นอกจาก "กองทัพแท็บเล็ตถล่มโลก" แล้ว ในงาน Computex ยังมี "กองทัพ 3D" มาชิงตำแหน่งพระเอกของงาน และเจ้าแห่ง 3D บนพีซีอาจไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก NVIDIA?
ในงานแถลงข่าวของ NVIDIA ทางบริษัทได้ประกาศแนวคิด "3D PC" หรือคอมพิวเตอร์พีซีที่สามารถเล่น 3 มิติได้ การที่พีซีใดๆ จะแบรนด์ 3D PC ไปแปะจะต้องมีองค์ประกอบดังนี้
งานนี้ NVIDIA ยังขนพาร์ทเนอร์ที่ร่วมสร้าง 3D PC มากันเพียบ ผลิตภัณฑ์ที่เอามาโชว์คือโน้ตบุ๊ก 3 มิติ ASUS G51Jx-EE ส่วนพาร์ทเนอร์อื่นๆ ได้แก่ โตชิบา และพานาโซนิก
นอกจาก 3D PC ที่เป็นจุดขายหลักแล้ว ทาง NVIDIA ยังผลักดันเทคโนโลยี 3D ในด้านอื่นๆ ด้วย เช่น
Comments
3D AV IN/OUT จะมาแล้ว >_<
my blog
แล้ว 3D AV ล่ะ ?
น่าสนใจมาก 3D มาแรงจริิงๆ
น่าสนใจจับตาว่า ATI จะออกมาตรฐานมาแข่งขันด้วยไหม
เซ็งตรงต้องใส่แว่น ซ้อนใส่แว่น = =
ให้ LCD Monitor ราคาต่ำกว่า 8000 ก่อน แล้วค่อยมาคบหาดูใจกัน
มันจะแพงไปหมดทั้งเครื่องและจอสิครับ
3 มิติแบบนี้ต้อง render ภาพสำหรับตาซ้ายและขวา ซึ่ง 1 frame ปกติ ต้อง render เป็น 2 frame แยกกันเพราะคนละมุมมอง gpu ทำงาน 2 เท่า เชื่อว่าถ้ามีเงินซื้อ gpu ดีๆ ได้ เรื่องราคา monitor คงไม่น่ามีปัญหานะครับ
ปล. เห็นราคา samsung 2233rz 22 นิ้ว 120 Hz 399$
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
อ่านตอนแรกแล้วงง แต่คิดว่าถูกต้องแล้ว ก็คือ ในการแสดงผล 1 frame จะต้อง render ออกมาสองภาพเพื่อแสดงผลให้ตาซ้ายและขวาข้างละภาพ
ก็คือ ต้องใช้การ์ดจอที่แรงกว่าเดิมสองเท่าในเชิงทฤษฎี ในทางปฎิบัติอาจจะไม่ต้อง (เทคนิคบางตัวอาจจะไม่ถึงกับต้องเรนเดอร์ใหม่หมด)
แบบง่ายๆ โง่ๆ ก็ การ์ดจอสองตัว ไม่ก็สองคอร์ ก็ได้มั้งครับ
ยิ่งถ้าออกแบบมาเพื่อ "เรนเดอร์ภาพเดียวกันจากสองมุม" โดยเฉพาะ อาจจะง่ายดายกว่านี้อีก
ตอนนี้การทำ Stereo ด้วยการ์ดจอประสบปัญหาใหญ่เลยคือมันต้องวาดสองรอบ ซึ่งผมว่าถ้าแยกออกมาดีๆมี งานเสียเปล่าเยอะแยะ
อย่าง Low และ Waste สุดๆ ก็คือเสียเวลาทำเวอร์เท็กซ์บัฟเฟอร์(ที่เหมือนกันเป๊ะ) สองชุด อันนี้เป็นงานที่ไร้สาระมาก แต่ Pipeline มันบังคับต้องทำ
เคยคิดว่าถ้า Render Pass เดียว ส่งออกได้ทีละสองสาม RenderTarget จะยอดมาก (เอาไว้ทำ Shadow หรือเทคนิคอื่นๆด้วย)
จริงๆผมไม่ชอบเลย shutter glasses เนี่ย
ทำไมมันไม่ก้าวไปสู่ยุค 3D wearable display ซักที
-เบากว่า
-ทำจอได้ใหญ่กว่า
-ขนาดเล็กกว่า ประหยัด
-ไม่ต้องเสีย response time หรือ refresh rate ลงครึ่งหนึ่ง
-ดูหนัง AV ไม่มีใครรู้
เพราะมันดูได้คนเดียว ถ้าจะดูหลายคนต้องเพิ่มอุปกรณ์ที่แพงกว่า
คือผมมองว่า 3D Display แบบ Shuttered Glass จะเพิ่มคนดูก็แค่เพิ่มแว่นเข้าไป ในขณะที่ Wearable Display เนี่ย มันแพงกว่าไอ้แว่นอันเดียวเยอะน่ะครับ
แถมต้องมีสายพ่วงไปที่หัวอีกด้วย
แถมดู AV เสร็จ เช็ดลำบาก
เอาใส่ถุงไว้ :)
ฺBluetooth?
มีแล้วครับไม่ใช่ไม่มี
แต่ไม่นิยม ไม่ดัง ด้วยหลายๆสาเหตุ
ส่วนตัวผมก็ชอบแบบนี้มากกว่านะ
แต่มันแพงง่ะ...
วงจรอุบาทคือ พอไม่ค่อยมีคนใช้ ก็ไม่ค่อยมีอะไรสร้างมาให้ต้องใช้มัน หรือเผื่อต้องใช้มัน
แล้วก็จะยิ่งไม่ค่อยมีคนใช้ไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ
แต่ไม่แน่ว่าถ้าต่อไป แว่นแบบ shutter บูมขึ้นมา อาจจะมีคนทำเผื่อแบบ Display Glasses เพราะโครงสร้างโปรแกรมไม่ค่อยต่างกัน
คราวนี้ก็แล้วแต่ว่าคนชอบแบบไหนแล้ว