ย้อนไปเมื่อต้นปีที่แล้ว Microsoft เคยโชว์ Project Natick ต้นแบบการนำศูนย์ข้อมูลไปไว้ใต้มหาสมุทร ล่าสุด Microsoft เริ่มนำต้นแบบโครงการนี้ลงมหาสมุทรจริงแล้ว
Microsoft นำศูนย์ข้อมูล Northern Isles ลงใต้น้ำจริงที่มหาสมุทรใกล้กับ Orkney Islands ในสกอตแลนด์ ซึ่งศูนย์ข้อมูลนี้มีความยาว 40 ฟุต บรรจุ 12 แรคที่มีเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด 864 ตัว พร้อมระบบรักษาอุณหภูมิ โดยตัวศูนย์ข้อมูลถูกประกอบและทดสอบในฝรั่งเศสมาแล้วก่อนที่จะขนย้ายมายังสกอตแลนด์
ศูนย์ข้อมูล Northern Isles จะใช้พลังงานสะอาดจากกังหันลมและแผงโซลาร์บนฝั่ง ซึ่งสามารถสร้างพลังงานได้มากกว่าความต้องการใช้งานของคนบนเกาะที่มีประชากร 1 หมื่นคน ซึ่งศูนย์ข้อมูลขณะดำเนินงานเต็มที่จะใช้พลังงานประมาณไม่ถึง 250 กิโลวัตต์เท่านั้น จึงเหมาะกับการวางในพื้นที่ที่มีเสถียรภาพทางไฟฟ้าต่ำ และไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการทำเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองขนาดใหญ่เหมือนศูนย์ข้อมูลทั่วไปด้วย
Microsoft ทำงานร่วมกับบริษัท Naval Group จากฝรั่งเศสที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องวิศวกรรม, การประกอบ และการดูแลรักษาเรือและเรือดำน้ำระดับการทหาร รวมถึงเทคโนโลยีเรื่องทะเล ซึ่ง Naval Group ได้นำกระบวนการแลกเปลี่ยนความร้อนที่ใช้ในเรือดำน้ำมาใช้งานกับศูนย์ข้อมูลของ Microsoft โดยระบบจะทำการปั๊มน้ำทะเลผ่านตัวนำความร้อนที่อยู่หลังเซิร์ฟเวอร์แรคทั้งหมด 12 ตัว และปั๊มออกไปสู่ทะเล
ศูนย์ข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำการ proof-of-concept ภายใต้ Project Natick ในช่วงแรก ๆ สามารถทำงานได้ประมาณ 105 วัน แต่ทีมงานสามารถพัฒนาจนเวอร์ชันล่าสุดสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องบำรุงรักษานานสุดถึง 5 ปี และหลังจากที่นำศูนย์ข้อมูลลงใต้น้ำแล้ว ในระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า ทีมงาน Project Natick จะคอยเฝ้าติดตามศูนย์ข้อมูลใหม่นี้รอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพ, อุณหภูมิ, เสียง, ความชื้น และอื่น ๆ เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาโครงการต่อไป
ที่มา - Microsoft
Comments
ช่างคิดจริงๆ
ฉลาดจิง รวมหลายๆวิชาเข้าด้วยกัน..
อยู่ดีๆ ไปเพิ่มความร้อนใต้ทะเลมันจะกระทบสัตว์น้ำตามธรรมชาติไหมเนี่ย ก่อนเอาไปใช้จริงได้ศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือยัง
ผลกระทบน่าน้อยมากนะครับ ยกเว้นมีเป็นหมื่นๆเครื่องก็ไม่แน่
ถ้าจุดที่ติดตั้งมีการไหลเวียนที่เกิดจากกระแสน้ำ ผลกระทบน่าน้อยมากๆ ถ้าสิ่งมีชีวิตที่น่าจะกระทบน่าจะเป็นระดับแพลงค์ตอนรอบ ๆ ตัวศูนย์ พันธ์ที่ไวต่อุณหภูมิ
เห็นด้วยกับความเห็นนี้ แล้วก็มาบ่นๆ น้ำแข็งขั้วโลกละลาย :P
It's like they are different group of people!?
เข้ เครื่องเล็กแบบนี้ทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลขั่วโลกเปลี่ยน 55555 ???
ลั่นเลย 555+
Omegalul
อยู่ที่ไหนก็มีผลกระทบแหละครับ อยู่บนบกก็กระทบสัตว์บก อยู่ขั้วโลกก็กระทบน้ำแข็งขั้วโลก อยู่กลางทะเลทรายก็สิ้นเปลืองพลังงานสำหรับระบบหล่อเย็น
เอาจริง ๆ ลมหายใจของคนเราก็มีส่วนก่อให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกนะ :P
สเกลมันต่างกันพอควรนะครับ โอเคพลังงานโดยรวมในโลกออกมาเท่ากันแต่การกระจายความร้อนในอากาศไปได้เร็วกว่ามากครับ
ผมเชื่อว่าตรงที่วางลงไปนี่บริเวณใกล้เคียงน่าจะกลายเป็นอาณานิคมย่อยๆ ของสิ่งมีชีวิตที่ชอบน้ำอุ่นเลยทีเดียว
ตามที่ท่านอื่นๆ ว่ามาแหละครับ ตรงนี้ผมว่ามันสร้างผลกระทบน้อยมาก ถ้าให้เดา องค์กรระดับ Microsoft น่าจะมีการศึกษาผลกระทบและทำการขออนุญาตมาเรียบร้อยแล้ว และทุกการกระทำคงไม่รอดพ้นสายตาขององค์กรอย่าง PETA แน่ๆ ถ้าทะเล่อทะล่าทำ ดูแล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นมาคงส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ไม่น้อย
เหมือนคนหนึ่งคนฉี่ลงอ่างเก็บน้ำ มันไม่ทำให้น้ำเน่าหรอก
ส่วนเครื่องนั้นก็ขนาดเล็กนิดเดียวคงไม่ส่งผลแบบมีนัยสำคัญอะไร
ต่อไปคงมี Rack ใช้ในทะเลใช้เป็นโครงเพื่อให้พลังงาน แล้วก็เชื่อมต่อคู่สาย โดยตัว Rack รวมการเชื่อมต่อจากฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์จากฝั่ง แล้วก็วางไว้ใกล้เคเบิลใต้ทะเล พอมี โมดูลใหม่ก็เสียบเข้ากับแท่นเลย อันไหนซ่อมบำรุงก็ปล่อยให้ลอยขึ้นมา ต่อไปที่แถวใต้ทะเลใกล้ขั้วโลกแถวนอร์เวย์คงเป็นที่ตั้ง datacenter ของทุกบริษัท รูปแบบนี้ดูเข้าท่ามีความเป็นไปได้สูงกว่าแบบอื่น
harddisk เสียทำไง
เอา HDD ใส่ถุงกันน้ำ แล้วดำลงไปที่ตู้ศูนย์ข้อมูล หรือ Stock ในศุนย์ฯ จำนวนหนึ่ง แล้วเปลี่ยน HDD ครับ (ถ้าตัวตู้มีประตูปรับแรงดันน้ำตรงทางเข้านะ)
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ถ้าเป็นผม ก็สำรองอุปกรณ์ไว้ เท่าสถิติที่เคยบันทึกไว้ (มีแน่ๆ สำหรับ Data Center มาตรฐาน) แล้วก็ติดตั้งชุดกลไกเลื่อนไปได้ทุกตู้ ถ้าตัวแชร์ Storage ไม่พอก็เอาที่สำรองไว้ โดยใช้แขนกลหยิบมาเสียบเพิ่มใน SAN แต่ถ้าเป็น Hdd ในอุปกรณ์เสีย ก็เปลี่ยนทั้งชุด เท่าที่เคยเห็นอุปกรณ์พวกนี้เขาออกแบบเฉพาะอยู่แล้วเป็นแผ่นบางๆ ทุกอย่างเชื่อมติดกันหมด ทำแบบ Cluster ดังนั้นเปลี่ยนยกแผ่น จะง่ายกว่า เพราะ Cluster มันถอดได้โดยไม่กระทบการทำงานอยู่แล้ว
เดาว่าระบบคงออกแบบให้เผื่อหรือ reservred Harddisk ไว้เป็นลูกสำรองไว้ ไม่ได้ใช้งานพร้อมกันทุกลูกนะครับ ถ้าเสียก็มีลูกทดแทนกันทันที
มันคือเตารีดขนาด 40 ฟุต