Tags:
Node Thumbnail

เว็บเครือข่ายสังคมที่ดังเงียบๆ แบบมีฐานลูกค้าเป็นของตัวเองอย่าง LinkedIn นั้น คาดกันว่ามีรายได้ต่อปีถึง 200 ล้านดอลลาร์ทำให้มูลค่าบริษัทน่าจะเกินกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์ แม้จะเทียบไม่ได้กับ FaceBook ที่คาดว่ามูลค่าน่าจะทะลุ 50,000 ล้านดอลลาร์แต่ก็พอจะทำให้นักลงทุนที่ให้ทุนกันไปก่อนรวยได้ไปตามๆ กัน

บริษัทผู้ดูแลการกระจายหุ้นได้แก่ Morgan Stanley, BofA Merrill Lynch, และ J.P. Morgan Securities ส่วนราคายังประเมินไม่เสร็จสิ้น

ที่น่าสนใจคือการเข้าตลาดหุ้นของ LinkedIn จะเป็นการเริ่มยุคใหม่ของหุ้นในกลุ่มเครือข่ายสังคมหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา FaceBook เองก็เริ่มถูกกดดันให้เข้าตลาดหุ้นมากขึ้นเรื่อยๆ จากปริมาณผู้ถือหุ้นที่เริ่มมากขึ้น ส่วนทวิตเตอร์นั้นก็เริ่มทำรายได้บ้างแล้ว และหากบริษัทเหล่านี้พากันเข้าตลาดหุ้นกันหมดจะเกิดฟองสบู่เหมือนรอบที่ผ่านๆ มาหรือไม่

ที่มา - Wired, MarketWatch

Get latest news from Blognone

Comments

By: kswisit
ContributoriPhoneAndroidIn Love
on 28 January 2011 - 08:50 #254378

สรุป FaceBook หรือ Facebook ครับ
http://www.blognone.com/topics/facebook


^
^
that's just my two cents.

By: iStyle
ContributoriPhoneAndroidSymbian
on 28 January 2011 - 10:28 #254407 Reply to:254378
iStyle's picture

facebook ?


May the Force Close be with you. || @nuttyi

By: wasbones
iPhoneWindows
on 28 January 2011 - 10:52 #254415
wasbones's picture

2,000,000,000.00 USD = 62,030,126,028.05 THB
โอ้ว..

By: jakrapong
ContributorAndroid
on 28 January 2011 - 11:09 #254424
jakrapong's picture

น่าสนใจครับลิ่ว ผมก็เคยตั้งข้อสังเกตนี้ไว้ที่ thumbsup เหมือนกันว่ามันน่าจะเป็นฟองสบู่ แต่ก็ยังมีสมาชิกแย้งๆ ไม่เห็นด้วยอยู่ เพราะปัจจัยในการมองว่ามันเป็นฟองสบู่หรือไม่อันนี้มีหลายอย่างครับ เป็นหัวข้อที่น่าสนใจจริงๆ

By: mr.k on 28 January 2011 - 11:57 #254443

จากความเห็นนึงก่อนหน้านี้

สมาชิก 500 ล้านคนทำให้มีมูลค่า 50,000 ล้านดอลล์ สรุปแล้วตกคนล่ะ 100U$

By: Iterator
Android
on 28 January 2011 - 16:31 #254540

ตัวที่ขับดันให้ฟองสบู่ ขยายตัวมาจาก ความตกต่ำของเศรษฐกิจภาคอื่น ๆ ในสหรัฐ

ราคาอสังหาที่ตกต่ำ ค่าเงินที่อ่อนลงไปเรื่อย ๆ เทียบกับค่าเงินชาติอื่น

ทุนความมั่งคั่งที่มีอยู่จริงต้องไหลไปสู่ที่ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า เช่นตลาดเก็งกำไรต่าง ๆ เช่น ราคา โภคภัณฑ์
สิ้นค้าพื้นฐาน (จากการตึงตัวของ ดีมานต์ที่เกิดจากการขยายตัวของเศรษฐกิจกลุ่มเกิดใหม่)

อีกส่วนก็จะไปสู่ตลาด social network และ เทคโนโลยีใหม่ เช่น green tech(ซึ่งดูมีอนาคตดี)
ราคาปั่นวิ่งขึ้นไปก่อนแล้ว ถ้าทำกำไรไม่ได้จริง รักษาคุณค่าเอาไว้ไม่ได้
ในอนาคต ราคามันก็จะต้องตกลงมา

แต่ถ้ามันคือของจริง และมาในเวลาที่เหมาะสม และสะท้อนกับราคาที่วิ่งไป มันก็จะไม่ใช่ฟองสบู่