DeepMind ประกาศความร่วมมือกับโรงพยาบาลจักษุ Moorefields มาตั้งแต่ปี 2016 ตอนนี้ทั้งสองหน่วยงานก็ประกาศผลของความร่วมมือในเฟสแรกออกมาแล้ว โดยเป็นการรับภาพจากเครื่อง optical coherence tomography (OCT) เพื่อวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายแรงใดในดวงตาหรือไม่ โดยตอนนี้โรงพยาบาล Moorefields ต้องอ่านผลสแกน OCT ถึงวันละกว่า 1,000 ชุด
สถาปัตยกรรมของ DeepMind แบ่งเครือข่ายนิวรอนออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือการระบภาพสแกนดิบจากเครื่องสแกนแล้วระบุว่าส่วนใดน่าจะเป็นอาการของโรค เช่น มีเลือดออก, มีของเหลว, หรือมีรอยแผล จากนั้นจึงส่งผลเข้าไปยังเครือข่ายนิวรอนอีกชุดเพื่อระบุโรคที่เป็นไปได้ พร้อมคำแนะนำว่าควรส่งต่อไปหาแพทย์อย่างรีบด่วนเพียงใด
การวัดประสิทธิภาพการจัดความเร่งด่วนของคนไข้ อาศัยข้อมูลคนไข้ 997 คนที่มองย้อนกลับไปหลังการวินิจฉัยโรคตอนท้ายว่าควรตัดสินใจเร่งด่วนเพียงใด ตั้งการตัดสินใจนี้เป็น gold standard จากนั้นให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสองคนจัดลำดับความสำคัญคนไข้ โดยแพทย์เห็นข้อมูลภาพถ่ายดวงตา (fundus image) และบันทึกแพทย์ ขณะที่ DeepMind เห็นเฉพาะภาพ OCT เท่านั้น โดยโมเดลของ DeepMind จัดความสำคัญผิดพลาดเพียง 5.5%
ความแม่นยำในระดับนี้ทำให้เป็นไปได้ว่าโรงพยาบาลจะเริ่มใช้ระบบของ DeepMind มาจัดลำดับความสำคัญของคนไข้ในอนาคต ทำให้คนไข้ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาเร่งด่วนจะได้รับการรักษาที่ทันท่วงที
ระหว่างนี้ระบบยังต้องมีการทดลองระดับคลีนิคเพิ่มเติม และดำเนินการขออนุญาตใช้งานจริง โดยหากได้รับอนุญาต ทางโรงพยาบาลในเครือของ Moorefields ทั้ง 30 แห่งจะได้ใช้ระบบนี้ฟรีไปอีก 5 ปีในช่วงเริ่มต้น
ผลของความร่วมมืออีกอย่างหนึ่งคือข้อมูลที่โรงพยาบาลเก็บเอาไว้ไม่เหมาะกับการใช้งานสำหรับงาน machine learning นัก ทาง DeepMind เข้าไปจัดข้อมูลให้โดยที่ข้อมูลทั้งหมดยังเป็นของโรงพยาบาล Moorefields ต่อไป และสามารถใช้เพื่องานวิจัยที่ไม่แสวงหากำไรได้ โดยตอนนี้มีการนำไปใช้งานแล้วในโครงการวิจัย 9 รายการ
ที่มา - DeepMind