วันพุธที่ 6 กรกฎาคม 2016 ควรจะเป็นอีกวันหนึ่งที่ชีวิตประจำวันของ Godwin Boateng วิศวกรซอฟต์แวร์หนุ่มใหญ่ดำเนินไปตามปกติ วันนั้นเขามีนัดกับเพื่อนออกไปใช้เวลาร่วมกันกับรถ BMW X5 ราคา 70,000 เหรียญ คันเก่งของเขา
ถึงแม้ว่าเขาจะพร้อมออกรถแล้วแต่เพื่อนของเขายังต้องใช้เวลาเตรียมตัวอีกสักหน่อย ทว่าการที่ต้องยืนรอเพื่อนไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับ Boateng ถ้าไม่ใช่เพราะความบังเอิญบางอย่างที่เปลี่ยนเหตุการณ์ธรรมดาให้กลายเป็นเรื่องไม่ธรรมดา
ผลลัพธ์ของเหล่าความบังเอิญจึงบังเกิดเป็นความเจ็บปวดอย่างที่สุด เมื่อประตูรถ BMW X5 ที่ผู้ผลิตบอกว่าปิดอย่าง "นุ่มนวล" นั้น ทำงานอย่างทรงพลังปิดแน่นไปพร้อมกับการบดขยี้เนื้อ, หนัง, เส้นเลือด, เส้นประสาท, เส้นเอ็น, กล้ามเนื้อ และกระดูกหัวแม่มือของเขาจนขาดสะบั้น
โปรแกรมเที่ยวจบลง Boateng มีอย่างอื่นที่ต้องรีบทำเป็นการด่วน ในหัวของเขาจดจ่อกับการเก็บเศษชิ้นส่วนนิ้วหัวแม่มือที่ขาดออก แช่เย็นกับน้ำแข็ง แล้วบึ่งตรงไปโรงพยาบาลเพื่อขอให้หมอช่วยรักษาต่อนิ้วกลับคืน แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยความผิดหวังเมื่อคำตอบจากหมอคือไม่สามารถต่อชิ้นส่วนนิ้วมือนั้นได้
Boateng ในวัย 61 ปี ได้แต่ทำใจยอมรับว่าต้องใช้ชีวิตที่เหลือด้วยนิ้วหัวแม่มือซ้ายแค่ข้างเดียว แม้ว่าหลังการผ่าตัด 2 ครั้ง หัวแม่มือของเขาจะงอกกลับคืนออกมาเล็กน้อยแต่มันก็ไม่เหมือนเดิม เขาต้องเรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตโดยสวมนิ้วปลอมบ้างในบางโอกาส
Boateng ทำอะไรกับบาดแผลนิ้วของเขาไม่ได้มาก แต่ในใจก็คิดว่าเรื่องนี้ก็ควรจะมีผู้ที่ต้องรับผิดชอบ ว่าแล้วเขาจึงยื่นฟ้อง BMW ผู้ผลิตรถยนต์ที่ตัดนิ้วของเขาจนขาดด้วยประตูรถพลังมอเตอร์ไฟฟ้า
คำฟ้องระบุว่าระบบ SCAD (Soft Closing Automatic Doors) ซึ่งควรจะช่วยปิดประตูรถอย่างนุ่มนวลนั้น มีจุดบกพร่องจากการออกแบบ โดย Avi Cohen ทนายของ Boateng ระบุว่าสิ่งที่ประตูรถทำนั้นเหมือนกับเป็น "กิโยติน" และกล่าวว่า BMW ควรจะออกแบบกลไกด้านความปลอดภัยเพื่อป้องกันการปิดประตูหนีบอวัยวะแบบนี้มิให้เกิดขึ้นได้
คำฟ้องยังระบุว่า BMW ในฐานะผู้ผลิตรถนั้นทราบเรื่องเซ็นเซอร์ปิดประตูรถที่อาจทำงานผิดพลาดได้เช่นนี้เมื่อแง้มประตูไว้ แต่กลับไม่แจ้งเตือนลูกค้าหรือทำการแก้ไขจุดบกพร่อง
น่าสนใจติดตามต่อไปว่า BMW จะว่าอย่างไรกับข้อกล่าวหาในคดีนี้? แล้วรถยี่ห้ออื่นๆ จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุลักษณะเดียวกันนี้ได้หรือไม่?
ที่มา - New York Post via Gizmodo
Comments
ภาค 2 มาไวๆ ครับ
อ่านนี้ยายไซไฟเลยแหะโดยเฉพาะบดกระดักนี้อ่านตอนกินข้าวมีพุ้ง...
นี้มันคอนเซ็ปต์ 9" เลยนะเนีย -0-
ตอนหนีบนี่บรรยายซะเห็นภาพ =_="
จากที่อ่านๆมาผู้เขียนเคยเขียนนิยาย มาก่อนป่าวครับเนี่ย บรรยายได้มีอารมณ์ทีเดียว
ถถถ ต้องแนวเลือดสาดด้วยนะ
ถ้าตอนจบนิ้วงอกออกมาได้เหมือนเดิมคงจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง
นึกว่ากำลังอ่านนิยาย ?
โปรดติดตามตอนต่อไป
คุณตะโร่งโต้งเริ่มติดใจสำนวนนี้ อิอิ
my blog
ถ้าเป็นเรื่องนิยาย ผมว่าเขียนใช้ได้ แต่ถ้ามองเป็นข่าวผมว่ามันต้องอ่านเยอะและไม่จำเป็นเกินไป แต่ก็เข้าใจว่าเป็นที่สำนวนของแต่ล่ะคน
The Dream hacker..
อันนี้แอบเห็นด้วยครับ แต่ผมคิดว่าคุณตะโร่งโต้งอาจจะอยากเปลี่ยนแนวบ้างเพราะเขียนแบบธรรมดามาหลายข่าวแล้วและข่าวนี้มันมีเป็นเรื่องเป็นราวพอดี
เห็นด้วยครับ จริง ๆ สำนวนอ่านได้ไหลลื่นในภาพรวม แต่หลายจุดนั้นเยิ่นเย้อมากไป ทำให้ขาดความต่อเนื่องอยู่บ้างครับ
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
+1M
เห็นหัวข้อข่าวรู้เลยว่าใครเขียน อิอิ
แต่แอบเห็นด้วยกับข้างบนครับ อ่านสนุกดี แต่ควรจะกระชับกว่านี้
มี ฺ ตัวเกินมานิดหนึง
แก้แล้วครับ ขอบคุณมาก ตอนพิมพ์นี่มองไม่เห็นเลย
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไปแล้ว ลองเปิด Blog รวมผลงาน ผมว่าอาจมีสำนักพิมพ์ติดต่อขอรวมเล่มก็ได้นะ 555 ผมว่าคุณประสบความสำเร็จในการเป็นนักเขียนแล้วล่ะ มีลายเซ็นต์ส่วนตัวแล้ว
อ่านแล้วเสียวเลย กลัวเผลอเอามือไปไว้ในจุดที่โดนหนีบ
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
ยืนพิงประตูแล้วโดนหนีบตรูด...โอ้ววว
สองปีแล้ว คืบหน้าอย่างไรบ้างครับ
ถ้าเป็นนิ้วโป้งซ้ายนี่กระโดดไม่ได้เลยนะเนี่ย
เขียนข่าวดี ไปอีกแบบนะ น่าติดตามดี
อ่านเพลินดีครับ
The Last Wizard Of Century.
ส่งไปเคลมที่ Wakanda ละกันนะครับ เจ้าหญิงซูริน่าจะซ่อมนิ้วได้ชิลๆ
ของ BMW ไม่รู้ แต่ของ TESLA มีคนรีวิวเอาไว้ ตามไปดูและจินตนาการเอานะครับ ขอบอกเลยว่า เสียวเว่อ https://www.youtube.com/watch?v=TdPPp3hoGQ8
ผมชอบ การเล่าข่าวแบบนี้นะครับเป็นสไตล์ของพี่เขาดีนะครับ อ่านแล้วลุ้นดีจริง ๆ
ผมนี่หิวข้าวเลย
ห๊ะ