ที่งาน Java One ครั้งแรกของออราเคิล ทางคุณ Thomas Kurian รองประธานอาวุโสของบริษัทได้ขึ้นเวทีประกาศทิศทางของจาวาดังนี้
- เนื่องจากกระบวนการพัฒนา Java 7 ล่าช้ากว่าที่คิดไปมาก ทางออราเคิลจึงตัดสินใจตัดฟีเจอร์ 3 อย่าง ได้แก่ Jigsaw (แยกโมดูลให้ JDK ผอมเพรียว), Lambda (เพิ่ม closure หรือ lambda expression ให้จาวา) และ Coin (ปรับแก้สเปกเล็กๆ น้อยๆ ของตัวภาษาจาวา) เพื่อให้ Java 7 สามารถออกรุ่นได้ในปี 2011 ฟีเจอร์ที่ถูกตัดจะย้ายไปอยู่ใน Java 8 ออกปี 2012
- ใน Java 7 ทางออราเคิลจะกลับมาโฟกัสที่ JavaFX อีกครั้ง โดยใช้มันเป็นตัวเชื่อมระหว่างจาวา, จาวาสคริปต์ และ HTML5
-
นอกจากนี้ Java 7 ยังเพิ่มฟีเจอร์ด้าน 3D ผ่านเอนจินกราฟิกตัวใหม่จากโครงการ Prism
นอกจาก Java 7 แล้ว ทางออราเคิลยังพูดถึงโครงการอื่นๆ ดังนี้
-
สัญญาว่าจะพัฒนา Java EE ต่อไป เพียงแต่ไม่บอกว่าจะทำอะไรบ้าง
- Java ME จะเน้นตลาดมือถือที่ไม่ใช่สมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นจุดแข็งมาโดยตลอด โดย Java Me จะเพิ่มเบราว์เซอร์ WebKit เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟนทั้งหลาย
- Java ME จะมีเอนจินกราฟิกตัวใหม่ ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพทั้ง 2D และ 3D เพื่อจับตลาดนักพัฒนาเกม
- NetBeans จะออกรุ่นใหม่ 2 ครั้งในปี 2011
ที่มา - SD Times, รายการฟีเจอร์ใหม่ของ Java 7, OSNews
Comments
เอาให้สุดโหดไปเลยครับ
Java ME ฟังดูมีความหวังขึ้นมา
อ่านแว้บแรกคิดว่าคุณ nuntawat เขียนข่าวนี้
ถึงว่า ช่วงนี้ฟ้าร้องฝนตกหนัก
ผมไม่นึกถึงน่ะ เพราะคุณ nuntawat มักเขียนข่าวของไมโครซอฟท์กับ intel แต่ระะยะหลัง ข่าวหลุดมือถือ (ผมว่ากำลังอยากซื้อตัวใหม่อยู่แน่ๆ แต่ยังตัดสินใจซื้อไม่ได้)
ข้อสำคัญที่คนพูดกันมาก แต่ดูเหมือนบทความไม่ได้นำมาลง คือการ discontinue javafxscript
ซึ่งเป็นข่าวสำคัญที่วนเวียนกันอยู่ในวงการมาก
ส่วนตัวเห็นว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด
การจะไปใช้ javafx api นั้นถูกต้อง แต่ไม่ควรทิ้ง javafxscript
สิ่งที่ oracle ควรทำมากกว่าคือ ลงทุนกับ tool มากขึ้น และ
ปรับทีมเสียใหม่ ให้คนที่เป็นนักพัฒนาที่ค่อนไปทาง business application เข้าไปมีส่วนร่วมมากขึ้น
oracle คงหวังปลุกผี javame อีกครั้ง ผมว่ายาก ตรงนี้ ตีโจทย์ผิด
ผู้ใช้ต้องการอะไรที่ สมบูรณ์ในตัวเองและเข้าใจง่าย
ผู้ใช้จำ platform จากสิ่งที่เห็นและเข้าใจได้ตอนนี้ไปถาม javame คนธรรมดามองไม่ออกครับ
ไม่มีตั้ง tangible thing ที่เป็นรูปทรงเครื่องเหมือนไอโฟน
ไม่มี shell UI experience, common service experience ( google )
(ถ้าทำเป็น javame มี shell ของตัวเอง อันนี้พอได้ และเป็นทางเดียวที่เหลือ)
ไม่มี market (ใครจะมาพัฒนาขาย) โมเดลเดิม ๆ มันล้าสมัยไม่คล่องตัว
(คงไปขอผูกโอเปอเรเตอร์)
มือถือไม่ใช่สมาร์ทโฟน เครื่องเยอะ แต่ ความต้องการ app ก็น้อยลงไปเยอะด้วย
ถึงตอนนี้ผมดู java ในมือ oracle แล้วความหวังลดน้อยลง แต่ก็ยังหาทางเลือกอื่น ๆ ไม่ได้อยู่ดี
JavaME จะสู้ OpenGL ES, DirectX ได้งั้นหรือ? Oracle เชี่ยวชาญทางนี้?
สุดท้าย Java ก็ฟ้อง .NET ไม่ได้แล้ว เพราะลอกแนวคิดเรื่อง Lambda Expression มา
น่าจะหมายถึงใน platform มือถือมากกว่าน่ะครับ
ผมว่าพวก OpenGL ES กับ DirectX มันอยู่เฉพาะบนพวก Smartphone นะ ซึ่งออราเคิลไม่เน้น J2ME บนพวกนี้อยู่แล้ว (เน้นไปยังไงก็คงสู้ไม่ได้อยู่ดีแหละ)
เทียบคนละประเด็นแล้วครับ Java ME != OpenGL ES หรือแม้แต่ DirectX นะครับ สองส่วนหลังเป็นเพียง Graphic 3D Library และ/หรือ Library สำหรับเกมส์เท่านั้น ไม่ได้เป็น platform สำหรับพัฒนาโปรแกรม
แล้ว Lambda Expression มันคือแนวคิดการทำ Closure แบบหนึ่งครับ
อาจเทียบผิดประเด็น งั้นเอาเป็นประเด็นทาง Business ปลุกผี JavaMe ขึ้นมาคงไม่รอดหาก Android ยังเติบโตอยู่ซินะ
ส่วนการลอกแนวคิดคนอื่น แบบที่ Java geek ชอบด่าภาษาใน .NET ก็ควรหันกลับมามองได้แล้วว่า Java ไม่ใช่ภาษาเทพ
พวก feature phone ก็ยังมีส่วนแบ่งตลาดที่เยอะอยู่เมื่อเทียบกับ smartphone นะครับ การหันไปจับตลาดที่ตัวเองเข้มแข็งอยู่แล้ว อาจเป็นกลยุทธ์ที่ดีกว่าก็ได้
ประเดนที่น่าห่วงคือ.. trend จะเปนอย่างไรต่อไป
สำหรับสัดส่วนระหว่าง feature phone vs. smart phone
เพราะ andriod มาไม่กี่ปี ก็ลงไปตลาดพันกลางๆ ได้แล้ว
แม้สมมติ google แพ้คดีกับ oracle .. andriod เจอโขก
ก็ยังมี meego ที่เปนวุ้นอยู่ ยังตัดสินอนาคตไรมากไม่ได้
โลก smart phone พึ่งจะเริ่ม ไปได้อีกไกล (และกว้าง?)
ถ้าสุดท้าย feature phone ดับ ไม่ใช่แค่ Java ME ซวย
dev ก็ซวย.. หวนไปไต่ curve smart phone อย่างไกล
ก็สะกิดเอาไว้นินึง..
สำหรับคนคิดจับ Java ME เพราะคิดจับ feature phone
ระยะยาวก็คงมีปัญหาอย่างคุณว่าน่ะครับ เพียงแต่ถ้าผมเป็น Oracle แล้วจะเริ่มลงทุนใหม่ก็อาจจะช้าไปแล้วเช่นกัน
สถานะของ Java ME ตอนนี้ก็จะคล้ายๆ กับ BREW นั่นล่ะครับ
ก้อสะกิดไว้นินึง.. สำหรับคนที่เหนข่าวนี้ แล้วคิดจับ Java ME ด้วยเหตุที่ว่าคิดจะจับกลุ่ม Feature Phone แต่ก็เปนแค่ความเหนส่วนตัวนะ.. ยังไง ใครที่คิดจับกลุ่ม Feature Phone ก้อเชคข้อมูลลึกๆ อีกทีนะครับ
แต่ไม่ว่ายังไง ก้อมีโอกาสสร้าง value ได้อยู่เสมอ แค่ต้องปรับตัวให้ได้ อาทิเช่น .. หากกลุ่ม Feature Phone อายุสั้นจิง.. ก้อยังอาจใช้วิธีตีฉาบฉวยได้ รุกเรว ถอยเรว แต่ถ้าอายุยาว.. การสะสมกำลังแล้วรุกทีเดียวเบดเสดเดดขาด อาจมี ปสผ มากกว่า ทว่าเกิดคาดผิด กะว่าอายุยาว เลยจะใช้แผนรุกเบดเสด แต่ดันอายุสั้น ก็ลงแรงเก้อ
ส่วน Oracle จะใช้แผนไหน ไม่ค่อยสนใจ ไม่มีส่วนได้เสีย.. ห่วงแต่เรากันเอง กัวหลงคารม marketing
ผมว่าพวกที่ชอบเกทับ(ที่ไม่ใช่ทับเกย์) มันไม่มีอะไรเลยครับ ภาษาที่เกิดที่หลังย่อมได้ศึกษาจุดดีจุดเด่นของฟีเจอร์ต่างๆที่อยู่ในภาษาก่อนหน้า และเลือกหยิบมาใช้ให้ตอบวัตถุประสงค์ของภาษานั้นๆครับ
ปล. ถ้านับจำนวนฟีเจอร์โฟนที่ติดตั้ง Java ME ทั่วโลกก็เยอะอยู่นะครับ แต่ด้วยฮาร์ดแวร์ที่หลากหลายเกินไป แรม, หน้าจอ, CPU power ถึงแม้จะมีโปรไฟล์มาช่วย แต่มันเลยกลายเป็น least-common ไป
ปล 2 ภาษาจาวาไม่ได้เทพครับ และภาษาจาวาไม่ได้เร็วครับ ตอนนี้มันทั้งกินจุกับอุ้ยอ้ายครับ แต่มันมีลักษณะงานของมันที่มันเหมาะอยู่ครับ
+1
Lambda Expression หรือ Closure มีในภาษาอื่นมานานแล้วครับ มีมาก่อนที่ .NET จะเอามาใส่ไว้ใน C# 3.0
แต่ก็ยัง native ก่อนจาวา ??
Java ไม่ได้ native อยู่แล้วครับ และคงไม่มีวันเป็น native
ขออภัยที่พูดไม่เคลียร์.. ไม่ได้หมายถึง compile เปน native machine code แต่ว่าหมายถึง native support lambda expression
ประเดนคือ.. อย่ากัด .net นักเลย.. ว่าเอา นั่นนี่ มาจาก นู่นโน่น หาก .net เอา นั่นนี่ มาใส่แล้วไม่ work จะกัดก็โอ
ส่วนหากจะบอกว่า .net มี นั่นนี่ native หลัง นู่นโน่น แต่จาวาแก่กว่าอีก น่าฉงนกว่าว่ามัวทำไร ไมยังไม่มี
หรือจิงๆ แล้ว นั่นนี่ มันไม่เหมาะ ไม่ควรมี ไม่ควรใช้ ซึ่งจาวารุชะตา ก็เลยไม่ support นั่นนี่ แบบ native ที่ .net ใส่มา ก็แค่สร้างภาพ.. จะได้ระวังไม่ใช่ นั่นนี่
แต่ถ้าให้ตอบ.. ส่วนตัวคิดว่า แกนของจาวาพัฒนาช้า ซึ่งเหตุก็เพราะการ govern คนใน core community ส่วนประเดนเชิง technical นี่ เปนประเดนรองมากๆ
เริ่มฟังดูดีขึ้น
Java ME น่ะ อยากจะถามว่าตัว VM มันเข้าถึง HW ได้เร็วขนาดไหน
ปล. อย่าไปถอด MIDI จาก JMF นะวุ้ย ยิ่งดึงไลบารียากอยู่
สนใจแต่ข่าวว่า Java 7 จะออกแล้ว อย่างอื่นไม่สนเลย
ออกมาได้ซักที กี่ปีแล้วเนี่ย
JAVA ในมือ Oracle เนี่ย สงสัยจะหนัก ไปทาง business use