James Earl Jones นักแสดงชาวสหรัฐ ผู้โด่งดังจากการพากย์เสียง Darth Vader ในภาพยนตร์ชุด Star Wars เสียชีวิตแล้วในวัย 93 ปี
Jones เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่ปี 1957 จากการเล่นละครเวทีบรอดเวย์ จากนั้นมีผลงานภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ เป็นจำนวนมาก เขายังโด่งดังจากการพากย์เสียงเป็นตัวละครดังหลายตัว เช่น Darth Vader (แสดงในฉากโดย David Prowse), Mufasa ใน The Lion King และเป็นผู้ให้เสียงคำว่า "This is CNN" ของสถานีโทรทัศน์ CNN
Mark Hamill ผู้รับบทเป็น Luke Skywalker ลูกชายของ Darth Vader ในเรื่อง Star Wars ได้โพสต์แสดงความเสียใจว่า "RIP dad"
CNN Business ยกให้ Satya Nadella ซีอีโอของไมโครซอฟท์เป็น "ซีอีโอแห่งปี" (CEO of the Year) จากผลงานการปรับตัวเข้ากับกระแสเทคโนโลยี AI ได้อย่างรวดเร็ว เหนือกว่าบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่รายอื่นๆ อย่างชัดเจน
ผลงานของ Nadella มีตั้งแต่การลงทุนใน Open AI และนำเทคโนโลยี ChatGPT ผนวกเข้ากับผลิตภัณฑ์จำนวนมากของไมโครซอฟท์ ทำให้ไมโครซอฟท์มีภาพลักษณ์เป็นผู้นำนวัตกรรม เปลี่ยนจากภาพลักษณ์ภาพจำเดิมๆ และในฝั่งของราคาหุ้นก็ขึ้นมาถึง 55% จากเมื่อต้นปี 2023
สถานีทีวี CNN ประกาศปิดโครงการ NFT ของตัวเองชื่อ Vault by CNN ที่เริ่มมาตั้งแต่กลางปี 2021 ตามกระแส NFT ขาขึ้นในช่วงนั้น
แนวทางของ Vault เป็นการนำข่าว ภาพถ่าย คลิป ของเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่รายงานโดย CNN มาทำเป็น NFT ให้สะสม และซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้ ระบบบล็อกเชนที่ใช้คือ Flow ของบริษัท Dapper Labs ทั้งนี้ CNN ไม่ได้อธิบายเหตุผลว่าทำไมถึงตัดสินใจปิดบริการ Vault
ในห้อง Discord ของ Vault ระบุว่า CNN จะชดเชยเงินให้ผู้ซื้อ NFT จำนวน "หลายพันคน" (thousands) ในราคา 20% ของราคาที่ขาย โดยจ่ายเงินเป็นเหรียญ FLOW หรือ stablecoin
ที่มา - The Verge
อัพเดต CNN ยืนยันข่าวนี้อย่างเป็นทางการแล้ว
The New York Times อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวว่าระุว่า WarnerMedia/Discovery เตรียมปิดบริการ CNN+ หลังจากเปิดบริการมาไม่ถึงเดือนเท่านั้น
บริการสตรีมมิ่งนั้นเป็นธุรกิจที่ต้องการเงินลงทุนสูงเพื่อซื้อคอนเทนต์มาให้บริการต่อเนื่อง ตัวบริการ CNN+ เองก็เคยประกาศแผนว่าจะลงทุนเพิ่มอีกถึงพันล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาสี่ปีข้างหน้า แต่เมื่อ WarnerMedia ควบรวมกับ Discovery แล้วตอนนี้ก็มีแรงกดดันสูงให้ลดหนี้และรายจ่ายบริษัทลง นอกจากนี้ยอดสมาชิกช่วงเปิดตัวยังมีเพียงไม่ถึงหมื่นราย
CNBC อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องเผยว่า CNN+ บริการสตรีมมิ่งของสำนักข่าว CNN อาจถูกตัดงบประมาณและลดตัวเลขคาดการณ์เติบโตในระดับหลายล้านดอลลาร์ เนื่องจากมีจำนวนสมาชิกในช่วงแรกน้อยกว่าที่คาด โดย 2 สัปดาห์แรกมีน้อยกว่าหนึ่งหมื่นราย
อย่างไรก็ตาม CNN+ เพิ่งเริ่มให้บริการบนแพลตฟอร์ม Roku เมื่อต้นสัปดาห์ ซึ่งคาดว่าจำนวนสมาชิกจะเพิ่มขึ้นมากจากการลงในแพลตฟอร์มนี้
CNN เตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของตัวเองในชื่อ CNN+ และเผยรายละเอียดเบื้องต้นออกมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว และวันนี้ CNN+ ก็เตรียมเปิดให้บริการผู้ใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 29 มีนาคมนี้
บริการ CNN+ จะมีค่าใช้จ่ายที่ 5.99 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือ 59.99 ดอลลาร์ต่อปี ซึ่งถ้าผู้ใช้สมัครใน 4 สัปดาห์แรก CNN+ จะคิดค่าสมาชิกที่ราคาพิเศษเพียง 2.99 ดอลลาร์ต่อเดือน โดย CNN สัญญาว่าจะคงราคานี้ให้ผู้ใช้ตราบใดที่ยังคงสมัครสมาชิกอยู่เรื่อย ๆ
CNN เปิดตัว CNN+ สตรีมมิ่งฉายเนื้อหารายการข่าว ไลฟ์สไตล์ หนังต่างๆ เปิดตัวต้นปี 2022 ยังไม่ระบุราคา แต่เบื้องต้นทาง CNN บอกว่า ไม่มีระบบรองรับโฆษณา
AT&T เสร็จสิ้นกระบวนการควบรวม Time Warner ที่ประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2016 แต่ต้องยืดเยื้อมานานเกือบ 2 ปี หลังกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฟ้องหยุดการควบรวม เพราะจะเกิดการผูกขาด
สัปดาห์ที่แล้ว ศาลสหรัฐมีคำตัดสินไม่บล็อคการควบรวมครั้งนี้ ทำให้ AT&T สามารถเดินหน้าปิดดีลได้สำเร็จ
เป็นไปได้ว่า CNN อาจจะมีคำถามหนึ่งอยู่ในใจ ในเมื่อเกมก็เป็นแบบ VR ได้, หนังก็เป็น VR ได้, โปรแกรมเพื่อการทำงาน, แบบทดสอบจำลองสถานการณ์ขับรถ ขับเครื่องบิน คุมเครื่องจักร ก็เป็น VR กันได้หมด แล้วทำไมรายการข่าวจะทำแบบ VR ไม่ได้ ว่าแล้ว CNN ก็เลยทำ CNNVR นำเสนอข่าวเชิงสารคดีแบบ VR รับชมได้ด้วย Oculus Rift
CNN ร่วมมือกับ Magnopus บริษัทจัดทำสื่อหลากรูปแบบ ทั้ง VR, AR รวมทั้งงานภาพเทคนิคพิเศษ สร้างสรรค์รายการข่าวเชิงสารคดีแบบใหม่ ซึ่ง CNN หวังว่าจะมอบประสบการณ์การรับชมที่เหมือนกับได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จริงแบบเดียวกับที่ผู้ผลิตประสบพบมาในระหว่างการถ่ายทำ
CNN เปิดตัวการนำเสนอข่าวสารรูปแบบ VR และวิดีโอ 360 องศาในชื่อว่า CNNVR ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวทำไลฟ์สตรีมเหตุการณ์สำคัญควบคู่ไปกับข่าวสารรายสัปดาห์
คอนเทนต์แรกของ CNNVR คือ แข่งวิ่งวัวกระทิงที่ Pamplona สเปน เป็นวีดีโอ 360 องศา ความยาวกว่าห้านาที
CNN ใช้เทคโนโลยี VR มาระยะหนึ่งแล้ว โดยร่วมมือกับบริษัท NextVR ในการถ่ายทอดสดการดีเบตช่วงก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2015
ผู้ใช้งาน Reddit ที่ชื่อว่า “Poofylicious” จับผิดสกู๊ปข่าวของ CNN ที่นำภาพ Terminal จากหน้าจอของคอมพิวเตอร์ในเกม Fallout 4 มาใช้ประกอบข่าวการแฮ็คของรัฐบาลรัสเซียในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ผ่านมา
ทางฝั่ง Bethesda ผู้พัฒนา Fallout 4 ก็ออกมาร่วมแจมกับข่าวนี้ด้วย โดยทวีตภาพหน้าจอเดียวกันกับที่ถูกใช้ในข่าวของ CNN พร้อมปล่อยมุกว่าเป็นภาพ Sneakpeak ซีซั่น 3 ของ Mr. Robot ซีรีส์ชื่อดังที่มีพระเอกเป็นแฮ็คเกอร์
ในช่วงที่ผ่านมา แอพแชร์วิดีโอ Beme ได้สร้างกระแสความสนใจได้ด้วยแนวคิดแปลกใหม่ และการโปรโมทโดยผู้ก่อตั้ง Youtuber ชื่อดัง Casey Neistat
หลังจากแอพได้เปิดตัวไปช่วงกลางปี ช่วงหลังกระแสก็หายไปจนกระทั่ง The Wall Street Journal รายงานว่า CNN ซื้อแอปพลิเคชัน Beme ในราคาประมาณ 25 ล้านเหรียญสหรัฐ
สื่อชั้นนำของโลก 5 รายคือ CNN, Guardian, Reuters, Financial Times และ The Economist ประกาศจัดตั้งกลุ่มพันธมิตร Pangaea Alliance เพื่อทำระบบโฆษณาออนไลน์ใช้เองโดยไม่ต้องพึ่งกูเกิล ไมโครซอฟท์ หรือเฟซบุ๊ก
จุดเด่นของ Pangaea Alliance คือเป็นสื่อชื่อดังระดับโลก และมีฐานผู้อ่านรวมกัน 110 ล้านคนต่อเดือน (แถมเป็นกลุ่มผู้อ่านระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง) ช่วยให้ Pangaea มีอำนาจต่อรองกับแบรนด์ต่างๆ ที่จะมาลงโฆษณาได้มากขึ้น
ระบบโฆษณาของ Pangaea จะเริ่มทดสอบรุ่นเบต้าในเดือนเมษายน
ตามแผนที่โอบามาสั่งให้สำนักงานกาบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) จัดการร่างกฏการใช้โดรนทั้งภาคเอกชน และพลเรือน ตอนนี้ก็เริ่มมีฝั่งเอกชนออกมาขยับใช้โดรนอย่างจริงจังแล้ว เริ่มด้วย CNN ที่เพิ่งได้รับการอนุญาตให้ทดสอบใช้งานโดรนสำหรับเก็บข้อมูลรายงานข่าว
โดรนที่ CNN เลือกใช้ไม่ได้เป็นระดับผู้ใช้งานทั่วไปอย่างที่เราเคยเห็นกัน แต่เป็นระดับเดียวกับที่ใช้ทางการทหาร ซึ่งจะมีหลายรูปแบบตามสถานการณ์ และติดตั้งกล้องไว้ในตัว ซึ่งน่าจะทดแทนภาพถ่ายทางอากาศ หรือภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุรุนแรงได้ในต้นทุนที่ถูกกว่า และปลอดภัยกว่าเดิม
หลังจากที่เกิดการรัฐประหารโดย คสช. ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา และได้มีการออกประกาศคำสั่งมาหลายฉบับ (ซึ่งได้รวมถึงหัวข้อการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์และการนำเสนอข่าวสารผ่านสื่อทุกแขนง) พร้อมกันนั้นก็ได้ระงับการออกอากาศของทีวีช่องต่างๆ (ก่อนจะเริ่มทยอยอนุญาตให้ช่องฟรีทีวีกลับมาออกอากาศได้เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 23 พฤษภาคม) หนึ่งในช่องทีวีที่โดนระงับการออกอากาศคือช่องของสำนักข่าว CNN ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้กลับมาออกอากาศตามปกติ
มีรายงานข่าวผ่าน CNNMoney ว่ามีแฮกเกอร์ได้ทำการดักข้อมูลผู้ใช้ด้วยวิธี keylogging ทำให้แฮกเกอร์ได้ข้อมูลบัญชีผู้ใช้เวบไซต์ต่างๆ เกือบ 2 ล้านบัญชี เช่น Facebook Twitter Yahoo Google และอื่นๆ
นักวิจัยความปลอดภัยทางไซเบอร์จากบริษัท Trustwave ได้ให้ข้อมูลว่าไวรัส(น่าจะเป็นมัลแวร์ - ผู้เขียน)นี้จะทำการดักจับข้อมูลการล็อคอินเว็บไซต์ของผู้ใช้ในช่วงเดือนที่ผ่านมา และทำการส่งชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์ โดยจำนวนคอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัสนี้ยังไม่ทราบจำนวนแน่ชัดว่ามีจำนวนเท่าใด
เห็นข่าวเข้าซื้อบริษัทไอทีมาเยอะ คราวนี้เป็นข่าวซื้อบริษัทสื่อไอทีกันบ้างครับ โดยไม่กี่วันมานี้มีข่าวลือว่า CNN กำลังจะซื้อเว็บไซต์ข่าวโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่าง Mashable และหลังจากข่าวลือเริ่มต้นขึ้น Business Insider ก็รายงานข้อมูลวงในว่าตอนนี้ผู้บริหารของ Mashable กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมเอกสารสำหรับการเข้าซื้อของ CNN เพื่อส่งต่อให้กับ Ted Turner ผู้ก่อตั้ง CNN ที่ปัจจุบันอยู่ในเครือสื่อของ Time Warner อีกที
อีกแหล่งข่าวนึงยังบอกว่ามีการนัดประชุมผู้บริหารของ Mashable ว่าทีมของ Mashable จะถูกรวมเข้ากับทีมของ CNN หรือไม่อย่างไรอีกด้วย
หลังจากที่แอชตัน คุทเชอร์ได้ทำการท้าทายกับ CNN ว่าใครจะมี Follower บน Twitter มากกว่ากันแล้ว เมื่อโอปร่า @oprah พิธีกรผู้เผื่อแผ่ชื่อดังได้ยินเรื่องนี้เข้าก็อดที่จะร่วมด้วยไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวข้องกับการบริจาคสิ่งต่าง ๆ ให้กับสังคม
การท้าดวลครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากว่า Ashton Kutcher ดาราชื่อดัง (คนที่แสดงนำใน The Butterfly Effect) นั้นสงสัยว่าคนเพียงคนเดียวนั้นจะมีคน Follow มากกว่าสำนักข่าวได้หรือเปล่า จึงได้ท้าดวล CNN ว่าใครจะมีคน Follow ถึงหนึ่งล้านคนก่อนกัน และ CNN เองก็ยอมรับคำท้าดังกล่าวเสียด้วย (วิดีโอ)
ถึงแม้ว่า P2P จะแพร่หลายมากในหมู่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต แต่การใช้ P2P จากสื่อขนาดใหญ่นั้นยังไม่ค่อยเยอะนัก อาจเป็นเพราะภาพลักษณ์ของ P2P ที่ดูไม่ดีด้านการละเมิดลิขสิทธิ์
แต่ในพิธีสาบานตนของโอบามา ซึ่งเป็นการถ่ายทอดสดทางอินเทอร์เน็ตครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ เว็บไซต์ CNN ซึ่งแน่นอนว่าเป็นหนึ่งในเว็บที่คนเข้ามาดูเยอะมาก ได้แอบใช้ P2P ในการกระจายสตรีมให้กับผู้ชมจำนวน 25 ล้านราย อาจถือได้ว่านี่เป็นการถ่ายทอดสดแบบ P2P ครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา
เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดไว้ หลังจากการเลือกตั้งครั้งล่าสุดในสหรัฐผ่านไป บรรดาเว็บรายใหญ่ทั้งหลายก็เริ่มออกมารายงานสถิติการใช้งานใหม่กันเป็นระยะๆ โดยผู้ให้บริการส่งข้อมูลความเร็วสูงอย่าง Akamai (ให้บริการสำนักข่าวหลายรายอย่าง CNN, NBC, BBC, Reuters) รายงานว่าสถิติการใช้งานสูงสุดอยู่ในช่วง เวลาประมาณ 20.00 น. ตามเวลาในสหรัฐ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการประกาศว่านายบารัก โอบามาชนะการเลือกตั้ง มีการใช้งานมากถึง 8.57 ล้านครั้งต่อนาที
ช่วงนี้เรื่องทางการเมืองกำลังมาแรง (หมายถึงสหรัฐนะครับ) กับการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งการรายงานข่าวการเลือกตั้งมักจะเป็นที่เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้สาธารณชนได้รับรู้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์ผ่านดาวเทียม มัลติทัช และล่าสุดคือ โฮโลแกรม
CNN รายงานข่าวการเลือกตั้งเป็นการแสดงภาพผู้สื่อข่าว Jessica Yellin ผ่านการแสดงภาพแบบโฮโลแกรมเข้ามาในห้องส่ง โดยหลักการทำงานของมันคือ ทางฝั่งต้นทางจะมีกล้องจำนวน 35 ตัวจับภาพผู้สื่อข่าวจากมุมต่างๆ แล้วสวมทับไปกับภาพในห้องส่งก่อนออกอากาศ (ซึ่งไม่ได้มีภาพในห้องส่งจริงๆ มีแต่ภาพให้ผู้ชมเห็น)
Wolf Blitzer ผู้สื่อข่าวที่ฝั่งห้องส่งชมเทคโนโลยีนี้ว่าเจ๋งมากและไม่มีอาการหน่วงให้เห็นเลย สำหรับตัวอย่างลองดูในวิดีโอนะครับ