หลังจากออกข่าวแถลงการถึงแนวคิดการใช้ sniffer เพื่อแก้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์จนเป็นประเด็นสำคัญในอินเทอร์เน็ตอยู่พักใหญ่ นายสือ ล้ออุทัยก็ได้ออกมาให้ข่าวว่าคณะทำงานฯ ได้ฟังเสียงต้านที่เกิดขึ้นและเลิกใช้แนวคิดดังกล่าวไปแล้ว
โดยต่อจากนี้ การลดการละเมิดลิขสิทธิ์จะให้ผู้เดือดร้อนมาแจ้งเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูล็อกไฟล์และยื่นขอหมายศาลเพื่อดำเนินการต่อไป (พูดอีกอย่างคือจะทำตามกฏหมายปัจจุบัน)
รัฐบาลไทยมีปัญหาในเรื่องสิทธิมนุษยชนรุมเร้าค่อนข้างมากในช่วงหลัง รายงานของ Human Right Watch ที่เพิ่งออกมาระบุว่าประเทศไทยไม่สามารถทำให้สิทธิมนุษยชนเป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญได้ หนึ่งในประเด็นที่ถูกยกมาคือตรวจสอบการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างหนัก
ที่มา - ATNN
Comments
ดีมาก
หลังจากไปสังเกตตามเว็บอื่น ๆ พบว่าพี่น้องประชาชนชาวไทยแดงเหลืองเห็นด้วยพร้อมกันเป็นครั้งแรก กับ Topic นี้
@TonsTweetings
ยินดีด้วยครับ :)
ไชโย! :D
นายกฯได้มีส่วนช่วยกับข่าวนี้ไหมเนี่ย?
http://www.pm.go.th/media/weekly/8871
แสดงให้เห็นว่าเราเคลื่อนไหว อย่างสันติ อหิงสา และปราศจากอาวุธของจริง!!!
ว้าาา เลิกซะแหล่ะ ห้าห้า
/me จัดปาร์ตี้ฉลอง
รอดจากอำนาจมืดซะที เฮ้อคิดดูว่าไปทางไหนก็มีแต่ลูกตาICTตามหลอนอยู่ด้านหลัง
fail
รัฐบาล FAIL
ประชาชน WIN
+1
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
"ยกเว้น เรื่องที่ว่า เกี่ยวกับความมั่งคง" ... หมายความว่ายังมีอยู่ไช่รึป่าวครับ?
รู้สึกดีใจนะที่เลิกแนวคิดการใช้ Sniffer แต่ผมก็ยังไม่ค่อยปลื้มแนวคิดการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ที่ใช้อยู่ตอนนี้ซักเท่าไหร่ อยากให้ปรับเปลี่ยนนโยบาย และให้กลุ่มธุรกิจต่างๆ หาโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เพื่อให้คนละเมิดลิขสิทธิ์น้อยลงมากกว่าการลงมาฟ้องจับการละเมิดลิขสิทธิ์แบบนี้นะครับ คิดว่าน่าจะมีแนวทางที่ดีกว่าดี ควรหาลือร่วมกันแบบนี้ แบบที่ @pawoot @ripmilla ไปให้ข้อมูลและแนวทางดีๆ ในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้จะดีกว่า
ไอวิธีเชือดไก่ให้ลิงดูมันไม่ได้ผลกับคนไทยหรอก เชื่อเหอะ
เริ่มจากให้หน่วยงานในสังกัด เลิกใช้ Windows
ให้ไปใช้ Linux และ Opensource/Freeware อื่นๆ แทน
+1 เน้นข้อ 3 อย่างแรง เพราะคนธรรมดาจะไปแตก tar ได้อย่างไร ในเมื่อบางทีไม่มี .deb?
เดี๋ยวนี้เขาปัตตะนาแล้ว คลิกขวา extract here เลย :P
+1 ครับเขาไปถึงใหนกันแล้ว
http://forum.ubuntuclub.com/forum/topic,12729.0.html
http://forum.ubuntuclub.com/forum/topic,12821.0.html
ลองใช้ดูก่อนครับค่อยบอกว่าทำไม่ได้
.............................................
ทำไม่ได้หรือไม่ได้ทำ
+1 ต้องทำให้คนไทยเฉลี่ยอ่านหนังสือปีละมากว่า 8 บรรทัดก่อน
ต้นทุนไม่ได้ลดนะ เพิ่มด้วยซ้ำ เพราะค่า อบรม + maintenance มหาศาล
ถ้าเริ่มจากกระทรวงศึกษา โดยให้โรงเรียนต่างๆ ใช้ ลีนุกซ์ เป็นหลัก
ออกกฎหมาย ห้ามขายวินโดวส์คู่กับคอมพิวเตอร์
บังคับให้ลงลีนุกซ์มากับเครื่อง แลกกับการยอมให้บริษัทนั้นๆ เขามาขายในไทยได้ หรืออาจะลดภาษีจากบริษัทที่ร่วมมือ
อาจะออกกฎ กดดันไมโครซอฟท์ เช่นบังคับให้วินโดวส์ที่ขายในไทย ต้องมีเบราว์เซอร์อื่นๆ ให้เลือกลง ห้ามลง IE มาแต่แรก, แผ่น ปก กล่อง ต้องผลิตในไทยเท่านั้น
แต่ตัวอย่าง... ขนาดจะดักข้อมูลยังคิดได้เลย คิดเรื่องอื่นบ้างดิ
เกินไปครับ
ทำไมเวลาอยากให้คนใช้ Linux ต้องมีแต่การบังคับเท่านั้นล่ะครับ วิธีดีๆ ก็มีตั้งเยอะ ถ้า Linux พิสูจน์ตัวเองได้ว่ามันดีกว่า Windows จริงๆ คนก็ยอมเปลี่ยนมาใช้เอง
ตอนนี้ที่คนยังใช้ Windows กันเยอะอยู่ เพราะ Linux มันแทนไม่ได้ ไปบังคับไปกดดันให้เปลี่ยนจะมีประโยชน์อะไร
อีกอย่าง ถ้าบังคับให้สถานศึกษาใช้แต่ Linux แล้วพวกที่ต้องใช้โปรแกรมเฉพาะทางที่มีแค่ใน WIndows อย่างพวกวิศวะ สถาปัตย์นี่จะให้ทำไงล่ะครับ
"วิธีดีๆ ก็มีตั้งเยอะ" รบกวนตัวอย่างด้วยครับ
จริงๆ วิธีการภาครัฐกำลังทำอยู่ (เช่นพัฒนาโอเอสแห่งชาติ) ก็ดีอยู่นะครับ แต่ อ่อนประชาสัมพันธ์อย่างแรง
ภาครัฐควรเน้นการประชาสัมพันธ์ บอกไปเลยว่าลีนุกซ์ดีกว่าวินโดวส์อย่างไร ใช้แล้วเกิดประโยชน์อย่างไรบ้าง (เช่น ขอความร่วมมือกับรายการไอทีทางโทรทัศน์ หรือเข้าไปเป็นผูสปอนเซอร์รายการ แล้วใส่ช่วงนำเสนอลีนุกซ์ลงไป) พร้อมทั้งพยายามพัฒนา (เช่น อาจเอา Ubuntu มารวมแพ็คเกจโปรแกรมที่ใช้งานทั่วไปเข้าไปก็ได้ ไม่ต้องทำขึ้นมาใหม่) ให้ใช้งานง่าย สะดวกติดตั้งและดูแล
หน่วยงานรัฐก็ควรเป็นแบบอย่าง ค่อยๆ ทยอยปรับเป็นลีนุกซ์ไป เครื่องใหม่ที่ประมูลเข้ามาแทนเครื่องเก่าก็เริ่มใส่ลีนุกซ์มาได้เลย outsource การดูแลให้เอกชนมาจัดการลีนุกซ์เลยก็ได้ (ไม่รู้ภาครัฐทำได้หรือเปล่านะ) แต่ตรงไหนต้องใช้วินโดวส์ก็ต้องใช้ต่อไปอยู่ถูกลิขสิทธิ์ ส่วนโปรแกรมข้างในก็ไปใช้โอเพ่นซอร์สเอา
ส่วนภาคเอกชน ภาครัฐอาจออกนโยบายมาสนับสนุนการเปลี่ยนไปใช้โอเพ่นซอร์สโอเอส หรือแอพฯ ก็ได้ เช่นเดียวกับ นโยบายการลดหย่อนภาษี หรือนโยบายแรงงาน ที่จะจ่ายเงินชดเชยให้กับเอกชน เมื่อส่งพนักงานไปอบรมตามที่กำหนด เป็นต้น
แน่นอน ต้นทุนยังไงตอนเริ่มต้นก็ต้องสูง ทั้งอบรมบุคลากรใหม่ หากเป็นสถาบันการศึกษาก็ต้องมาปรับปรุงหลักสูตรหรือเนื้อหาใหม่ เป็นต้น แต่ถ้าไม่เริ่มยังไงก็ไม่มี "ก้าวที่ 1" เสียที
ส่วนตัวผม ไม่จำเป็นที่ต้องประชาสัมพันธ์เรื่องลิขสิทธิ์ ผมว่าพูดกันมากพอแล้ว แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้นสักเท่าไร
เสริม ผมว่าควรหาวิธีประชาสัมพันธ์ด้วยว่า ให้ซื้อและใช้ของไอที (ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะซอฟต์แวร์) อย่างเหมาะสมตามความจำเป็นของผู้ใช้ (เผื่อได้ แต่ต้องวางแผน) อย่างตอนที่ผมไปอยู่ญี่ปุ่นมา ในห้องแล็บเขาก็พยายามให้ใช้โอเพ่นซอร์สกัน แต่การใช้งานทั่วไปก็ใช้วินโดวส์กันเป็นส่วนใหญ่ แต่เขาก็ซื้อและใช้เท่าที่จำเป็นต่อการใช้งาน เช่น ชุดออฟฟิศก็ซื้อเฉพาะโปรแกรมที่ใช้ มิใช่ซื้อชุดใหญ่แต่ใช้แต่ Word, Excel, PowerPoint เป็นต้น ถ้าเป็นแบบนี้ถึงจะต้องเสียเงินซื้อก็จะลดค่าใช้จ่ายลงได้พอสมควรครับ
ปัญหามันก็อยู่ที่ว่า
ประชาสัมพันธ์ว่าลีนุกซ์ดีกว่าวินโดวส์อย่างไร ใช้แล้วเกิดประโยชน์อย่างไรบ้าง
แค่นี้แหล่ะครับ
เพราะเท่าที่เห็นก็แค่นี้จริง ๆ
ไปงานสัมมนาส่วนใหญ่ ก็แนวอริพาดพิง พูดจาทับถม Windows ว่าอย่างโง๊น อย่างงี้
เลิกพาดพิง แล้วหันมาให้ความรู้แบบเป็นรูปธรรมที่สามารถเข้าถึงได้ซะทีเถอะครับ
ยิ่งเจอพวกสายลีนุกหลาย ๆ คน ทำยังกะพวกไฮโซดูถูกคนใช้ Windows ด้วยแล้ว
ใครมันอยากจะเข้าไป
เอาง่าย ๆ จะไปคุยเรื่องงาน แต่พวกชวนคุยเรื่องกีฬาสีซะงั๊น
มันก็ไม่แปลกหรอกที่ คนธรรมดา ๆ จะไม่ค่อยสนใจ Linux
+1
ที่เห็นบ่อยๆ ก็พวกพยายามกัด Windows แล้วเชิดชู Linux (ซึ่งมีไม่มากนัก แต่ชอบออกหน้าอยู่เรื่อย) พวก Windows ที่ทำท่าจะอยากลองเปลี่ยนก็พลอยหมั่นไส้ เลิกความคิดเปลี่ยนเอาดื้อๆ เลยล่ะครับ
เลิกกับชาวบ้านแล้วชูข้อดีของตัวเอง พร้อมทั้งยอมรับในข้อด้อยของตัวเองอย่างลูกผู้ชาย ผมว่ามันเป็นผลดีในระยะยาวมากๆ ครับ (ในกรณีเชิดชูข้อดีแล้วไม่บอกข้อด้อย ถ้าคนที่เปลี่ยนไปพบข้อด้อยเองจะพาลเกลียดเอาง่ายๆ และฝังลึกมากเลยล่ะครับ)
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ถ้าเฉพาะเรื่องประชาสัมพันธ์ ผมกลับคิดว่า รัฐบาลชุดนี้เก่งมากๆเลยนะครับ (เกินผลงาน)
ทุกวันนี้ นักเรียนทุกคนก็โดน "บังคับ" ใช้ Windows ครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
+1
Microsoft word => Paper Project.
"ถ้า Linux พิสูจน์ตัวเองได้ว่ามันดีกว่า Windows จริงๆ คนก็ยอมเปลี่ยนมาใช้เอง"
ไม่หรอกครับ Linux ไม่ได้ดีกว่า Windows มันแค่เป็นทางเลือกหนึ่งของคนที่ไม่ต้องการเสียเงินซื้อ license Windows เฉย ๆ มันดีกว่าในแง่ต้นทุนรวมเท่านั้นเอง มันมีโปรแกรมให้สามารถใช้ในการทำงานและทำเงินได้ แต่หลาย ๆ อย่าง มันไม่ดีกว่า Windows หรอกครับ ถ้าต้องการโปรแกรมที่มันเฉพาะทางในการทำงานขนาดนั้น ผมคิดว่าค่า license ของโปรแกรมที่ใช้คงจะแพง เพราะงั้นแค่ค่า license Windows หลักพันหลักหมื่น คงไม่ใช่ปัญหาหรอกมั้งครับ
พูดง่ายใคร ๆ ก็พูดได้
เรื่องลงลีนุกซ์ ใน โรงเรียนมีประเทศทำไปแล้วครับ รู้ศึกจะฝรั่งเศษ
เรื่องแบน IE ก็ EU ทำมาแล้ว
บางทีก็ต้องกล้าครับ เรื่องผลประโยช ไม่ค่อยจะคิดกันเลย
เปลี่ยนจาก ราชการเป็น รัฐวิสาหกิจ (เชิงธุรกิจ)
ถ้าพงักงาน ราชการ ลูกจ้าง ใช้ ลีนุกซ์ ไม่เป็นใน 2 ปี
มีสิทธ์ถูกพิจรณาออก....
ไม่จำเป็นนี่ครับ แค่ถ้าจะใช้ ต้องให้ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ก็พอ เพราะลินุกซ์ ไม่ได้ทำได้ทุกอย่างที่วินโดวส์ทำได้ (และบางอย่างวินโดวส์ก็ไม่มีเหมือนลินุกซ์เหมือนกัน) แต่ละอย่างมีข้อดีข้อเสียครับ ถ้าเค้าจะต้องใช้โปรแกรมอะไร แล้วต้องซื้อ ผู้บริหารที่มีหัวคิดพอเค้าก็พิจารณาได้แล้วว่า เงินที่ต้องเสียไปมาซื้อซอฟต์แวร์นั้น ๆ คุ้มกับการใช้งานหรือเปล่า
แล้ว ICT จะออกมาทำไมให้เปลือง ตัว อยู่เฉยๆ ก็ไม่โดนด่าแล้ว
แต่เอะ จะหยุดจริงมั้ย ยอมแพ้ง่ายไปมั้ย
โย่ๆๆๆๆๆๆ ฟามเกรียน ชนะทุกสิ่ง ผัดไท กวีไร้รัก
ที่คิดจะ sniff เนี่ย เพิ่งคิดได้ว่า ประเด็น(ที่จะใช้ในการดริฟต์ได้)คือจะจับพวกชอบโหลดบิต
นั่งคิดตั้งนาน(หลายวัน) นึกว่าจะจับพวกคอมที่เป็น WGA เถื่อน -*-
ผมไม่คิดงั้นครับ ผอ.อาจิน รับสารภาพแล้วว่า จะทำเรื่องความมั่นคง คือ การแสดงความคิดเห็นเป็นหลัก
แล้วจะมี ไอ้เรื่องที่เขาลือกันเรื่อง จัดซื้ออีก เรื่อง ลิขสิทธิ์เป็นข้ออ้างซะมากกว่า
ข้อมูลมันเยอะมากมายมหาศาล (มีประเทศไหนทำมั่ง เท่าที่เห็นก็จีน แต่เป็น software ที่บังคับลงที่เครื่อง client)
แล้ว w3.mict หล่ะ ?
นั้นซิ?
ดีใจที่มีส่วนช่วยให้กระทรวง ICT ฉลาดขึ้น
... อย่างน้อยหนึ่งเรื่องก็ยังดี
ดีใจ ที่รู้ว่าภาครัฐรับฟังเสียงชาวเน็ต
นายกฯ พูดชัดขนาดนั้นจะไม่ถอนตัวได้อย่างไร
จริงๆก็ควรเป็นอย่างนี้ sniff เดี๋ยวโดนมะกันสับนะ ;P
my blog
เรื่องเลิก sniff นี่ ก็ดูดีนะครับแต่ว่า "เราจะไม่ sniff อย่างเปิดเผยหรือเปล่า?"
ส่วนเรื่องวิธีการในการลดการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญานี้ ผมก็เห็นว่าการใช้ระบบปฏิบัติการเปิด หรือที่เป็นของฟรีอย่างลีนุกซ์ นั้นเป็นเรื่องดีนะครับ
แต่ก็ไม่ควรถึงกับว่าประเทศเราทั้งประเทศต้องใช้ ลีนุกซ์ กันไปเสียหมด
เนื่องมาจากว่า ในหลาย ๆ กรณี ความจำเป็นในการใช้ windows ก็มีอยู่ แล้วหากคนส่วนมากต้องใช้ลีนุกซ์ กันหมด แล้วคนกลุ่มน้อย ก็เสียโอกาสในการเรียนรู้ไปเลยอย่างนั้นหรือครับ
ว่ากันตรง ๆ ก็คือ ในด้านของ Accessbility แล้ว ลีนุกซ์ เอง ก็ทำส่วนนี้ไม่ได้เหมือนกับ windows แน่นอนครับ
อย่างโรงเรียนเก่าผม ก็เคยมีช่วงนึงนะครับที่ ห้องคอมทุกห้องลงเป็น ลีนุกซ์ (แต่สาเหตุมาจากว่า m$ จะมาตรวจ) แล้วพอเอาเข้าจริงๆ ทาง M$ ก็บอกว่าเป็นสถานศึกษา เรายกเรื่องลิขสิทธิ์ให้ ตอนหลังก็กลับมาลง Windows เหมือนเดิม
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.
เอาเงินไปปรับปรุงระบบแจ้งให้ทำงานรวดเร็วระดับเรียลไทม์จะดีกว่ามาก
ICT ไทย ประกาศเลิก แต่ไม่ได้ประกาศว่าจะไม่ปฏิบัตินะ ในทางนิตินัยไม่มีผลบังคับใช้ แต่ทางพฤตินัยทำประจำเลย
ตอนนี้ผมใช้ ubuntu อยู่ ติดปัญหาเดียวคือเรื่องของการทำเอกสาร
ถ้าเริ่มจากหน่วยงานราชการหันมาใช้ open office กันทั้งระบบ ผู้ใช้อย่างเราๆ จะมีทางเลือกมากขึ้น
ยินดีด้วยกับชาวเน็ตทุกท่านครับ :)
แต่จากข่าวที่ผ่านมา ผมไม่เชื่อว่า MICT จะใช้ sniffer ด้วยเหตุผลหลักคือเรื่องป้องกันละเมิดลิขสิทธิ์อย่างที่ว่ามาครับ
ร้อยวันพันปี ผมไม่เคยเห็น MICT จะสนใจใยดีเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์เลย ถึงจะทำแต่ก็ไม่ได้จริงจังอย่างมีนัยสำคัญ
ผมเห็นงานหลักของเขานั่งจับแต่เว็บรูปภาพที่ไม่เหมาะกับเยาวชน (อันนี้เห็นด้วยครับ) กับจับคนทำเว็บและแสดงความคิดเห็นในเว็บ.......... ครับ (อันนี้เสียดายภาษี) จะทำอะไรก็บอกมาตรงๆ เลยดีกว่า
ช่วงหลังเสียงประชาชน+ผู้ใช้มีผลมากขึ้นแฮะ เหมือนตอน dtac เลิกคิดค่าเน็ตเป็นนาทีกลับมาเป็นวินาทีก็เหมือนกัน
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com