Tags:
Node Thumbnail

หลังจากที่ไมโครซอฟท์ได้พยายามเรียกร้องขอความเป็นธรรมก่อนหน้านี้เมื่อศาลสหภาพยุโรปได้ตัดสินว่าไมโครซอฟท์นั้นดำเนินธุรกิจในลักษณะผูกขาด ล่าสุดเมื่อวานศาลยุโรปตัดสินว่าจะไม่เปลี่ยนคำตัดสินเดิมตามที่ไมโครซอฟท์เรียกร้อง

ตอนนี้ไมโครซอฟท์จะต้องเจอค่าปรับสูงถึง 497 ล้านยูโรพร้อมกับต้องจ่ายค่าธรรมเนียมกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ทีี่ใช้ในการต่อสู้คดีในครั้งนี้ รวมไปถึงสิ่งที่ไมโครซอฟท์คงไม่อยากจะทำ ซึ่งก็คือการที่จะต้องเอาโปรแกรม Media Player และเว็บบราวเซอร์ของตัวเองเก็บเข้ากรุไป นอกจากนี้ยังจะต้องช่วยคู่แข่งของตัวเองโดยการเสนอข้อมูลและรายละเอียดทั้งหมดและความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ เพื่อที่จะให้ซอฟต์แวร์ของผู้ผลิตอื่น ๆ นั้นสามารถใช้งานได้กับระบบได้อย่างเต็มที่

ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่หากผู้ใช้ยังคงต้องการจะใช้ซอฟต์แวร์จากไมโครซอฟท์อยู่นั้นก็สามารถใช้ได้เพียงแค่ไม่กี่คลิกมากขึ้นกว่าทุกวันนี้เท่านั้น

ข่าวนี้อาจจะไม่ใช่เป็นแค่ข่าวดีสำหรับคู่แข่งของไมโครซอฟท์ แต่สำหรับผู้ใช้งานทุกคนเนื่องจากการแข่งขันย่อมจะทำให้เกิดพัฒนาการทางด้านเทคโนโลยี สิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ และรวมไปถึงราคาที่อาจจะต่ำลงก็เป็นได้

ที่มา - CNET News

Get latest news from Blognone

Comments

By: AdmOd
iPhoneWindows
on 18 September 2007 - 02:58 #31803

ถ้า editplus ฟ้อง notepad จาก microsoft บ้างจะเป็นไงนะ

By: moniguna on 18 September 2007 - 08:14 #31809

ผมว่าฟ้องยากอ่ะครับ สองอันนี้มันต่างกันเยอะ

By: tekkasit
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 18 September 2007 - 09:20 #31810
tekkasit's picture

ช่วยคู่แข่ง

By: thep
Writer
on 18 September 2007 - 10:44 #31812 Reply to:31810

ทักเรื่องตัวสะกดใช่ไหมครับ ผมอ่านแล้วสะดุดเหมือนกันตรง "ช่วยขู่แข่ง", "เปอร์เซ็น" (ต์ หาย), "คลิ๊ก" (ไม่ต้องมีไม้ตรี)

สองกรณีหลังคงหยุมหยิม แต่กรณีแรกนี่อ่านแล้วสะดุดกึ๊กเลย

By: bitworld
AndroidSymbianUbuntuWindows
on 18 September 2007 - 09:49 #31811
bitworld's picture

จะช่วยเร๊ออออออ ดูตัวอย่าง help ของ windows ก็ได้ ช่วยเหมือนกัน ช่วยให้งงหนักไปกว่าเดิม

- -"

By: thep
Writer
on 18 September 2007 - 11:20 #31816

ในที่สุด การหมกเม็ดของ MS ก็จะสิ้นสุดเสียที หลังจากที่ฐานผู้ใช้ถูกใช้เป็นเครื่องมือห้ำหั่นทางธุรกิจมานาน เสียดายก็แต่มีผลแค่ที่ยุโรปเท่านั้น ส่วนที่อเมริกา การผูกขาดก็ยังดำเนินต่อไปเหมือนเดิม

Windows ไม่ควรจะมี "undocumented API" ที่รู้กันเฉพาะภายใน MS อีกต่อไป การที่บริษัทที่ทำ OS มาทำ application เองด้วย แล้วมี "ทางลับ" ที่ผู้ผลิต application อื่นไม่รู้ ย่อมเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ทางที่ดี ควรแยก MS ส่วนที่ทำ OS กับส่วนที่ทำ application ออกจากกันไปเลย เพื่อรับประกันว่าผู้ผลิตอื่นก็จะมีโอกาสได้รับข้อมูลที่ทั้งสองส่วนนี้คุยกันด้วย

OS ที่กลายเป็นที่นิยมของมหาชน ย่อมไม่ควรอยู่ในฐานะที่จะปกปิดความลับทางการค้าเพื่อประโยชน์ของตัวเองและหุ้นส่วนอีกต่อไป ("หุ้นส่วน" ในที่นี้ รวมถึงบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ "shared source" ด้วย ฉะนั้น "shared source" ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับการเปิด API เมื่อเทียบกับขนาดตลาดในปัจจุบันของ Windows)

ปล. MS เท่านั้นหรือที่สร้างจักรวรรดิซอฟต์แวร์นี้ขึ้นมา? ผู้ใช้เองก็ยอมสวามิภักดิ์เข้าเป็นขุมกำลังต่อรองของ MS เองด้วยใช่หรือไม?

By: onimaru
SymbianWindows
on 18 September 2007 - 13:09 #31819

โดยส่วนตัวเชื่อว่าในกรณีนี้ผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือ MS เอง ออ อีกอย่าง อยากถามว่า ถ้าสมมติว่ามันแยกเป้น 3 ส่วนคือ MS,MS Entertainment MS Solution อะไรก็แล้วแต่ แบบแยกกันเดขาดอ่ะนะ แล้วทีนี้มันก็ทำการเซ็นสัญญาร่วมกันพัฒนาอะไรซักอย่างขึ้นมาแล้วก็ใช้กันเอง 3 บริษัทนี้ ในกรณีนี้จะเรียกว่าการผูกขาดได้รึเปล่าครับ หรือว่าในกรณีที่ MS พัฒนาอะไรขึ้นมาอันนึงแต่เป็นแบบขายลิขสิทธิ์การใช้งาน ไม่ใช่แบบใช้ฟรี ๆ แล้ว MS อีก 2 ที่ก็ซื้อลิขสิทธิ์อันนี้ไปโดยที่บริษัทอื่นบนโลกนี้ไม่ซื้อ ดังนั้นคนที่รู้เทคโนโลยีนี้ก้มีแค่ 3 เจ้าคือ MS ทั้ง 3 หน่อนั่นเอง กรณีแบบนี้จะถือเป็นการผูกขาดรึเปล่า

แล้วถ้า สมมติว่า MS solution ที่แยกตัวออกไปมันพัฒนาโปรแกรมอ่ะ ครบทุกอย่างเลย แต่ไม่ขายน่ะ ทั้ง media player,dvd burning,anti virus,etc. คือทำทุกอย่างอ่ะ ไม่ขายไม่รวมมากะวินโดว์ แต่แจกฟรี ทำมาสนับสนุน MS เต็มที่เลย แบบนี้ก็ฟ้องไม่ได้ใช่มั้ยครับ

By: invisibleMind on 19 September 2007 - 14:25 #31920

Microsoft หลังๆ มามันทำอะไร ไม่ดูตัวเองซะเยอะ ยอมๆ เค้าไปก็สิ้นเรื่อง ก็รู้ๆ อยู่ว่ายุโรป มีเทคโนโลยีเหนือกว่าอเมริกาแทบจะทุกๆ ด้าน ถึงไม่มีไมโครซอฟต์ เค้าก็พัฒนาโอเพนซอร์สใช้เองได้ แล้วอีกอย่างคนของเค้า เค้าใช้ Unix กันมาตั้งแต่สมัยใหน พอไลนัสพัฒนาลีนุกซ์มา คนของเค้าก็ใช้ได้เลย มันแพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้งแล้ว ศาลก็ศาลของเค้า จะเอาอะไรมาต่อสู้ละเนี่ย ถ้าคิดจะเลิกขายในยุโรป เท่ากับเผยแพร่วัฒนธรรมโอเพ่นซอร์ส ต่อๆไป ก็จะลามไปทั่วโลก

By: azx
iPhoneWindows
on 20 September 2007 - 01:36 #31986
azx's picture

มันจะมากไปเปล่า