ไมโครซอฟท์กลายเป็นบริษัทที่มูลค่ากิจการตามราคาหุ้น (market capitalization) มากที่สุดในโลกอีกครั้ง โดยมีมูลค่าสูงกว่าแอปเปิลที่เป็นบริษัทอันดับ 1 มายาวนานหลายปี ซึ่งมูลค่ากิจการหลังปิดตลาดหุ้นเมื่อคืนนี้ ไมโครซอฟท์มีมูลค่า 851,216 ล้านดอลลาร์ ส่วนแอปเปิลอยู่ที่ 847,433 ล้านดอลลาร์
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มูลค่ากิจการตามราคาหุ้นของไมโครซอฟท์นั้นสูงกว่าแอปเปิลในบางช่วงเวลาระหว่างการซื้อขายหุ้น แต่เพิ่งมีมูลค่ากิจการสูงกว่าหลังปิดตลาดในคืนวันศุกร์เป็นครั้งแรก
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้มูลค่าของไมโครซอฟท์แซงแอปเปิลได้สำเร็จนั้น ส่วนหนึ่งเป็นที่ราคาหุ้นของแอปเปิลเองได้ปรับลดลงมากในช่วงที่ผ่านมา จากความกังวลว่ายอดขาย iPhone รุ่นใหม่ของปีนี้จะออกมาน้อยกว่าที่คาด ขณะที่ไมโครซอฟท์เองยังคงมีการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องมาหลายปี
อดีตไมโครซอฟท์เคยเป็นบริษัทมีมูลค่ากิจการสูงที่สุดในโลกในปี 1998, 1999 และ 2002 มูลค่ากิจการตอนนั้นอยู่ราว 2.6 แสนล้านดอลลาร์ จากนั้นก็เสียแชมป์ให้ General Electric และ Exxon Mobil ขณะที่แอปเปิลเริ่มแซงไมโครซอฟท์ได้ในปี 2010 ตามยุคสมัยรุ่งเรืองของ iPhone จนหลายคนมองว่าเป็นการสิ้นสุดของยุคไมโครซอฟท์ไปแล้ว (Post-PC Era) แอปเปิลขึ้นมาเป็นบริษัทอันดับ 1 ของโลกตั้งแต่ปี 2012 และยังเป็นบริษัทแรกของโลกที่มีมูลค่ากิจการเกินล้านล้านดอลลาร์ ในปีที่ผ่านมา รวมทั้ง Amazon ก็กลายเป็นบริษัทที่สองที่ไปถึงจุดนั้นในปีนี้เช่นกัน แต่ตอนนี้กลายเป็นไมโครซอฟท์ที่มีมูลค่ากิจการมากกว่า 5 บริษัทกลุ่มเทคโนโลยียุคใหม่ที่เรียกตัวย่อว่า FAANG ไปแล้ว (Facebook, Amazom, Apple, Netflix, Google)
ถึงแม้ไมโครซอฟท์อาจไม่ใช่ผู้ชนะในยุคสมาร์ทโฟน แต่นับตั้งแต่ Satya Nadella เข้ามาเป็นซีอีโอ ไมโครซอฟท์ก็เปลี่ยนยุทธศาสตร์มาเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคลาวด์มากขึ้น รวมทั้งจุดเด่นคือการมีรายได้ที่กระจายความเสี่ยงเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ Productivity and Business Processes, Intelligent Cloud และ More Personal Computing โดยทั้ง 3 ส่วนธุรกิจนั้นมีรายได้ในระดับที่ใกล้เคียงกัน และยังมีการเติบโต ทำให้ไมโครซอฟท์ไม่ได้พึ่งพาธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งเป็นพิเศษ ต่างจากกลุ่มบริษัทใน FAANG
ที่มา: CNBC
Comments
แทรกไปทุก platform กินนิ่งๆ
ช้าแต่ชัวยังคิดอยู่ไม่น่ารีบเล่นตลาดสมาร์ทโฟน รอดูว่าจะกระโดดมาเล่นอีกครั้งเมื่อไหร่
เกิดจากหุ่น Apple ร่วงเพราะ ยอดขาย iPhone ใหม่ด้วย
Microsoft ก็ กระเถิบขึ้น อย่างเบาๆ แบบ ย่องๆกินเงียบๆ สินะ
ถึงยุค Post-iPhone Era
นึกถึงคำพูดของทิมเลย
"แพงเท่าไหร่ก็มีคนซื้อ"
ได้ชื่อว่าไอโฟน ต่อให้เครื่องละล้านก็มีคนซื้อแน่นอน
แต่จะมีคนซื้อซักกี่คน?
รถยนต์ Roll-Royce แพงเท่าไหร่ก็มีคนซื้อแต่จะซื้อกันซักกี่คน ?
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
ผมคิดเองว่านั่นแหละครับกลยุทธ์ เพราะจำนวนเครื่องที่ขายได้ลดลง ทำยังไงให้รายได้ยังเท่าเดิม?
เพิ่มราคาขายสิ
ยุค Satya อะไรๆก็ดูดี
ยกเว้น Windows Phone
ใช่ครับ เหมือนลูกกำพร้าที่ถูกทอดทิ้งจริงๆ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เค้าก็ไม่เอาตั้งแต่แรกแล้วนี่ (-o-) แล้วทำไมเค้าจะต้องเก็บไว้ด้วย... ถ่วงการเติบโตเปล่าๆ
อย่างน้อย ขายคืนให้ Nokia หรือให้คนอื่นเอาไปทำต่อก็ได้นี่ตอนที่มีโอกาส เสียดายของดีแต่ไร้ค่าไปแล้ว
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
Nokia ก็ไม่เอาแล้วน่ะสิ ถอนตัวจากโทรศัพท์ไปเลย สงสัยเข็ด ปล่อยไลเซ่นชื่อแบรนด์ไปแบบ Blackberry Alcatel moto (Motorola) นี่ยังแอบหวังให้ Siemens หวนคืนวงการเลย ชอบดีไซน์มาก S65 ยังตรึงตาตรึงใจ แต่ตอนนั้นไม่ไม่ตังค์
//หวั่นใจ Sony จะไปอีกราย
windows phone นี่มาก่อน สัตยา หรือมาในยุค สัตยาแล้วครับ
มาก่อนครับ แต่ Satya ไม่เห็นด้วยกับการเอา Nokia เข้ามาเลยปิดไป
กำลังจะบอกแบบนี้เหมือนกัน ฮ่ะๆ
ชอบข่าวนี้ครับ ช่วยปราม Apple หน่อย อย่าให้ได้ใจมากนัก มือถืออย่าเกิน 4 หมื่นเลยนะ ?
เอา Windows Phone เข้าไปปราม?
มูลค่ารวมสิครับ แหม! WP เจ้าได้ตายไปแล้ว! ?
พึ่งรู้จักคำว่า FAANG
May the Force Close be with you. || @nuttyi
เท่ห์ดีนะครับ "ฝาอ่าง" เนี่ย
เดี๋ยว Apple ก็กลับมาทวงคืน แต่ตอนนี้ให้ M$ ไปก่อนละกัน
ผมกลับมองว่า MS โตจากเดิมไม่เยอะ หรือแทบจะเท่าเดิม แค่ apple/ amezon หุ้นตกมากกว่า
โตแบบมั่นคง กับโตแบบหวือหวาไงครับ ถ้าหวือหวามากๆ แบบไม่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งจริงๆ มารองรับก็ตกเร็ว หุ้นตกเร็วๆ อย่างนี้เป็นสัญญาณที่ไม่ดีมากกว่า
หุ้นมันตกเพราะนักลงทุนเขาเริ่มไม่เชื่อในตัวบ.ไงครับแสดงว่าเมื่อก่อนมันเพอฟอร์มดีแต่ปัจจุบันไม่ใช่หรือกำลังมีปัญหานะ หุ้นตก%2หลักเนี่ย ส่วน ms ยังโตได้เรื่อยๆแสดงว่า บ.มันเพอฟอร์มได้ดีคงเส้นคงวาทั้งอดีตและปัจจุบันไงล่ะ ผมมองว่า apple กำลังจะตันด้านการเติบโตครับ จนต้องเล่นมุกอัพราคา ถ้าคุณเข้าใจเบสิกเศรษฐศาสตร์การอัพราคาเนี่ยมันได้ผลดีจริงแต่มันน่ากลัวนะครับใช้บ่อยไม่ได้แต่นี่เล่นใช้2ปีติดแสดงว่าหมดมุกแล้ว เพราะรายได้บ.พึ่งพาไอโฟนเยอะมากและตอนนี้มุกอัพราคาก็ไม่เวิร์คแล้ว ปีหน้าจะทำยังไง เอาของไปขายอินเดีย? ราคาหุ้นมันมาจากการสะท้อนมูลค่าคาดการณ์การเติบโตด้วยข่าวทางลบของยอดขายก็ตรึมการคาดการณ์เลยต้องลดระดับลงนักลงทุนเลยเทขายมูลค่าก็ตกไงครับ แต่แอมะซอนนี่อาจจะพอมีมุกไปต่อได้ อย่างน้อยรายได้ก็ไม่กระจุกตัวมากเท่าแอปเปิล น่าจะพอวางกลยุทธ์หารายได้เพิ่มได้
ดูจากกราฟแล้วเห็นด้วยครับว่า MS นี่ขึ้นมาแบบมั่นคงและดูมีอนาคต สวนทางกับ AAPL ที่ค่อนข้างวูบวาบและดูแนวโน้มแล้วมีทิศทางที่เสี่ยงเข้าสู่ขาลงเป็นอย่างมาก
เอ่อ วิเคราะห์หุ้น vi เขาดูแค่ปัจจัยหุ้นตกระยะสั้นๆ แค่นี้เหรอครับ นี่ยังไม่รวมเรื่องแมงเม่าด้วยนะ
MS ผ่านยุคตกต่ำมาแล้ว สวนทางกับ Apple ที่กำลังเข้าสู่ยุคตกต่ำ
Apple เคยผ่านยุคมืดมาแล้วครับ