จู่ๆ ทิศทางของ Sony Ericsson ต่อการพัฒนารอมบนมือถือก็เปิดกว้างขึ้นอย่างฉับพลัน บริษัทได้สร้างความประหลาดใจมารอบหนึ่งแล้ว จากการบอกวิธีปลดล็อค bootloader บนมือถือตระกูล Xperia รุ่นใหม่ๆ ตอนนี้ก็ขยายดีกรีขึ้นมาอีกขั้น โดยสอนวิธีคอมไพล์เคอร์เนลของลินุกซ์ (ซึ่งใช้ใน Android) บนมือถือของตัวเองอย่างละเอียด
บล็อก Sony Ericsson Developer Blog บอกว่าตอนนี้นักพัฒนาและผู้ใช้ระดับสูงสามารถปลดล็อค bootloader ได้แล้ว แต่ก็มีผู้ใช้รายงานว่ายังมีปัญหาในการสร้างรอมขึ้นใช้เอง บริษัทจึงได้เชิญหัวหน้าฝ่ายสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ James Jacobsson มาอธิบายการปรับแต่งเคอร์เนล คอมไพล์ สร้างไฟล์อิมเมจ และแฟลชกลับมาบนมือถือ
Sony Ericsson อธิบายว่าต้องการสร้างสัมพันธ์อันดีกับนักพัฒนารอม และอ้างถึงสมาชิกของเว็บไซต์ xda-developers ด้วย
ที่มา - Sony Ericsson Developer Blog
Comments
มาแปลก แต่น่าจะถูกทางนะครับสำหรับตลาดแบบ Android
ดีแล้วครับ มือถือ SE สวยกว่า HTC เยอะ ยิ่งทำรอมดีๆมายัดได้ แหล่ม
มันก็น่าจะถูกของเขาแหละครับ เพราะเห็นว่าในข้อตกลงดังกล่าว SE บอกเพิ่มเติมว่าเครื่องที่ unlock bootloader แล้ว จะไม่ได้รับการอัพเดท official rom อีก - -a.. (เห็นฝรั่งเค้าว่ากันน่ะคับ)
น่าจะเป็นไม่ได้อัพแบบอัตโนมัติรึเปล่าครับ
แต่ก็อย่างว่าถ้าปลด bootloader ได้แล้ว จะอัพรอมเองก็ชิวๆ
รายละเอียดผมก้ไม่รู้นะ เพราะมีคนทวีตมาให้อ่านอีกที
สู้ในเรื่องของ OS Update กับชาวบ้านเขาไม่ได้ ก็สนับสนุนในเรื่องของ Custom Firmware ไปเลย Advance User น่าจะชอบอยู่แล้ว
(เรียกว่าเดินคนละขั้วกับโมโตอย่างชัดเจน..)
สุดยอดครับแบบนี้ิ ให้ความรู้เบื้องต้นด้วย
ดีครับ ยี่ห้ออื่นทำตามกันมาเยอะๆนะ
ยี่ห้ออื่นไปก่อนหน้านี้นานแล้ว
เหลือ moto ยี่ห้อเดียวแล้วจ่ะ
ยี่ห้ออื่น..ตอนไหน?
May the Force Close be with you. || @nuttyi
คงพูดถึงเฉพาะ Bootloader มั้งครับ
เพราะว่าสอนการ Compile Linux Kernel สำหรับ Android ที่เห็นๆ ก็มีแค่ Sony Ericsson นี่แหละ (นับเฉพาะบทเรียนจากผู้ผลิต)
น่าจะทำตั้งนานแล้วพ่อคุณ ประหยัดงบ R&D ไปได้อีกหลายล้าน
+1 ก็ว่างั้นเหมือนกันครับ แล้วมันก็เข้ากับคอนเซ็ปต์ของ linux เองด้วย อันนี้ต้องเรียกว่า วิน-วิน ทั้งสองฝ่าย แต่คงต้องเตือนกันกับ user ทั่วไปหน่อยละมั้ง ทำไปทำมาพังแล้วกู้ไม่ได้ก็นั่งมองขยะราคาแพงให้เจ็บใจเล่น
ประหยัดอย่างไรครับ? ถ้าหมายถึงงบในการทำรอมยังไงๆ ก็ต้องใช้เท่าเดิมครับ เพราะ SE คงไม่เอารอมจาก Third Party มาลงสินค้าของตัวเองหรอกครับ
เอาในส่วนที่ใช้ได้ดีไงครับ ไม่ต้องมานั่งทดลองใหม่ด้วยตัวเอง
ผมไม่แน่ใจว่า HTC,Samsung และเจ้าอื่นๆ เคยเอา Code ของ Third Party มาใช้รึเปล่า
แต่ถ้าผมเป็น Manufacturer ผมคงไม่เอา Code ของคนอื่นมาลงในสินค้าของตัวเองแน่ๆ ครับ
ถามต่ออีกนิด อันนี้เป็นแนวคิดหรือว่ามีการทำจริงๆ แล้วครับ
เท่าที่รู้มาตอนนี้ คือ galaxy s2 ใช้ code จาก voodoo kernel ไปเยอะเหมือนกันครับ เอามาทำ ext4
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
โอ้! ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
ผมมีความรู้ทางด้าน Linux/Unix Like OS ต่ำมาก รบกวนอธิบายเป็นความรู้หน่อยครับว่า Voodoo Kernel มันดีกว่าอย่างไร
ผมพยายามอ่านหลายครั้งแล้วไม่เข้าใจซักกะที คือว่าเคยเห็นจากใน ROM บน XDA Developer บอกว่าเปลี่ยนมาใช้ Voodoo Kernel แต่พยายามศึกษาเองแล้วไม่เข้าจึย
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
ok ขอเหล้า... ไม่ใช่
ขอเล่าจากที่อ่าน xda มาตั้งแต่แรก แต่ตัวผมเองก็ไม่ได้เรียนสายพวกนี้มา อาจจะไม่ค่อยแม่นเรื่องระบบสักเท่าไหร่
จุดเริ่มต้นของมหากาพย์ lagfix มันอยู่ที่ Samsung Galaxy S ที่เปิดตัวในฐานะ Android phone ที่สเปกสูงที่สุดในโลก (ในขณะนั้น) ซึ่งตามทฤษฎีมันต้องลื่นที่สุด แต่มันกลับแพ้แม้กระทั่ง Motorola Milestone ทั้งอืด ค้าง และมักไม่ตอบสนองในเวลาที่เราต้องการ พาลสร้างความอับอายและหงุดหงิดใจให้ผู้ใช้เป็นอย่างมาก
เพราะอะไร?
เหตุผลคือ Galaxy S ใช้ระบบไฟล์ Samsung RFS ที่พัฒนามาจากระบบไฟล์ FAT โดยอ้างว่าเหมาะสำหรับใช้กับ Linux บน OneNAND Flash Memory ที่ตัวเองผลิตขึ้น เพราะระบบไฟล์ YAFFS ที่ใช้ในมือถือ Android ยี่ห้ออื่นรองรับแต่ RAW Flash Memory แต่ไม่รองรับ NAND
ซึ่ง RFS มีปัญหาใหญ่ที่ตามมาจาก FAT คือ มันใช้วิธีอ่านและเขียนข้อมูลแบบเรียงไปทีละคิว รวมถึงต้องทำสำเนาข้อมูลสำรองไว้ตลอดเวลาด้วย (Journal checksumming) ทำให้เกิดคอขวดขึ้นในระบบ แล้ว Android ซึ่งเป็นระบบแบบ true multitask ยิ่งเกิดปัญหาคอขวดมากขึ้นไปอีก
ดังนั้นใน xda จึงมี hacker คิดแนวทางแก้อยู่หลายแบบ แต่แนวคิดที่ประสบความสำเร็จที่สุดคือ Voodoo lagfix ซึ่งเปลี่ยนระบบไฟล์ทั้งหมดจาก RFS ให้เป็น Ext4
Ext4 มีข้อดีหลักๆเมื่อเทียบกับ RFS คือ
สรุปคือมันเร็วอย่างที่มือถือเรือธงควรจะเป็น และ Voodoo lagfix ก็กลายเป็นมาตรฐานของทุก kernel ใน xda ไปในที่สุด รวมถึง Samsung เองก็หันมาคุยกับ Supercurio ที่เป็นผู้สร้าง Voodoo kernel และเปลี่ยนมาใช้ Ext4 ใน Samsung Galaxy SII
ส่วน Voodoo Sound เป็น project หลังจากนั้น เป็นการรีดประสิทธิภาพของ Wolfson Audio Hub WM8994 ออกมาให้มีคุณภาพเสียงสูงสุดครับ
ปล.จริงๆที่ผมเขียนเกือบเสร็จตั้งแต่ตอนเย็น และตอนแรกยาวกว่านี้ครับ เขียนบน Galaxy S ด้วย Opera Mobile แต่เขียนนานจน ART บ่นว่าไม่ใส่ใจเธอเลย ผมเลยต้องวางเครื่อง สุดท้ายไปส่ง ART เสร็จ พบว่า Opera ปิดตัวเองไปแล้ว ช๊อกไปนานเลย ART!
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
@bahamutkung แอบมาเจิมกระทู้เก่าอีกแล้วนะ :)
ปล.ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
อธิบายได้ดีมากๆครับ สรุปคือsumsung ซน
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
อ่านที่อธิบายมาแล้วสนใจ "Voodoo Sound " ถ้ามีโอกาสได้ใช้น้องด๋อย หวังว่าจะไม่ลืมหาตัวนี้มาลอง..
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.
software เปลี่ยนเร็วเกิน เลยปลดระวาง แล้ว ปล่อยเฉพาะ hardware แทนสินะ ..
ผมคิดว่าแบบนี้เพื่อ Advance user โดยเฉพาะเลยครับ มีคู่ตัวมาในระดับหนึ่ง และสำหรับคนชอบแกะเล่นอีกระดับหนึ่ง (สามารถออกมาเครื่องเดียว user แบบธรรมดาก็ใช้ได้ แบบ advance ก็ชอบ)
ไอเดียนี้ยอดมาก +1 ให้เลยครับ อิสระ เลือกได้