Tags:
Node Thumbnail

AT&T เสร็จสิ้นกระบวนการควบรวม Time Warner ที่ประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2016 แต่ต้องยืดเยื้อมานานเกือบ 2 ปี หลังกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฟ้องหยุดการควบรวม เพราะจะเกิดการผูกขาด

สัปดาห์ที่แล้ว ศาลสหรัฐมีคำตัดสินไม่บล็อคการควบรวมครั้งนี้ ทำให้ AT&T สามารถเดินหน้าปิดดีลได้สำเร็จ

AT&T เป็นเจ้าของเครือข่ายโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ตบ้าน และทีวีดาวเทียมจากการซื้อ DirecTV ในปี 2014 ส่วน Time Warner เป็นเจ้าของช่องทีวีหลายๆ ช่อง เช่น HBO, Warner Bros และบริษัทลูก Turner Broadcasting System (TBS) ซึ่งเป็นเจ้าของช่อง CNN, Cartoon Network, Adult Swim, Boomerang เป็นต้น

การที่ AT&T เป็นทั้งผู้ให้บริการทีวีแบบเสียเงิน และเป็นเจ้าของช่องเองด้วย ทำให้เกิดความกังวลว่า AT&T อาจกีดกันผู้ให้บริการทีวีรายอื่นๆ ด้วยการขึ้นราคาค่าช่องของตัวเอง (อ่านรายละเอียดในข่าวเก่า)

No Description

ฝั่งของ AT&T ประกาศว่าการควบกิจการครั้งนี้ เพื่อรับมือกับวงการสื่อในยุคหลอมรวม ทำให้ AT&T จำเป็นต้องมีอาวุธ 3 อย่างใช้งานร่วมกัน ได้แก่

  • คอนเทนต์พรีเมียม จาก Warner, HOB, Turner รวมถึงคอนเทนต์อื่นๆ ในเครือ
  • ช่องทางเข้าถึงลูกค้าโดยตรง (Direct to Consumer Distribution - D2C) จากทั้งทีวี มือถือ และบรอดแบนด์ ที่มีลูกค้าในมือรวมกัน 170 ล้านคนในภูมิภาคอเมริกาเหนือและละตินอเมริกา
  • เครือข่ายความเร็วสูง ทั้งไร้สายและไฟเบอร์

โครงสร้างใหม่ของ AT&T แบ่งส่วนธุรกิจออกเป็น 4 ส่วนคือ

  • AT&T Communications ดูแลระบบการสื่อสาร ทั้งมือถือและบรอดแบนด์
  • AT&T’s media business ยังไม่ประกาศชื่ออย่างเป็นทางการ แต่เป็นหน่วยธุรกิจที่รวมเอา HBO, Warner, Turner เข้ามาในสังกัด
  • AT&T International ธุรกิจนอกสหรัฐ ได้แก่ มือถือในเม็กซิโก และทีวีแบบเสียเงินในอเมริกาใต้
  • AT&T’s advertising and analytics business ธุรกิจใหม่ด้านโฆษณาและข้อมูล ต่อยอดจากฐานลูกค้าจำนวนมหาศาลของตัวเอง ยังไม่ประกาศชื่ออย่างเป็นทางการเช่นกัน

หลังการควบกิจการเสร็จสิ้น Jeff Bewkes ซีอีโอของ Time Warner จะลงจากตำแหน่ง และรับบทเป็นที่ปรึกษาในช่วงเปลี่ยนผ่าน โดย AT&T จะแต่งตั้ง John Stankey มาเป็นซีอีโอของกลุ่มธุรกิจสื่อแทน

ที่มา - AT&T, Ars Technica

Get latest news from Blognone