We Are Social และ Meltwater ออกรายงานข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกประจำปี 2024 ซึ่งมีรายงานแยกสำหรับข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ตประเทศไทยโดยเฉพาะ Digital 2024: Thailand เหมือนเช่นเคย ซึ่งรายงานนี้ช่วยสะท้อนภาพรวมและพฤติกรรมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย
รายงานมีทั้งหมด 132 หน้า โดยมีส่วนสรุปที่เป็นไฮไลท์หลายอย่างดังนี้
ประชากรอินเทอร์เน็ตไทยมี 63.21 ล้านคน คิดเป็น 88.0% ของประชากรทั้งประเทศ (71.85 ล้านคน) ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้น 0.1% จากข้อมูลในปี 2023 มีการใช้งานโซเชียลมีเดีย 49.10 ล้านคน (68.3% ของประชากรทั้งหมด) และมีการใช้โทรศัพท์มือถือ 97.81 ล้านเลขหมาย คิดเป็น 136.1% ของจำนวนประชากร
Gartner คาดการณ์ยอดส่งมอบ AI PC และ GenAI สมาร์ทโฟนทั่วโลกในปี 2024 รวมทั้งหมดประมาณ 295 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจาก 29 ล้านเครื่องในปี 2023 โดยยอดจัดส่ง GenAI Smartphone จะอยู่ที่ประมาณ 240 ล้านเครื่อง ขณะที่ AI PC จะมียอดจัดส่งที่ 54.5 ล้านเครื่อง คิดเป็นสัดส่วน 22% ของ Smartphone ในระดับพื้นฐานและพรีเมียม และ 22% ของ PC ทั้งหมดในปีนี้
ศูนย์ประสานงานรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ด้านโทรคมนาคม (TTC-CERT) รายงานการวิเคราะห์มัลแวร์ Bookworm ซึ่งมุ่งเป้าโจมตีองค์กรในประเทศไทยโดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐมาเป็นเวลาเกือบทศวรรษ โดยผู้โจมตี (threat actor) ยังคงมีการปรับปรุงเทคนิคการโจมตีอย่างต่อเนื่อง
มัลแวร์ Bookworm ถูกค้นพบครั้งแรกในปี พ.ศ. 2558 โดยกลุ่มนักวิจัยจากบริษัท Palo Alto Networks ซึ่งระบุว่ามัลแวร์ดังกล่าวมีรูปแบบการทำงานที่ซับซ้อนในลักษณะของ modular architecture และถูกใช้เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ด้านการจารกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ (cyber espionage) โดยมีเป้าหมายเจาะจงประเทศไทยโดยเฉพาะ
We Are Social ดิจิทัลเอเจนซี่ ออกรายงานเพิ่มเติมต่อจาก Digital 2023 โดยรายงานนี้โฟกัสเฉพาะข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย Digital 2023: Thailand ซึ่งสะท้อนภาพรวมและรูปแบบพฤติกรรมการใช้งานในประเทศ
รายงานฉบับเต็มมี 125 หน้า ซึ่ง We Are Social เองก็ได้ทำสรุปประเด็นสำคัญที่น่าสนใจไว้ดังนี้
ประชากรอินเทอร์เน็ตของไทยมี 61.21 ล้านคน คิดเป็น 85.3% ของประชากรทั้งประเทศ (71.75 ล้านคน) เป็นข้อมูล ณ เดือนมกราคม 2023 เพิ่มขึ้น 0.2% จากตัวเลขในปี 2022
We Are Social ดิจิทัลเอเจนซี่ เผยแพร่รายงานประจำปี Digital 2023 รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก โซเชียลมีเดีย สื่อโฆษณาออนไลน์ ตลอดจนประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากการรวบรวมของ We Are Social เอง และผ่านพาร์ตเนอร์ต่าง ๆ
รายงานฉบับเต็มมี 465 หน้า และเป็นการนำเสนอภาพรวมทั่วโลก ซึ่ง We Are Social ได้สรุปประเด็นที่น่าสนใจมาบางส่วนดังนี้
Android One แรกเริ่มเดิมทีเป็นโครงการที่ Google หมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นโครงการ Nexus สำหรับสมาร์ทโฟนราคาถูก เพื่อเจาะตลาดที่สมาร์ทโฟนราคาถูกกำลังเติบโตอย่างอินเดีย
ในบทความที่แล้ว เราได้เห็นพัฒนาการของ Android One ตลอดระยะเวลา 6 ปีไปบ้างแล้ว ซึ่งก็สามารถพูดได้ว่า Android One เป็นหนึ่งในโครงการที่ไม่ประสบความสำเร็จมากนักของ Google
บทความนี้จะพาไปวิเคราะห์และสำรวจว่าทำไม Android One ถึงไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
รายงานประจำปี Digital 2020 โดย We Are Social ดิจิทัลเอเจนซี่ และ Hootsuite แพลตฟอร์มจัดการโซเชียลมีเดีย ได้เผยแพร่มาประมาณหนึ่งเดือนแล้ว โดยมีประเด็นน่าสนใจเกี่ยวกับแนวโน้มของอินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย การใช้มือถือ ตลอดจนทิศทางอีคอมเมิร์ซ
ในภาพรวมของโลกนั้น มีคนใช้อินเทอร์เน็ตแล้ว 4.54 พันล้านคน เพิ่มขึ้น 7% จากปี 2019 และมีการใช้งานโซเชียลมีเดีย 3.80 พันล้านคน
ฟิลิปปินส์ยังครองแชมป์ใช้งานอินเทอร์เน็ตต่อวันนานที่สุดในโลก ปีนี้อยู่ที่ 9 ชั่วโมง 45 นาที ส่วนไทยอยู่ที่ 9 ชั่วโมง 1 นาที (ค่าเฉลี่ยโลก 6 ชั่วโมง 43 นาที)
เว็บ Above Avalon ซึ่งเน้นวิเคราะห์แอปเปิลในมุมมองธุรกิจ ออกรายงานเกี่ยวกับกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์สวมใส่ (Wearables) ของแอปเปิล ซึ่งประกอบด้วย Apple Watch ที่เป็นสินค้าทำเงินหลัก ตลอดจนหูฟัง AirPods และ Beats โดยเมื่อพิจารณาจากผลประกอบการไตรมาสล่าสุด มีประเด็นน่าสนใจดังนี้
Netflix เดินกลยุทธ์เพิ่มคอนเทนต์ผลิตเองเพื่อฉายลงแพลตฟอร์ม หรือออริจินัลคอนเทนต์มานานหลายปีแล้ว แต่ตอนนี้ก็มาถึงจุดที่ Netflix น่าจะหวังไว้เสียที นั่นคือการมีจำนวนออริจินัลคอนเทนต์ให้คนดูเลือกมากกว่าคอนเทนต์ที่ต้องซื้อลิขสิทธิ์แล้ว โดยข้อมูลจากบริษัทวิจัย Ampere Analysis พบว่าคอนเทนต์ที่มีให้เลือกใน Netflix อเมริกา มีจำนวนคอนเทนต์ออริจินัล (จ้างผลิตเอง) 51% ในสิ้นปี 2018 เพิ่มขึ้นจากเมื่อปี 2016 ซึ่งมีอยู่ 25%
ย้อนกลับไปเมื่อตอนแอปเปิลเปิดตัว iPhone X ข้อวิจารณ์หนึ่งที่มีค่อนข้างมากก็คือราคาที่แพง โดยเฉพาะในมุมฝั่งอเมริกาที่ราคาขึ้นไปถึงเป็นเลขสี่หลัก คือเกือบหนึ่งพันดอลลาร์ ส่วนในไทยราคาก็ทะลุ 4 หมื่นบาท
อย่างไรก็ตามผลประกอบการของแอปเปิลที่ออกมา สะท้อนว่า iPhone X น่าจะเป็นสมาร์ทโฟนที่ขายดีมากของแอปเปิล ทั้งจากคำพูดของซีอีโอ Tim Cook เอง ไปจนถึงตัวเลขในผลประกอบการ ที่จำนวนเครื่องขายเพิ่มได้ไม่มาก แต่ยอดขายเฉลี่ยต่อเครื่องเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งก็ย่อมมาจาก iPhone X นั่นเอง
Nomura บริษัทด้านการเงินจากญี่ปุ่น ออกรายงานวิจัยตลาดเกี่ยวกับ iPhone SE โดยระบุว่าแม้จะทำยอดขายได้มาก แต่ในตลาดประเทศที่พัฒนาแล้ว iPhone SE อาจจะแข่งขันและกินตลาดของ iPhone 6s ไป
Jeffery Kvaal นักวิเคราะห์ของบริษัทระบุว่า iPhone SE แม้จะประสบความสำเร็จในตลาดซึ่งสมาร์ทโฟนยังมีโอกาสโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ใช้รายใหม่ในประเทศจีน แต่ในตลาดประเทศพัฒนาแล้ว iPhone SE จะเข้าแย่งลูกค้าของ iPhone 6s โดยในรายงานระบุว่า Apple อาจเลือกใช้แนวทางที่อนุรักษ์นิยม (conservative view) สำหรับการผลิต iPhone รุ่นใหม่ เพื่อให้สินค้าคงคลังเหลือน้อยลงกว่าเดิม
ทั้งนี้ Nomura ระบุว่ายอดขาย iPhone SE ประมาณกึ่งหนึ่งมาจากยอดขายในสหรัฐฯ และจีน โดยคาดการณ์ว่าอาจขายได้มากกว่า 30 ล้านเครื่องภายในปีแรก
ไมโครซอฟท์ออกซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูล Power BI มาตั้งแต่ปี 2014 และในงาน Build 2016 มันก็ก้าวไปอีกขั้น โดยไมโครซอฟท์เปิดให้นักพัฒนาแอพสามารถ "ฝัง" บริการวิเคราะห์ข้อมูลของ Power BI ลงในแอพของตัวเองได้ โดยไม่ต้องมาเขียนโค้ดส่วนการควบคุมและ visualization เอง
บริการตัวนี้เรียกว่า Power BI Embedded ถือเป็นบริการตัวหนึ่งในชุด Azure โดยผู้สร้างรายงานไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดเป็น แต่สามารถใช้โปรแกรม Power BI Desktop รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ก่อน แล้วนำมาฝังผ่านแอพได้เลย
ค่าใช้งานของ Power BI Embedded คิดตามการใช้งานเหมือน Azure โดยนับตามจำนวนการเรนเดอร์ คิดราคา 2.5 ดอลลาร์ต่อการเรนเดอร์ 1 พันครั้ง โดยมีโควต้าให้ใช้ฟรี 1 พันเรนเดอร์ต่อเดือน ตอนนี้ยังเปิดให้ทดสอบฟรีทุกกรณีจนถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2016
หลังจากไมโครซอฟท์ซื้อบริษัท Revolution Analytics บริษัทชั้นนำที่พัฒนาซอฟต์แวร์และบริการเชิงพาณิชย์ซึ่งอิงภาษา R เมื่อปีที่แล้ว ล่าสุดไมโครซอฟท์ได้เปิดตัว Microsoft R Server (ชื่อเดิม Revolution R Enterprise for Hadoop, Linux and Teradata) โดยจะทำงานร่วมกับ SQL Server R Services ที่มากับ SQL Server 2016
Microsoft R Server เป็นเวอร์ชันเสียเงิน หากนักพัฒนาต้องการทดสอบสามารถดาวน์โหลด Microsoft R Server Developer Edition ได้ฟรี แต่หากสังกัดสถาบันการศึกษาที่สมัครโครงการ DreamSpark สามารถดาวน์โหลด Microsoft R Server ได้ฟรี
นอกจากนั้น บริษัทยังเปิดตัวรุ่นฟรีในชื่อ Microsoft R Open (ชื่อเดิม Revolution R Open) ด้วย
ผู้ใช้สามารถติดตามเทรนด์ได้แบบนาทีต่อนาทีจากข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้แล้ว เช่น การติดตามการประกาศผลออสการ์ หรือการแข่งเอ็นบีเอรอบชิงชนะเลิศ เพื่อติดตามเรื่องที่ผู้คนสนใจค้นหาระหว่างเหตุการณ์
Google Trends สามารถดึงข้อมูลมาจาก YouTube และ Google News มาประมวลร่วมกันเป็นข้อมูลให้กับผู้ใช้ และผู้ใช้ยังสามารถใส่คำค้นหาเพิ่มเติมจากคำค้นหาหลัก เพื่อทำให้การติดตามเทรนด์มีวงที่แคบลง
App Annie แหล่งข้อมูลแอพบนอุปกรณ์พกพา ประกาศเพิ่มการรองรับการแสดงผลทางสถิติของแอพบน Windows Phone Store และ Windows Store อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งเป็นผลดีต่อนักพัฒนาสาย Windows/Windows Phone ที่จะสามารถรู้สถิติของการดาวน์โหลดแอพ และสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อผลทางการโปรโมตและการประเมินยอดดาวน์โหลดของแอพต่าง ๆ
นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับนักพัฒนาที่จะสามารถดูสถิติเพื่อวิเคราะห์ยอดดาวน์โหลดได้ง่ายยิ่งขึ้นครับ
ทีมงาน Blognone เพิ่งได้ไปสัมภาษณ์ทีม Puun (พูน) สตาร์ทอัพไทยที่เพิ่งออกจากรั้วโครงการ True Incube ในฐานะทีมที่ฝ่ามาจนได้เป็นห้าทีมสุดท้ายของโครงการได้ด้วยการพัฒนาเครื่องมือสำหรับรายงานผลการดำเนินงานมาย่อยให้อยู่ในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่าย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ว่าจบออกมาแล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ
จุดเด่นของ Puun ที่เคยว่าไว้ในงาน True Incube คือการแปลงข้อมูลตัวเลขจำนวนมหาศาลในผลประกอบการให้กลายเป็นกราฟที่เข้าใจได้ง่าย มีระบบแจ้งเตือนงบการเงินคงเหลือ และราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับการจ้างนักบัญชีมาจัดการให้
IBM เปิดตัวแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับภาคธุรกิจ Watson Analytics ให้ใช้งานฟรี (มีโมเดลหาเงินแบบ freemium จากฟีเจอร์เพิ่มเติม) โดยองค์กรสามารถนำข้อมูลต่างๆ มาใส่ Watson เพื่อให้ช่วยวิเคราะห์และพยากรณ์ให้ได้
ตอนนี้ Watson Analytics ยังไม่เปิดให้ทดลองใช้งาน แต่ IBM คุยว่าการใช้ Watson Analytics ไม่จำเป็นต้องเตรียมข้อมูลให้พร้อมหรือมีทักษะการวิเคราะห์เหมือนกับซอฟต์แวร์วิเคราะห์อื่นๆ ในท้องตลาด มันถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายและรวดเร็ว แถมยังรองรับคำถามที่เป็นภาษาธรรมชาติ เช่น Which deals are most likely to close? หรือ What are the key drivers of my product sales? ได้เลย
ในเดือนที่แล้ว Twitter ได้เปิดตัวส่วนของการวิเคราะห์ทวีต ทำให้เราสามารถดูได้ว่าแต่ละทวีตของเรามีคนเห็นเท่าไหร่ มีคนคลิกลิงก์ในทวีตไปกี่ครั้ง เปรียบเทียบสถิติในแต่ละเดือนได้ คล้ายกับ Google Analytic แต่เปลี่ยนจากหน้าเว็บเป็นทวีตแทน โดยในช่วงแรกได้จำกัดให้ใช้เฉพาะ Verified Account กับผู้ที่ลงโฆษณากับ Twitter เท่านั้น
แต่ในวันนี้ Ian Chan วิศวกรของ Twitter ได้ออกมาประกาศผ่านทวีตว่าได้เปิดให้ผู้ใช้ทุกคนเข้าไปใช้บริการได้แล้ว
บริษัทวิเคราะห์ข้อมูล SoftWatch ได้ทำการศึกษาพฤติกรรมการใช้ Microsoft Office ของพนักงาน 148,500 คนในองค์กร 51 แห่ง พบว่าพนักงานถึง 7 ใน 10 คน ใช้งาน Office เพียงแค่เปิดเอกสารหรือแก้ไขเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งอาจมองได้ว่าเป็นการใช้ซอฟต์แวร์ไม่คุ้มค่าไลเซนส์ที่จ่ายไปนัก
ผลการศึกษายังพบว่าพนักงานส่วนใหญ่ใช้เวลาเพียง 48 นาทีรวมต่อวันกับโปรแกรมตระกูล Office และส่วนใหญ่ก็เป็นการใช้โปรแกรมอีเมล Outlook รองลงมาคือ Excel, Word และ PowerPoint ตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบว่าพนักงานถึง 29% ใช้ Word กับ Excel เพื่อเปิดอ่านเอกสารหรือไม่เคยใช้เลยด้วยซ้ำ และตัวเลขนี้สูงขึ้นถึง 70% เมื่อเป็น PowerPoint
ณ เวลานี้ แอปเปิลถือว่าเป็นบริษัทไอทีที่มีมูลค่าสูงสุดอยู่ หากใช้วิธีนับมูลค่าเป็นมูลค่าในตลาดหุ้น (market cap) เพราะว่าแอปเปิลมีเงินสดอยู่ในมือสูงถึง 145 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.5 ล้านล้านบาท แต่ Wall Street Journal บอกว่าตามหลัก "มูลค่าที่แท้จริง" (underlying value) แล้ว วันนี้กูเกิลเพิ่งมีมูลค่าสูงกว่าแอปเปิล โดยมูลค่าที่แท้จริงนี้ มาจากมูลค่าในตลาดหุ้น ลบกับเงินสดที่บริษัทถืออยู่ (market cap - cash)
เมื่อเปรียบเทียบมูลค่าที่แท้จริงนี้ตรง ๆ แล้ว กูเกิลมีมูลค่า 240.6 พันล้านดอลลาร์ ส่วนแอปเปิลมีมูลค่า 233.2 พันล้านดอลลาร์
Google รายงานผลการวิจัยที่อ้างว่าสามารถทำนายผลตอบรับของหนังที่กำลังจะฉาย โดยมีความแม่นยำของผลการทำนายสูงถึง 94%
Google อธิบายว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่มักหาข้อมูล, รูปภาพ, คลิปวิดีโอ รวมทั้งคำวิจารณ์เกี่ยวกับหนังใหม่ที่ตนเองสนใจจากเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต ดังนั้นจึงสามารถใช้ข้อมูลที่มีอยู่มากมายบนอินเทอร์เน็ตนี้มาวิเคราะห์ความน่าจะเป็นว่าหนังใหม่จะสามารถทำรายได้ในสัปดาห์แรกที่เปิดตัวได้มากเท่าไหร่ โดยสามารถเริ่มวิเคราะห์ได้ตั้งแต่ช่วง 1 เดือนก่อนหนังเริ่มฉายซึ่งมักจะมีวิดีโอตัวอย่างของหนังใหม่เผยแพร่ผ่านอินเทอร์เน็ต
ตั้งแต่โซนี่วางขาย Xperia Z ไปตั้งแต่เดือนมีนาคม ก็ยังไม่มีการเปิดเผยยอดขายออกมาแต่อย่างใด แต่ล่าสุดมีการวิเคราะห์ออกมาจากนักวิเคราะห์รายหนึ่งว่า Xperia Z น่าจะทำยอดขายได้ 4.6 ล้านเครื่องโดยใช้เวลาแค่ 40 วันแล้ว
ทั้งนี้เป็นผลพลอยได้จากการที่ HTC One เลื่อนการจำหน่ายในบางประเทศออกไป รวมกับเหตุผลที่ Samsung Galaxy S4 ยังไม่ได้วางจำหน่าย และ LG Optimus G Pro เพิ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ จึงทำให้ในกลุ่มจอ 5 นิ้ว Sony Xperia Z กลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดไปโดยปริยาย ถึงแม้จะมี HTC Butterfly ที่วางจำหน่ายมาก่อนหน้านี้ แต่เนื่องจากว่าเอชทีซีกลับวางจำหน่ายแค่ไม่กี่ประเทศ ก็เลยไม่ได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าหลักไป
กลับมาอีกครั้งกับข่าวว่าแอปเปิลจะหาทาง "คืนเงิน" ให้กับผู้ถือหุ้นทางใดทางหนึ่ง รอบนี้สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้รายงานผลสำรวจนักเคราะห์ตลาดจากสถาบันหลายแห่งว่าแอปเปิลจะจ่ายเงินคืนแก่ผู้ถือหุ้นอย่างไร โดยจากการคาดการณ์ เชื่อว่าแอปเปิลจะจ่ายเงินปันผลที่ 4.14 ดอลลาร์ต่อหุ้นในรอบไตรมาสที่จะถึงนี้ โดยจำนวนนี้สูงกว่า 86% ของบริษัทที่อยู่ใน S&P 500
หากการคาดการณ์นี้แม่นยำจริง แอปเปิลจะต้องจ่ายเงินปันผลรวมในรอบปีทั้งสิ้น 16 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4.7 แสนล้านบาท เกือบจะเรียกได้ว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ เลยทีเดียว
Strategy Analytics รายงานว่าแอปเปิลได้ขึ้นเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่อันดับหนึ่งในแง่จำนวนเครื่องเป็นครั้งแรก ในไตรมาส 4 ของปี ค.ศ. 2012 ด้วยส่วนแบ่งที่ 34 เปอร์เซนต์หรือจำนวนเครื่องประมาณการที่ 17.7 ล้านเครื่อง อันดับที่สองเป็นของซัมซุงด้วยส่วนแบ่ง 32.3 เปอร์เซนต์หรือประมาณ 16.8 ล้านเครื่อง ส่วนอันดับสามคือแอลจีที่ตามมาห่างๆด้วยส่วนแบ่ง 9 เปอร์เซนต์หรือประมาณ 4.7 ล้านเครื่อง
อย่างไรก็ตาม แม้ซัมซุงจะสูญเสียตำแหน่งแชมป์ในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา แต่ซัมซุงยังคงเป็นผู้ผลิตอันดับหนึ่งเมื่อพิจารณาแบบรวมทั้งปี ด้วยส่วนแบ่งที่ 31.8 เปอร์เซนต์ เทียบกับแอปเปิลที่ 26.2 เปอร์เซนต์และแอลจี 12.3 เปอร์เซนต์
Ming-Chi Kuo แห่ง KGI Securities ออกมาโต้ข่าวลือที่ว่าแอปเปิลลดการซื้อชิ้นส่วน iPhone 5 ลงครึ่งนึง เนื่องจากความต้องการน้อยกว่าที่คาดแล้ว ซ้ำยังบอกว่าผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของแอปเปิลจะดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้ด้วยซ้ำ
Kuo อ้างว่าเขาได้ประเมินยอดส่งผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลในช่วงไตรมาสสุดท้าย และพบว่าสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าอย่างมาก นับเฉพาะผลิตภัณฑ์หลักอย่าง iPhone น่าจะอยู่ราวๆ 52 ล้านเครื่อง มากกว่าไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) 93% และมากขึ้นไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) 41%