เว็บไซต์ Gizmodo ซึ่งดูเหมือนจะกลายเป็นคู่แค้นกับแอปเปิลไปแล้ว ได้ตีพิมพ์เรื่องของ Worldwide Loyalty Team ฝ่ายหนึ่งในแอปเปิลที่คอยเฝ้าดูพนักงานของตัวเอง ว่าไปทำข้อมูลรั่ว ภาพหลุดที่ไหนบ้าง
คนที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้เป็นอดีตพนักงานของแอปเปิลที่ Gizmodo เรียกว่า "Tom" เขาเล่าว่า "ทีมพิเศษ" ของแอปเปิลมีหน้าที่ตามล่าพนักงานผู้ต้องสงสัย โดยจะเดินเข้ามาที่สำนักงานแล้วขอความร่วมมือกับผู้จัดการฝ่าย ให้พนักงานทุกคนนั่งอยู่ที่โต๊ะห้ามลุกไปไหน แล้วเอาโทรศัพท์ของทุกคนไปตรวจสอบ ถ้าต้องการใช้โทรศัพท์ในตอนนั้นต้องขออนุญาต และต้องคุยโทรศัพท์ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ทีมพิเศษนี้
พนักงานในแอปเปิลไม่อนุญาตให้นำกล้องถ่ายรูปเข้ามาในสำนักงาน ถ้ามือถือที่ใช้เป็น iPhone มันจะถูกแบ็คอัพลงคอมพิวเตอร์ ในช่วงแรกทีมพิเศษของแอปเปิลบอกว่ามีสิทธิ์ในการเข้าถึง เพราะเป็น iPhone ที่บริษัทแจกให้พนักงานใช้ (เจ้าของคือบริษัท) เจ้าของเครื่องจะถูกสั่งให้ปลดล็อคทุกชนิด และเจ้าหน้าที่พิเศษจะตรวจสอบกิจกรรมล่าสุดที่เกิดขึ้นในโทรศัพท์ ไม่ว่าจะเป็น SMS หรือภาพถ่ายในเครื่อง เจ้าหน้าที่จะเข้าถึงทุกอย่าง ไม่มีความเป็นส่วนตัวเหลืออยู่
ระหว่างที่ตรวจสอบ พนักงานจะถูกสั่งให้เปิด screensaver บนคอมพิวเตอร์ เพื่อกันไม่ให้ติดต่อกับคนภายนอกทางคอมพิวเตอร์ ระหว่างนี้ พนักงานไม่สามารถพูด โทรศัพท์ หรือส่งข้อความได้ ถ้ามีพนักงานที่ไม่ยินยอมเข้าร่วม ก็จะถูกสั่งให้ออกไปจากสำนักงาน และไม่ต้องกลับมาอีกเลย
พนักงานทุกคนจะต้องเซ็นสัญญาไม่เปิดเผยเรื่องที่ถูกตรวจสอบ (NDA) แม้ว่าจะมี NDA ที่เซ็นตั้งแต่ตอนเริ่มทำงานอยู่แล้วก็ตาม
"Tom" เล่าว่าเขาเคยผ่านการตรวจค้นมาแล้วหลายครั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่พิเศษค้นพบสิ่งที่ต้องการ (ข้อมูลที่รั่วออกไป) ซึ่งโดยส่วนมากแล้วมักจะเจอ พนักงานคนที่ถูกตรวจพบจะต้องอยู่จนเลิกงาน แล้วถูกนำออกไปจากตึกแบบเงียบๆ โดยมี รปภ. พาออกไป ซึ่ง "Tom" ไม่สามารถบอกได้ว่าพาไปไหนต่อ
ทั้งหมดนี้เป็นแค่ "คำกล่าว" ของคนที่อ้างว่าเป็นอดีตพนักงานแอปเปิล ตีพิมพ์โดยเว็บที่โดนแอปเปิลฟ้อง แปลและเรียบเรียงโดยคนที่รังเกียจสาวกแอปเปิล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านครับ
ที่มา - Gizmodo
Comments
ส่วนตัวผมว่า มาตรการแบบนี้ มีกันเกือบทุกบริษัทคับผม
ไม่ได้เน้นว่าเปนแอปเปิลหรือที่ไหนก็ตาม ย่อมจะต้องปกป้องข้อมูลทางการค้าอยู่แล้วคับ
ก็ไม่ได้มีใครบอกว่า บริษัทอื่นไม่มีนะครับ ถ้าอ่านในคอมเมนต์ของ Gizmodo ก็มีคนมาแลกเปลี่ยนเรื่องมาตรการพวกนี้เยอะครับ หรือมีบางคนบอกว่าทำงานอยู่แอปเปิลเหมือนกัน แต่ไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย
อุบาดดีนะ
A chemical rush''
อุบาทว์
ฮาตรงย่อหน้าสุดท้าย
ดีนะที่จ๊อปส์ไม่เล่นการเมือง -_-'
my blog
Code Evil
มากล่าวหากันลอยๆ อย่างนี้ได้อย่างไร
ปล.ย่อหน้าสุดท้าย lol
ระบบเข้มงวดโคดๆ แต่ก็สมเหตุสมผลดี
ปล. รังเกียจสาวก <<< คนเป็นกันเยอะครับ หุหุ
แล้วแต่ ข้อตกลง ไม่น่าเกลียดแต่อย่างใด ตราบใดที่ตกลงต่อข้อตกลง
Blizzard จะเป็นแบบนี้ไหมน๋อ
แน่ใจนะว่านี้บริษัทเอกชน ผมนึกว่าหน่วยงาน FBI/CIA
"ไม่สามารถบอกได้ว่าพาไปไหนต่อ" << เห็นภาพโดนพาไปยิงทิ้งเลย 555+
เห็นภาพชายในสูทสีดำ ใส่แว่นดำ มีหูฟังเหน็บอยู่ พาหนักงานที่ถูกใส่กุญแจมือไพล่หลังอยู่ ไปที่รถสีดำติดฟิล์มทึบ แล้วกดหัวพนักงานเข้าไปที่หนังเบาะหลัง
เอ่อ ท่าทางจะดูหนังมากไป
นี่มันบริษัทไอทีแน่รึเนี่ย
มีโดนอุ้มด้วย :p
คงไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง
เล่ากันซะ แบบ เหมือนในหนัง -*-
p/s แต่ถ้าเป็นงั้นจริงๆก็ขอแสดงความเสียใจกับ พนง แอปเปิลไว้ ณ ที่นี้ด้วย
จะว่าดีรึเปล่าเนี่ย ..แต่ก็เคยสงสัยเหมือนกันว่าทำไมความลับถึงแทบจะไม่เคยรั่วไหลเลย
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
เพื่อรักษาความลับของบริษัท เข้มงวดดีแหะ
หิ้วออกไปทำยาราไนกร้าหรือเปล่า.. (= =
ตีพิมพ์โดยเว็บที่โดนแอปเปิลฟ้องนี่ยังงัยครับ ยังไม่เห็นข่าวว่า Gizmodo โดน Apple ฟ้องเลย
นั่งเทียนโดยแท้ แบบนี้บริษัทอื่นๆก็ทำเหมือนกันไม่เห็นแปลก
ที่ยึดของไปคราวที่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับการฟ้องรึครับ ?
อันนี้ไม่รู้จริงๆ
เท่าที่ตามข่าวมา ตำรวจดำเนินการเองครับ เพราะกฏหมายรองรับ Apple แค่ส่งจดหมายขอคืนของเท่านั้น ผมก็อ่านข่าวจาก blognone นี่แหละครับ
ยึดของเกิดจากเรื่องการซื้อของโจร เป็นคดีอาญา เจ้าทุกข์ไม่จำเป็นต้องฟ้องใครครับ อาจจะแค่ต้องแจ้งความว่าของหาย แต่การตามจับว่าใครทำหายหรือจะเอาคืนยังไงเป็นหน้าที่ตำรวจอยู่แล้ว
แต่ก็มีประเด็นที่ว่า หน่วยงานที่เข้าไปรื้อค้น มี relation กับแอปเปิลอยู่ เลยชวนให้สงสัยได้ครับ
(สรุปคือ Gizmodo ยังไม่ได้ถูกแอปเปิลฟ้องครับ ส่วนคดีอาญาอัยการก็ยังไม่ได้ส่งฟ้อง แต่การยึดของเป็นการยึดตามกระบวนการที่จะพิจารณาว่าจะยื่นคำฟ้องหรือเปล่า)
ถูกครับ และตรงนี้หละครับที่ผมว่ามันอาจจะฮาตอนจบเพราะถ้าเกิดสุดท้ายไม่มีเจ้าทุกข์ขึ้นมาเอาไปเอามาจับอะไรไม่ได้ แต่งานนี้ช่องดิ้นเยอะจนขนาดที่ไม่แน่จริงตำรวจไม่น่าเริ่มก่อนเพราะจะโดนฟ้องกลับแบบเสียค่าโง่ สุดท้ายอัยการสั่งไม่ฟ้องเรื่องเงียบมันจะกลายเป็นการเปิดตัวที่ฉลาดที่สุดในสามโลกเลยครับ
คดีอาญา เจ้าทุกข์ ก็คือ อัยการ หรือ ตำรวจ นั่นแหล่ะครับ
ได้อ่านความเห็นผมจนครบรึเปล่าครับ ช่วยอ่านข้อความส่วนสุดท้ายด้วยครับ เจ้าทุกข์ในคดีอาญาแบ่งได้2กรณีคือผู้เสียหายและรัฐในฐานะผู้ดูแลครับฉะนั้นเมื่อถึงชั้นศาลก็จะเป็นอัยการเพราะตำรวจมีหน้าที่ในขั้นสอบสวนเท่านั้นครับฟ้องไม่ฟ้องอยู่ที่อัยการ เจ้าทุกข์ในกรณีนี้จะเหลือแต่แอปเปิ้ลกับอัยการเท่านั้นครับ
คิดว่าประเด็นนี้เป็นคดีใหญ่หน่ะครับ ตำรวจก็เลยต้องทำงาน(เอาหน้า) ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับ Apple บงการ
ปิดคดีแล้วชนะก็ได้เลื่อนตำแหน่งกันไป
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ไม่ใช่บ้านเรานะคร้าบ
ที่ไหนๆก็เหมือนกันแหละครับ ขึ้นชื่อว่าคน
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
gizmodo กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตเพิ่มแล้ว
appleนับวันมีแต่ศัตรูเพิ่มขึ้น = ="
อ่านแล้วรู้สึกชอบ gizmodo มาทันที
เหมือนโรงเรียนไทยเลย สมัยก่อนตอนมีเสียงมือถือดังก็ทำแบบนี้กัน ป่าเถื่อนดี
@TonsTweetings
Gizmodo พยายาม play down apple น่าดู ท่าจะแค้นจัด
เรื่องปกปิดความลับมันก็เป็นปกติ ตรวจสอบการใช้มือถือที่บริษัทให้ไปทำงานก็ปกติ
ตราบใดที่ยังไม่ละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลของพนักงาน
(ซึ่งยังไม่เห็นพนักงานคนใดฟ้องกลับแอปเปิลเลยเรื่องละเมิดฯ)
NDA ไง
ฟ้องเสร็จโดนฟ้องกลับว่าละเมิด NDA โดนกลับหลายสิบเท่าตัว ใครมันจะไปฟ้อง?
อีกอย่างก็ไม่มีหลักฐานด้วย เพราะข้อมูลที่เป็น NDA นั้นจะเอามาใช้เป็นหลักฐานไม่ได้
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
สามารถเลือกที่จะไม่เซ็นต์ยอมรับ NDA ได้นะครับ
ไม่เซ็นก็ไม่ได้งาน/ตกงาน/โดนไล่ออก
เซ็นหรือไม่เซ็นดี
อ้อลืมไปว่า สามารถเลือกที่จะตกงานได้เหมือนกันนี่นะ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ก็ fair trade อ่ะครับ ถ้าคนที่ยอมจะทำงานที่แอปเปิล เค้าก็คงต้องคิดแล้วว่ามีอะไรที่เค้าได้คุ้มกับที่เค้าจะเสีย ไม่งั้นเค้าก็ลาออกไป
ขอขยายความนิดนึง
คือถ้าทำอย่างที่Gizว่าจริงเช่นตรวจสอบข้อมุลส่วนบุคคล บังคับให้อยู่กับที่ ห้ามการติดต่อสือสาร อะไรอย่างนั่นจริงนี่แอปเปิลจะผิดฐานละเมิดครับเพราะถึงจะบอกว่าได้เซนต์สัญญาว่าอนุญาติให้ตรวจสอบได้ตามที่ว่าจริง สัญญาจะไม่มีผลเพราะกฏหมายสหรัฐ(ของไทยก็ด้วย)ไม่คุ้มครองสัญญาที่ผิดกฏหมาย(ผิดฐานละเมิด)นะครับ
ส่วนเรื่องNDAก็จะเป็นอีกสัญญานึงครับ เพราะถ้ารวมเป็นฉบับเดียวสัญญาก็จะไม่มีผลทั้งฉบับคิดว่าฝ่ายกฏหมายไม่น่าพลาดง่ายๆ แต่อันนี้คือชัดเจนในการรักษาความลับบริษัทกฏหมายรับรองอยู่แล้วครับ
ส่วนที่ว่าไม่มีการฟ้องกัน มันก็มีครับส่วนใหญ่พนักงานจะชนะมากกว่าด้วยเหตุผลที่ผมว่าไว้ในตอนแรก แต่มักจะไม่ฟ้องกันเพราะถ้าไม่ได้ทำอะไรผิดก็ปล่อยๆให้เค้าตรวจไป ยิ่งถ้าทำผิดยิ่งฟ้องก็จะไปเข้ากรณีอย่างที่คุณMcKayกล่าวไว้ ที่สำคัญเลยคือเรื่องงานครับมีงานดีๆทำมีเงินเดือนจะไปเดือดร้อนให้ต้องหางานใหม่ทำไมไหนจะค่าจ้างทนายซึ่งแพงยังจะต้องสู้กับฝ่ายกฏหมายของบริษัทซึ่งมากันเป็นทีม เป็นผมเห็นจะๆว่าละเมิดผมก็ไม่ฟ้องครับถ้ามันได้ไม่คุ้มเสีย
Don't be evil.
aka ohmohm
ข้อเสียของสื่อที่เห็นได้ชัดเจนเลย
พอตัวเองโดนเล่นงาน ก็จะหา "ความจริง" ด้านลบมาลงบ่อย แต่ถ้าดีด้วยก็จะรายงาน "ความจริง" ด้านดีบ่อยหน่อย
สื่อที่ดีควรเสนอความจริง แต่ก็ไม่ควรใช้อารมณ์หรือเลือกปฏิบัติ
+1 (ไม่ใช่กรณีนะครับ แต่บวกให้ในเรื่องภาพรวมของจรรยาบรรณสื่อ)
ทุกวันนี้รู้สึกว่าสื่อต้องมี ethical standard สูงขึ้นกว่าตะก่อนเยอะมากเลย ผมว่าเอาเข้าจริงๆ ไม่แพ้หมอไม่แพ้ทนายความไรพวกนี้เลยแหละ เพราะทุกวันนี้มีอิทธิพลมากจริงๆ
+1
ผมว่าสื่อมีอิทธิพลต่อสังคมมากกว่าศาลอีกนะ ใครผิดอะไรไม่จริงนี่ถ้าสื่อบอกว่าผิด คนก็เชื่อไปแล้วว่าผิดกว่า 80%
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ไม่น่าไปยุ่งเขาเลย engadget ยังมีจรรยาบรรณกว่า