แม้คนส่วนใหญ่จะเชื่อกันว่าการโทรศัพท์ขณะขับรถจะทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น แต่รายงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Berkeley ชิ้นล่าสุดก็แสดงให้เห็นว่าในช่วงปี 2002 ถึง 2005 ที่ผ่านมา พฤติกรรมการใช้งานโทรศัพท์มือถือขณะขับรถไม่ได้เกี่ยวข้องกับปริมาณอุบัติเหตุบนท้องถนนแต่อย่างใด
รายงานดังกล่าวศึกษาแนวโน้มของปริมาณอุบัติเหตุในช่วงปี 1987 ถึงปี 2005 ในทุกรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วหาความเกี่ยวข้องกับปริมาณการใช้โทรศัพท์มือถือที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปี 1990 จนถึงปี 2005
ความเชื่อในเรื่องของความเสี่ยงจากอุบัติเหตุเนื่องจากการโทรศัพท์ขณะขับรถได้รับการสนับสนุนทางวิชาการจากงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Toronto และ Standford ในปี 1997 ที่ระบุว่าการโทรศัพท์ขณะขับรถจะเพิ่มโอกาสการประสบอุบัติเหตุถึง 4 เท่าตัว เทียบเท่ากับการเมาแล้วขับทีเดียว
ทีมวิจัยของ Berkeley ชี้ประเด็นว่าแท้จริงแล้วผู้ขับขี่อาจจะไม่ได้ขาดสำนึกในการระมัดระวังอย่างที่เราคิด โดยเมื่อมีการโทรศัพท์ขณะขับรถ ผู้ขับขี่อาจจะตื่นตัวต่อสิ่งรอบข้างมากขึ้น และลดความเร็วในการขับขี่ลง ทำให้อุบัติเหตุโดยรวมลดลงไปอยู่ในระดับปรกติ
บ้านเราก่อนจะผ่านกฏหมายก็น่าจะทำวิจัยให้เป็นเรื่องเป็นราวกันหน่อยก็ดี ไม่งั้นอีกหน่อยเราคงต้องปกครองประเทศกันแบบ "น่าเชื่อได้ว่า"
ที่มา - PhysOrg
Comments
ผมคนนึงที่ไม่ชอบรับโทรศัพท์เวลาขับรถ ถึงแม้ว่าใช้บลูทูธก็เถอะ มันแย่งสมาธิในการขับรถไปน่ะครับ ไหนจะต้องระวังรถ ไหนจะต้องคิดเรื่องที่เราสนทนาด้วย
อีกอันที่รบกวนการขับรถได้คือ GPS เห็นน้องคนนึงเอาแต่มองอยู่นั่นแหละ เกือบจิ้มท้ายสิบล้อไปหนนึงแล้ว
เห็นด้วยครับว่า จีพีเอส ชอบแย่งความสนใจสายตาให้ไม่มองถนน = ="
ถึงไม่คุยโทรศัพท์ ผมก็นึกถึงเรื่องอื่นอยู่ดี ส่วนมากใช้ auto pilot
auto pilot นี่ผมก็ใช้ประจำ เวลาอยู่ทำ OT ดึกๆเนี่ย กลับถึงบ้านได้ไง เมื่อไหร่ยังไม่รู้เลย คิดแล้วเสียว
auto pilot นี่มันคืออะไรครับเนี่ย ละเมอขับ?
ประมาณว่าขับๆอยู่แล้วใจลอย คิดเรื่อยเปื่อย พอคิดจบก็ถึงหน้าหมู่บ้านแล้ว
...ประจำ...รอดมาได้ไงไม่รู้...เส้นพระรามสอง-วงแหวนตะวันตก ด้วยนะ
โอ้ เส้นเดียวกัน ผม auto pilot ตั้งแต่ขึ้นทางด่วนดินแดง มาลงที่พระรามสอง
อันนี้น่าจะ Sleep-mode drive มากกว่านะครับ...
- -" บ้านเรามีทำวิจัยกันก่อนออกกฏหมายด้วยเหรอ???
- -" แล้ว พ.ร.บ. คอมฯ นี่ทำวิจัยกันตอนไหนเหรอ?
เปิดดูคร่าว ๆ และเหมือนจะเน้นไปที่ อัตราการครอบครองโทรศัพท์มือถือ (ทั่วไป) อัตราการใช้งานโทรศัพท์มือถือ (ทั่วไป และช่วงระยะเวลาที่ใช้ในแต่ละวัน) กับอัตราอุบัติเหตุของรถยนต์ แต่ที่ไม่เห็นคือ อัตราการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ เลยไม่แน่ใจว่าผูกกันเป็นอัตราอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการใช้โทรศัพท์มือถือยังไง อันนี้คงต้องอ่านโดยละเอียดล่ะมั้ง
เลยยังรู้สึกขัด ๆ กับงานวิจัยชิ้นนี้อยู่แฮะ
> บ้านเราก่อนจะผ่านกฏหมายก็น่าจะทำวิจัยให้เป็นเรื่องเป็นราวกันหน่อยก็ดี เดี๋ยว ครม. หมดอายุก่อน :-P ——————— คิดๆ ขีดๆ เขียนๆ
LinkedIn
ผมยังหตัว paper เต็มๆ มาอ่านไม่ได้เหมือนกันครับ เข้าไปหาใน thailis แล้วยังไม่เจอ ไว้เจอแล้วได้อ่านจะมาเล่าให้ฟังกันอีกที ------ LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
[1] [2] ผมอ่านจากอันนี้อ่ะครับ เป็น PDF ——————— คิดๆ ขีดๆ เขียนๆ
LinkedIn
เท่าที่อ่านผ่านๆ พบว่ารายงานนี้พยายามโต้แย่งรายงานฉบับเดิมๆ ที่อ้างว่ามือถือเป็นจุดึงความสนใจของผู้ขับขี่โดยพยายามโน้มน้าวว่าขณะที่ปริมาณการใช้งานมือถือสูงขึ้นมาก แต่ปริมาณอุบัติเหตุกลับไม่ได้สูงขึ้นเลย
ผมเห็นในรายงานมีการอ้างอิงถีงรายงานฉบับหนึ่งว่าร้อยละ 33 ของอุบัติเหตุมีการใช้โทรศัพท์มือถือของผู้ขับขี่ นับว่าน่าสนใจเพราะเราตรวจสอบไม่ได้ว่าผู้ที่ใช้มือถือขณะขับขี่โดยที่ไม่เกิดอุบัติเหตุมีเป็นจำนวนเท่าใหร่กัน?
รายงานฉบับนี้พยายามโน้มน้าวว่าตัวเลขของผู้ใช้มือถือโดยไม่ได้เกิดอุบัติเหตุน่าจะสูงเพราะตัวเลขการใช้งานรวมมันสูงขึ้น ตรงนี้แม้จะเป็นไปได้แต่ยังไม่ชัดเท่าใหร่ ผมว่าอีกสักพักใหญ่ๆ คงมีรายงานการศีกษาว่าผู้ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถในแต่ละช่วงเวลาเป็นอย่างไรกันบ้างออกมา ------ LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ไม่เห็นด้วยกะงานวิจัยนี้เลย !!
ผมพูดอะไรที่ต้องคิดมากๆระหว่างขับรถไม่ได้นะครับ ระหว่างเขียนโปรแกรมก็ยังไม่ได้เลย -- My blog: poomk.blogspot.com
โดยประสบการณ์ ยังไงการโทรศัพท์ก็ดึงสมาธิอยู่ดี ถึงเราจะลดความเร็วลง แต่ก็เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติอยู่ดี
เรื่องนี้ยาว สมาธิการขับรถของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เช่นบางคนเปิดเพลงมีสมาธิ บางคนเปิดแล้วเสียสมาธิ บางคนขับรถคนเดียวแล้วเหม่อลอย(autopilot) บางคนไม่ แถมสติดีกว่ามีคนนั่งมาด้วย รุ่นพี่ผมคนนึงถ้าไม่คุย หรือไม่ร้องเพลงตามวิทยุ จะขับรถน่ากลัวมาก เพราะพี่แกไฮเปอต้องจับเปิดนู้น เปิดนี่ กดนู้น กดนี่ตลอด
วิจัยคืออะไร!? ไม่เห็นรู้จัก ใช่ชื่อซอยรึเปล่า - -
คันข้างหน้าซ้ายมัวแต่คุยโทรศัพท์เลยขับช้า ผมวิ่งมาเกือบชน
ผมนี่ล่ะ ชนเพราะโทรศัพท์เลย ...กดเบอร์ผิดแล้วพยายามไปแก้ เพราะมันเป็นทัชสกรีน ... โอย นึกถึงไอโฟนแล้วยุ่ง ได้ใบขับขี่มาไม่ถึง 5 วันก็ชน
รับประกันว่าโทรศัพท์มีผลจริง ๆ แม้ตอนคุยก็มี
@TonsTweetings
ตกลงอ่านงานวิจัยนี้แล้วเชื่อ ก็เป็นพวก "น่าเชื่อได้ว่า" ด้วยหรือเปล่า
อย่างผมโทรศัพท์ตอนขับรถอยู่ มันจะลดความเร็วลงอัตโนมัติ จากนั้นก็จะไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบข้างเท่าไหร่ ที่สนใจก็มีเพียงคนที่คุยด้วยกับทางที่จะกลับบ้านแค่นั้น - -'
สมัยก่อนเคยได้ยินเขาเล่ากันว่า ถ้าเปิดเพลงในรถ - จะมีโอกาสประสบอุบัติเหตุสูงขึ้น แล้วถ้าเปิดเพลงในรถดังๆ - ละ จะเป็นยังไง
เขาบอกว่า่ - จะประสบอุบัติเหตุน้อยลง เพราะคนขับตระหนักดีว่า วิทยุมันดัง จึงต้องบังคับตนให้มีสมาธิสูงขึ้น...
ยกตัวอย่างนี้มาเล่า อย่างไม่สามารถอ้างที่มาได้ เพียงต้องการบอกปัจจัยที่มีผลกระทบมันมีุมากมายครับ..
สำคัญก็คือมีสติ "อย่าประมาท.." ^ ^
เปิดเพลง กับ คุยโทรศัพท์ มันต่างกันนะ
เปิดเพลง - ไม่ต้องสนใจฟังก็ได้ ใช้สมาธิกับการขับได้เต็มที่ (เหมือนคนอื่นในรถคุยกัน คนขับไม่เกี่ยว) คุยโทรศัพท์ - ต้องใช้สมาธิเพื่อพูดคุยผ่านโทรศัพท์ พร้อม ๆ กับขับรถไปด้วย ——————— คิดๆ ขีดๆ เขียนๆ
LinkedIn
พี่ที่รู้จัก เพิ่งโดนรถชนท้าย เพราะคนที่มาชนคุยโทรศัพท์เพลิน จนไม่รู้ว่าคันหน้าเค้าเบรกกันหมดแล้ว ชนแรงคล้ายๆ เบรกแตกเลยค่ะ