John Carmack แห่ง id Software ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ IndustryGamers แสดงความเห็นเรื่องอนาคตของเกมบนอุปกรณ์พกพา
เรารู้กันดีว่า Carmack สนใจการทำเกมบนมือถือมาก และเขาก็มีเกม Rage บน iPhone ที่สร้างความฮือฮาเรื่องกราฟิกสุดอลังการมาแล้ว แต่ในบทสัมภาษณ์นี้เขาเปิดเผยว่าตอนที่ออกแบบ Rage ยังไม่มี iPhone ด้วยซ้ำ และเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่มือถือพัฒนาเร็วมาก เร็วกว่ารอบพัฒนาของเกม Rage ด้วยซ้ำ ทำให้ id Software ต้องพยายามลดระยะเวลาพัฒนาเกมของตัวเองไม่ให้ยาวนานเกินไป
เขายังบอกข้อดีของเกมบนอุปกรณ์พกพาว่าสามารถเล่นได้ตลอดเวลา ต่างไปจากเกมบน Xbox 360/PS3 ที่ต้องมีเวลาและความตั้งใจมาเล่นเกมโดยเฉพาะ และตอนนี้ตลาดเกมบนมือถือยังแยกเป็นอีกตลาดที่ขนานกับเกมคอนโซล ไม่แย่งลูกค้ากัน ต่างคนต่างโต อย่างไรก็ตามในอนาคต Carmack บอกว่าเราจะมีอุปกรณ์พกพาที่เล่นเกมได้ด้วยตัวมันเอง แต่ก็ต่อเชื่อมกับทีวีได้ในกรณีที่ต้องการเล่นเกมบนจอใหญ่
Carmack บอกว่า "ไม่ต้องสงสัย" (unquestionable) ถึงโทรศัพท์มือถือที่มีพลังเท่ากับเกมคอนโซลในปัจจุบัน ถึงแม้ตอนนี้ iPad 2 จะยังตาม Xbox 360 อยู่หลายจุด แต่ช่องว่างนี้ลดลงเรื่อยๆ และ 2 ปีต่อจากนี้ เราจะได้เห็นอุปกรณ์พกพาที่มีพลังมากกว่าเครื่องเกมในตอนนี้
สุดท้าย Carmack มองบริการเกมผ่านระบบสตรีมมิ่งแบบ OnLive ว่ามีอนาคต เขาไม่ชัวร์ว่าบริษัทอย่าง OnLive จะอยู่รอดได้หรือไม่ แต่ในภาพรวมแล้วเทคโนโลยีนี้มีอนาคต ถึงแม้ OnLive จะไม่รอด แต่ก็จะมีบริษัทเกิดใหม่ขึ้นมาแทนในอีก 5-10 ปีข้างหน้า
ที่มา - IndustryGamers
Comments
ไม่นานเกิน บางทีอาจแซงก้ได้
เล่นเกมที ต้องสะพายเครื่องปั่นไฟไว้ที่หลังด้วยเปล่า อิอิ
+1 ถ้าจะเล่นเกมส์ได้แบบ xbox คงต้องทำแบบที่ว่า แค่ตอนลงเกมส์มันยังบอกให้เสียบปลั๊กเลย (อันนี้พูดถึงโน๊ตบุ๊คนะ อิอิ)
Onlive ผมเคยดูบน Youtube แล้วก็ Wow พอสมควรนะครับ
แต่ทว่าเกิดเร็วกว่าเทคโนโลยี Internet ไปนิดหน่อย
บน iPad คงไม่เท่าไร เล่นบนมือถือนี่แบบจริงๆ จังๆ คงไม่ไหวบนรถไฟฟ้าไรแบบนี้ หาแนวคลายเครียดดีกว่า
แล้วต่อไปจะเกิดปัญหา ROM เต็มเพราะลง game เยอะเกิน :D อารมณ์เดียวกับเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว
ถึงตอนนั้นเครื่องเกมก็คงไปไกลกว่าตอนนี้แล้ว
เผลอๆอีก 2 ปีมันก็ยังขาย ps3 กับ xbox360 กันอยู่เลย
+1
อีกสองปียังขายอยู่ครับ อันนี้แน่นอน ( Life-Cycle ของ Console อยู่ที่สิบปี)
แต่ก็น่าจะมีรุ่นใหม่ออกมาประมาณปีหน้าหรืออีกสองปีแล้วเหมือนกัน แน่นอนว่าต้องดูว่า Microsoft ยังอยากทำ Console อยู่หรือจะทำอย่างอื่นมาแทน (ที่มันเล่นเกมได้ด้วย) ส่วน Sony นี่ค่อนข้างแน่ว่ามีชัวร์
ยังไงก็ขอให้มันแรงแบบเหลือความเสถียรเอาไว้ด้วยนะครับ แรงแต่แหกโค้ง hang เป็นว่าเล่นแบบสมัย WinMo นี่ก็ไม่ไหว ( สมัยนั้นถือว่าแรงแล้วนะ )
มีโลหะชนิดที่ใช้เก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ได้นานที่สุด...อนาคตกำลังจะมาเลยนะนั้น
ไปทำให้แบตอยู่ได้ซัก2วัน2คืนก่อน.
พูดแบบนี้ ถือว่าหยาบคายมากเลย เดี๋ยวนี้มันเป็นมาตรฐานไปแล้วว่า smartphone ต้องชาร์จแบตทุกวันนะครับ :)
ลดการใช้งานก่อน แล้วจะอยู่ถึงครับ
เพราะท่านเทียบกับ Feature Phone ที่วันๆ แทบไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากโทรออกรับสาย
ดังนั้น ต้องใช้งานให้เหมือนกันครับ แบตถึงจะอยู่เท่ากัน
เครื่องเก่าผมแบบธรรมดาๆ มีเกม จาว่า , ออกเน็ทผ่าน EDGE แบตอยู่ได้หลายวัน เล่นประจำ สองวันเต็มที่(เพราะแบตเสื่อมด้วยละมั้ง)
พอเปลี่ยน มาโทรศัพท์อัจฉริยะ ไม่ถึงวันเลย เล่นเกมด้วย ไวไฟ( ตัวนี้ดูดเยอะเลย )
อยากรู้สมัยกินไฟที่ จอ หรือ ไวไฟ หรือ OS กันนะ
วันนี้ลอง เปิดไวไฟทั้งวัน ต่อกลับบ้าน แบตลดไปครึ่งเลย sync เมล์ กับ FB นิดหน่อย
เกมส์ Java ไม่มีการ์ดจอ
ปริมาณ Data ที่รับส่งระหว่าง Feature กับ Smart ต่างกัน
ขนาดจอด้วย
เครื่อง Feature Phone เก่าผม Samsung E800 เมื่อ 5 ปีก่อน ถ้าออกเน็ทผ่าน Edge จริงๆ อย่างเข้า Blognone , Mthai, Pantip ผ่าน Opera Mini Non-Stop ซัก 1-2 ชม ก็เหลือแบตให้ใช้อยู่ได้แค่วันเดียว
การใช้งาน ถึงใช้เหมือนกัน แต่จำนวน Data และ Task Process บนโทรศัพท์มันต่างกันอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าจะเทียบ เทียบการใช้งานจริงอย่างช่วง Standby กับช่วงโทรเข้าออกน่าใกล้เคียงกันกว่า..
ps. แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่บอกได้อย่างดีว่า เทคโนโลยีแบตมันพัฒนาไปอย่างล่าช้ามาก โทรศัพท์รุ่นใหม่มีความต้องการในการใช้งานเพิ่มสูงขึ้น แต่ปริมาณแบตฯ กลับเท่าเดิม..
Feature Phone ของผมอยู่ได้ 1 อาทิตย์ นะครับ โดยที่มีเวลาคุยวันละ 1 ชม. นอกนั้นก็เล่นเกมส์ งู วันละไม่กี่นาที
บางคนคงชื่นชอบ ถ้าต่อสายกับทีวีชาร์จไปเล่นไปได้ด้วย แต่คงลำบากสักหน่อยเพราะ DisplayLink ยังไม่ประสบความสำเร็จ