จากข่าวเก่าโดยคุณ
arjin และคุณ
khajochi ที่มีการกล่าวถึงหนังสือเล่มนี้ วันนี้มีข้อมูลเพิ่มเติม เป็นไฮไลต์ของหนังสือซึ่งคัดมาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของจ็อบส์และกูเกิล บางอย่างก็ได้ทราบกันไปแล้ว แต่ผมเห็นว่ามีข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเข้ามา และบางอย่างก็น่าสนใจ จึงเลือกมานำเสนออีกครั้งหนึ่ง ซึ่งแยกเป็นประเด็นได้ดังนี้ครับ
* ในเวลาแรกที่บรินและเพจต้องการ CEO นั้น จ็อบส์เป็นตัวเลือกแรกของบริษัท
* ช่วงเริ่มต้นของกูเกิล: จ็อบส์ตัดสินใจเป็น mentor ให้แก่กูเกิลเพราะเขามีความคิดในการสร้างความเป็นพันธมิตรระหว่างสองบริษัท เพื่อปฏิวัติอุตสาหกรรมนี้ และด้วยสองแรงแข็งขัน การโค่น Microsoft คงไม่ใช่เรื่องยาก
* ครั้งหนึ่งนายอีริค ชมิดต์ กล่าวไว้อย่างติดตลกว่า "ทั้งแอปเปิลและกูเกิลมีกิจการที่ทับซ้อนกันมากมาย ราวกับเป็นบริษัทเดียวกัน ...และถ้าเราควบรวมทั้งสองบริษัทเข้าด้วยกันจริงๆ คงต้องเรียกมันว่า AppleGoo" และยังกล่าวอีกว่า "แต่เราสามารถควบรวมกันได้แม้ไม่ต้องมีการควบรวม"
* ระบบปฏิบัติการ Android คล้ายกับ iOS มากขึ้น: หนังสือเล่มนี้อธิบายไว้ว่า "จ็อบส์ใช้เวลาพอควร (จนกระทั่งปี 2008) กว่าจะเข้าใจได้ว่ากูเกิลกำลังก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่ง และดูเหมือนว่าแนวทางการดำเนินงานของทั้งสองบริษัทนั้น เข้าใกล้ความขัดแย้งมากกว่าความร่วมมือ"
* ประเด็นเรื่อง Chrome: จ็อบส์เคยกล่าวไว้ว่าเขาเป็นเหยื่อจากการหลอกลวงของกูเกิล และ Chrome browser คือสัญญาณแรกๆ ที่บ่งบอกชัดเจนว่ากูเกิลจะทำตามวิสัยทัศน์โดยไม่คำนึงถึงว่าสิ่งนั้นจะส่งผลต่อ Apple อย่างไร
* ประเด็น Android: ท่ามกลางความขัดแย้งต่างๆ ระหว่างทั้งคู่ การเกิดขึ้นของ Android ยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก และจ็อบส์ยิ่งไม่พอใจมากขึ้น เมื่อพบว่าบริษัทคู่แข่งที่เขาเคยช่วยเหลือกลับสร้างแพลตฟอร์มที่สามารถทดแทน iPhone ได้อย่างเต็มรูปแบบ (Android) สำหรับตัวเขา เป็นสิ่งที่ยากที่จะยอมรับว่าจ็อบส์ผู้รอบคอบและชาญฉลาด จะถูกหักหลังโดยเด็กน้อย ที่เขาเคยรับเป็นพี่เลี้ยงให้
* ในช่วงฤดูร้อน ปี 2008 จ็อบส์ลงทุนไปเยือน Googleplex, Mountain View ด้วยตนเอง เพื่อที่จะเห็นและพิสูจน์ถึงความมีอยู่ของการ "คุกคาม" ด้วยตาของตัวเอง จากรายงานกล่าวว่าเขาแสดงอาการเกรี้ยวกราด ต่อการกระทำของกูเกิล ที่ไม่ใช่แค่ล้อเล่นหรือยุให้ของขึ้นเท่านั้น แต่เขาคิดว่าสิ่งที่กูเกิลกระทำก็คือการขโมยความคิดและละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
จากเนื้อหาข่าวก็แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของท่านทั้งหลายผู้ยิ่งใหญ่ในยุทธภพนี้ ว่าลึกซึ้ง ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเพื่อนทรยศเพียงใด ทั้งยังเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาท่านๆ แล้วว่าเนื้อหาในบทต้นๆ ของสามก๊กฉบับไอทีคงต้องย้อนกันไปไกลทีเดียว
ปล. ข่าวนี้ถูกเขียนขึ้นด้วยความ "พยายาม" เป็นกลาง การแปลข้อความในข่าว และคำพูดของบุคคลที่สามหลายๆ ท่าน ถูกแปลด้วยความระมัดระวัง และผมยืนยันว่าไม่ได้ใส่ความเห็นส่วนตัวใดๆ ลงไปในเนื้อหาข่าวครับ
ที่มา CNN
Comments
ติดถึงประเด็นสามก๊กแล้ว ถ้าเปรียบฮ่องเต้เปน Mobile Platform
เกมนี้ใกล้เคียงตอนโจโฉโดนเล่าปี่แทงข้างหลังมาก
ผมงงเรื่องโครมว่ามันขัดกันยังไงอะ
ตรงนี้ผมหารายละเอียดเพิ่มเติมไม่ได้จริงๆ อะครับคุณ lancaster
เพราะข้อมูลต้นทางมีเพียงเท่านี้ ส่วนข้อมูลที่เหลือคงอยู่ในหนังสือน่ะครับ
webkit หรือเปล่าครับ
ก็ยังงงอยู่ดีครับ สงสัยต้องไปหาตัวเต็มมาอ่านอีกหน่อย
หมายถึง Chrome มันมีลักษณะ ขยายได้ง่าย รองรับการขยาย รองรับการ Custom ทำให้คนที่เอามาใช้ใน Apple จะหลุด Theme ของ Apple หรือเปล่า?
หรือเพราะ Chrome มัน Cross Platform โดยเน้นจุดมุ่งหมายในการ "ใช้ Browser แทน Native ทุกอย่าง" และผูกกับ Cloud เหนียวแน่น ทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือน ไม่ต้องใช้ Apple ก็ได้ หรือเปล่า?
เรียบร้อยครับ
อ่านแล้วมีคำถามในใจนิดหน่อย
-พี่เลี้ยงจ็อบส์ มีบทบาทและทำหน้าที่อะไรบ้าง
- จ็อบส์ ถือหุ้นของ google อยู่เท่าไหร่ เทียบกับสัดส่วนการถือหุ้นของ Microsoft (ตอนที่ความสัมพันธ์เหนียวแน่นสุด) เป็นเท่าไหร่
เจ้านายหรือพี่เลี้ยงที่ดี น่าจะดีใจกับความสำเร็จของผู้น้อยนะครับ
ก็ น่าจะ ดีใจอยู่นะคับ ถ้าความสำเร็วของ google ไม่ได้ กำลัง แย่งซีนของ apple ไป อย่างรนี้ๆๆๆ
สงสัยต้อง ให้ สตีฟ จ๊อพ จิบแชมเปญฉลอง กันยกบริษัทเลยนะครับ ที่อุตส่าห์เป็นพี่เลี้ยง
จนกูเกิล แย่งลูกค้าไปที่ละมาก ผมว่าถ้าใครทำธุรกิจแล้วเจอแบบนี้ คงไม่น่าดีใจ
แล้วภาคภูมิใจหรอกนะ ในหลักความเป้นจริงอ่ะนะ
คิดเหมือนผมครับ
วันนึงจ็อบส์จะรู็สึกแบบนั้นครับ แต่วันนี้คงยังไม่ใช่
ลิ้งอ้างอิงเข้าไม่ได้อ่าครับ
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
เรียบร้อยแล้ว ขอบคุณที่แจ้งครับ
ผมรู้สึกเหมือน 3 ก๊กเลยอ่ะ หรือว่าติดสามก๊กเกินไปหว่า อิอิ
รออ่านหนังสือไม่ไหวแล้ว 555
ไม่มีมิตรแท้ในโลกธุรกิจจริง ๆ
ผมสงสัยว่าพี่เลี้ยงคนนี้ได้ทำอะไรให้บ้าง
จะจับมือกับ google โค่น microsoft ในเรื่องไหน
เพราะว่าพูดถึง os มือถือ windows phone ก็ยังไม่เกิดเลย
จะไปมีส่วนช่วยพัฒนา android แล้วมาแข่งกับ ios ตัวเอง ก็ไม่น่าจะใช่
จะไปมีส่วนช่วยพัฒนา chome แล้วมาแข่งกับ safari ตัวเอง ก็ไม่น่าจะใช่
หรือจะเป็นเพียงแค่ตอนแรก เขาขอให้มาเป็น ceo แล้ว jobs ปฏิเสธ แต่ก็รู้จักแล้วคุยกันเรื่อยๆ
แต่ตอนหลังกลับถูกคนที่คุยกันถูกคอ ออกสินค้ามาแข่งกับตัวเอง เลยเกิดอารมณ์เสียซะงั้น
ถ้าเรายังไม่รู้ว่าจ็อบส์ทำอะไรให้ google บ้าง
เราก็ไม่มีทางรู้ว่า จ็อบส์มีสิทธิ์ที่จะโกรธหรือไม่
สตีฟ จ็อบส์เคยเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษากับสองผู้ก่อตั้งกูเกิล
"ความสัมพันธ์ของจ็อบส์กับสองผู้ก่อตั้งมาแตกหักเอาเมื่อกูเกิลเริ่มทำ Android จ็อบส์หัวเสียมากเมื่อเห็นฟีเจอร์อย่าง pinch-and-zoom จ็อบส์มองว่ากูเกิลขโมยมันไปจาก iPhone จนเป็นที่มาของวาทะที่ว่า Don't be evil เป็นเรื่องเหลวไหล"
คงประมาณนี้มั้งครับ
ว่าไปก็น่าสงสารลุงแก ชีวิตแกหลังคงเต็มไปด้วยรอยมีดขนาดใหญ่ๆทั้งนั้นแน่ๆ
ลุงกับเกต และก็ ลุงกับกูเกิล แต่ไม่มีคู่แข่งลุงจะสนุกหรอ?
ต้องให้ jobs เข้าใจ คำว่า "open mind" ก่อน "open source"
ผมเข้าใจว่าจุดหมายของ Apple กับ GG นั้นไม่เหมือนกัน แม้จะทำ Product ออกมาในแนวทางเดียวกัน เช่น Apple หวังขาย H/W S/W เป็นระบบนิเวศ แต่ GG ไม่สนใจเพราะอยากขายโฆษณาในทุกระบบ เมื่อแรกเริ่มคงจะตกลงร่วมมือกันโดยไม่เกิดการซ้อนทับของ Product แต่ใครๆ ก็รู้ว่าตลาดมือถือมันเป็นตลาดใหญ่มาก ในเมื่อ GG เองก็มีศักยภาพพอที่จะนำไอเดียไปต่อยอดและสร้าง Platform ได้เองโดยไม่จำเป็นต้องอาศัย Apple แล้ว ดังนั้นการร่วมมือกันในจุดนี้จึงไม่จำเป็นอีกต่อไป