึ่ง mask แล้วใช้ยางลบลบรูปไม่ได้)
ของผมภาพมันกระพิบเวลาเลื่อนภาพตอนซ่อนทูลบาร์+แสดงแบบซ่อนอะไรที่มันเกะกะ (จะเรียกยังไงดีกว่า -*-) เปลี่ยนการ์ดจอแล้วยังไม่หายเลย
ส่วนเป็นมาฝั่งแมคไม่เป็นอะ เซ็งโคตร - -"
เอาเข้าแล้วสิ
ผมไม่เชื่อว่าโทรศัพท์มือถือจะครองตลาดนะครับ จอโทรศัพท์มันเล็กเกินไปสำหรับการอ่านนะ ส่วน netbook ผมมองว่าไม่น่าจะมีอนาคตเท่าไหร่นะ สถานการณืที่ต้องใช้อุปกรณืขนาดเล็กคงไม่อยากพิมพ์อะไรมาก ใช้ input method อื่นน่าจะดีกว่า ดังนั้น tablet น่าจะถูกใจคนทั่วไปมากกว่า
จริงๆมันน่าจะอยู่คนละตลาดกันรึเปล่าหว่า ผมก็อยากพกทุกแบบอะครับใช้ในคนละกรณี แต่ tablet ยังไม่ค่อยมีเหตุผลให้ใช้
ปล.แบบในหนังที่เป็นนาฬิกาใส่แล้วฉายภาพ 3 มิติมาจิ้มๆได้น่าจะครองตลาดนะ (เมื่อหรือไม่รู้ จะมีรึเปล่าก็ไม่รู้)
ผมพูดถึงประเด็น Phone vs. PC แล้วก็บวกกับ Netbook (ในฐานะตัวแทน PC) จะโตน่ะครับ
โดยส่วนตัวผมว่า phone (ในฐานะตัวแทนอุปกรณ์พกพาขนาดเล็ก) เหมาะสำหรับการสื่อสารสั้นๆ
ส่วน netbook ว่าตรงๆ คือถ้าไม่ต้องพิมพ์เยอะก็ไม่รู้จะมี keyboard ไปทำไม แต่ถ้าต้องพิมพ์เยอะ keyboard ขนาดเท่า netbook ก็ไม่ค่อยมีประโยชน์อีก ผมนิยาม netbook ด้วยขนาดหน้าจอไม่เกิน 10 นิ้วนะครับ ใหญ่กว่านั้นมันก็มาชน notebook แล้ว ... สรุป ผมมองว่า netbook มันจะเป็นอะไรที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เป็นผลผลิตของข้อจำกัดทางเทคโนโลยี ประเภทเดียวกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคแรก
อ่านล่ะรู้สึกหลายๆอย่างว่า .. อะไรคือ แรงจูงใจให้เกิดวิสัยทัศน์แบบนี้ หรือ แค่ต้องการทำตัวเองให้ดูน่าเชื่อถือ แบบที่ bill gate เคยทำเหมือนหลายสิบปีก่อน ?
หลายๆหัวข้อ อ่านแล้วรู้สึก อืมมม .... ณ.วินาทีนี้มันยังไม่เห็นแม้แต่แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้เลย หลายๆข้อดูเหมือนจะพูดเพื่อเหยียบ microsoft อย่างเดียวเลย
อีกส่วนคือ ... คำว่า game over ที่เขาใ้ช้เนี่ย ทำไมผมไม่รู้สึกว่าเขาต้องการสื่อว่า "ผู้แพ้" เลยอ่ะ มันน่าจะเหมือนแบบ ... "หมดเวลาแล้ว" มากกว่า
it is game over for Microsoft in consumer
<< มันหมดเวลาแล้วสำหรับ microsoft ในการเป็นสินค้าเบอร์ 1 สำหรับผู้บริโภค
เพราะ ตามปกติถ้าฝรั่งเขาจะสื่อว่าผู้แพ้ ผมว่าเขาใช้คำว่า loser ตรงๆๆเลยมากกว่า
เท่าที่ผมเข้าใจ สมมติเล่นเกมแล้วขึ้นว่า "game over" ก็หมายถึง ผู้เล่นแพ้แล้วนะครับ (เช่น ฐานที่มั่นถูกยึด หรือถูกสังหาร) ... หรือผมเล่นเกมน้อยไปหรือเปล่าหว่า เลยไม่รู้ความหมายอื่นของคำว่า "game over"
หมดเวลาแล้วก็คือแพ้แล้วนั่นแหละครับ และฝรั่งไม่เจาะจงใช้คำว่า lose ในกรณีนี้นะครับ(คำว่า lose บางทีเป็นคำไม่สุภาพด้วยซ้ำ) ส่วนมากจะใช้ It's over. แทน ซึ่ง It's over โดยทั่วไปจะหมายถึง จบแล้ว, แพ้แล้ว, ไม่มีทางเป็นไปได้แล้วครับ
ส่วนคำว่า lose จะใช้คู่กับคำว่า win หรือในกรณีที่เสียอะไรไปมากกว่าจะใช้ในกรณีนี้ครับ เช่น Microsoft lose the game. ถึงจะแปลว่า Microsoft แพ้ในเกมนี้แล้ว แต่จริงๆจะหมายถึง Microsoft เสียเกมนี้ไปแล้ว
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ก็รับฟังไว้ก็พอครับ
มันคือความเห็นคนๆนึงนิ ใครก็มีสิทธิ์คิดใช่มั้ยครับ
บางทีอาจจะเป็น Zealot ค่ายใดหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เอนเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งแน่ๆ
ผมว่าคนที่วิจารณ์ ก็แค่เกลียด Windows Microsoft รึเปล่าครับ เพราะถ้านับ long tail แล้วยังไง เกือบๆทุกอย่างก็คงจะต้องพึ่ง Windows ต่อไป ถ้าจะเป็นแบบนั้นจริง มูลนิธิบิล เกต คงเสร็จทันกู้สถานการณ์เปิด code ออกมาให้ได้ร่วมแก้ไข
สุดท้ายคนใช้ Mac ก็ลง windows คนใช้ Chrome OS ก็สร้าง Database เองไม่ได้
แล้วที่กล่าวมา อุตสาหกรรม Server อีก มันเว่อไปครับบทวิจารณ์นี้ ไม่ใช่ปีหน้าแน่นอน
ประเทศอื่นไม่รู้ แต่ประเทศไทยคิดว่าเกมอย่างเดียวก็ไปกี่ % แล้วหว่า?
ทุกวันนี้ถึงผมจะใช้วินโดวส์ถูกลิขสิทธิ์+ฟรีแวร์หรือโอเพ่นซอร์ส แต่เมื่อก่อนผมก็เคยใช้ของเถื่อน และทุกวันนี้ก็ยังมักง่ายในชีวิตประจำวันอีกหลายอย่าง ที่ใช้ของเถื่อน เพลงผีหนังผี ผมยังใช้อยู่และพยายามลดลงเรื่อยๆ ผมคิดว่าผมไม่มีสิทธิ์ไปด่าเขานะ เพราะคำด่านั่นมันคงเข้าตัวผมเองซักวัน อยากถามว่าคุณไม่เคยละเมิดเลยหรือ? หรือคุณคิดว่าคุณชดใช้กรรมที่คุณทำไว้หมดแล้ว? ถ้าเป็นแบบนั้นก็ด่าไปเถอะครับ ผมก็ไม่ได้ชอบพฤติกรรมบางอย่างของ MS นักหรอก
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ออกตัวก่อนนะครับว่าผมไม่ใช่สาวกไมโครซอฟท์
แต่..........
เค้าทำเวรกรรมอะไรไว้เหรอครับถึงต้องไปสมน้ำหน้าเค้า เค้าทำอะไรให้เจ็บช้ำน้ำใจรึป่าว
คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก นู่น ถ้าเค้าไปยึดสนามบินนู่นค่อยไปด่าเค้า
ใครบางคนเคยบอกไว้ว่า linux จะมาหั่นตลาด windows ... ตอนแรกผมไม่เชื่อ ตอนนี้ชักจะเชื่อแล้ว... (อย่างน้อยก็ในตลาดมือถือล่ะนะ)
อ่านแล้ว ก้อต้องลด credit นาย CEO ลงละ เอียงไป
ตามบ้าน ไม่ focus game แล้ว Focus อะไร ?)
W7 เปิดตัว 1 เดือน ยอดขายมาก MacOS ทุก version
+10