แม้ว่า การ Jailbreak, Unlock และไรท์แผ่น DRM จะไม่ผิดกฏหมายอีกต่อไปในสหรัฐ แต่แอปเปิลยังเดินหน้าขอจดสิทธิบัตรชื่อ "Systems and Methods for Identifying Unauthorized Users of an Electronic Device" ซึ่งอธิบายง่ายๆ ว่าเอาไว้ตรวจจับคนที่ jailbreak/unlock/ถอดซิม นั่นเอง
วิธีการตรวจก็มีหลายวิธี เช่น ตรวจรูปแบบของหน่วยความจำที่ใช้ ถ้าหากจู่ๆ หน่วยความจำถูกใช้เพิ่มขึ้นผิดสังเกต อาจแปลว่ามีโปรแกรมที่ใช้แฮกเครื่องรันอยู่, ตรวจจับเสียงของผู้ใช้ว่าแปลกปลอมหรือไม่ ฯลฯ
ประโยชน์ของสิทธิบัตรชิ้นนี้ (ตามข้อมูลของแอปเปิล) คือช่วยคุ้มครองเจ้าของเครื่องจากผู้บุกรุกภายนอก โดยสามารถสั่งลบข้อมูลทางไกล, สั่งให้กล้องทำงาน ฯลฯ แต่ก็เป็นไปได้ว่าในอนาคตคนที่ jailbreak อาจโดนแอปเปิลสั่งปิดเครื่องให้ใช้งานไม่ได้เช่นกัน
ที่มา - The Register
Comments
เหอะๆ
ทำจริงโดนฟ้องหมดตูดแน่ในอเมริกาน่ะ
ผมว่าเค้าทำไว้ขู่หรือเปล่าครับ
+70%
+70%
เอาเข้าไป
ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์! (ขนาดนั้นเชียว)
จำได้ว่ามันมีคำสั่งลบโปรแกรมทางไกล เค้าอาจจะสั่งลบ cydia แล้วบอกว่าเป็นโปรแกรมที่อันตรายต่อเครื่องก็ได้นะ
ใช้ Android ก็ได้ฟะ
My iOS apps
My blog
ถ้าผ่านนะ
จะไม่ใช้ของ Apple เลย 555+
กลัว ^_^
ผลไม้ = เผด็จการเกาหลีเหนือ
หุ่นกระป๋อง = โลกเสรีอเมริกา
ที่น่าตลกคือ ทุกศาสนาเกิดขึ้นในอเมริกา
จริงเหรอครับ?
เขาหมายถึงศาสนาผลไม้กับศาสนาป๋องเขียวมั้งคับ
ขาดแค่ห้ามเปลี่ยนเครื่อง(เกาหลีเหนือห้ามคนออกนอกประเทศ)
เสรีภาพมันดีอย่างงี้แหละ
ว่าถ้าเราไม่อยากเสรี
ก็แค่ไปใช้แอปเปิล
น่าแปลกที่คนเต็มใจไปอยู่เกาหลีเหนือของคุณแฮะ
ถ้ามันขาดเสรีภาพขนาดนั้นจริงๆ
แปลว่ามีอย่างอื่นดี
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ไม่ใช่ของผมครับ ของสตีฟ จอบส์และผู้ถือหุ้น
ผมเองยังอยากมีสักเครื่องเลย สาวเกาหลีเหนือมันงามขนาด
สาวเกาหลีเหนืองามตรงไหนครับ ต้องสาวเกาหลีใต้ต่างหาก
That is the way things are.
ถ้าบอกว่าสวยเหมือนสาวเกาหลี(ใต้)
ผมจะรู้สึกแปลกๆ นะ
เหมือนโดนว่ายังไงไม่รู้(คิดมากไปเองรึเปล่าเรา?)
May the Force Close be with you. || @nuttyi
งามเพราะมีดหมอหรือเปล่าครับ
มันยาวมาก ข้ามไปอ่านตรง "ผมเทียบว่า" ก็ได้ครับ
ผลไม้
--> ระบบปิดในส่วน iPhone บังคับโน่นนี่ แต่ก็เป็นในส่วนของนักพัฒนา ส่วน Entry Userทั่วไปก็ติดแค่การลงโปรแกรมละเมิดลิขสิทธิ์/ไม่ผ่านอนุมัติจาก Apple ซึ่งส่วนใหญ่ก็เจลชิวๆไม่ค่อยแคร์ ส่วนใหญ่ทำเพื่อลงเกมฟรี(เพราะคนไม่น้อยซื้อมาเพราะเกม) --> ในส่วน Mac โปรแกรมต่างๆก็อิสระ ส่วนเงื่อนไข APIต่างๆ และระบบปฏิบัติการ ก็ลงเฉพาะเครื่อง Mac เท่านั้น ไปเครื่องอื่นต้องก็ใช้ระบบอื่น --> การพัฒนาก็ไม่ได้ล้าหลังกว่าชาวบ้าน ส่วนใหญ่ไม่เหนือกว่าก็พอๆกันแต่มีแย่กว่าบ้าง การมีส่วนในการกระตุ้น 4 อุตสาหกรรมก็พิสูจน์ว่าบริษัทไม่ธรรมดา --> มีคนสรรเสริญพร้อมใจกันเป็นสาวกมากมาย แต่เขาสรรเสริญด้วยตัวเขาเองไม่ได้ถูกปลูกฝัง ในขณะเดียวกัน คนด่าก็แยะ
เกาหลีเหนือ --> ประชาชนสิทธิเสรีภาพต่ำมาก แม้แต่มือถือยังไม่มีจะใช้กัน ติดต่อต่างประเทศไม่ได้ คนต่างประเทศจะเข้าไปก็ไม่ได้/แทบไม่ได้ --> ป้องกันอย่างแนน่นหนาตลอดชายแดน ห้ามคนหนีออก(อ้างว่ากันข้าศึกไปงั้น) --> เทคโนโลยีต่างๆแทบไม่ค่อยมีเลย(ในส่วนของคนทั่วไป) ถือว่าค่อนข้างล้าหลัง --> ถูกปลูกฝังว่าผู้นำเมพ ไอ้กันกระจอก
หุ่นเขียว --> อิสระทั้งนักพัฒนาทั้งผู้ใช้ ซึ่งจริงๆแล้วผู้ใช้ทั่วๆไป(แบบ common จริงๆ ซึ่งเป็นส่วนใหญ่)ไม่แคร์เท่าไหร่ อย่างไรก็ตามตัวโอเอสกูเกิ้ลทำคนเดียว --> เปิดให้บริษัทต่างๆใช้ได้ฟรี ขยายฐานผู้ใช้ง่าย --> การพัฒนารวดเร็วดี แต่จะว่าทิ้งค่ายผลไม่มั้ย...ก็ไม่ --> คนเชิดชูมักเป็นชาว IT, Programmer, Geek ทั้งหลายที่มีความรู้ด้านคอมฯ ติามข่าวสารเสมอๆ ส่วน User ทั่วไปก็จะแค่ชม-ชมมาก ว่าดีกว่าตัวเดิม ซึ่งตัวเดิมมักเป็นมือถือธรรมดา คนใช้มือถือผลไม้แล้วเปลี่ยนมามีน้อยนัก
อเมริกัน --> เปิดกว่ามีอิสระเสรี แต่ในส่วนโลกธุรกิจเทคโนโลยีมีการโจมตี-ปิดกั้นกัน ด้วยสิทธิบัตร/ลิขสิทธ์ต่างๆเสมอมา กฏหมายในด้านธุรกิจต่างๆมีโน่นนี่ยิบย่อยเป็นปกติ กฏหมายมีไว้ให้ประเทศเป็นประเทศ กฏหมายงี่เง่าก็มี ซึ่งคนทั่วๆไปก็ไม่แคร์ ละเมิดไปเพื่อเหตุผลที่ดีและไม่ดีบางอย่างแต่ส่วนใหญ่ก็คือเพื่อสบาย --> ประเทศก็อิสระรับวัฒนธรรมเมืองนอกมา ให้วัฒนธรรมเมืองนอกไป แต่ยังไงๆคนอเมริกาอยู่รัฐไหนก็ต้องอยู่ใต้กฏหมายรัฐนั้นๆ ไม่พอใจก็โอนสัญชาติ ส่วนคนต่างประเทศอยากใช้กฏหมายและได้สังคมแบบอเมริกาก็คงต้องไปเป็นคนอเมริกา ไม่งั้นก็ต้องหวังให้รัฐบาลพัฒนากฏหมายขึ้นใหม่ --> เป็นที่ตั้งของบริษัทไฮเทคทั้งหลาย มีส่วนในการก่อให้เกิดการพัฒนาด้านต่างๆของโลก --> คนนิยมชมชอบทุนนิยมแบบอเมริกา(ไม่มีใครปลูกฝั่งนะ แต่คนก็ชอบ) แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างคนไม่ชอบไอ้กันก็เยอะ
ผมเทียบว่า --> ในส่วนการเมือง(รัฐบาลและที่ประเทศ)เป็นเหมือนบริษัท --> กฏหมายให้คนทั่วไปก็เหมือนข้อกำหนดของผู้ใช้(เช่นลง App/Game นอก iTunes ไม่ได้) ซึ่งกฏบางอย่างก็ปกติ บางอย่างงี่เง่า --> บริษัทต่างๆเหมือนนักพัฒนาภายนอก ซึ่งให้บริการสิ่งต่างๆที่รัฐบาลไม่ได้ให้(รัฐบาลก็ให้ถนน, สะพาน, ฯลฯ) --> กฏหมายสำหรับธุรกิจการค้าต่างๆ เหมือนข้อกำหนดสำหรับนักพัฒนาต่างๆ ซึ่งยิบย่อยวุ่นวาย ซึ่งบางอย่างก็งี่เง่าหรือแย่ --> ประชาชนของประเทศ ก็เหมือน ผู้ใช้ที่ใช้มานานไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม อาจจะชอบหรือเฉยๆแต่ก็ใช้ต่อไปเรื่อยๆ โดยอยู่ภายใต้กฏหมายของประเทศ/ระบบนั้นๆ --> คนที่เข้ามาอยู่ในประเทศ ก็เหมือน คนที่มาใช้เพราะข้อดีหรือเหตุจำเป็นบางอย่างอาจจะชอบ/ไม่ชอบ แต่ก็อยู่ภายใต้กฏหมายของประเทศ/ระบบนั้นๆ --> คนชอบก็มีหลายแบบทั้งแบบไร้เหตุผลคิดแต่ว่าเจ๋งแต่ไม่มีข้อมูล(สาวกแบบงี่เง่า), คนชอบเพราะเหตุผลต่างๆ เหตุผลไม่เคยสมบูรณ์แบบเนื่องจากไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบทั้งจากกฏหมายหรือสังคม(สาวกที่ดี) และคนที่ชอบบางอย่างเพื่อเป็นแรงบันดาลใจหรืออะไรก็ตาม ซึ่งทั้ง 3 แบบไม่จำเป็นต้องอยู่ในประเทศนั้น(คนไม่ชอบก็มี 3 แบบอ่านะ ปลีกย่อยต่างบ้าง) ท้ายที่สุดผมว่าผลไม้คล้ายอเมริกามากกว่านิดๆนะครับ ส่วนหุ่นเขียวก็เป็นอะไรบางอย่างที่อิสระเหนืออเมริกาครับ พี่ๆมองว่าไงบ้างครับ
(ยาวมาก พยายามย่อแล้วนะ แต่กลัวโดนยิงพรุนก่อนมาตอบทันเลยเขียนไปยาวนิดๆอ่าคับ จะมีคนอ่านมั้ยหว่า)
เทียบได้ดีครับ :)
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ขอบคุณครับ (เย่!!! มีคนอ่านแฮะ ^^)
ต่างนิดนึงตรงเรื่องโทรศัพท์ ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะอยู่ค่ายไหน อยากอยู่แบบปิดหรือเปิด ในขณะที่ประเทศไม่ได้เลือกหรือเปลี่ยนได้ง่ายๆ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
คับ ตรงนี้มันต่างกันคับ แต่ข้างบนผมแสดงความเห็นในส่วนของ ผลไม้ ป๋องเขียว เกาหลีเหนือ อเมริกา เทียบกันเฉยๆคับ
ผมมองว่ามันเป็นรูปแบบที่คล้ายกันบ้าง ต่างที่สเกล ซึ่งถ้าคุณมีรายได้หมึ่นนึง การย้ายค่ายซิมเบี้ยนป๋องเขียวก็คงไม่สะดวกเท่าไหร่ เว้นแต่ว่าจำเป็น เพราะเหตุบางอย่าง
โดยที่สาเหตุที่ยังไม่อยากเปลี่ยนค่ายอาจเป็นเพราะใช้โปรแกรมบางอย่าง ชอบ UI ไม่อยากเปลี่ยนแปลง หรืออะไรก็ตาม
ซึ่งการให้ความสำคัญในเรื่องนี้ต่างคนก็ต่างกัน อย่างครอบครัวผมก็โนเกียเท่านั้นเพราะชินกับภาพลักษณ์ที่ดีเดิมๆของโนเกีย(ดังนั้นก็เลยใช้รุ่นเก่าๆ - -")
หากมองเรื่องไปต่างประเทศ ก็ลองขยายสเกลของปัจจัยต่างๆให้ใหญ่ขึ้นดู เช่นสังคมรอบตัว ค่าใช้จ่าย ข้อได้เปรียบเสียเปรียบหรือหลายๆอย่าง มันมีปัจจัยที่คล้ายๆกันพอสมควร
เพียงแต่ว่าลำดับความสำคัญต่อชีวิต ความยากง่าย ความสัมพันธ์กับรูปแบบเดิม และผลที่จะตามมามันอยู่ในสเกลที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตมากขึ้นครับ การเซฟด้วยการรอเวลาที่ต้องหรือสมควรจริงๆจึงมีมากขึ้น ในขณะที่โอกาศที่จะทำให้เกิดขึ้นได้จริงลดลงครับ
ปล.ผมใช้โนเกียมาชั่วชีวิต(ก็แค่ 7 ปีเอง มีมือถือตอน 10 ขวบ)และคงต้องใช้ไปอีกนานครับ(จนกว่าจะมีรายได้)
ใช้อยู่ทั้ง iPhone4, Galaxy S
เทใจให้่ Android จบ
เทใจให้ Android จบจบไปรึเปล่ากครับ :p
อ่าว ไหนว่าการ Jailbraek ไม่ผิดกฎหมายไงล่ะ ทำไมต้องกันขนาดนี้ล่ะ T_T
คนบอกไม่ใช่แอปเปิลครับ 555
แต่ก็ไม่ได้บอกว่าการป้องกัน ห้าม ต่อต้านการ Jailbrake หรือทำให้การ jailbrake หมดสภาพไปผิดกฎหมายนี่ครับ
ไม่ใช่เจอข้อหาทำลายทรัพย์สินนะ
ผมเทียบเหมือนอุปกรณ์ไฟฟ้านะครับ ถ้าคุณไปโมดิฟายมัน ก็ไม่ผิดกฏหมาย
แต่ถ้าบริษัทรู้ก็มักจะไม่ค่อยแฮปปี้ เพราะในคนที่ไม่ค่อยรู้แล้วเอาไปใช้อาจจะพาลหาว่าของห่วยในกรณีที่โมฯมาไม่ดี ซึ่งอาจสร้างภาพลบต่อบริษัท
และแน่นอนในกรณีที่โมฯแล้วพังไม่ว่าพังเพราะโมฯหรือไม่ ถ้าบริษัทเขารู้ว่าโมฯ เขาก็ตัดประกัน เพราะเขาไม่เสียเวลาไปเช็คหรอกว่าปัญหาเป็นเพราะโมฯหรือเปล่า ทั้งที่ไม่ผิดกฏหมาย แต่ก็ผิดกฏบริษัทนะครับ
ซึ่งในส่วนของ Apple แน่นอนว่าเขาก็ต้องไม่ชอบการเจลฯ เพราะการให้โปรแกรมตัวอื่นมาจัดการในระบบของเขา ก็วางใจยากเพราะถ้าโปรแกรมเจลฯเกิดทำมาไม่ดี คนก็มักจะมองที่อะไรที่จับต้องได้ไว้ก่อน จำเลยเลยอาจกลายเป็นว่า iPhone ห่วย
ดังนั้นหากเขาสามารถตรวจคนที่ทำการเจลได้ การตัดประกันก็คงไม่แปลก(สำหรับบริษัทที่ไม่ค่อยชอบ พึ่งคนอื่นจริงจังอย่างผลไม้แหว่ง) แต่ปัจจุบันก็จะเห็นว่าไม่ค่อยมีการตัดประกันเพราะเจลฯ เนื่องจากรีทิ้งก่อน ส่วนสำหรับ Apple ก็ไม่ได้ให้ตรวจมากมายเพราะผลกระทบยังไม่ร้ายแรงต่อ Apple นัก (มันส่งผลต่อนักพัฒนาทั่วๆไปมากกว่า และการเจลก็ไม่ได้ทำให้เครื่องทำงานได้แย่ลงเท่าไหร่ ดังนั้นภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ยังไม่เสียเท่าไหร่)
ดังนั้นสิทธิบัตรนี้ก็ไม่แปลกที่เขาจะทำออกมาซึ่งคงจะได้ใช้ก็ตอนที่มีอะไรที่แย่มากๆ(สำหรับแอปเปิ้ล)เกิดขึ้นมากับการเจลฯ ครับ
(ผมมองว่าคงไม่ได้ใช้จริงจังเร็วๆนี้หรอก คงจะอีกนานตอนที่หลายๆอย่างมันเปลี่ยนไปก่อน ไม่งั้นก็คงไม่ได้ใช้เลย)
บางคนอยู่ใน matrix ก็อยากจะหนีออกมาสู่โลกภายนอก
บางคนออกมาจาก matrix ก็ยังอยากจะกลับไป
เสรีภาพคือการเลือกได้ว่าจะอยู่ในหรือนอก matrix
ไม่ได้อยู่ในเมกาอยูละ ชิวววว
เป็นจิตวิทยาที่เหมือนกับการบอกว่า บริษัทที่ทำ App ลง iOS จะได้รับการปกป้องผลประโยชน์ อย่างนั้นรึเปล่า เหมือน Sony ใจก็อยากขายเครื่องเกมส์ แต่ถ้าเปิดแก้เครื่องกันเสรี บ.ทำเกมส์ก็คงไม่อยากทำเกมส์ลงเพราะยอดขายต่ำ บ.ผลิตเครื่องสบายแต่ผู้เดียว
ไม่ใช่จิตวิทยาครับ เป็นวิธีธรรมดาแบบนึงในทางธุรกิจครับ หลายๆบริษัทไม่ใช้เพราะถ้าโปรดักต์เขาไม่ดีพอก็จะพลอยตายง่ายๆครับ
แต่อันนี้เขามั่นใจอยู่แล้ว ก็รอดูการใช้จริงเอาละกันครับ อย่าพึ่งไปติเขาเลย ไว้ออกมาค่อยติก็ไม่เสียหายนะครับ
ผมว่าอาจจะเอาไปใช้งานร่วมกับ Mobile Me มากกว่าครับ ให้เจ้าของเครื่องทราบได้ว่าตอนนี้มีใครมาพยายามทำอะไรเครื่องเราหรือเปล่า (มองในแง่ดีไปหรือเปล่านี่)
มองแง่ดีน่ะดีแล้วครับ ไม่เหมือนข้างบนบางท่าน เค้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย..ขู่จะประหารชีวิตเค้าซะแล้ว
อคติทำให้คนรับฟังเหตุผลด้านเดียว หุหุ
ผมว่าที่นี่หน่วยแอนตี้สาวกแรงกว่าสาวกจริงๆเยอะเลย
twitter.com/djnoly
ในกระทู้นี้และกระทู้ส่วนใหญ่ต้องบอกว่า Anti Apple ครับ เพราะยังไม่มีสาวกแรงๆมาให้โดนยำ
ส่วน Anti Zealot จะแรงในช่วงเทศกาลเนรเทศ Zealot ครับ
(ปล.หลังเทศกาลเนรเทศครั้งหน้าผมจะยังอยู่มั้ยหว่า...ใช้วิธีหายตัวไปดูสถานการณ์เหมือนช่วงก่อนหน้าละกัน...^^ )
จริงๆ แล้วต้องบอกว่า zealot นิยมเสพข่าวด้านลบๆ ของแอปเปิลมากกว่าใครเพื่อนครับ เพราะมันได้ออกมา "ปกป้อง" (เป็นการแสดงออกแบบหนึ่ง) ข่าวดีๆ ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำเท่าไร
ลองสังเกตดูก็ได้ครับ ข่าวนี้ก็มีบ้างนิดหน่อย
เออ...ใช่คับๆ เห็นมาตลอดแต่ไม่ได้สังเกตเป็นประเด็น เวลาแอปเปิลทำดีมีคนชมอยู่แล้วความต่างระหว่างคนทั่วไปกับสาวกแบบต่างๆก็ไม่มาก
แต่เวลามีข่าวไม่ค่อยดีถึงแย่มา มีคนด่า สาวกที่ดีก็อาจติปนตั้งข้อสังเกตอะไรบ้างแบบมองในแง่ดีนิดๆ
ส่วนสาวกอีกรูปแบบก็จะเข้ามาส่งเสียงดริฟ เอี้ยด-อ้าด พาเข้าเว็บดราม่าซะงั้น...
อันนี้ +100 ครับ
+1
Here's the real Big Brother.
And now, he's watching you!
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องจดสิทธิบัตร ของแบบนี้ต้องระวังคนลอกด้วยรึ?
ถ้าลองคิดในประเด็นนี้ผมว่าเป็นไปได้มากที่จะออกสิทธิบัตรเพื่อขู่ User มากกว่า
เห้นป๋องเขียว นึกถึง heineken ทู๊กที...