Jeff Weiner ซีอีโอของ LinkedIn ให้สัมภาษณ์บนเวทีของงาน AllThingsD ถึงโอกาสของ Google+ ในตลาด social network
Weiner บอกว่าธรรมชาติของผู้ใช้ social network จะไม่ใช้เครือข่ายหลายอันพร้อมกัน ดังนั้นเราจะไม่เห็นคนใช้ Twitter พร้อมกับ Facebook หรือ LinkedIn แต่จะค่อยๆ สลับกันใช้ไปทีละอัน และเมื่อเวลาของคนเรามีจำกัด ก็จะเลือกใช้ social network เพียงบางอันเท่านั้น
Weiner บอกว่าตอนนี้คนใช้ Facebook สื่อสารกับเพื่อนและครอบครัว, ใช้ LinkedIn สำหรับชีวิตการทำงาน และ Twitter สำหรับถ่ายทอดความคิดของตัวเองไปยังผู้อื่นในวงกว้าง ทำให้ไม่มีเวลาสำหรับ Google+ เหลืออยู่แล้ว
ดังนั้นถ้า Google+ จะประสบความสำเร็จ จะต้องมีรายใดรายหนึ่งใน 3 รายที่เป็นฝ่ายแพ้
ที่มา - Business Insider
Comments
LinkedIn นั่นแหละพ่ายไป เอิ๊กๆ
LinkedInเพื่อนผมไม่เห็นมีใครใช้ซักคน ถามดีไม่ดี ยังไม่มีใครรู้จักเลย
+1
อ่า งั้นผมมีที่ว่างให้ Google+ สินะ เพราะไม่รู้จัก LinkedIn
+1
ฮ่าๆๆ เหมือนกันเลย
+1 = w=)_b
+1
+1
WE ARE THE 99%
คริ คริ
ว่าแต่ LinkedIn คืออะไรผมยังไม่รู้เลย -_-"
IM ค่ายดังๆ ค่ายหนึง่ register เพราะ มา default มากับ Digsby (แสดงว่าไม่ธรรมดาเชนกัน)
คนไทยไม่ใช้เท่าไหร่ ผม มี account อยู่เหมือนกัน แต่ใช้น้อย (เพราะส่วนมากมีแต่ ผรั่ง ไม่รู้จะ ใช้กับใคร)
นึกถึง resume online เป็นสังคมคนทำงานคับ
positivity
ถ้าฝันอยากทำงานเมืองนอก อาจจะผ่านหูผ่านตาได้ครับ
ไม่รู้ แต่คิดว่า + ตอนนี้ยังแม่งๆอยู่
ผมเห็นคนใช้ LinkedIn มีแต่ระดับ Professional ซึ่งไม่ใช่ระดับผู้ใช้ทั่วไป
ไม่มีใครสามารถจะรวมทั้ง 3 ตัวนี้ได้ง่ายๆ แต่ผมเห็นว่า Google+ ทำได้!
ระบบของ Google+ พร้อมมากกว่าที่จะพัฒนาให้เป็นได้ทั้ง Facebook Twitter และ LinkedIn ในเวลาเดียวกัน ถ้าไม่ติดอะไรโง่ๆในตอนนี้ อย่างระบบ Share (ที่รก) การที่ตั้งให้ default คือ public stream (ที่รกมาก) หรือการที่ต้อง Invite ผู้ใช้ (คิดว่าเป็นเรื่องที่โง่ที่สุดที่ Google คิดออกมาได้)
โดยธรรมชาติ Google ก็เหมือน Twitter อยู่แล้ว ถ้าใส่ระบบ App ที่ใช้ประโยชน์จาก Circle จะทำอะไรได้มากกว่านี้มาก
อย่างถ้าเพิ่มความสามารถของ Circle ให้เป็น Set โดยสมบูรณ์ มี Union Intersect Difference ก็จะสามารถจัด Circle แล้วใช้ App ให้เป็นเรื่องของการงานได้เหมือน LinkedIn
ถ้าสามารถที่จะใช้ Circle except someone ได้ และมี Group Circle (คือ Circle ที่สร้างขึ้นมาแล้วให้คนไป Join เหมือน Group ใน Facebook) ก็จะสามารถพูดอะไรได้หลากหลายมากขึ้น อาจจะใช้ ID เดียว เก็บทั้งญาติ เพื่อน ที่ทำงาน แต่ก็ยังสามารถพูดเรื่องวงในได้ เป็นทั้ง Twitter และ Facebook ที่มีอิสระมากกว่า
invite เป็นการจำกัดผู้ใช้ในช่วงแรก เป้าหมายเพื่อทดสอบระบบและรับ feedback ครับ
ถึงตอนนี้ G+ จะบูมขนาดไหน ก็อย่าลืมครับว่ายังอยู่ในระยะ field test การใช้ระบบ Invite ก็เหมาะสมดีครับ
ใช้แล้วมีปัญหาอะไร อย่าลืมส่ง feedback กันนะครับ
เห็นด้วยเรื่อง invite ครับ อีกอย่างที่ผมว่าระบบ invite ดีก็คือผมว่ามันช่วนกันพวกบอทสมัครเข้ามาสแปมได้ด้วยล่ะครับ
ส่วนตัวมองว่า G+ ดูมีอนาคตจากการรวมเอาสิ่งดีๆจาก social network อันอื่นมาด้วยกัน แต่ก็ต้องดูกันต่อไปว่าจะไปโค่น เจ้าของพื้นที่เดิมอยู่ได้หรือไม่
ผมใช้ G+ มาซักพัก เจอเรื่องที่ต้อง FeedBack อยู่แค่ 3 เรื่อง และ 2 ใน 3 คือเรื่องการออกแบบระบบ ไม่ใช่เรื่อง Technical (และไม่เห็นจะแก้ซักที ดูท่าจะไม่สนใจ)
การใช้ invite มีข้อเสียมากกว่าข้อดีครับ เห็นได้ชัดจากความล้มเหลวของ Wave
และบางทีการเปิดให้ใช้จริงๆให้หมดแต่แรกน่าจะเห็นปัญหาที่ต้องแก้ได้ชัดเจนมากกว่าการค่อยๆปล่อยแบบนี้ และที่แน่ๆคือมันสร้างความรู้สึกในแง่ลบให้กับผู้ใช้
บริษัทระดับโลกอย่างกูเกิลไม่น่าจะสายตาสั้นและมีปัญญาคิดวิธี Beta Test ได้แค่วิธีที่น่ารำคาญแบบนี้ ถ้าตั้งใจจะคิดให้ดีๆ
หรือคิดจะรอให้ซ้ำรอย Wave จริงๆก็ไม่รู้
แค่นี้ก็ทดสอบกันจน HDD เต็มแล้วครับ ...
รอเขาเขึ้น Production ก่อนเถอะ ใจเย็น ๆๆ
คือปัญหามันอยู่ที่ วิธีการมันห่วยครับ สร้างประสบการณ์ที่แย่แก่ผู้ใช้มากกว่าประโยชน์ที่ได้
ไอ้การ Beta test มันเรื่องธรรมดาของโปรแกรม เปิด Closed เปิด Open จำกัดจำนวนต้องขอก่อน หรืออะไรว่าไป
แต่วิธีจำกัดจำนวนโดยการให้ค่อยๆขยายวง Invite นี่ กูเกิลน่าจะหลาบจำจากบทเรียนเรื่อง Wave บ้างว่ามันไม่เวิร์ค
แทนที่จะเอาเวลาที่มานั่งทำระบบ invite ให้เปิดๆ ปิดๆ ได้ ก็ยกให้ Close Beta เฉพาะในบริษัท แล้วเอาเวลาไปนั่งแก้บั๊กในช่วงนั้นให้หมดซะก่อน Open ไม่มีใครว่าหรอก
พนักงาน Google มีไม่รู้กี่พัน (เกินหมื่นด้วยถ้าจำไม่ผิด) ผมว่าเหลือจะพอ
แต่ผมมองอีกมุมนะเพราะรอบนี้ไอ้ค่อยๆขยาย circle เนี่ยแหละทำให้ตัวมันโตขึ้นเรื่อยๆเลยครับ
ปล.แค่โพส .gif ได้ผมก็รัก google+ แล้วฮะๆๆ
ผมว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนัน้มั้งครับ อย่าง google เขามีนักวิเคราะห์ มากมาย เขาคงติดปัญหาเรื่องอะไรอยู่นั้นแหละ อย่างที่เขาออกมาบอกว่าขยาย server ไม่ทัน ไม่รู้จิงเปล่า
wave กับ google+ ต่างกันโดยสิ้นเชิง การใช้วิธีการ invite เหมือนกันใช่ว่าจะต้องล้มเหลวเหมือนกันนะครับ อยู่ที่ความน่าสนใจของตัวระบบมากกว่าคับ ถ้ามันน่าสนใจก็มีคนเข้าใช้เอง ถึงแม้จะต้องลำบากหา invite ก็ตาม มันคือ first impression คับ
ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ได้ทดสอบกับลูกค้าทั่วไปหรือเปล่าจะมีแต่เฉพาะกลุ่มไปหรือเปล่า
ถ้าพูดเรื่อง Invite อย่างเดียว ผมว่า GMail ที่เมื่อก่อนก็ใช้ระบบ Invite อย่างเดียว (ในช่วงการทดสอบเหมือนกันนี่ล่ะ) ก็ประสพความสำเร็จดีนะครับ
ตอนนั้นเข้าใจว่าคนฮือฮาเพราะขนาดความจุ 2 GB หรือเปล่าครับ
ผมว่า Invite เป็นเทคนิคสร้างความต้องการของคนนะครับตอนนี้ (Demand / Supply) ครับ Gmail พิสูจน์แล้วครับ
GMail ตอนนั้นที่มีคนอยากได้ invite เพราะมันมีข้อแตกต่างเรื่องขนาดพื้นที่ที่มากกว่าคู่แข่งมหาศาล แต่ G+ สำหรับผู้ใช้มันแทบไม่ต่างอะไรกับ facebook สีขาว
ผมว่านาย Weiner ผิดนะ อย่างน้อยก็ผมล่ะที่ใช้พร้อมกัน รวมทั้ง G+ ด้วย แต่ยกเว้น LinkedIn XD
^
^
that's just my two cents.
ผมด้วย
ผมว่าไม่นะ พวกโปรแกรมรวมทั้งหลายแหล่ แบบโพสที่เดียวอัพเดททุกที่เยอะแยะไป
ผมยังใช้ twitdeck อัพเดท twitter, facebook, Buzz พร้อมกันเลย :P
ลืมนึกถึงโปรแกรมรวมพวกนี้ไปเลยนะเนี่ย
เพราะปกติเวลาผมโพสก็จะเลือกโพสแค่ที่เดียว (ขี้เกียจทำหลายรอบ ตอบหลายที่)
แต่ setting บางอย่างมันก็ทำให้ซ้ำซ้อนกันได้อีก อย่างใช้ Tweetdeck โพสเข้าทั้ง Twitter แล้วก็ Facebook
ถ้าไม่อยากให้ Facebook ขึ้น feed ซ้ำ ก็ต้องเอา FB Connect ใน Twitter ออก
แล้วพอไป tweet นอกบ้านจากมือถือ... ก็ไม่ขึ้นใน Facebook อีก - -
LinkedIn ผมไม่ได้มองว่ามันเป็น Social Network นะ (ในความรู้สีกผม)
แต่สำหรับผม มันคือ Online Resume ครับ เอาไว้แสดงภูมิทาง IT ตอนสมัครงาน = =
+1
อ่านข่าวแล้วผมรุ้สึกว่า Jeff Weiner กำลังสับสนในตัวเองนะ
ตอนแรกบอกไม่มีใครใช้ social network พร้อมกันหลายๆอัน แต่จะใช้สลับกัน
แต่กลับบอกได้ย่อหน้าหลังงว่า ทุกคนใช้ social network ทั้ง 3 อันในจุดประสงค์ที่ต่างๆกัน
และผมก็ว่า g+ มันสามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้หมดเลยนะ เพราะคนมักไม่ใช้ social network หลายอัน เพราะงั้นมี g+ อันเดียวมันก็เกือบเหมือนกับมีทั้ง 3 อันพร้อมกันแล้ว มันตอบโจทย์ที่ Jeff Weiner พูดได้เลย
Jeff Weiner ยังไม่เคยลองใช้ g+ อยู่หรือเปล่า หรือ ไม่มีใครส่ง Invite ไปให้
ขำขำ น่ะคับ
พร้อมกันนี่หมายถึงว่า พิมพ์พร้อมกันน่ะครับ
แต่ผมเห็นด้วยนะ ตอนนี้ G+ มันก็น่าตื่นตาตื่นใจ แต่สำหรับผมถ้ามีเวลาว่างจำกัดผมคงเข้า Facebook กับ Twitter ก่อน
ส่วน LinkedIn ถ้าจะสมัครงานผมคงจะไปสมัคร แต่จะว่าไปผมว่า LinkedIn ก็ไม่ค่อยตีกับ Facebook เท่าไหร่อยู่แล้ว จะมีก็ G+ นี่แหละตีเต็มๆ
ป.ล. Like กับ +1 ผมก็กด Like อยู่ :D
:: DigiKin8 ::
Google+ ไม่ได้มาแบบธรรมดาๆครับ แต่มาแบบยกเอาข้อดีของทั้ง twitter + facebook + camfrog รวมกันและปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้น ยิ่งบวกกับ service เจ๋งๆที่มีอยู่มากมายของ google จนตอนนี้ Google+ เหมือนหน้า home ของ google empire เลยมั้ง แล้วถ้า google+ ติดลมบนเมื่อไหร่คงไม้ได้ฆ่าแค่ตัวไดตัวหนึ่งหรอกครับแต่จะไปแย่งส่วนแบ่งมาจากทุกตัวเลย
+1
By @iPoohs
Visit My blog
"Stay hungry.Stay foolish" -Steve Jobs
ทำไมผมอ่านหัวข้อข่าวแล้วกลับนึกถึงเพลง....
"ใครจะพยายามแทรกกลางระหว่างเรา
รู้ไว้นะว่าเขาไม่มีวันเข้ามาได้
จะไม่มีตรงกลางที่เหลือว่างเผื่อใคร
ถ้าใจเรายังผูกกัน"
<3<3
ฮาาาา า า า า า
เดี๋ยวนี้ผมใช้ Google+ มากกว่า Facebook เสียอีก สมัยก่อนใช้ Facebook เพื่อเป็นช่องทางส่งข้อมูลถึง user ของผม กับใช้เล่นเกมบน Facebook (ก็เพื่อการโปรโมตงานอยู่ดี)
ปัจจุบันไม่ได้เล่นเกมบน Facebook แล้ว พอกดส่งข่าวเสร็จก็จบเลย ไม่ไปแลอีกเลย แต่กับ Google+ ผมสามารถเลือกอ่าน Stream เฉพาะกลุ่มได้อย่างสะดวก และเข้าไปปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ มีกลุ่มที่แบ่งไว้ชัดเจน (แปลกแต่จริงที่ Facebook ก็มีการแบ่งกลุ่มเพื่อนได้ แต่ผมกลับไม่เคยถามใครเลยว่าเขารู้จักผมผ่านทางไหน จะได้แยกกลุ่มเพื่อคุยให้ถูกเรื่อง แต่กับ Google+ ผมกลับรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ดีที่เราทำแล้วเหมาะสม)
ผมว่า Google+ ยังไปได้อีกไหล เพราะ Google นั้นมีบุคคลากรที่มีความสามารถไม่ด้อยไปกว่าที่อื่น ประกอบกับระบบแวดล้อมที่มีเนื้อหาจากบริการต่าง ๆ ของ Google สามารถนำมาดัดแปลงเพื่อให้เข้ากับ Google+ ได้เพียงแต่ขอให้มีความคิดดี ๆ เท่านั้น
ผมมองว่า ตอนนี้กระแสมี อยู่แค่ว่า Google จะตามกระแส และพัฒนาอะไรออกมาได้ตรงใจทันกระแสมากกว่า อย่างไง Google+ ก็บูมไปแล้ว มันไม่ได้ไม่มีที่ยืน แต่มันลุกขึ้นวิ่งไปแล้ว เหลือแค่จะดูว่าใครจะเหนื่อย ใครจะหมดลมก่อนกันแค่นั้น เพราะฉะนั้นไม่เห็นด้วยกับ คุณ Jeff Weiner เลย เพราะคุณ Jeff Weiner มองว่า Google+ พึ่งเริ่ม แต่ตัวผมกลับมองว่า มันไม่ได้ตั้งไข่แล้ว มันเลยระยะนั้นไปแล้ว
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
Google+ มองดีๆ ก็ geek เกินไปนะครับ
ถ้ามองในแง่ของผู้ใช้ทั่วไป ผมว่าคง งงๆ อยู่นะครับในการใช้
+1
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
มองตามประสาคนที่ใช้คอมแค่พอเป็นที่เล่นเฟสบุ๊คเป็น ยังงง กับ url อยู่ว่าจะเข้ายังไง ประมาณว่า มันจำยากไม่ติดตา เหมือน facebook
+1
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
มันเข้าง่ายนะผมว่า คนเล่นเน็ททุกคนน่าจะเข้า google ได้ เข้าหน้า google แล้วก็กดมุมซ้ายบน ก็เข้า g+ ของเราแล้ว url ที่ใช้ก็แค่ google.com ปกติผมใช้บริการอะไรของ google ผมก็เข้าจากหน้า google ตลอด
www.google.com/+
จำไม่ยากนะคร๊าบพี่
พิมพ์ยากครับ เพราะต้องกด shift น่าจะหา domain ที่ดีกว่านี้
ลองเปิดใจให้กับ LinkedIn ดูบ้างก็ได้นะคะ สำหรับส่วนตัวคิดว่าไม่ได้เป็นแค่เวปสำหรับสมัครงาน(อันนี้น่าจะเป็นผลพลอยได้มากกว่า) ส่วนใครที่อยู่วงการไอทีแล้วไม่ควรพลาด Social Network แบบมีสาระแบบนี้นะคะ ขอแนะนำนะค๊า
g+
ผมว่ามันคือ Portal ของโซเชียลเน็คเวิร์คเลยครับ
แต่ว่าหลายคนมีแอคเค้า แยกกันหลายแอบ อย่าง gmail youtube
อย่าง FB ใช้แกนของตัวเองแล้วพัฒนาแอบไปเสริม แ่ต่ g+ มีทุกอย่างรออยู่แล้ว
linkedin ผมสมัครแล้ว ลองเล่นแล้ว และลบ Account ทิ้งไปแล้ว -*-
ผมมองว่าในเมืองไทย LinkedIn มันไม่ค่อยเวิค เพราะว่าวัฒนธรรมการหางานของคนไทยมันไม่เหมือนกับเมืองนอก ของเราแค่ยื่น Resume ไปที่บริษัทเค้าก็เรียกไปสัมพาษณ์ แต่อย่างเพื่อนผมอยู่อเมริกา การหางานมันไม่ใช่แค่ยื่น Resume แล้วจบ คือมันต้องมี networking (บ้านเราเรียก connection) กับคนในบริษัทที่ต้องการไปสมัครงานด้วย เค้าถึงจะเรียกไปสัมพาษณ์ ซึ่ง LinkedIn มันไปตอบโจทย์ทางวัฒนธรรมการหางานของพวกเค้าได้อย่างดี อย่างพวกการ upgrade account จ่ายเป็นรายเดือน เค้าก็ยอมจ่ายกันเพื่อการสร้าง networking ซึ่งมันน่าสนใจว่าต้องยอมลงทุนกันขนาดนั้น...
ผมว่า เพราะบ้านเราหาคอนเนคชั่นกันทางอื่น
พี่ๆน้องๆ ญาติๆ
เลยไม่ต้องใช้ LinkedIn แบบนั้น
ชัดเจนนนน น น น น
โดยส่วนตัว ผมว่าที่เค้าออกมาพูดเพราะ เค้าน่าจะวิตกกับการมาของ Google+ พอสมควรแหละ พึ่งเข้าตลาดหุ้นไปด้วย มาเจอคู่แข่งอย่าง Google นี่ อยู่เฉยๆ ก็คงไม่เข้าที
Facebook ยังออกอาการแหยง Google+ เลย มันจะหาที่ว่างลงไม่ได้เชียวรึ?
ผมว่า Google+ สักวันมันจะหายไปครับ
... กลายเป็น Google เฉย ๆ ...
Google+ ดึงคนมาได้สัก 1 ใน 3 เมื่อไร ก็น่าจะประสบความสำเร็จแล้วครับ
เพราะเมื่อนั้นผลการค้นหาของกูเกิลใน Social Network คงจะมี Power ขึ้นอีกเยอะ
ถ้าเปิดเวอร์ชั่นที่พร้อมใช้งานจริงๆได้เมื่อไหร่ ทุกโซเชียลได้สั่นคลอนกันหมดแน่
โดยส่วนตัวแล้ว FB เริ่มกลายเป็นขยะขึ้นทุกทีๆ แบบรู้จักเลยรับ Add แต่สิ่งที่คุณโพสนี่ไม่สนใจอ่ะ รกเต็มไปหมด จะลบก็แปลกๆ เพราะไม่ได้ไปโกรธอะไรเขา
ส่วน Twitter มันมีกลุ่มที่ไม่อยากให้อยากรับรู้เรื่องที่ตัวเองโพสเหมือนกัน เช่น อยากพูดเรื่องเทคโนโลยีก็ไม่อยากให้คนที่ตามกระแสมาแทรก อยากพูดเรื่องไร้สาระก็ไม่อยากให้เพื่อนร่วมคลาสมาเห็น
Google เป็น Greek ที่ทำ Social ได้เข้าใจความสัมพันธ์ของมนุษย์มากที่สุดเลย เหลือแต่ปัญหาด้านความนิยมก็เพียงเท่านั้น
ขอพูดเรื่องนึง เหมือนเห็นคนจะไม่เข้าใจเยอะมาก
"ทำไมระบบ Invite ถึงไม่เวิร์ค"
คนอยากเข้า ไม่ได้เข้า อันนี้มันต่างกับระบบ Closed Beta แบบจำกัดจำนวน คือคนที่แสดงเจตจำนงว่าอยากเข้า รู้อยู่แล้วว่ามันมีจำกัด ดังนั้นเมื่อไม่ได้เข้า ก็จะทำใจได้ว่าต้องรอ Open
จุดตายเลยก็คือ Google+ เป็น Social Network ไม่ใช่เกมออนไลน์ เราเข้าไปเพื่อหาคนที่รู้จัก คนๆนั้นอาจไม่เคยมีเมล์มาก่อน ไม่เคยใช้ Social Network ตัวอื่น แค่อยากจะเข้าเว็บโซเชียลเป็นครั้งแรก หรืออาจจะเคยมีแต่ไม่ได้ใช้/ไม่ค่อยใช้
พูดให้สั้นๆคือ คนๆนั้นอาจจะไม่ค่อยมีเพื่อน แต่จะเข้า Social Network ไปหาเพื่อน แต่สมัคร Google+ ไม่ได้ จะให้เขาไปเล่น Facebook ก่อนรึไง?
พอเวลาที่ไม่มีคน Invite ไปแล้วไม่รู้เขาจะอยากมารึเปล่า คนที่เข้าไปแล้วก็จะเกิดความหวั่นใจในอนาคต ไม่รู้มันจะไปรุ่งมั้ย ไม่รู้คนจะเข้ามามั้ย ยิ่งในช่วงที่ไม่มีคน พอเรารู้สึกว่ามัน "ก็งั้นๆ" ก็ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกผละหนีไปได้ง่าย อันนี้หลายคนพูดเหมือนกัน ว่า Circle เจ๋ง ระบบนั้นระบบนี้เจ๋ง ดูดี แต่ก็งั้นๆ
การที่มีคนมาชวน มาอ้อนให้ใช้ แล้วต้องนั่งทำอะไรยุ่งยากอย่างการสมัครสมาชิกอะไรซักอย่าง แล้วพอทำเสร็จแล้วก็ต้อง "เสร็จแล้ว" แล้วรออีเมล์มาชวนอีก แล้วต้องกดรับถึงใช้ได้ ยุ่งยากกว่าการสมัครทีเดียวใช้ได้เลย
ระบบ Invite เปิดๆปิดๆ อยู่ๆนึกจะเปิดก็เปิด อยู่ๆนึกจะปิดก็ปิด เหมือนโปรแกรมไม่เสร็จแบบนี้ สร้างความไม่มั่นคงทางอารมณ์แก่ผู้ใช้ บางคนไปชวนเพื่อนสมัคร GMail พรุ่งนี้ จะ Invite ดันไม่ได้ เสียหมาอีก
เอาจริงๆการที่ไม่รู้ว่าจะเปิด Open เมื่อไหร่ ก็สร้างความไม่มั่นคงทางอารมณ์แก่ผู้ใช้เหมือนกัน และตอนนี้มันสร้างความไม่มั่นคงทางอารมณ์แก่ผมมาก เพราะไม่รู้มันจะเล่นระบบ Invite แบบนี้ แล้วทำให้คนขี้เกียจจะใช้ หนีไป จนเจ๊งก่อนได้ Open รึเปล่า
เราไม่รู้ว่าคนๆนึง ได้รับ invite จากคนอื่นรึยัง บางทีเขาเห็นแล้วแต่ไม่สนใจ จะรุมส่ง invite ไปก็ Spam
แล้วที่สุดก็มีคนบ่นว่า "ทุกคนนึกว่าผมมีคน invite แล้ว ปรากฏว่าผมไม่ได้ invite จากใครซักที ต้องไปบอกไปถามคนที่ผมคิดว่ามี"
การบอกว่าอยู่ในช่วงทดสอบไม่ใช่ข้ออ้าง มันคือระบบปัญญาอ่อนที่มีข้อเสียมากกว่าข้อดี และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก Wave ก็เน่าเพราะแบบนี้ ทำไมกูเกิลดันทุรังอยู่ได้
Closed Beta มัน Too Main Stream ? พยายามแนวโดยไม่มีสาระแบบนี้มันดีแล้ว ?
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยังมีคนที่พยายามออกมาปกป้องระบบ Invite
ที่ fb มันเวิร์คเพราะมันมีคนที่เราต้องการจะสื่อสาร หรือติดตามอยู่ในนั้นครับ ถ้า fb มันไม่มีใครที่เราอยากจะคุยด้วย เราก็คงไม่เล่น ยกเว้นตั้งใจเอาบัญชีมาปลูกผักอย่างจริงจัง
แค่ hi5 กากๆ แต่เพราะคนที่มาอล่นมันมีเยอะ ทั้งพวกมาหาสาวๆ มาหาหนุ่มๆ มาโชว์ หรือแม้แต่เป็นแฟชั่น มันก็ทำให้ฮิโหงวเติบโตมาได้ดีในระดับนึง
ฉะนั้นเรื่องของฟีเจอร์คงมีผลกับ geek เป็นส่วนใหญ่ครับ
จะเวิร์ครึเปล่าคงอยู่ที่ว่า มันมีสิ่งที่เป็นเป้าหมายของเราอยู่ในนั้นมั้ย
แฮงเอาท์เจ๋งชิหาย แต่ไม่มีคนคุยด้วยก็จบ! เหมือนผมที่มี fb มาตั้งแต่ 4 ปีก่อนแต่มาเล่นบ่อยขึ้นช่วงปีสองปีหลัง เพราะแรกๆ ไม่มีใครรู้จัก fb มี account ไว้แต่ไม่มีเพื่อนสักคน
+1 ครับ เหมือนมี H/W แต่ไม่มี S/W หรือ content ไม่น่าสนใจ
+1 โดยเฉพาะสองบรรทัดสุดท้ายค่ะ
อย่าว่าแต่แฮงเอาท์ สไกป์ยังไม่ได้ใช้เลย เพื่อนที่ยอมเปิดดันเล่นบน PC เพื่อนที่มีเว็บแคมก็ไม่ยอมเปิด
จริงๆตอนแรกผมเล่น FB เพราะเกม ตอนนั้นเล่นแต่เกม ไม่ติดต่อสื่อสารอะไรกับเพื่อนเลย
เล่นกวิ้นเหรอครับ
กวิ้นก็เล่นครับ
แต่เล่นเกมตั้งกะมันยังไม่มีกวิ้น
จริงๆตอนแรกเริ่มเล่นเพราะโดนบังคับให้ไปเป็นเพื่อนบ้านในเกมซักเกม เห็นว่าไหนๆมี Acc แล้วก็เลยหาเกมเล่นเองด้วย
ตอนนี้ของผมเหลือ G+ กับ Twitter ส่วน fb สั่งลบ account ไปละ ใกล้ครบ 14 วันแล้วมั้ง...
ผมมีเพือนที่พอจะเรียกได้ว่า geek 2-3 คนลอง G+
นอกนั้นอีก ร้อยกว่าๆบน facebook ก็ยังเป็นปกติ ทำเหมือนไม่มี G+ อยู่บนโลกนี้
ทำไมหลายๆคนดูมีปัญหากับการ invite ทั้งๆที่เค้าบอกว่ามันอยู่ช่วงทดลอง
Facebook แรกๆ (แรกมากๆ) ก็ invite only ไม่ใช่เรอะ
พอ Public ปุ๊ป มันก็สมัครง่ายเอง
ที่น่าจะเป็นจุดผันแปลได้เลย คือเกม ถ้าเกมแบบว๊าวได้มาก อาจจะดึงคนมาได้อีกเยอะ รอดูกันต่อไป ตอนนี้ยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่
กล้าพูด!!
เท่าที่อ่านดูในนี้คนใช้ linked in น้อยกว่าที่คิด
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
เพราะคนไทยยังคิดไม่ออกว่ามันใช้ยังไง หรือใช้อะไรได้ ผมเห็นว่าส่วนมากมักจะเป็นพวกอเมริกันที่ชอบเก็บ Port ของตัวเองอย่างจริงๆ จังๆ พวกนี้ค่อนข้างให้ความใส่ใจกับโพรไฟล์ของตัวเองมาก ส่วนคนไทย ผมไม่ค่อยเห็นนักที่จะทำอะไรแบบเก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆ แบบนี้ ถึงเวลาจะสมัครงานใหม่ก็มานั่งแต่ง Resume ใหม่หมดเลย
อีกอย่าง นายจ้างคนไทยก็ยังไม่ค่อยใช้เจ้าตัวนี้ด้วยครับ
ผมก็เก็บเล็กผสมน้อยนะ ค่อย ๆ ใส่ไป ชักรู้สึกว่า Link in น่าสนแล้วซิ
Google+ เอาไป broadcast ตัวเองกับเพื่อนๆได้ครับ
ผมกินเหล้า online ด้วย hangout มาแล้ว
+1 ผมเอาไว้ดูคลิปกับเพื่อนที่ไปทำงานต่างจังหวัด ก็นั่งฮา เหมือนดูอยู่หน้าจอเดียวกันตอนเรียนได้
ผมคนหนึ่งที่ออนพร้อมกันทั้ง MSN, GTalk, Facebook ผ่าน Meebo
ไม่เห็นมันจะลำบากตรงไหนเลย?
อะไรที่ทับซ้อนกันในหน้าที่ของมัน ผมจะเลือกอันที่ผมคิดว่าดีที่สุดมาใช้ เวลามีไม่มากจริงๆครับ คนทำงานกลับบ้านก็เหนื่อยอยากจะนอนแล้วครับ ไหนจะต้องมีเรียนโทวันเสาร์-อาทิด การบ้านอีกเยอะแยะ เวลา entertain ไม่ค่อยจะมี
ปล. เข้ามาบ่น ^^
ผมเพิ่งรู้จัก linked in เลยครับเนี่ยะ (._.)!
ที่ผมรู้จัก Linked in เพราะว่าผมต้องการรู้ข้อมูลของ Developer หลายๆ ท่านนะครับ
พอเห็นผลงานแล้วก็อยากรู้จักให้มากขึ้น เลยเอาชื่อไปกูกลิ้ง ก็โผล่มาเป็น Linked in นี่แหละครับ
รอดู Google Resume ออกมาแล้วจะหนาว
JobDB ก็ทำได้นิ
เป็นสาเหตุที่อยากให้กูเกิลทำเพจ Google+ App มากกว่า Google+ Games
ไม่รู้จัก linkedIn อะ =__+'
แต่ตอนนี้ปลื้ม G+ นะ
ที่น่าสนใจคือ HTML5 Games ที่ Google+ จะเพิ่มเข้ามานี่แหละ
เดี๋ยว google ออกตัวระบบที่สนับสนุนด้านการงานมาแล้ว linkin จะหนาว