Eric Schmidt ประธานของกูเกิลไปพูดที่ CES โดยพูดถึงประเด็นเรื่อง fragmentation ที่ถูกวิจารณ์มาโดยตลอด
Schmidt บอกว่าความแตกต่าง (differentiation) เป็นสิ่งที่ดี และความแตกแยก (fragmentation) เป็นเรื่องไม่ดี ความแตกต่างหมายถึงทางเลือกของผู้บริโภค หมายถึงนวัตกรรมใหม่ๆ และหมายถึงการแข่งขันของผู้ผลิตที่จะนำเสนอว่าผลิตภัณฑ์ของตัวเองดีกว่าคู่แข่ง ส่วนความแตกแยกคือเราไม่สามารถรันแอพบนอุปกรณ์ต่างชนิดกันได้
ยุทธศาสตร์หลักของกูเกิลคือให้ผู้ผลิตทุกรายเข้าถึง Ice Cream Sandwich และอนุญาตให้ทุกรายปรับแต่งหน้าตาของมันได้อย่างเต็มที่ ตราบเท่าที่ยังรันแอพข้ามกันได้ กูเกิลมองว่านี่เป็นสิ่งดีต่อผู้บริโภคเพราะสร้างทางเลือก (choice)
Schmidt บอกว่ากูเกิลไม่ได้บังคับให้ทุกคนใช้อินเทอร์เฟซที่เหมือนกันหมดทุกราย ทุกคนมีเสรีที่จะเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ตัวเองเห็นว่าดี และถ้าผู้บริโภคไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงนี้ ก็มีตัวเลือกอื่นๆ ให้เลือกแทนอีกมาก
เขายังบอกว่าสิ่งที่ผู้ใช้สนใจจริงๆ คือสภาพแวดล้อมของแอพที่ทำงานข้ามกันได้ (an interoperable ecosystem of apps) ซึ่งเป็นสิ่งที่บางคนมองว่าระบบของแอปเปิลเสนอให้ไม่ได้ เขาบอกว่าแอปเปิลทำงานของตัวเองได้ดี แต่โมเดลการตรวจสอบแอพอย่างละเอียดไม่ใช่แนวทางที่กูเกิลต้องการ และตลาดมีที่ว่างพอสำหรับโมเดลทั้งสองแบบให้อยู่ร่วมกันได้
เขาพูดถึงคดีฟ้องร้องระหว่างแอปเปิลกับซัมซุงว่า แอปเปิลพยายามอย่างหนักในการแบนแท็บเล็ตของซัมซุงไม่ให้วางขาย เรื่องนี้ถือเป็นการลดทอนทางเลือกของผู้บริโภค เพราะผู้บริโภคมีสิทธิจะตัดสินว่าเลือกผลิตภัณฑ์ตัวใดอย่างเท่าเทียมกัน
นอกจากนี้เขาพูดถึงไมโครซอฟท์ว่ากำลังติดหล่มของการเปลี่ยนผ่านทางสถาปัตยกรรมของตัวเอง (architectural transition) ที่ไมโครซอฟท์อาจข้ามไปไม่พ้นก็เป็นได้ และพูดถึง Google TV ว่า "ไปได้ดี" (doing very well) และจะมีพาร์ทเนอร์เพิ่มอีกมากในครึ่งหลังของปีนี้
ที่มา - PC Mag
Comments
ความหมาย fragmentation ของคุณอีริค ไม่เหมือนคนอื่นๆ (เกือบทั่วโลก)
วิศัยทรรศเขาขาดครับ และผมก็ว่ามาถูกทางแล้ว
จงใจพิมพ์ผิดสินะ =A="
ในอนาคตเราอาจจะซื้อมือถือมาเป็นเครื่องเปล่าๆ โหลด OS Android ฟรีจาก Google จากนั้นก๊อบลงและบูทผ่าน Micro SD card แล้วโหลด driver จากผู้ผลิตมือถือ ติดตั้งผ่าน OS แบบเดียวกับที่เราทำกับ PC ทุกวันนี้
นั่นแหละความฝันผมเลยล่ะ ทำ universal driver แบบของ PC ด้วยนะ
ถ้าผู้ผลิตอยากพ่วง app หรือ UI แล้วผู้ใช้อยาก load ไปเล่นกันเอง
I need healing.
ทำมือถือประกอบเองเลยไหม ไปพันทิพย์เลือกเคส cpu vga ram mem สนุกเลยเนอะ
ผมว่าน่าจะยากที่จะให้มือถือดำเนินรอยตามคอมประกอบ(ถ้ามีก็ไม่น่าจะใช่ในอนาคตใกล้ๆ นี้) เพราะเทียบกับคอมแล้วประกอบออกมาแบบไหนก็ไม่ค่อยต้องสนใจว่ากินพลังงานไปเท่าไหร่ เพราะปัญหาของมือถือปัจจุบันเรื่องพลังงานยังเป็นเรื่องที่ต้องคิดถึงเป็นลำดับต้นๆ สมาร์ทโฟนที่เราใช้อยู่ตอนนี้น่าจะผ่านการทดลองหรือ optimize มาอย่างดีแล้วยังอยู่ได้ราวๆ แค่หนึ่งวัน ลองนึกดูว่ามือถือประกอบเองเสป็คเทพแต่ทำงานได้แค่หนึ่งชั่วโมงแบบนี้ก็ไม่ไหว
ผมว่าไอเดียดีนะครับ อาจไม่ถึงกับเดินเลือกเอง น่าจะเป็นเหมือนสั่งทำพิเศษได้เหมือนเครื่อง PC ของ dell มากกว่าครับ
ความคิดสมกับเป็นผู้ใหญ่
แล้วเครื่องเก่าๆที่อัพ ICS ไม่ได้ นี่เรียกว่าไม่แตกแยกอีกเหรอ
บอกตรงๆว่ารู้สึกแย่กับ Android ที่เวลาซื้อต้องมากังวลกับการอัพได้หรือไม่จากผู้ผลิตจริงๆ
@fb.me/frozenology@
ปกติ pc เครื่องเก่า เคยลง 95 แต่ลง xp ไม่ได้ ก็ซื้อเครื่องใหม่หรือ up เครื่องสิครับ ไม่เห็นมีใครบ่นว่ารู้สึกแย่ ควรจะบ่นว่าไม่มีตังมากกว่า 555+ ? เล่นเกมไม่ได้เพราะ card จอไม่แรงแรมไม่พอ ก็ต้องรู้ตัวครับ (ในกรณี android มันมี 2 กรณีครับคือ ไม่ up เพราะ hw ไม่ถึงจริง ๆ อันนี้จะรู้สีกแย่ทำไมครับ ก็ต้องรู้ตัวสิครับ ส่วนในอีกกรณีคือ ผู้ผลิตไม่ up ให้เพราะอยากขายเครื่องใหม่ อันนี้รู้สึกแย่ได้ครับ แต่ทางเลือกก็มี up เอง หรือเลือกผู้ผลิตที่ การันตีการ up หลัง ๆ มาก็มี sony) คุณคงจะชินกับ iphone ที่ออกมาไม่กี่รุ่น ก็เลยนำมาเปรียบเทียบ แต่เท่าที่ผมตามข่าว ios มันก็มีบางอย่าง upgrade ให้รุ่นเก่าไม่ได้เหมือนกัน ทำไมถึงไม่รู้สึกแย่ครับ ? สุดท้ายผมว่าคุณรู้สีกแย่เพราะมันเป็น android ไม่ใช่ iphone มากกว่า คำแนะนำผมคือ ใช้ iphone ต่อไปครับไม่มีใครว่าคุณครับ
ปกติเครื่อง "หัวหอก" ใหม่ ๆ ที่เพิ่งซื้อก่อนหน้า OS ออกไม่นานมันอัพได้เกือบหมดนะครับ แล้วบังเอิญว่าก่อนหน้านี้ Android เพิ่งเคลมไปว่าอัพได้ 18 เดือน
กูเกิลออกแต่ไม่มีใครเล่นด้วยรึเปล่าครับ - -
May the Force Close be with you. || @nuttyi
อ่านคอมเมนท์นี้แล้วอยากลุกไปต้มมาม่าจัง
ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการเสียดสีแบบนี้เท่าไหร่ แถมไม่ค่อยเห็นด้วยเรื่องที่พูดถึงการอัพเกรดด้วย (มีหลายรุ่นที่ควรอัพเป็น ICS ได้เพราะคุณสมบัติพร้อมสเป็คถึงทุกประการ แต่อัพไม่ได้เพียงเพราะผู้ผลิตอยากเขี่ยทิ้งเท่านั้น บางรุ่นทั้งใหม่ทั้งเร็วแต่ใช้ได้แค่ os ตัวเก่ามันก็น่าเจ็บใจ) แต่ขอพูดแค่นี้แล้วกันเดี๋ยวยาว ดึกแล้วง่วงแล้ว
ไม่ได้มีใครพูดถึง iPhone เลยครับ อย่าคิดไปเอง+อย่ายัดเยียดให้คนอื่นครับ
อย่างน้อยอุปกรณ์ที่มีอายุการใช้งาน 1 ปี "ควรจะอัปเดต" เช่น Galaxy S เพราะหลาย ๆ คนไม่อยากซื้อมือถือปีต่อปี ครับ
Galaxy S นี่มันจะสองปีแล้วครับผมซื้อตั้งแต่มันออกเลย อย่าคิดว่าไปซื้อไหนแล้วนับตามเวลานั้นสิ ต้องนับตามวันที่มือถือออกขาย
JUNE 2010 ประมาณเกือบๆปีครึ่ง
:: DigiKin8 ::
มันต้องปีครึ่งกว่าๆ สิ นี่อีก 5 เดือนจะครบสองปีแล้วนะ
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ปีครึ่งเองครับ ผมจองซื้อกับ AIS ได้มาเมื่อเดือน 6 ปี 2010
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ในเรื่องของการ upgrade เพราะ hardware รองรับไม่ไหวแล้วนั้นคุณต้องดูระยะเวลาด้วยครับ computer ที่ใช้ Windows 95 เขาใช้มากี่ปีแล้วถึงไม่สามารถ upgrade ไปเป็น Windows XP ได้ ถ้าถึงกับ upgrade ไม่ไหวจริง ๆ ก็คงต้องแสดงว่าเป็นเครื่องที่ใช้มาแล้วอย่างน้อย 2-3 ปีซึ่งยังนับว่าอยู่ใน cycle ที่เหมาะสมพอรับได้ แต่มือถือ Android cycle ตรงนี้มันยาวนานแค่ไหน ? เคยประกาศไว้ 18 เดือนแต่มีกี่รุ่นที่ทำได้จริงอย่างที่ประกาศเอาไว้บ้าง ?
และที่สำคัญผมกำลังสงสัยว่าจำนวนรุ่นที่ออกมันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไร ไม่ว่าโทรศัพท์จะออกจำนวนรุ่นมามากน้อยแค่ไหนก็ไม่เห็นมันจะเกี่ยวข้องกับการ support firmware ของโทรศัพท์แต่ละรุ่นเลยนี่ครับ คุณกำลังจะบอกว่า Android มีโทรศัพท์ให้เลือกหลายรุ่นดังนั้นในแต่ละรุ่นระยะเวลาในการ support firmware จึงต้องสั้นลง ? ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็บอกได้เลยครับว่าซื้อ iPhone คุ้มค่ากว่าเพราะในราคาที่เท่ากันผู้ใช้ได้รับการ support ที่ดีกว่าเป็นระยะเวลานานกว่า แม้ว่า feature ของ firmware ตัวใหม่จะมาไม่ครบทั้งหมดแต่มันก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลยแม้แต่อย่างเดียวไม่ใช่หรือครับ ?
ลองอ่านข่าวนี้ดูครับ
อีกเรื่องหนึ่งคือผมไม่เห็นว่า comment ก่อนหน้าจะพูดเกี่ยวกับ iPhone ตรงไหน เขาแค่บอกว่ารู้สึกแย่กับ Android แต่คุณกลับอ่านใจเขาได้ว่าเขาไม่รู้สึกแย่กับ iPhone แถมยังแนะนำให้เขากลับไปใช้ iPhone อีก ไม่ทราบว่าคุณได้รับข้อมูลเหล่านี้มาจากตรงไหนของ comment เขาหรือครับหรือว่าทึกทักไปเอง ?
ผมไม่เห็นว่า Android fanboy จะดีกว่าของ Apple ตรงไหน ;)
That is the way things are.
+1 ต้องขอโทษที่ คอมเม้นแล้วเหมือนการเสียดสี แต่ผมยืนยันว่า ไม่ได้เสียดสี แต่มองทะลุถึงความคิดที่เขามาโพสต่างหาก และอาจจะคอมเม้นตรงจนรับไม่ได้ ก็ต้องขออภัย แต่เห็นด้วยกับคุณ zerocool ว่ามันเป็นกลยุทธ์การขาย และการไม่ upgrade เพราะฉนั้นถ้ารับตรงนี้ไม่ได้ (และไม่มีความสามารถในการ upgrade ด้วยตัวเอง) ไม่จำเป็นต้องบนเลยครับ คุณควรซื้อ iphone มันเหมาะกับคุณครับ
ผมว่าคุณหลงตัวเองมากไป + ยกยอตัวเองมากเกินไปครับ
ผมใช้ Android มาสองเครื่องแล้ว และผมก็บ่นตลอด บ่นเพราะมันต้องมีการพัฒนาที่ดีครับ
คุณพูดเหมือนกับมองออกว่าเค้าเป็นสาวกแอปเปิล แต่ผมมองว่าคุณน่ะสาวก Android ตัวแรงมากกว่า
ง่า คุณก็ออกตัวแรงเหมือนกันนะ ^^" android ไม่มีสาวกหรอกครับ และถ้าผมเป็นสาวกผมจะเชียให้ใช้ iphone ทำไม ? เพียงแต่ผมเข้าใจเท่านั้นเองว่า ผู้ใช้มี 2 กลุ่ม (ถ้าคุณอยู่กลุ่ม ต้องการความ perfect คุณก็ต้องเลือก iphone) แต่ถ้าคุณยอมรับเรื่องเช่น มันจะไม่ upgrade เป็น ics ได้ คุณก็ซื้อ android ได้ก็เท่านั้น (แต่ตาม comment คนโพสอยู่กลุ่มต้องการความ perfect แต่มาบนเรื่องว่ารู้สึกแย่เพราะไม่ up เป็น ics แปลว่าคุณซื้อของผิดกลุ่มไง) การที่พูดถึง iphone ผมว่าผมใช้ ตรรกะปกตินะ แต่ผมว่า พวกคุณต่างหากแกล้งทำเป็นไม่รู้ทั้ง ๆ ที่ก็รู้อยู่เต็มอก (ในตลาด smartphone มันก็มีอยู่ 2 เจ้า ไม่ android ก็ iphone อย่าพูดถึง bb wp ให้เหนือยเลย) เมื่อมีการเปรียบเทียบว่ารู้สึกแย่ กับการไม่ upgrade แปลว่าก็ต้องรู้สึกดีกับอีกยี่ห้อ (มันเป็นเรื่องเปรียบเทียบ อย่างเมื่อก่อนมี symbian อยู่เจ้าเดียว มันก็มีหลาย version นะ ซื้อโทรศัพท์มามันก็ไม่มีใครรู้สีกแย่ ที่มันไม่ upgrade)
สั้นๆ นะครับ
ไล่ไป Android ยี่ห้ออื่นก็ได้ครับ มีหลายยี่ห้อที่เครื่องเก่าเกือบๆ 1 ปีแต่ก็ยังมีให้อัพเดทเรื่อยๆ
หรือจะไล่ไป HTC HD2 ก็ได้
สำหรับผม การกล่าวหาว่าเป็นสาวกแอปเปิลนี่มันร้ายแรงมากเลยนะ (มันดีหรือไม่ดีล่ะเนี่ย ฮ่า ฮ่า)
ส่วนที่ผมออกตัว ... ถ้าแรงเกินผมขอโทษจากใจครับ พอดีผมไม่อยากให้ใครสักคน ตั้งสมมติฐานเองว่าคนนั้นเป็นแบบนั้นแบบนี้ แล้วก็สรุปเองเสร็จสรรพ
ถ้าพูดให้ดูแย่ ... แบบนี้เรียกว่าใส่ร้าย ใส่ความครับ
จุดที่หลายๆคนไม่พอใจกันก็คือ Google ไม่มีพลังพอที่จะควมคุมผู้ผลิตมือถือให้ทำตามแนวทาง 18 เดือนที่ Google รณรงค์ได้ครับ
โดยเฉพาะในมือถือรุ่น Flagship และรุ่นรอง
ตัวอย่างล่าสุดก็คือ HTC ที่ตัวรองทั้ง DS, Inc S ออกมาครึ่งปีหน่อยๆ (DS นี่ราว 7 เดือนนับจากวางขายในไทย 8 เดือนจากที่วางขายในตปท.) กลับโดนทิ้งให้ไป ICS ไม่ได้
ส่วนเรื่องกลยุทธ์การขาย บ.ใหญ่ๆทั้งหลายทำ Marketing นั้นไม่ใช่แค่และไม่ควรที่จะต้อง "สักแต่ขาย" แล้วไม่รับผิดชอบครับ ทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ Customer Satisfaction จะค่อยๆหายไปเรื่อยๆ เป็นการทำลายตัวเอง รวมทั้ง Google เองที่จะเสียรังวัดไปด้วยเช่นกันในฐานะเจ้าของ Android ที่มี "ส่วนแบ่งตลาดผู้ใช้โทรศัพท์เยอะที่สุด" (ขอใช้ wording ตามที่แบบสำรวจทั้งหลาย และหลายๆคนเคลมว่าเป็นแบบนี้) ที่ไม่สามารถควบคุมคู่ค้าให้สนับสนุนลูกค้าได้อย่างยาวนานเพียงพอครับ
Android อาจจะถูกมองว่าเป็นโทรศัพท์สำหรับ Power User/Geek แต่จะทำตัวอินดี้ว่า "คนใช้ก็ไป root เอง ลง Custom Rom เองสิ" ไม่ได้ครับ ด้วยความที่มันกินส่วนแบ่งตลาดเยอะ Standard User ก็เยอะตาม ถ้าทำอะไรที่กลุ่ม Standard User ไม่พึงพอใจขึ้นมา feedback มันจะเสียงดังมากกว่ากลุ่มอื่นครับ
ผมไม่ได้มองแบบนั้นครับ สุดท้ายการแข่งขันจะเป็นผู้ควบคุมทั้งหมด โดยที่ google เองไม่ต้องทำอะไร (อย่างน้อยที่ผมเห็นก็มี sony เจ้าแรกที่การันตีการ upgrade) การแข่งขั้นที่รุนแรง จะเป็นตัวบีบผู้ผลิตให้ทำการ upgrade อย่างที่ทุกคนต้องการให้อัตโนมัติ แต่ต้องให้เวลาในการปรับตัวเขาหน่อย
Google ต้องทำ และทำหนักกว่าปัจุบันด้วยครับ
ขนาดปัจจุบันรณรงค์ Support 18 เดือนยังแทบจะไม่มี commitment กลับมาจากคู่ค้าเลย
อย่าง SE ก็ยังแค่ให้ ICS สำหรับ Xperia รุ่นไม่เกิน 1 ปี แต่หลังจากนี้ครึ่งปีเกิดมีอัพเดตใหญ่ จะได้รึเปล่าก็ยังต้องดูกันต่อไป
ลองว่า Google ไม่ทำอะไรเลย เราอาจจะได้เห็น Android Phone รุ่น Spec มหาเทพ quad-core, แรม 2GB ราคาไม่เกิน 15k ในต้นปีนี้ แต่....... No update anymore ก็ได้ครับ
สำหรับผู้ผลิตทั้งหลาย ต้นทุนการ Support มันไม่ใช่น้อยๆครับ หลายๆค่ายเห็นว่าลดได้/ตัดได้ก็จะตัดให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อเอามากดราคาขายแข่งในตลาด เลยเป็นที่มาของการได้ support ไม่เท่าเทียมกันในแต่ละค่าย เพราะแต่ละค่ายมองค่าของต้นทุนตรงนี้ต่างกันครับ
ขออนุญาตยก Apple มาเป็นตัวเทียบ (เพราะไม่รู้จะเอา Android ค่ายไหนมาเป็นตัวเทียบที่เหมาะสมได้) ราคาที่แพงๆนั่นส่วนหนึ่งรวมค่า Support แบบอลังการเข้าไปเรียบร้อยแล้วด้วย ทั้งการเปลี่ยนเครื่อง Refurbish ที่ไม่เรื่องมาก ไม่ต้องรอซ่อมเครื่องเดิม ได้เปลี่ยนเครื่องใหม่มาใช้ทันทีที่อยู่ในประกัน, ศูนย์บริการ, ค่าส่งเวลาซื้อ Online และอื่นๆ
สัจธรรมว่าของดี(ทุกอย่าง)ราคาถูกไม่มีในโลกยังใช้ได้อยู่ครับ ถ้าราคาถูกมันต้องมีบางแง่มุมที่งั้นๆ-ไม่ดี แต่เราจะมองมันเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลรึเปล่าแค่นั้นครับ
Android อาจจะถูกมองว่าเป็นโทรศัพท์สำหรับ Power User/Geek แต่จะทำตัวอินดี้ว่า "คนใช้ก็ไป root เอง ลง Custom Rom เองสิ" ไม่ได้ครับ ด้วยความที่มันกินส่วนแบ่งตลาดเยอะ Standard User ก็เยอะตาม ถ้าทำอะไรที่กลุ่ม Standard User ไม่พึงพอใจขึ้นมา feedback มันจะเสียงดังมากกว่ากลุ่มอื่นครับ
+1 ครับ
ตรรกะการคิดของคุณมันแปลกๆนะ เหมือนกับว่าทั้งโลกมีแต่ขาวกับดำ หรือซ้ายกับขวาแค่นั้น โลกนี้มันยังมีสีเทามีตรงกลางด้วยนะครับ อย่าไปคิดแทนคนอื่นมากนัก ไม่งั้นคุณคงได้กินแต่มาม่าจนเบื่อแน่ๆ
อ่านแล้วอยากพิมพ์ตอบหลายอย่าง
เลื่อนลงมาเจอว่าความเห็นบนๆตอบอย่างที่จะตอบไปแล้ว
เลยมาลงชื่อเฉยๆครับว่าไม่เห็นด้วยกับความคิดของคุณ
จิงๆ ผมก็ไม่ชอบยี่ห้อผลไม้นะ (คือโปรดักส์เค้าดี แต่มันไม่เหมาะกับผม)
แต่ว่าผมอ่านแล้ว ผมก็ขอลงชื่อไว้ตรงนี้แล้วกันว่า ไม่เห็นจำเป็นต้องไปมาม่าเลย แล้วทำไมต้องเป็น iphone? ไม่บอกเค้าใช้ symbian / wm ฯลฯ?
แขวะแล้วได้อะไร?
เทียบกับ PC และ windows ไม่ได้หรอก 95 กับ xp ระยะเวลาก็ต่างมาเป็นเกือบ 10 ปี
ลงได้ก็จริงแต่อืด มันก็ต้องรับสภาพกันไป ว่า Hardware เก่าทำงานได้ไม่เต็มที่
ปัญหาก็คือ "ต้องมากังวลกับการอัพได้หรือไม่ได้จากผู้ผลิต" ไม่ใช่จาก google ย้ำนะ
ใช้ android มา 3 ตัว ต้องมา failed ไปกับบางรุ่นที่ผู้ผลิตไม่ให้อัพ
แต่เห็นเครื่องอื่นที่ สเป็คเดียวกันอัพได้ นี่หมายความว่าอย่างไร ?
จะมาบอกว่ามันก็ใช้ได้เหมือนกันก็ไม่เกี่ยว เพราะการอัพเดทรุ่นใหม่ๆจะมีการแก้ปัญหา และบักต่างๆรวมถึงความปลอดภัยของระบบด้วย
iphone อัพได้ก็จริง แต่รุ่นเก่าๆก็มีการตัด software ที่ทำงานไม่ไหวออก
สุดท้ายสิ่งที่ google ควรทำคือควบจะคุมส่วนระบบ os
ไม่ให้ผู้ผลิตแก้จะดีกว่า เช่น browser, ระบบความปลอดภัยต่างๆที่จำเป็นต้องอัพ และระบบอัพเดทอัตโนมัติ
เรื่องหน้าตา home อันนี้ปล่อยไปยังได้
@fb.me/frozenology@
ผมไม่รู้สึกแปลกตรงที่ว่า Android บางทีก็อัพไม่ได้บางรุ่น เพราะว่าผู้ผลิตหลายรายต้องการทำให้รุ่นนั้นราคาต่ำลง เพื่อเจาะตลาดมากขึ้น
ถ้าพูดในฐานะ Consumer ก็บอกว่า มีอะไรก็ใช้ไปเหอะ สังเกตเพื่อนผมบางคนที่ใช้ Android อย่าง Galaxy 3 หรือไม่ก็ Galaxy Cooper ก็ยังคงเป็น Android ตัวที่ลงมาจากโรงงาน ยังไม่ใช้ตัวล่าสุด จะเห็นได้ว่า พวกที่ไม่ใช้ Power User ก็คงไม่อัพหรอกครับ
มันอยู่ที่คนซื้อมากกว่า ว่าต้องการอะไร หรืออยากได้อะไรครับ อย่างน้อยพวก Consumer ก็คิดแค่ว่า ได้รับประกันเครื่องก็พอแล้ว เขาไม่คิดอะไรมากเรื่องอัพเดตหรอกครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เอาจริงๆถ้าผมเป็นผู้ใช้ก็คงไม่ค่อยแคร์เท่าไหร่หรอกครับ ขอแค่มันจะรันแอพเกือบทั้งหมดที่มีในอนาคตได้ก็พอ อีกทั้งผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่มาดูหรอกครับว่าอัพเดทได้หรือไม่ บางคนไม่ได้อัพเดทหรือตามข่าวการอัพเดทเลยตั้งแต่ซื้ออยู่แล้ว
ส่วนถ้าผมเป็น Geek ผมก็คงไม่สนรอมศูนย์ คง root มันตั้งแต่วันแรกแล้วลงมอดรอม ศูนย์อัพเดทรอมหรือไม่ก็คงไม่สน
ถ้าผมเป็น Semi-Geek ผมก็คงรอมันหมดประกันก่อน แล้วค่อย root+ลงมอดรอม ซึ่งเมื่อรอมศูนย์เลิกพัฒนา ก็คงหมดประกันพอดี
ทีนี้ประเด็นคือ ทำไมเมื่อศูนย์ละทิ้งการพัฒนาแล้ว ดันไม่ยอมปล่อย driver/manager ต่างๆมาให้ชุมชนหน่อยหล่ะ? ผมว่ามันจะแบ่งเบาภาระทั้งตัวศูนย์เอง ชุมชนนักพัฒนา หรือแม้แต่ตัวผู้ใช้(Geek/Semi-Geek) เป็น win/win/win เลยนะ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
+1
+1024
+1 คนรอบตัวผม ทั้ง android, ios บางคนก็ไม่รู้จัก android ในมือตัวเองด้วยซ้ำ บางคนก็ใช้ iphone4 บน ios 4 โดยไม่สนใจจะอับเป็น ios 5
เขาต้องการให้เราซื้อเครื่องใหม่มากกว่ามั้งครับ โดยบีบจากสิงยั่วยวนที่ออกมา การเปิด source อาจทำให้เป้าหมายของเขายิ่งช้าลงกว่าเดิม ขนาดไม่เปิด source ยังมีคนสามารถแก้ไขปรับแต่งมันได้ขนาดนี้ ถ้าเปิดออกมาหมด คงไม่เปนผลดีกับเค้ามากกว่ามั้งครับ
เรื่อง driver นี่อาจจะลำบากหน่อยครับ เพราะว่า สำหรับ linux แล้ว driver มันผูกอยู่กับ kernel และหลาย ๆ ครั้งการอัพเดต kernel มันทำให้โค๊ด driver มันทำงานไม่ได้
นี่ยังมีเรื่อง IP ที่ฝังอยู่ในโค๊ดอีกนะ
ผมว่าก็ยังดีกว่าปล่อยให้นักพัฒนาทำกันเองนะครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
+1
กรณี galaxy s ถ้าลองออกไปดูโลกภายนอกจะพบว่ามีแต่คนใช้ touchwiz และไม่มีใครรู้ว่ามันคือ android รุ่นอะไร
ส่วนเรื่อง driver/firmware เข้าใจว่าติดปัญหา license กันนะครับ เลยกั๊กแหลก
+2048
WE ARE THE 99%
ชอบกว่าตรงที่ "รันแอพข้ามกันได้" ไม่ผูกขาดว่าต้องซื้อของเจ้านี้แค่นี้ก็ถูกใจกว่ามากแล้ว ความรู้สึก "ไม่โดนผูกขาด"
+1
เจอคำนี้ ใช้แบบนี้กันหลายท่าน เลยยกมาเป็นข้อสังเกต
คำว่า นวัตกรรม แปลว่า สิ่งใหม่ๆ อยู่แล้ว เวลาใช้ไม่น่าจะเป็น นวัตกรรมใหม่ๆ
ภาษาไทย มีการเล่นคำซ้ำเพื่อเน้นย้ำความหมายเยอะแยะ
ออกตัวไว้ก่อน ว่าไม่ได้มีความรู้เรื่องภาษาไทยมากมายนะครับ แต่พยายามศึกษาให้มากขึ้น และใช้ให้ถูกต้องเท่านั้น
เพิ่มเติม
ภาษาฟุ่มเฟือย
http://www.m-culture.go.th/detail_page.php?sub_id=2065
งั้นผมถามต่อว่าสิ่งที่เคยเป็นนวัตกรรมเราจะเรียกว่าอะไรครับ
นวัตกรรมเก่า?
แล้วนวัตกรรมที่พัฒนาต่อมาจากนวัตกรรมเดิมเรียกว่า?
เวบที่เผยสู่สาธารณะอื่นๆ ก็ใช้คำว่า "นวัตกรรมใหม่" กันเยอะนะครับ
ลอง search คำว่า "นวัตกรรมใหม่" ในกูเกิ้ลดูครับ มีเป็นสิบล้านค้นหาเลยทีเดียว และเวบข่าวอื่นๆ ก็ใช้คำนี้กันบ่อย
ถ้าถามว่ามันถูกหรือผิด ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับ แต่ผมชอบเล่นคำแบบนี้อ่านหรือฟังแล้วมันลื่นหูดี (สำหรับผมนะ)
ส่วนการใช้ตามคนหมู่มาก เช่น "เวบที่เผยสู่สาธารณะอื่นๆ ก็ใช้คำว่า "นวัตกรรมใหม่" กันเยอะนะครับ ลอง search คำว่า "นวัตกรรมใหม่" ในกูเกิ้ลดูครับ มีเป็นสิบล้านค้นหาเลยทีเดียว และเวบข่าวอื่นๆ ก็ใช้คำนี้กันบ่อย" ไม่ได้หมายความว่า ใช้ถูกต้อง เสมอไปนะครับ เช่น ค้นหาคำว่า "ฑีมายุโก" ผลการค้นหาประมาณ 6,880,000 รายการ ในขณะที่ ค้นหาคำว่า "ทีฆายุโก" ผลการค้นหาประมาณ 224,000 รายการ ก็ไม่ได้หมายความว่า ฑีฆายุโก จะถูกต้องนี่ครับ (เพราะคำที่ถูกคือ ทีฆายุโก)
ลิงก์นี้ น่าอ่าน http://www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?ID=693
ผมแค่ยกตัวอย่างเฉยๆ ครับว่าเวบอื่นที่เป็นสาธารณะเขามีใช้เหมือนกัน ซึ่งผมก็ไม่ได้บอกซักคำนะครับว่ามัน "ถูก" (ผมคิดไว้แล้วเชียวว่าคุณต้องยกประเด็นคนใช้หมู่มาก)
ผมถึงพิมพ์ดักตัวเองไงครับว่า "ถ้าถามว่ามันถูกหรือผิด ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน" (เพราะคนหมู่มากใช้ ไม่ได้แปลว่าถูกต้องเสมอไป) เพราะผมก็ไม่ได้เก่งภาษาไทยขนาดนั้น ซึ่งถ้าคุณบอกว่ามันผิดและมีเหตุผลรองรับที่เพียงพอ ก็เป็นไปตามนั้นได้ครับ
ปล. ขออภัยเรื่องรื่นหูด้วยครับ อันนี้ผมผิดจริงๆ ฮา
ถ้ามีหลักเกณฑ์ที่เป็นทางการว่าควรเขียนอย่างไร ไม่ใช่แค่ "ไม่น่าจะ" ผมก็ยินดีแก้ให้ครับ
สรุปสัั้น ๆ ได้ว่า ใครซื้อ Android แล้วอยากจะรอการอัพเดตจากบริษัทที่ตัวเองซื้อมา ก็อย่าหวังอะไรมาก คิดซะว่าตอนเขาขายอะไรให้เรา มันก็คงมากกว่านั้นได้ไม่มาก นอกเสียจากสามารถติดตั้ง root และลง ROM เองเป็น
@TonsTweetings
ทางแก้ของกูเกิ้ลคือ อย่าออกเวอร์ชั่นใหม่ เพราะขนาดเวอร์ชั่นเก่า ใช้งานได้ตามต้องการของผู้ใช้พอแล้ว แต่พอออกใหม่ก็จะมีคนโอดครวญ ว่าจะเอาอันใหม่ๆ ทั้งที่อั๊บไปก็ใช้งานแบบเดิม ไม่ได้เปลี่ยนอะไรไปมากนัก เกมส์ก็เล่นได้อย่างเดิม แค่หน้าตาลูกเล่ร UI เปลี่ยนไปนิดเดียว(มองในมุมยูเซอร์นะ) ทั้งที่ไปโหลด launcher มาก็ได้
+1 อันนี้เห็นด้วย
จริงด้วยแฮะ
WE ARE THE 99%
555+ จริงมากคับ
เป็นเรื่องธรรมดาของโลกที่จะต้องบอกลูกค้าของตัวเองในสิ่งที่ดีหรือในมุมมองที่ดีอยู่แล้ว แต่ผมเชื่อว่าคนในนี้ส่วนใหญ่ก็รู้อยู่แล้วว่าด้านที่เป็นจุดเด่นตามที่ป๋าเขาว่าและด้านที่เป็นจุดด้อยตามที่ป๋าไม่ได้กล่าวถึงมันเป็นอย่างไร
ดังนั้นเก็บในสิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อตัวเราเองที่เป็นผู้ใช้ก็แล้วกันนะครับ ชอบแบบไหนรักแบบไหนก็เลือกแบบนั้น :)
ปัญหาเบื้องหลังของการอัพเดต ก็คือ ผู้ให้บริการของสหรัฐที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการทดสอบซอฟท์แวร์ที่มีการอัพเดต (ก็คล้ายๆ UAT ในซอฟท์แวร์เฮาส์นี่ล่ะ) ซึ่งทำให้ล้าช้าเข้าไปอีก แล้วความซวยก็คือไอ้ตลาดนี้มันใหญ่และมีความสำคัญอยู่ประมาณนึง ก็เลยต้องตามใจผู้ให้บริการเขาหน่อย
ที่แย่กว่านั้นคือ ปี ๆ นึงมีมือถือที่ต้องอัพเดตกี่รุ่นล่ะเนี่ย ??
ถ้าในสหรัฐใ้ช้โมเดลแบบบ้านเรา มือถือเป็นแบบ unlocked หมด มีรายย่อยขายทั่วไป ผู้ให้บริการเป็นแค่คนขายมือถืออีกรายเท่านั้น มันก็น่าจะทำใ้ห้การอัพเดตออกมาได้เร็วมากขึ้นมาก ... แต่ก็นั่นแหละ อาจจะไปติดที่ประเทศอื่นแทนก็ได้
Android ออก version ใหม่นี่ไม่ใช่เรื่องผิด
Google ขยัน update android บ่อยๆ ยิ่งไม่ผิด
ที่ผิดจริงๆคือพวก OEM ทั้งหลายครับ เพราะพวกนั้น "ขี้กียจ!" ที่ไม่ยอม update ตาม ลูกค้าเลยได้แต่ทำหน้าละห้อยมองมือถือตระกูล Nexus อย่างอิจฉากับฟีเจอร์เจ๋งๆใหม่ๆ :P
แต่ในฐานะ android dev ผมขอปฏิญานว่าผมจะทำให้แอพรองรับได้ตั้งแต่ Android 2.1 กันเลยทีเดียว (เพราะฐานลูกค้ามันเยอะมากจริงๆครับทิ้งไม่ได้)
อย่าลืมรองรับทุกขนาดหน้าจอด้วยนะครับ
ฮ่าๆ งานหนักเลยอ่ะ
อันนี้ทำครบแบบรวม Tablet ด้วยอาจจะน้ำลายฟูมปากได้ครับ ฮาๆ
จะพยายามครับ เพราะจะว่าไปผมเองก็ขี้เกียจใช่ย่อยเลยเน้น optimize กับหน้าจอขนาดมาตรฐานตัว Nexus 1 น่ะครับแหะๆ แต่โดยปกติตอนพัฒนาเราสามารถใช้ android ช่วยจัดการเรื่องพวกนี้ได้อยู่แล้วครับโดยไม่เกี่ยวกับ version ของ Android สักเท่าไหร่ จริงๆผมว่าประเด็นเรื่อง flagmentation นี่ผู้ใช้ android หรือผู้เสพข่าวหลายคนจะนึกไปถึงเรื่องของขนาดหน้าจอมันแตกต่างกันซึ่งจริงๆผมว่ามันไม่ค่อยจะถูกนักเพราะตรงนี้สามารถแก้ไข(ถ้า dev ไม่ขี้เกียจเกิน)ให้สามารถทำแอพที่รันได้ทุกหน้าจอทุำกเวอร์ชั่นแอนดรอยด์ แต่ที่น่ากลัวจริงๆคือในแต่ละเวอร์ชั่นของแอนดรอยด์ใหม่ๆจะมีการเิพิ่มคุณสมบัติ+ความสามารถเข้ามาให้ dev ได้ใช้(api จะมี feature ใหม่ๆเพิ่มเข้ามา หรือเพิ่ม library กันเลย)ซึ่งจำเป็นต้องติดตั้งไว้ในตัว OS เมื่อจะรันแอพขึ้นมา ยกตัวอย่างเช่นสมมติมือถือมีกล้องทั้งด้านหน้าและด้านหลังแต่ถ้าเครื่องนั้นลงแค่ 2.1 คุณจะไม่สามารถเลือกกล้องเพื่อจะใช้ถ่ายได้(อันนี้ประสบกับตัวเอง)เพราะความสามารถนี้จะมากับ Android api v2.2 ขึ้นไปซึ่งตรงนี้เป็นปัญหากับทางผู้พัฒนามากๆ มากกว่าเรื่องหน้าจออีก และนี่คือ flagmentation ที่เป็นปัญหาที่แท้จริงกับที่เกิด Android ณ ขณะนี้ครับ หลายคนที่ใช้เครื่องที่ลงเวอร์ชั่นเก่าๆจะมองไม่เห็นปัญหานี้เท่าไหร่เพราะแอพใน market จะถูกกรองด้วย version ของ Android ก่อนแล้วครับ ดังนั้นแอพที่ทำออกมาใช้กับความสามารถใหม่ๆเครื่องที่ลง android เวอร์ชั่นเก่าๆจะมองไม่เห็นและไม่สามารถใช้งานได้เลย
ผมใช้ ActionBar Sherlock ทำแอปผม ซึ่งมันมาพร้อมกับตัว Support Package ของ Google ทำให้ชีวิตง่ายกว่าเดิมมาก (เยี่ยมจริง ๆ จอร์ช) ก็คือ ActionBar สำหรับ Android ต่ำกว่า 3 นั่นแหละ
เขียน App ทีเดียวรันได้หมดทุกเวอร์ชั่น พร้อมฟีเจอร์ของเวอร์ชั่นใหม่ๆ บน Android เวอร์ชั่นเก่า โอ้ มันเยี่ยมจริง ๆ ซาร่าห์ (ยาแก้ไข้ ?)
ข้างบนพูดซะเวอร์ จริง ๆ ที่จะบอกคือ ออกแบบ UI ดี ๆ และใช้ Fragment จาก Support Package ด้วยแล้วชีวิตจะง่ายขึ้นเยอะครับ ส่วน ABS เนี่ย คือการ backport เอา actionbar ของ HC (หรือ ICS สำหรับ ABS เวอร์ชั่นใหม่ที่ยังไม่ออก) แยกออกมาเป็น library ต่างหากแล้ว link มันกับ Support Package เท่านั้นเอง ซึ่งที่ทำตรงนี้ได้เพราะ Android มันเป็น open source ครับ
ปล. App ที่ผมทำอยู่รองรับตั้งแต่ Eclair ขึ้นไปครับ และถ้ารันบน Tablet ที่ใช้ HC หรือ ICS จะได้หน้าตาแบบ Tablet เลย แต่ Galaxy Tab 7" ที่ใช้ Gingerbread ลงมาจะได้หน้าตาแบบมือถือครับ เพราะว่าลองใช้หน้าตาแบบ Tablet แล้วมันไม่เวิร์ค UI element ทุกอย่างใหญ่เบ้อเริ่ม ตัวหนังสือก็เบ้อเริ่ม แต่ว่าหน้าจอมันไซส์เท่าเดิม (เมื่อเทียบกับ HC/ICS) ก็เลยออกมาดูไม่ได้เลยล่ะ
โอ้ว สุดยอดครับ ขอรับเทคนิคนี้ไปใช้นะบัดนาว
บน Tablet : https://plus.google.com/u/0/photos/106196003441421345229/albums/5689405437454670513 (ตั้งค่าเอาไว้ว่าจอ 7" มั้ง ผมจำไม่ได้) ถ้ารันบนจอ 10" ก็จะได้แบบนี้เหมือนกัน
บน Galaxy Tab 7" (ก่อนหน้าที่จะเขียนดักเอาไว้ว่าไม่ให้ใช้ layout นี้) https://plus.google.com/u/0/photos/106196003441421345229/albums/posts/5689214346206922722
บนมือถือ : https://plus.google.com/u/0/photos/106196003441421345229/albums/posts/5689025744394445634
ทั้งหมดใช้โค๊ดเดียวกัน ใช้ fragment และไม่ได้เขียนอะไรพิศดารครับ พอดี App ตัวนี้มันค่อนข้างง่ายไม่มีอะไรซับซ้อนมาก บนมือถือจะมีสามหน้า ในขณะที่บน tablet จะยุบเหลือสองหน้าเท่านั้น screen flow ก็ไม่ได้มีอะไรพิศดารมากนักครับ
ปล. ถึงคุณ lew และ mk ผมไม่ได้ตั้งใจจะโฆษณา (และ app ตัวนี้ยังไม่ขึ้น market/ขาย ยังคิดอยู่ว่าจะขายดีมั้ย) และไม่สร้าง link ให้+ไม่โพสต์เป็นรูป แต่อยากจะให้ดูว่าผลลัพท์ที่ได้มันเป็นอย่างไร อย่างไรก็ดีถ้าเห็นว่าไม่เหมาะสมก็ลบได้เลยครับผม
โชคดีที่มี Android
ลองนึกถ้าผู้ผลิต Smartphone แต่ละรายต่างก็มี OS เป็นของตนเองแล้วละก็ผมคิดว่ามันคงจะแตกแยกกว่าเป็นอยู่ทุกวันนี้เยอะ
ทุกวันนี้ผมเองก็ใช้ Floyo อยู่นะครับ และมันก็ตอบสนองความต้องการของผมได้อย่างเพียงพอแล้วครับ
ส่วนเรื่องจะได้อัพเป็น ICS หรือไม่บอกจริงๆเลยว่าสนใจอยู่บางเล็กน้อยครับ
ส่วนคนรอบข้างผมที่ใช้ Android (ส่วนใหญ่เป็น ขนมขิง) อยู่หลายคน เค้าก็ไม่สนใจเลยครับ ว่าจะได้อัพหรือไม่
ก่อนที่จะอัพ ผมคิดว่าเราควรจะถามตัวเองดูก่อนว่าเราได้อะไรจากการอัพบ้าง ไม่ใช้ว่าอยากจะอัพกันท่าเดียว นะครับ
สาวกท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า..
"เรื่อง update OS เป็นกลยุทธทางการตลาดของผู้ผลิต hardware
,Apple พยายามทำให้คุณพอใจในผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่จนซื้อเครื่องต่อไปมาใช้ ส่วนผู้ผลิตรายอื่นพยายามทำให้คุณมีความรู้สึกไม่พอใจในผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่จนต้องซื้อเครื่องใหม่มาใช้"
+1 ชอบอันนี้ครับ
ซึ่งผมคิดว่าเรื่องนี้ Apple ถูกนะครับ ในตลาดกลางและล่างอาจจะไม่ support ได้ แต่ถ้าคิดจะครองใจตลาดบนให้ได้ต้อง support ให้ยาวที่สุด เพราะพวกนี้ใช้ใช้อารมณ์ อาถรรพ์ และอาฆาตในการตัดสินใจเลือกแบรนด์
ตอนนี้ผมก็อาฆาตไปแบรนด์นึงแล้วล่ะ
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
"ส่วนผู้ผลิตรายอื่นพยายามทำให้คุณมีความรู้สึกไม่พอใจในผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่จนต้องซื้อเครื่องใหม่มาใช้"
ใช่ครับ เพียงแต่ที่ผู้ผลิตลืมนึกคือ ตรูไม่ได้เปลี่ยนแค่เครื่อง ตรูย้ายค่ายหนีด้วย
ชอบหัวข่าว
รอบตัวผมมีคนใช้ galaxy mini froyo 2.2 อยู่สามคน แล้วมีแค่คนเดียวที่ตามข่าวและสนใจจะอับเป็น ขนมขิง 2.3 อีก สองคน อยากเข้าศูนย์แค่ตอนเครื่องพังแค่นั้น ไม่เคนสนใจจะอับเดทอะไรเลย
จริงแล้วผมว่ามันมึหลายมุมมอง คนใช้ แอนดรอยก็ไม่ใช่มีแต่ geek เสมอไป แล้วผมก็คิดว่ายังมีคนใช้ Galaxy S กับ 2.1 หรือ 2.2 อยู่บ้างไม่มากก็น้อยแน่นอน