CareerCast เว็บจัดหางานชื่อดัง ได้ทำการจัดอันดับงานที่น่าทำที่สุดในอเมริกาปี 2011 โดยการให้คะแนนจากปัจจัย 5 อย่างประกอบไปด้วย รายได้, สภาพแวดล้อมในการทำงาน, ความต้องการในตลาดแรงงาน, ความเหน็ดเหนื่อยทางร่างกาย และความเครียด ซึ่งอาชีพที่ได้คะแนนรวมอันดับที่ 1 ในปีนี้คืองานตำแหน่ง Software Engineer
ตำแหน่งงาน Software Engineer ในอเมริกา ปัจจุบันมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ $87,140 ต่อปี (ประมาณเดือนละ 210,000 บาท) ซึ่งถึงแม้รายได้จะเป็นรองอาชีพอย่างแพทย์หรือทนายความ แต่ระดับความเครียดนั้นไม่สูงเท่า มีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี ใช้แรงงานน้อย และมีความต้่องการจำนวนสูงมาก
สำหรับอันดับงานที่น่าสนใจ 10 อันดับแรก พร้อมรายได้เฉลี่ยต่อปีมีดังนี้
1. Software engineer - $87,140
2. Mathematician - $94,178
3. Actuary - $87,204
4. Statistician - $73,208
5. Computer systems analyst - $77,153
6. Meteorologist - $85,210
7. Biologist - $74,278
8. Historian - $63,208
9. Audiologist - $63,144
10. Dental Hygienist - $67,107
เมืองไทยน่าจะมีบริษัทจัดทำอันดับแบบนี้ดูบ้างนะครับ
ที่มา - CarrerCast
Comments
$87,140 ต่อปี ผมหารได้ 217,850 บาทต่อเดือนนะครับ
นั่นสิ
คงแปลงเป็นรายได้ที่เหมาะสมเมื่อมาอยู่เมืองไทยมั๊ง
ที่อเมริกา
ทำงานเขียนโปรแกรมมีประสบการณ์ 1 ปี ยังได้เป็นแค่ Junior Programmer ครับ
ความหมายของ Software Engineer ที่อเมริกาคือเป็น Engineer จริงๆ ไม่ใช่แค่คนที่เขียนโปรแกรมได้เหมือนไทย
โคตร Programmer ที่อเมริกาหลายๆ คนมีเงินเดือนสูงกว่า Manager ครับ
เมือง ไทยหลายๆคน เป็นทุก ตำแหน่งในคนเดียวครับ ๕๕๕ เทพกว่าเมืองนอกเยอะครับ
ตลกเหรอครับ
ตลกมากครับ แต่หน้างานขำไม่ค่อยออกเท่าไร
บางวันให้รื้อคอม + เขียนโปรแกรม + ออกแบบ DB + เขียนเว็บ + ออกแบบ UI + เขียน Algo เอง etc.
แต่ผมจะไม่มองเป็นเรื่องเครียดครับ(ปลอบใจตัวเอง)
ส่วนตัวผมก็ตลกมากเช่นกันครับ
Ton-Or
ผมว่าไม่ตลกนะ ถ้าเอาสาย software อย่างเดียวยังแบ่งเป็น structure / object oriented ครับแถมจะทำ OO ให้ได้ดีมากๆ ยังต้อง OOAD + OOP อีกนี่ยังไม่รวมประสบการณ์ design นะครับ สำหรับทำงานองค์กร ยังตอ้งคำนึงถึง standard และ การทำงานเป็นทีมอีกเยอะครับ...
แต่ว่า software engineer บ้านเราบางทีผมเห็นต้องเป็นพวกเขียน software ทางวิศวะกรรมแบบประมาณ hardware ก็หลายที่นะครับที่ผมเจอ แต่ที่เรียนมาจะเน้นพวกทางด้านอุตสาหกรรมทางด้านการผลิต software มากกว่า (เข้าใจผิดพลาดยังไงขอโทษล่วงหน้าครับ)
man man to be super programmer นะฮ้าบ
แน่นอนครับ เมืองนอกเค้าเห็นความสำคัญของ software engineer/ senior programmer ครับ
ไม่เหมือนบ้านเรา....อยากโตต้องย้ายไปสายบริหารหมด ผมว่าเพราะงี้แหละงาน IT บ้านเราจะไม่ค่อยก้าวหน้าเพราะขาด specialist จริงๆ
มองคนละแบบกันครับ
คนไทยต้องการใครก็ได้สักคนที่ทำได้ทุกอย่าง
ส่วนอเมริกาต้องการกี่คนก็ได้ที่เข้าใจในงานๆ นึง
ใช่เลยครับ มีความสุขกันคนละแบบครับ
ชีวิตกำหนดได้ ฝันให้ไกลไปให้ถึง
ถูกครับ ถ้าทำได้อย่างเดียวลึกๆ มีหวังต้องไปหางานตปท. ละ
พิมพ์ผิดเองครับ แก้แล้วครับ ขอบคุณครับ :)
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
เมืองไทย อันดับ1ต้องนักการเมืองเลยครับ
ขึ้นเงินเดือนตัวเองได้ด้วย
ไม่รู้ว่า Adecco เค้าจัดทำรึเปล่านะคะ
เคยดูเมื่อหลายปีก่อน เห็นข้อมูลแต่เงินเดือนเฉลี่ยนะครับ
(แต่ตามนิสัยผู้ใหญ่ไทย ก็คงบอกให้เด็กเลือกอันที่เงินเดือนเยอะๆ หละมั้ง)
ปีนี้คือ 2010 หรือ 2011 ครับ?
2011 ครับ
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
Biologist
Historian
โอ๊ววววว ดีจัง
Historian บ้านเราเงินน้อยเกิ๊น
ขอเพิ่ม Meteorologist ด้วยได้มะ
ถ้าของไทยทำ นักการเมืองน่าจะอยู่อันดับต้นๆ เลยทีเดียว
ขึ้นเงินเดือนได้ โดดงานได้ โดยไม่มีใครว่า จะมีอาชีพใหนทำได้ขนาดนี้
สวดยวดป่ะหล้าาาาา
ว่าสิครับแต่เขาแคร์ซะที่ไหนล่ะ
น่าทำมากครับ
งานของนักคณิตศาสตร์ เค้าทำอะไรเหรอ ทำไมได้เงินเยอะจัง เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยอย่างเดียวเหรอ
math ใช้ประยุกต์ได้เยอะ ไม่ว่าจะเป็นทางฟิสิกส์ การขนส่ง การจัดการโลจิสติกส์ การแก้ปัญหาเพื่อทำกำไรสูงสุด เกี่ยวกับการถอดรหัสเข้ารหัส ฯลฯ ผมรู้จักคนนึงเป็นที่ปรึกษาให้บ่อนคาสิโนในพม่า เขาทำเรื่องเกี่ยวกับความน่าจะเป็นเพื่อคำนวณการทำกำไรมากสุดครับ
นักคณิตศาสตร์ได้อันดับสอง แถมรายได้เยอะอีกต่างหาก น่าสนใจมากครับ
ที่ผมเจอมาคือ งานหลาย ๆ อย่างต้องการให้นักคณิตศาสตร์มาช่วยแก้ปัญหา (ผมก็เคยอยากขอช่วยนักคณิตศาสตร์) แต่ปัญหาคือ นักคณิตศาสตร์มักคุยกับคนสาขาอื่นไม่เข้าใจ โดยเฉพาะตอนนิยามปัญหา จนบางครั้งผมคุยกับเพื่อนขำ ๆ ว่า หากเราสามารถนิยามปัญหาให้นักคณิตศาสตร์เข้าใจได้ การแก้ปัญหาก็จะไม่ยากแล้ว แล้วเราก็ไม่ต้องการพวกเขาอีกต่อไป
นักคณิตศาสตร์ได้ยินดังนั้นเลยตอบกลับว่า งั้นคุณก็มาเรียนวิธี "ใช้ภาษา" ของเราสิ แล้วคุณจะรู้ว่าปัญหาต่างๆ นั้น ง่ายขึ้นเป็นกองเลย
ขำๆ นะครับ :P
จำไม่ได้แล้วว่าหนังเรื่องนึง ที่พระเอกเป็นนักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ
ฉลาดมากจนกลายเป็นคนจิตวิตก แต่หนังมันสะท้อนให้เห็นว่า นักคณิตศาสตร์ในเมืองนอกเป็นอะไรที่ดีมากจริง ๆ
beautiful mind ปะครับ
จำไม่ได้แล้วว่าหนังเรื่องนึง ที่พระเอกเป็นนักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ
ฉลาดมากจนกลายเป็นคนจิตวิตก แต่หนังมันสะท้อนให้เห็นว่า นักคณิตศาสตร์ในเมืองนอกเป็นอะไรที่ดีมากจริง ๆ
Vanilla Sky?
หรือ Beautiful Mind ผมก็จำไม่ได้ด้วยสิ ไม่ได้ดู
Vanila sky มันเรื่องเกี่ยวกับ Lucid dream ครับ คนละอย่าง
ถ้าเรื่องที่เห็นภาพหลอนเป็นคนอีกคนล่ะก็ beautiful mind ครับ
แนะนำไปหาดู Good Will Hunting เป็นหนังดีเรื่องนึงเกี่ยวกับนักคณิตศาสตร์ครับ
ส่วน beautiful mind ที่พูดถึงกันนั้นกล่าวถึงนักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกันผู้โด่งดัง John Nash ผู้ค้นคว้า Game Theory ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญทางเศรษศาสตร์จนเขาได้รางวัล Nobel ในปี 1994 เลยทีเดียว หากสนใจงานเขาลองดูต่อเรื่อง Nash equilibrium จะเห็นภาพชัดขึ้นว่างานของเขาเกี่ยวของกับชีวิตเราตรงไหนบ้าง
ผมชอบเรื่อง Number ที่พระเอกเป็นนักคณิตศาตร์ แล้วมีพี่ชายเป็นมือปราบ
แล้วเอาคณิตศาสตร์มาคำนวณหาแบบแผนหรือวิธีการคิดของ ฆาตรกรต่อเนื่องหรือพวกมือวางระเบิด
เพื่อหาเหยื่อรายต่อไปให้เจอก่อนฆาตรกรจะลงมือ
Math pure จะทำการศึกษาระบบจำนวน ว่าสร้างขึ้นมา/มีสมบัติ/รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
อย่างเช่นง่ายๆ ก็ศึกษาจำนวนนับ แล้วก็สร้างจำนวนเศษส่วน จำนวนจริง จำนวนจินตภาพ ขึ้นมา (แล้วก็ศึกษามันต่อ) ตามลำดับ
(จำนวนจินตภาพ อย่าคิดว่าไม่มีประโยชน์ เพราะฟิสิกส์ระดับสูงต้องการจำนวนนี้)
สายที่แตกออกมาตรงๆ ก็คือสายที่ศึกษาจำนวนเต็มเท่านั้น (discrete)
จุดสนใจของสายนี้คือ การดำเนินการในระดับบูลีน (0+0=0, 0+1=1, 1+1=0) ถ้าไม่มีสายนี้ คอมพิวเตอร์คงเกิดขึ้นไม่ได้เป็นแน่แท้!!!
นอกจากนี้ก็ศึกษาพวกกราฟ ต้นไม้ ลูป ซึ่งสามารถนำมาใช้อธิบายเรื่องฐานข้อมูลได้
อีกสายนึงจะทำการศึกษาเรขาคณิต ว่ารูปทรงอย่างนี้มีความยาวเส้นรอบรูป/พื้นที่/ปริมาตรเท่าไหร่
การขึ้นรูปของมันทำได้อย่างไร ใช้สมการอะไรอธิบาย และเมื่อศึกษามันด้วยกรอบอ้างอิงที่มากกว่า 1 แล้ว จะมีสมบัติอย่างไร
ไม่หมูอย่างที่คิด เพราะเมื่อเริ่มลงลึก คณิตศาสตร์จะไปศึกษาในระดับที่สูงกว่า 2 มิติ (แผ่นกระดาษ) และ 3 มิติ (รูปทรง)
สายนี้ประยุกต์ได้โดยตรงกับ computer graphic เลย
สายที่ปวดหัวมากที่สุด เห็นจะหนีไม่พ้นสายที่ศึกษาเกี่ยวกับจำนวนเฉพาะ
ทุกวันนี้มันยังเป็นความลับอยู่เลย เรายังหาคำอธิบายรูปร่างของมันได้ไม่ถูกต้อง 100%
แต่ถ้าทำได้เมื่อไหร่ เราคงต้องมาทบทวนระบบรักษาความปลอดภัยกันใหม่ตั้งแต่ต้น
เมืองไทยได้เท่าไรอ่ครับ
software engineer
Software Engineer เมืองไทยก็ Programmer ดีๆ นี่เอง
หรออออออออออ O_O!
:: DigiKin8 ::
Software Engineer (ด้าน Embedded นะ)
จบใหม่ start 18500 บาท ครับ บริษัทญี่ปุ่น
เยอะนะนั่น แต่ให้เดา ? โดน โอ-ฟรี ใช่มะครับ
เอ๊ะ แต่ดูอีกที บริษัทญี่ปุ่นคงไม่โดนมั้ง
Shut up and ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ raise your dongers ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ
บริษัทญี่ปุ่นส่วนมากโหดกว่าโอฟรีครับ
บังคับทำโอทุกวัน จันทร์ - ศุกร์ทำงานต่อถึง 3 ทุ่ม
เสาร์-อาทิตย์ต้องมาทำงาน
อืม อันนี้แล้วแต่มองอะครับ ผมก็เคยมีประสพการณ์กับบริษัทญี่ปุ่นมา ซึ่งสุดท้ายแล้ว ผมเลือกที่จะไม่ไปทำกับบริษัทนั้น หลังได้ยินเรื่อง comment เหมือนคุณเนี่ย
แต่มองอีกที ดูบริษัทพี่ไทยหลายๆ บริษัท โอเคคุณอาจจะได้หยุดวันอาทิตย์ แต่วันธรรมดา คุณก็ต้องทำโอฟรีถึง ทุ่มสองทุ่ม พอมาดูๆไปแล้ว บริษัทของญี่ปุ่นที่ว่าโหด ก็ยังไม่ "Petdo" เท่าบริษัทไทยเลยครับ
บางทีของเราดูๆ ไปแล้วก็กลายเป็นว่า นายจ้างเอาเปรียบลูกจ้างกว่า บริษัทต่างชาติเยอะ
เอ้อ ลืมบอกสุดท้าย เพื่อนผม ทำงานที่บริษัทญี่ปุ่น บริษัทนั้น เงินเดือน สตาร์ต 17k แต่ ได้โอเกือบ 20k ผมว่ามันก็ไม่เลวนะ ถ้าไม่นับว่าเหนื่อยสายตัวแทบขาดเนี่ย
Shut up and ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ raise your dongers ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ
แฟนทำบริษัทญี่ปุ่นก็โดนแบบที่ว่าครับ โอแทบทุกวัน บังคับด้วย เสาร์-อาทิตย์ก็ต้องมาทำ(แทบจะทุกเสาร์)
บางวันทำจนสว่าง แต่ได้โอ แค่6โมง ถึงเที่ยงคืน แล้วก็ต้องลาเช้า แล้วก็ไปทำงานช่วงบ่าย + โอตอนเย็นต่อ...
เงินดีจริงครับ แต่โดนแบบนี้ซักเดือนเบลอ+มึนครับ(เครียด+นอนน้อย)
เมืองไทยหาไม่ค่อยได้เลยนะครับ
ผมเรียนมีแต่คนถามว่า จบไปทำอะไร - -"
งงแฮะ ผมพิมพ์ "2." แต่ทำไมมันขึ้นเป็น "1." หว่า
เพราะ markdown ครับ
ผมก็เป็นเหมือนกันครับจบไปไม่รู้จะทำอะไรยิ่งสายเพียว ๆ ไม่ข้องเกี่ยวประยุกต์เลยด้วยแล้วยิ่งลำบาก
แล้วไอ้พวกคณิตศาสตร์ประกันภัยนี้ไม่ได้หลอครับเห็นขาดแครนมากรายได้การันตีที่ปีละ 5ล้าน ด้วย ในไทยอ่า
actuary ไงครับ คณิศาสตร์ประกันภัยอะ
ในเมืองไทยมีเยอะแยะเลย
เจ้ามือหวยไงครับ
Math ล้วนๆ ได้ตังค์เยอะด้วย
บางทีต้องคาดเดากระแสเลขเด็ดจากต้นไม้ ต้นกล้วยด้วยนะครับ
ว่าจะรับแทงไม่รับแทง
โดนถาม จนคนถามขี้เกียจฟังคำตอบไปละ
ถ้างานในอเมริกา software engineer น่าทำงานมากที่สุด
แล้วในบ้านเราละครับ งานไหนน่าทำที่สุด(อาชีพส่วนตัวขอตัดไปก่อนเลย)
แฟนลูกพี่ลูกน้องทำเป็น software engineer ให้กับ Nokia รายได้อยู่ที่ประมาณ $100,000/เดือน งานเข้าเมื่อไหร่ก็ได้ถึงเวลาเปิด project ก็พอ มันคงน่าทำจริงๆ แหละ แต่ดูแล้วผมคงทำไม่ได้แหะ
$ หมายถึง US Dollar นะครับ
ถ้าหมายความตามนั้นจริงๆ ก็รายได้มหาศาลเลยทีเดียว
พิมพ์ผิด >< $10000
ขอโทษที พิมพ์ผิดครับ >.< $10,000
เดือนละ 3 ล้านเลยเหรอครับ
แพงกว่านายกอีกนะนั่น
^
^
that's just my two cents.
ผมว่าน่าจะเข้าใจผิด salary rate ที่ได้ยินเป็นอัตราต่อปีรึเปล่าครับ
Network Engineer ไม่ติดฝุ่นเลยแฮะ = ="
(อาชีพกรรมกรสายเครือข่าย..)
ต้องไปทำงานที่่ต่างประเทศซะแล้ว
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
เป็นวิศวกร เรียนก็เรียนยาก
จบมาเงินเดือนน้อยกว่าบางตำแหน่งที่มันไม่ได้ใช้ความรู้เฉพาะด้านสูงเหมือนเราๆซะอีก
น่าน้อยใจหน้อวิศวกรไทย......(หลายๆคนจึงต้องพากันหนีไปทำเมืองนอกหมด)
ก็คนเรามันต้องกินต้องใช้นิ
เครียดทำไมครับ ทำงานได้เงินพอใช้พออยู่พอกินก็พอแล้ว
ถ้าจะเปรียบเทียบก็เปรียบเทียบแค่คนในประเทศที่ตำแหน่งงานเดียวกันดีกว่า
หรือไม่ก็ไปเทียบกับจีนก็ได้ครับ บางโรงงานวิศวกรปริญญาเอกเป็นพันๆ คน
สำหรับผม ผมเจอมาหลายคนแล้วที่ว่าไปเมืองนอกแล้วกลับมาก็ไม่ได้มีอะไรที่บอกว่าชีวิตดีขึ้นเลยครับ
ได้เงินเยอะก็จริง แต่ก็ใช้เงินเยอะด้วย
และถ้าเข้าใจไม่ผิด วิศวกรที่อเมริกานี่ความรับผิดชอบต้องสูงมาก ถ้าเกิดปัญหาก็โดนฟ้องได้
ถ้าเทียบกับบ้านเราก็ประมาณว่าตึกถล่มแล้ววิศวกรโยธาก็ต้องรับเต็มๆ อะไรประมาณนั้น
เพราะวิศวกรบ้านเค้านี่คือวิศวกรจริงๆ รู้ลึกถึงระดับการทำงานใน CPU ครับ
หลายอาชีพพวกนี้ ในไทยเป็นอาชีพที่ไม่ได้รับการส่งเสริมเลยด้วยมั้ง
ในไทย Historian นี่เค้าทำอะไรกันนะ >_<
Historian ในไทยมีเยอะครับ แต่งานที่ผมเคยเห็นเค้าทำออกจะหลากหลายครับ แล้วมันแตกแยกย่อยรายละเอียดลงไปเป็นช่วงๆของประวัติศาสตร์ครับ ต้องชำระประวัติศาสตร์ ตรวจสอบหลักฐาน ค้นคว้าหลักฐานใหม่ๆ ดูแลและบำรุงโบราณสถาน มีนักประวัติศาสตร์ประจำอยู่แทบทุกจังหวัดเลยครับไปไหนก็เจอเต็มไปหมดครับ ส่วนใหญ่จะอยู่กรมศิลปากร ประจำกันอยู่ในแต่ละภาค แต่ละเขตุ แต่บางคนก็ประจำอยู่มหาวิทยาลัย เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ในแต่ละด้านโดยเฉพาะครับ ซึ่งมันย่อยและแตกสายแตกแขนงต่อไปได้อีกมากครับ
แต่ที่แย่คือเงินเดือนน่าจะต่ำครับ และพวกนี้ออกจะเป็นพระบู๊ห่ำหั่นกันทั้งสิ้นครับ
เท่าที่เห็นนี่ประวัติศาสตร์ไทยยังต้องชำระอีกมากเลยครับ แทบจะทุกเดือนมีการชำระประวัติศาสตร์ใหม่ๆและลบความเชื่อเดิมๆตลอดครับ แต่ของพวกนั้นหลายๆคนไม่ได้เรียนรู้กันเพราะเรารู้แต่เพียงผิวๆของประวัติศาสตร์ครับ ลำพังแค่ตีความเอกสาร ปูมโหรประโยคเดียวก็แทบพลิกประวัติศาสตร์ใหม่แล้วครับ แล้วนักประวัติศาสตร์ต้องใช้ศาสตร์อื่นๆเสริมเยอะพอสมควรเลยทีเดียวครับ (เช่น พงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐฯเอง บันทึกใช้โดยใช้ดาว หากเทียบกันกับ Astrology ก็จะได้ความแม่นยำของประวัติศาสตร์ระดับชั่วโมงต่อชั่วโมงเลยทีเดียวครับ) แต่ในขณะเดียวกันก็จะมีอะไรมาหักล้างได้อีกเช่นกัน ก็ไม่ใช่ว่าพงศาวดารแรกถูกนัก
ดังนั้น Historian นี่เป็นอาชีพที่ออกจะมีงานใหม่ๆสดๆทำพอๆกับ Archeologist เลยทีเดียวครับ แถมได้ทำงานกับนักนู่นนักนี่อีกมากครับ ถ้าเป็นเมืองนอกนี่ผมเชื่อว่าเงินเดือนน่าจะสูงมากๆครับ
แบบไทยนี่จะมีศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ประวัติศาสตร์ไทย พม่า เขมร ล้านช้าง ล้านนา ยะไข่ พิษณุโลก ในแต่ละสมัย จนไล่ไปถึงช่วงต้นรัตนโกสินทร์ ปลายรัตนโกสินทร์ ช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครอง โอย สารพัดสารพันครับ
ถ้าเป็นอเมริกาที่รู้ๆบ้างก็พวก Civil War, WWII, Native American History, Colonial Period หรือยุค Great Depression ครับ ซึ่งก็มีการชำระประวัติศาสตร์กันตลอดครับ ลำพังแค่ Civil War จะชำระแต่ละ Battle ก็มีนักประวัติศาสตร์เฉพาะแล้วครับ แล้วคนพวกนั้นก็สร้างรายได้ให้กับพื้นที่ที่เค้าลงไปศึกษาพอสมควรเลยทีเดียวครับ
ดังนั้นผมว่า Historian น่าจะเงินเดือนสูงนะครับในอเมริกา แต่บ้านเราเงินน้อย แถมจะโดนยิงเอาง่ายๆครับ ฮาๆ แค่เชียงรายจะรื้อกำแพงหลายร้อยปีทำหมู่บ้านจัดสรรก็แทบจะฆ่ากันตายแล้วครับ : )
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
โอ้ ขอบคุณที่แชร์ครับ
เข้ามาเฮ้ในนักคณิตศาสตร์ แต่ลืมไปว่าเมืองไทยหางานยาก
สงสัยต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศซะละ
edit: เข้ามาเฮ้ให้นักตกแต่งเสียงอีกอัน (Audiologist)
เป็น sale ขาย it ก็รวยดีนะครับ
อยู่บ้านนอก ปลูกต้นไม้ดีกว่า คืนสู่ธรรมชาติ -_-'
เห็นข่าวแล้วทำไมไม่เห็นดีใจเลย อาชีพเราชัดๆ
ต่างกันมากมาย
ต้องวิศวกรสิครับ แต่สร้างงานเองด้วยนะ ถ้าเป็นลูกน้องเขาก็เหนื่อย อิอ