ร้านค้าแอพอย่าง App Stores, iTunes และ Google Play มีการเก็บค่าธรรมเนียมจากบริษัทที่มาลงขายแอพบนแพลตฟอร์ม แต่ใครจะยอมเสียค่าธรรมเนียมไปเรื่อยๆ ถ้าตัวเองสามารถเข้าถึงผู้ใช้ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาร้านค้าแอพก็ได้
ปฏิกิริยาต่อต้านร้านค้าแอพไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่กำลังสะสมจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ตามมาด้วยความพยายามหาช่องทางใหม่ในการเข้าถึงผู้ใช้งาน โดยเฉพาะบรรดาแอพเพื่อความบันเทิง ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ Fortnite for Android จะไม่มีให้โหลดผ่าน Google Play และ Netflix ก็กำลังทดสอบระบบจ่ายเงินที่ไม่ต้องผ่าน iTunes และยังมี Spotify ที่ยกเลิกการจ่ายเงินผ่าน iTunes ไปแล้ว
ภาพจาก Shutterstock By Bloomicon
App Stores และ Google Play เปิดใช้งานตั้งแต่ปี 2008 เป็นร้านค้าแอพที่ประสบความสำเร็จสูงมาก มีบริษัท และนักพัฒนาแอพเป็นหลักล้านรายมาขายของและแน่นอนว่าทั้งสองแพลตฟอร์มก็ได้ค่าธรรมเนียมไปมากมาย และมีกระแสตีกลับว่าร้านค้าแอพเก็บเงินแพงเกินไปหรือไม่ และยิ่งแรงขึ้นอีกช่วงปี 2015 ที่ทั้ง Apple และ Google ก็มีแอพของตัวเองมาเป็นคู่แข่งบริษัทและนักพัฒนาภายนอกเข้าไปอีก
Macquarie บริษัทวิเคราะห์ คาดการณ์ว่าหากทั้ง Apple และ Google ยอมลดค่าธรรมเนียมเหลือสักช่วงระหว่าง 5-15% (จากเดิมเก็บ 30%) Apple จะสูญเสียรายได้ไปถึง 21% ส่วน Google เสียไป 20% จากรายได้ที่คาดว่าจะทำได้ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ แน่นอนว่าคนที่กังวลนอกจากตัวบริษัทเองแล้ว ยังรวมถึงผู้ถือหุ้นด้วย
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ Apple และ Google ยังเป็นช่องทางให้ผู้ใช้เข้าถึงแอพได้อย่างมีประสิทธิภาพและกว้างขวางที่สุด
ที่มา - Bloomberg
Comments
Apple จะยอมเหรอ แบบนี้มันละเมิดข้อตกลงรึเปล่า
ถ้าแอพใหญ่เค้ารวมหัวกันตีตัวออกห่างก็คงต้องยอมแหละครับ ลองถ้าถอดแอพ netflix กับ spotify ออกนี่ก็เริ่มอยู่ยากแล้ว
ถ้าแค่ netflix กับ spotify หละก็ apple อาจหัวเราะ ขยับไปคุยกับ disny แล้วก็ซู apple music
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ยูธเซ่อบางคนยังโหลดแอปไม่เป็น เอาไปให้ร้านตู้ทำให้ ยิ่งยุคนี้เป็นยุคเด็กและคนแก่เล่นเน็ตเป็น
MS Store เก็บ 5% ถ้าคนใช้เยอะคงมาลงกันบาน ดูจากบางแอพมีรีวิวก็เยอะน่าจะเริ่มมีคนใช้
ถ้า windows phone มันรอดน่ะนะ
Windows 10 ก็มีนะครับ ซึ่งก็มีข้อดีตรงมันเข้าถึงคนใช้ได้ง่าย และไม่ต้องมีอินฟราของตัวเอง
หมายถึงใน Windows 10 ครับ ลืมเขียน ดีขึ้นเรื่อย ๆ เลยอัพเดทบ่อย ๆ
เมื่อก่อนไม่ได้แตะเลย ใช้ Surface pro เป็นเครื่องสำรองมานาน เอาไว้พกไปเที่ยวแล้วอยากแบกเบา ๆ ใช้แต่ฟังก์ชั่น Laptop ไม่เคยใช้ฟังก์ชั่นแทปเลตเลย หลัง ๆ เอามาใช้ดูหนังเล่นเวบก่อนนอนเลยได้ใช้ฟังก์ชั่นแทปเลตบ้าง ไปค้น ๆ เอาใน Store ก็มีแอพหลัก ๆ เยอะอยู่ แต่การใช้งานนี่ขอไม่พูดถึง 555 แต่รวม ๆ Store ก็ไม่ได้แย่
คนที่จะทำแบบนี้ได้ก็ต้องใหญ่ระดับที่ผู้ใช้ต้องยอมเปลี่ยนมือถือแทนเปลี่ยนแอพ เช่นถ้า Apple แตกหักกับ Spotify จริงผมว่า Spotify ชนะ ใช้ family plan กับคนอื่นอยู่ ใช้ฟังในคอมด้วย ใช้กับลำโพงอื่น ๆ ด้วย ถ้าจะใช้บน iPhone ไม่ได้อันเดียว iPhone คงต้องไป
ผมคนนึงอะ คงเปลี่ยนไปใช้แอปอื่น เดี๋ยวก็มีแอปใหม่มาแทน แอปเปิลอาจยอมเสียสองเจ้าใหญ่ๆ ดีกว่าเสียรายได้เกือบครึ่งสโตร์ เป็นพันๆล้านแอปที่เหลือยังอยู่ได้
เอาไงก็เอา
open world open market..
แล้วถ้า App Stores กับ Google Play ร่วมกันนิ่งเฉย
แล้วพวกแอพใหญ่พวกนี้ถอดแอพออกจริงแล้ว ใครเสียกว่ากัน
ถ้าลงappเองใน iOS ได้ง่ายๆ Fortnite ก็คงเสียงดังบ้าง
ช่องทาง hacker เลย load app นอก app store
ผู้ใช้ส่วนใหญ่ ของ apple ก็ยังถือ idevice
ถ้าถอด app ออกจริงคนที่จะเสีย ไม่ใช่apple แน่นอน
แล้วคนจะลง app ได้ยังไง