ต่อจากข่าวช็อควงการ Brian Krzanich CEO Intel ลาออก หลังผิดกฎมีสัมพันธ์ชู้สาวกับพนักงาน ตอนนี้เริ่มมีรายละเอียดออกมาแล้วว่าเป็นเรื่องเก่าที่เกิดขึ้นนานแล้ว
Wall Street Journal รายงานว่า Krzanich มีความสัมพันธ์กับพนักงานของอินเทลรายหนึ่งซึ่งเป็นผู้บริหารระดับกลาง (middle management) และไม่ได้ทำงานใกล้ชิดกับ Krzanich มากนัก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนที่ Krzanich จะได้รับการแต่งตั้งเป็นซีอีโอในปี 2013 อย่างไรก็ตาม อินเทลประกาศนโยบายห้ามผู้จัดการทุกระดับชั้นมีสัมพันธ์กับพนักงานในปี 2011 ทำให้ Krzanich ผิดวินัยข้อนี้อยู่ดี
ส่วนเรื่องนี้กลับมาเป็นข่าวจนบีบให้ Krzanich ต้องลาออก เพราะมีพนักงานคนหนึ่งที่รู้เรื่องนี้ พูดขึ้นมาให้เพื่อนร่วมงานฟัง ทำให้เพื่อนร่วมงานรายนี้แจ้งไปยังฝ่ายกฎหมายของบริษัท และเรื่องไปถึงบอร์ดในที่สุด
ตามข่าวบอกว่าพนักงานรายนี้ยังทำงานอยู่กับอินเทลในปัจจุบัน และภรรยาของ Krzanich ก็เคยทำงานในอินเทลอยู่ช่วงหนึ่งด้วย
ตอนนี้อินเทลตั้ง Robert Swan ซีเอฟโอมาเป็นรักษาการซีอีโอชั่วคราว แต่เขายืนยันว่าไม่ต้องการเป็นซีอีโอ ทำให้บริษัทต้องเข้าสู่กระบวนการสรรหาซีอีโอคนใหม่ต่อไป
ที่มา - Wall Street Journal, Business Insider, ภาพจาก Intel
Comments
นึกว่ามีแต่ในหนัง เออเร่อ
ห้ามมีความรักในบริษัท
เห็นมาหลายที่แระ ไม่เห็นจะห้ามได้สักที
คนมันทำงานอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ก็อยู่ในบริษัท มันจะไปหาใครได้ ?
ห้ามไม่ได้ครับ ปกติคู่รักก็จะชิงลาออกก่อนจะถูกจับได้และเป็นเรื่องเป็นราวไงครับ ในบางประเทศหรือบางรัฐเขามีกฎหมายนิ้ไว้เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนครับ เอื้อกันเอง อวยกันเอง เช่น หมอห้ามคบกับคนไข้ อาจารย์ห้ามคบกับลูกศิษย์ พ่อเป็นอาจารย์ก็ห้ามสอนในเช็คชั่นที่ลูกตัวเองเรียน เป็นต้นครับ
ผมเคยดูเรื่อง House MD. มีเรื่องประมาณนี้นะครับ ตอน House คบกับผอ. โรงพยาบาล ผอ. ต้องไปแจ้งฝ่ายกฎหมายหรืออะไรสักอย่าง แล้วพอต้องตัดสินใจเกี่ยวกับคนที่คบอยู่จะตัดสินใจเองทันทีไม่ได้
lewcpe.com, @wasonliw
จริงๆ มีได้ แต่อย่าให้ความสัมพันธ์กระทบกับงานครับ
มันไม่ง่ายแบบนั้นครับ
เกิดคุณต้องตัดสินใจบางอย่างเกี่ยวกับลูกน้องที่คุณคบอยู่ เอาง่ายๆ อย่างพิจารณาเกรด เกิดให้เกรดดีกว่าคนอื่น ก็จะโดนคนครหาได้ แม้ว่าพนักงานคนนั้นจะทำได้ดีจริงๆก็ตาม
จริงๆ อันนั้นก็ถือว่ากระทบกับงานนะครับ
ปกติที่ทำงานผมเค้าจะไม่ทำงานแผนกเดียวกันครับ ตอนเจอกันแรกๆ อาจจะใช่ แต่พอเริ่มจริงจังก็ควรมีคนนึงย้ายฝ่าย หรืออย่างน้อยที่สุดก็ไม่ควรเป็นหัวหน้าลูกน้องกันโดยตรงครับ
ปัญหาบางอย่างส่งผลให้เกิดความไม่สงบในบริษัทด้วยครับ ตัวอย่าง
ผจก.ฝ่ายไอที กับผจก.ฝ่ายจัดซื้อเป็นสามีภรรยากัน คอมพิวเตอร์ล็อตใหม่ดูห่วยผิดปกติ ทั้งๆ ที่แจ้งผจก.ไอทีไปแล้ว แต่ฝ่ายจัดซื้อก็ยังสั่งมาใหม่อีก 3 ล็อต แต่ละล็อตก็ห่างกันหลายเดือน
แถมเวนเดอร์เจ้านี้ก็ห่วย บริการหลังการขายก็ไม่ดี แต่ฝ่ายจัดซื้อก็ไม่เลิกใช้ซะที วันดีคืนดี ผจก.ถอยรถใหม่ออกมาอย่างหรู
ถ้าผมบอกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการเป็นสามีภรรยาของผจก.ทั้งสองฝ่าย คุณคิดว่าจะมีสักกี่คนที่เชื่อผมครับ
คอมก็ห่วย ใช้งานไม่ได้ เรียกประกันของเวนเดอร์มาซ่อมก็ไม่มาซะที คิดว่ากระทบต่องานมั้ยครับ
แจ้ง Internal Audit เลยครับแบบนี้
ถ้าสอบแล้ว Fraud นี่ยาวแน่นอน
สอบแล้วไม่ fraud ครับ แย่กว่าที่คิด คือผู้จัดการทั้งสองห่วยครับ แค่ห่วยแค่นั้นจริงๆ
ในวงการที่แข่งขันสูงผมว่าเค้าเคร่งมากนะ ถ้าเกิดมีการใช้เส้นสายจนคนที่ไม่เข้าเกณฑ์ความสามารถไม่พอมาบริหารได้ บริษัทอาจจะแพ้คู้แข่งได้ง่ายๆ
โดนใบสั่งแหงๆ ตอนเข้ามาก็มีเรื่องกับฝ่าย business เยอะนี่
ผมเจอที่ทำงานที่หนึ่ง ไม่รู้มีห้ามคบกันหรือป่าวแต่ถ้าสมรสแล้วอยู่บริษัทเบิกสิทธิสวัสดิการอะไรที่เกียวกับครอบครัวได้แค่คนเดียว
ทัศนคติเรื่อง conflict of interest ในบ้านเราจะดูผิดก็ต่อเมื่อเป็นฝ่ายตรงข้ามอะครับ แต่ถ้าเป็นฝ่ายเดียวกันก็จะบอกว่า จะได้ช่วยกันทำงาน ประสานงานง่าย ทำได้รวดเร็ว(?)
คนใหญ่คนโตในบ้านเรายังบอกว่าไม่ผิดเลย(เช่นแต่งตั้งลูกเมียทำงานในหน่วยตัวเอง หรือรับงานจากหน่วยที่ตัวเองมีอิทธิพลอยุ่) แต่กับบ.เอกชนที่แข่งขันสูงก็คงยอมไม่ได้ ยกเว้นซูเอี๋ยกันหมดจนinvestor ไม่รู้
ภรรยา Bill Gates ก็เดตกับ Bill ตอนทำงานที่ MS และก็ทำงานต่อไปอีกพักใหญ่เลยล่ะครับ (คุม MS Publisher เลยนะตอนนั้น)