ปัญหาของผู้โดยสารหายไม่มาขึ้นเครื่องจนสายการบินต้องประกาศตามนั้นเป็นสาเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้เที่ยวบินล่าช้า เนื่องจากผู้โดยสารอาจกำลังทำกิจกรรมต่าง ๆ อยู่ภายในสนามบินจนอาจลืมดูเวลาไม่ได้มาขึ้นเครื่องบินตามกำหนด
ล่าสุดท่าอากาศยานสิงคโปร์ชางงีเริ่มทดสอบระบบจำแนกใบหน้าเพื่อตามหาผู้โดยสารหายมาใช้งานในสนามบินแล้ว โดยจะใช้ภาพจากกล้องเปรียบเทียบกับภาพบุคคลในฐานข้อมูลเพื่อตามผู้โดยสารที่อยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ ของท่าอากาศยานให้มาขึ้นเครื่อง เพื่อลดระยะเวลาล่าช้าของเที่ยวบินลง
Steve Lee หัวหน้าฝ่ายข้อมูลของกลุ่มท่าอากาศยานชางงีกล่าวว่า "เรามีรายงานผู้โดยสารที่หายไปจำนวนมาก ดังนั้นหนึ่งในวิธีที่เราคิดได้คือจะต้องสืบและค้นหาผู้โดยสารที่กำลังจะเดินทาง แน่นอนว่าจะต้องได้รับอนุญาตจากสายการบินด้วย"
ปัจจุบัน T4 ซึ่งเป็นเทอร์มินัลใหม่ของสนามบินชางงีก็ได้นำระบบจำแนกใบหน้ามาใช้ในระบบบริการตนเองบ้างแล้ว เช่น เช็คอิน, แบ็คดรอป, ตรวจคนเข้าเมือง, ขึ้นเครื่องบิน ซึ่งท่าอากาศยานก็เตรียมนำระบบจำแนกใบหน้ามาปรับปรุงใช้ในเทอร์มินัล 1-3 ด้วย และ Lee บอกว่าในอนาคตอาจจะสามารถใช้ไบโอเมตริกแทนพาสปอร์ตได้
Lee เผยว่านอกจากระบบรู้จำใบหน้าแล้ว ท่าอากาศยานชางงียังทดสอบเทคโนโลยีใหม่อยู่เรื่อย ๆ อย่างเช่นการใช้เซนเซอร์ตรวจสอบเมื่อเครื่องบินถอยกลับจากเกทหรือเมื่อเทคออฟ ซึ่งเทคโนโลยีนี้สามารถช่วยให้ประสิทธิภาพการตัดสินใจสั่งการบนหอบังคับการบินดีขึ้น และลดเวลา taxiing ของเครื่องบินลงได้ถึง 90 วินาทีต่อเที่ยวในช่วงพีค หรือระบบ AI ที่ทำนายสภาพอากาศ, ลม และเส้นทางการแลนดิ้งของเครื่องบินเพื่อทำนายเวลาถึงสนามบินได้แม่นยำขึ้น
ที่มา - Reuters
ระบบตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติที่ T4 เทอร์มินัลใหม่ของสนามบินชางงี ภาพจากเว็บไซต์ changiairport.com
Comments
เดี๋ยวจะมีไดโนเสาร์ 2018 มาบอกว่าอะไรคือความเป็นส่วนตัว
ครับ ก็ต้องถามล่ะครับ ว่ามันจะละเมิดความเป็นส่วนตัวไหม หลายชาติเขาก็ตอบกันได้ ดีบ้างแย่บ้างว่ากันไป มีมาตรการควบคุม มีกฎหมายและการกำกับดูแลความเป็นส่วนตัวต่างกันไป
แม้แต่จีนที่ดูเหมือนไม่ค่อยสนใจความเป็นส่วนตัวนัก (กล้องวงจรปิดใช้จับภาพประจานได้ด้วย) ก็ยังมีถูกผู้ใช้อินเทอร์เน็ตตั้งคำถามการแชร์ข้อมูลส่วนตัวมากขึ้นเรื่อยๆ
ผมว่าเมื่อความเจริญเข้าถึงมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เป็นปกติที่คนเราจะแสวงหาสิทธิ์ต่างๆ รวมถึงความเป็นส่วนตัวล่ะครับ และเมื่อเจริญและมีการศึกษาเพียงพอ เราก็จะรู้จักการเคารพความเป็นส่วนตัวคนอื่นมากขึ้น
lewcpe.com, @wasonliw
ถามหาความเป็นส่วนตัวนี่ถึงกับเป็นไดโนเสาร์เลยเหรอ...
ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ ห่วงกรณีแบบเทพทรูมากกว่า
สนามบินชางงีนี่ ไปถึงละรู้สึกเหมือนข้ามเวลาอยู่ในหนังไซไฟ เป็นหน้าเป็นตาของประเทศได้อย่างแท้จริงเลย ไม่เฉพาะสถานที่ แต่รวมไปถึงพนักงาน เจ้าหน้าที่ ผู้คน การจัดการดีมากจริงๆ
ส่วนดอนเมืองขาเข้านั้น...
จะบอกว่าคลาสสิกสินะ
ได้มีโอกาสใช้ Terminal 4 ของ Changi เมื่อบินจาก SG to KUL
มันเทพมาก!!! ผู้โดยสารทำเองทุกอย่าง 5555
สำหรับคนใช้ครั้งแรกแบบผม มันกลายเป็นช้า เพราะติด bag tag ไม่เป็น งงอยู่หลายนาที จากนั้นก็ self checkin, โหลดกระเป๋าเอง มันจะดูดๆเข้าไป ก็ลุ้นนะ ว่าแปะ tag ไม่ดี แล้วมันจะไปถูกเครื่องบินไหม ปลายทางจะมีกระเป๋าเราไหม, ตรวจคนเข้าเมือง ขาออกอัติโนมัติ คุณพระ!!! ไม่มี พนง. สงสัยถ้าคนนั้น black list ตรวจไม่ผ่านจะเป็นไง? จำไม่ได้ว่าต้องสแกนนิ้วไหนบ้าง แต่ไม่เหมือนของ KUL รายนั้นเอา นิ้วชี้ทั้งสองข้าง และคงมีการวิเคราะห์ใบหน้า, ต่อไป X-ray ของ ก็อัตโนมัติ แต่มี จนท ดูจอ แต่ก็มิวายใส่ความอัตโนมัติ ในส่วนของ รับ-ส่ง ถาดใส่ของบนสายพาน และสุดท้าย Bording ก็ไม่ใช้คน มีแค่เครื่องตั้งไว้พร้อมลำโพง และช่องเปิด-ปิดแบบรถไฟฟ้า เราต้อง สแกนเข้าไป
ทั้งหมดนี้ลำยุค และประสิทธิภาพ ประเทศสารขัณฑ์ ไม่มีวันทำได้ในเร็ววัน
ระบบแบบเดียวกับ TianWang ของจีน แต่ใช้เฉพาะในสนามบิน สินะ