เรื่องมีอยู่ว่าสุภาพสตรีชื่อ Courtney Davis ได้ให้ทนายยื่นฟ้องแอปเปิลต่อศาลแคลิฟอร์เนียเหนือ โดยกล่าวหาว่าแอปเปิลใช้ภาพโฆษณา iPhone XS Max ที่ทำให้เธอเชื่อว่า iPhone XS นั้น ไม่มีติ่งสองข้าง ซึ่งเธอมาทราบในภายหลังจากที่พรีออเดอร์ไปแล้ว
เอกสารยื่นฟ้องระบุว่าภาพโฆษณา iPhone XS ซึ่งปรากฏอยู่ทั้งในเว็บไซต์, ร้านค้าต่าง ๆ นั้น พยายามหลบเลี่ยงโดยใช้รูปบนหน้าจอที่ซ่อนพื้นที่สีดำไว้ จนทำให้แยกไม่ได้ว่า iPhone XS และ iPhone XS Max มีติ่งสองข้างในด้านบนของโทรศัพท์
ข้อกล่าวหายังไม่หมดแค่นี้ Davis ยังบอกว่าจำนวนพิกเซลบนหน้าจอ iPhone XS ที่ระบุก็ควรปรับให้ถูกต้อง เพราะพิกเซลบริเวณมุมเครื่องนั้นไม่เต็มพื้นที่ จึงควรปัดเลขลงไม่ใช่ปัดขึ้น
ที่มา: Business Insider
Comments
ปกติก็สังเกตุอยู่นะว่ารูป Wallpaper หรือโฆษณา พยายามทำให้ด้านบนมืด มองไม่เห็น
แต่ไม่คิดว่าจะมีใครใช้เรื่องนี้มาฟ้องด้วย
ทำยังกับไม่เคยเห็น iPhone X รุ่นก่อนหน้า
ฟ้องได้สิ คดีแบบนี้ทำให้หลายบริษัทที่สหรัฐแพ้คดีไปหลายรายแล้ว
What! คือไม่รู้ว่ามันแหว่งหรือไง
มีเยอะแยะครับที่ไม่รู้ คนจะซื้อไอโฟน ไม่ได้แปลว่าต้องตามข่าวเทคโนโลยีนี่ครับ อาจจะแค่เห็นโฆษณาในทีวีแล้วก็สั่งออนไลน์เลยก็ได้
เพราะเรารู้อยู่แล้วไงครับ ถึงได้รู้
แต่พอผมเข้าไปในเวป www.apple.com/th ใน 10 รูป ของ iphone ก็มีไม่ถึงสองรูปครับที่บอกว่ามีติ่ง
เมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว คนไม่รู้ ก็ยากที่จะรู้ครับ
เดี๋ยวขอปรึกษาคุณอัจก่อน
รวยแน่นอน งานนี้ อิอิ
อย่างมากก็ คืนของ คืนเงิน ครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ลองเข้าไปดูแล้วก็พบว่ามันถึงจะมองไม่เห็นในแว็บแรก แต่ถ้าเลื่อนดูภาพอื่น ๆ หรือลองเพ่งดูดี ๆ จะเห็นติ่งนะครับ ขอบคุณครับ
ก็น่าฟ้องนะ ยังจำได้ Keynote นี่ไม่มีใครกล้าฟันธงว่ายังแหว่งอยู่หรือ Apple หา Solution ใหม่ได้
สรุปเหมือนเดิมเพิ่มเติม Wallpaper
ตามกฏหมายเค้าเปิดโอกาสให้ฟ้องด้วยเหรอครับ พรีออเดอร์ไปพอได้รับสินค้าไม่พอใจก็คืนได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ
เกาะอยากรู้ด้วยคิดเหมือนกัน แล้วอีกอย่างคือโฆษณาอื่นๆก็เห็นติ่ง
กฏหมายคุ้มครองผู้บริโภคเขาเข้มมาก อย่าเอามาเทียบกับบ้านเราเลยครับ เจอรถมีดีเฟค โพสลงเฟซ โดนเจ้าของค่ายฟ้อง
อูยยยย แรงงง
คดีค่ายรถเทพเจ้าฟ้องลูกค้า 100 ล้านนั่น ศาลไม่รับฟ้อง สองคดีรวด นะครัฟ คนในวงการเค้าก็ยืนทำหน้าง่วงๆแล้วพูดเหนื่อยๆว่า แหม่ ทำไปได้
ผมไม่ได้เทียบกับบ้านเราครับ ผมหมายถึงที่โน่นนั่นแหละว่าในเมื่อมันมีกฏหมายว่าถ้าไม่พอใจในสินค้าลูกค้าสามารถคืนเงินได้ในกี่วันๆมันยังฟ้องกันได้ด้วยเหรอ
กรณีนี้ไม่น่าจะฟ้องในแง่ไม่พอใจสินค้า แต่ฟ้องในแง่ผู้ผลิตจงใจบิดเบือนข้อมูลในการโฆษณาเพื่อประโยชน์ทางการขายครับ
ซึ่งถ้าศาลเห็นว่ามีมูลแอปเปิลก็โดนไป ถ้าไม่เห็นว่ามีมูลก็จบครับ
ตอนเห็นภาพโปรโมทครั้งแรกผมก็คิดนะว่า เห้ยทำวอเปเปอร์แบบนี้แล้วไม่เห็นหูดูดีขึ้นเหมือนกันนะ เหมือนไม่มีหูเลย แต่ไม่ได้คิดว่าจะมีคนเอามาฟ้องซะด้วย
ศาลรับฟ้องด้วยเหรอ อยากรู้เหมือนกันครับว่ากรณีแบบนี้ใครจะชนะ
ในเมกามีคดีแปลก ๆ เยอะเลยนะครับ
ฟ้องแมคโดนัลว่ากาแฟร้อนเกินไป
ฟ้องสตาร์บักส์ ใส่น้ำแข็งในกาแฟเย็นมากไป
ตรงนั้นเคยได้ยินมาแล้วครับ ซึ่งก็เป็นที่มาว่าทำไมถึงต้องมีข้อความให้ระวังร้อนแปะอยู่ข้างบรรจุภัณฑ์ของแบรนด์พวกนี้ ที่สงสัยคือการเลือกใช้ wallpaper ในกรณีนี้ก็สามารถเป็นประเด็นฟ้องได้ด้วยเหรอ อย่างจอบางจอที่มีขอบดำ ถ้ายึดตรรกะเดียวกันอันนี้ก็น่าจะโดนเช่นกัน
คงไม่ได้เขียนว่า "ภาพใช้ในการโฆษณา" น่ะครับ
แมคที่ว่าใส่น้ำร้อนเกินไป มันมีรายละเอียดที่เยอะกว่าพาดหัวข่าวครับ
สรุปแบบสั้นๆ แมครู้ตัวมาหลายปีแล้วว่าน้ำร้อนขนาดนั้นมีปัญหากับลูกค้า มีคนโดนลวกหลายร้อยคนด้วย
ส่วนป้าแก .... แผลไหม้ระดับ 3 รักษาแผลยาวครับ ค่ารักษาหนักอยู่
เคยเจรจากับแมคให้จ่ายให้แต่แมคจ่ายมานิดเดียว
ป้าแกเลยยื่นฟ้องเลย
ถ้าอ่านรายละเอียดของคดีแบบเต็มๆ .... ก็อารมณ์คดีตายายเก็บเห็ดนั่นแหละ
นักข่าวหยิบเอาจุดดราม่ามาพาดหัวข่าวคล้ายๆกัน
ขอบคุณครับ ได้เห็นในอีกมุมที่ข่าวไม่ค่อยจะยกมาพูดถึง
เสริมครับ
ในการพิพากษาจะมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญขึ้นมาให้การด้วย ผู้เชี่ยวชาญให้การว่า ความร้อนมีหลายระดับ ร้อนพออุ่น ร้อนปากพอง ร้อนทำลายเนื้อเยื่อ ฯลฯ
คำถามคือน้ำร้อนใน McDonald ร้อนระดับไหน? และถ้าร้อนจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพแล้วไม่แปะป้ายเตือนก็ถือว่าไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพลูกค้า
มันเป็นลอจิคแบบตรงไปตรงมาครับ ยิ่งถ้าเป็นระบบลูกขุนด้วยแล้ว การชี้แจงจากผู้เชี่ยวชาญแบบนี้ก็ได้คะแนนลูกขุนไปเลย
ส่วนของไทยก็แบบที่เห็นครับ คนไทยไม่ประนามผู้ผลิต แต่ประนามคนเสียผลประโยชน์ โง่บ้าง เซ่อบ้าง ไม่เคยเห็นรุ่นก่อนหน้าเหรอ บลาๆๆๆ
อยากจะแย้งคดีตายายเก็บเห็ด
สื่อไปจับประเด็นผิดๆว่าโดนจับเพราะเก็บเห็ด ทำให้มวลชนเนทด่ากันไปผิดๆ
แต่ในเนื้อหาคดีมันก็มีอะไรที่ไม่ปกติอยู่เยอะ ทั้งหลักฐานคือมอไซด์ที่ทิ้งไว้ตอนหนีคันเดียว แต่การบรรยายฟ้องการตัดไม้ทำลายป่า อีก70ไร่ อ้างว่าตัดต้นไม้ไป 200 กว่าต้น โดยอ้างสถานที่เกิดเหตุต่างกัน อ้างว่าเป็นขบวนการเดียวกัน โดยที่ไม่มีหลักฐานอื่นเชื่อมโยงถึงเลย ไม่มีแม้แต่อุปกรณ์ตัดไม้.....และชั้นแรกๆที่สารภาพ ก็ทำให้ตัดการสอบสวนหลักฐานหรือพยานอื่นทั้งหมด ซึ่งตอนหลังแกก็บอกว่าโดนกล่อมว่าบอกว่าโทษไม่หนักให้รับสารภาพจะได้จบไวๆ และอ่านหนังสารภาพไม่ออก(อันนี้จริงไม่จริงไม่รู้) แต่ประเด็นคือการตัดการพิสูจน์ข้อเท็จจริงโดยใช้หลักฐานเชื่อมโยงเพียงมอไซด์คันเดียว สำหรับผมมันแปลกมากไป (แม้จะมีคนยกข้อกฎหมายว่าคดีที่มีโทษต่ำกว่า xx ปีสามารถตัดการพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ถ้าจำเลยรับสารภาพก็ตาม)
พอมีข่าวด่ากันเยอะๆ สุดท้ายข้อหาตัดไม้ฯ ยกฟ้องหมด เหลือแค่คดีบุกรุกป่าสงวนที่โดนลงโทษเต็มๆ(โดนบุกรุกฯ เพราะมีหลักฐานคือมอไซด์ที่ทิ้งไว้)ซึ่งบทลงโทษก็ยังหนักมากอยู่ดี คือจำคุกโดยไม่รอลงอาญาหลายปี(ที่ดราม่าว่าเก็บเห็ดทำไมโทษหนักนี่แหละ)
คำถามที่น่าคิดคือถ้าไม่มีข่าวจนคนด่ากันเต็มเนท ข้อหาเรื่องตัดไม้จะโดนไปเหมือนเดิมในชั้นแรกๆไหม?
เห็นหลายคนด่าสื่อ ด่าคนที่ด่าตามกัน และมีเพจดังๆหลายเพจพยายามชี้แจงแทนจนท.รัฐด้วยคำตอบชุดเดียวกัน แต่ความจริงยังมีอีกหลายมุม
ก็ตามนี้ครับ สุดท้ายบอกว่าลุงป้าสองคนเป็นแค่ส่วนนึงของกระบวนการ แค่จับคนอื่นไม่ได้ บลาๆๆๆๆ
หลักฐานอะไรก็ไม่มี ทุกอย่างก็ไม่ค่อยจะไปทางเดียวกัน ก็ลากๆ กันไปจนตัดสินคดีได้ มีคนพร้อมจะเชื่อเพราะอยากเชื่ออยู่แล้วว่าสองคนนี้เป็นมอดไม้
โดนเรื่องร่วมขบวนการ(อาจจะดูต้นทางหรือช่วยขนไม้)ไม่ใช่เหรอ
แล้วจักรยานยนต์คันเดียวก็ใช้ขนได้ปกติ จับกันประจำ
แล้วก็มีหลักฐานเรื่องฝั่งสามีป่วย ก็โกหกต่อศาลอีก
เรื่องโกหก จำเลยทุกคนย่อมให้การพูดเข้าข้างตัวเองอยู่แล้วครับ แต่ย่อมไม่มีน้ำหนักเหนือกว่าพยานหลักฐาน(แยกระหว่างคำให้การของจำเลย กับพยานนะครับ)
แต่ด้วยหลักฐานที่มีแค่มอไซด์เปล่าๆจอดกลางป่าคันเดียว ไม่มีแม้แต่อุปกรณ์ หรือไม้ของกลาง(ในรูปคุณไม่น่าใช่นะครับ ผมอ่านจากคำพิพากษาจำได้ว่าไม่ได้ระบุนะ) กลับกล่าวโทษว่าร่วมขบวนการตัดไม้ 70ไร่ ตัดไม้สงวน 200 ท่อนผมว่ามัน....เกินไป ลองอ่านคำบรรยายฟ้องดูนะครับใหญ่โตอย่างกับขบวนการตัดไม้ข้ามชาติ จนน่าตกใจว่า เฮ้ย จากมอไซด์คันเดียว ไม่มีพยานหลักฐานอื่นให้เชื่อมโยงเลย กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตได้ขนาดนั้นเลยหรือ?
ยิ่งพอมีกระแสข่าวดัง แล้วเหลือแค่คดีบุกรุกป่า มันก็น่าสงสัยว่าแล้วสองชั้นก่อนหน้านั้นคืออะไร?
ไม่ได้บอกว่าไม่ผิดเลย เพราะแม้จะเป็นการไปหาของป่าจริงๆมันก็ผิดล่ะนะ แต่มันก็ต้องเป็นไปตามพยานหลักฐานว่าผิดมากน้อยแค่ไหน เชื่อมโยงอะไรได้จริงบ้าง ไม่งั้นก็ไม่เหลือหลักอะไรเลยให้เชื่อถือ...
มีหลายเพจดังๆที่ไม่ค่อยเกี่ยวกับกฎหมาย ดันพยายามออกมาชี้แจงพร้อมกัน ราวกับได้รับชุดข้อมูลแบบเดียวกัน พยายามบอกว่า นี่ลงโทษไปตามหลักฐานแล้วนะ คนผิดคือจนท.ที่เขียนคำบรรยายฟ้องมาแบบนั้น และจำเลยที่ดันรับสารภาพเอง เลยไม่ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ(ระบบกล่าวโทษ?)
โกหกก็เข้าข่ายมีพิรุธแล้วไง โกหกว่าไม่รู้เรื่องเพราะป่วยถูกรถชนสมองเลยเพี้ยนๆ แต่ใบแพทย์บอก ไทม์ไลน์สารภาพไปแล้วค่อยไปโดนชน อันนี้เข้าข่ายสร้างหลักฐานเท็จด้วยไหม
เรื่องของกลางในคดีมีบอก
*********และจำคุกคนละ 6 ปี ฐานร่วมกันมีไม้สักซึ่งเป็นไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครอง เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 5 ปี******
ของกลางถ้าไม่เจอที่บ้านผู้ต้องหาก็คาอยู่บนรถจักรยานยนต์ที่ทิ้งไว้เป็นตัวอย่าง เวลาหนีทำไมวิ่งหนี ไม่ขี่รถออกมาทิ้งไว้ทำไม
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/752993
ศาลยึดการให้การรับสารภาพในสองชั้นแรก โดยไม่พิจารณาหลักฐานอื่นเพิ่ม และตอนฎีกายกมาว่าที่สารภาพเพราะเข้าใจผิดเนื่องจากป่วยฟังไม่ขึ้น(เรื่องให้การขัดแย้ง จะไม่มีความผิดฐานให้การเท็จนะครับตรงนี้)
แต่ผมจำตัวเลขและข้อหาที่ลงโทษสุดท้ายผิดไปเองจริงๆ(ที่เขียนไปข้างบนพูดจากความทรงจำล้วนๆ) อันนี้ยอมรับ ข้อกล่าวหาแรก คือบุกรุกแผ้วถางป่า 72ไร่ ตัดต้นไม้หวงห้าม 700 ต้น ของกลางเป็นท่อนไม้ 1148 ท่อนตะหาก(คำบรรยายฟ้องคือทำเป็นขบวนการแผ้วถางป่า หลายพื้นที่เพื่อทำให้เป็นป่าเสื่อมโทรม โดยมีนายทุนออกเงินให้)
แต่สุดท้ายตอนฎีกา เหลือแค่ข้อหาทำไม้กับครอบครองไม้หวงห้ามครับ ในขณะที่ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ที่ยึดตามคำสารภาพจะมีคดีบุกรุกแผ้วถางทำลายป่า ซึงโทษหนักกว่ามาก(ตอนแรกจำคุก15ปี) แต่สุดท้ายยกข้อหานี้ (เป็นข้อที่ทำให้สงสัยว่า แล้วทำไมสองชั้นแรกลงโทษข้อกล่าวหานี้ ถ้ามีหลักฐานอื่นจริง ทำไมถึงยกทีหลัง?)
แต่ผมก็ยังงงๆกับเรื่องข้อหาครอบครองไม้สักนะ ว่าเป็นกรรมเดียวกับเรื่องหลักฐาน 1148 ท่อนอันแรกหรือไม่ เพราะตอนแรกที่อ่าน(ยังไม่ว่างไปค้นใหม่นะ) คือมีของกลางจริงๆแค่มอไซด์คันเดียวส่วนท่อนไม้พบที่อื่นดังที่ไปเชื่อมโยงการบุกรุกแผ้วถางป่า 72ไร่ที่ยกฟ้องไป ไม่มีหลักฐานของกลางอุปกรณ์ตัดไม้ เจ้าตัวอ้างว่ามาหาของป่าในบริเวณนั้น พอเจอจนท.เลยหนี และในคำพิพากษาเองก็ระบุไว้ว่ายังไม่มีการขยายผลถึงขบวนการที่กล่าวอ้างตอนบรรยายฟ้องแต่อย่างใด
ผมตั้งข้อสงสัยตรงการบรรยายฟ้องถึงขบวนการตัดไม้ใหญ่โต มีนายทุนออกเงินด้วย แต่สุดท้ายไม่มีการขยายผลหรือหลักฐานเชื่อมโยงแต่อย่างใด การลงโทษโดยยึดตามคำสารภาพเป็นหลัก และไม่สืบพยานอื่นเนื่องจากยกข้อกฎหมายว่าคดีที่บทลงโทษต่ำกว่าห้าปี ไม่จำเป็นต้องสืบสวนต่อหากสารภาพ โดยที่การสารภาพนั้นไม่มีทนายฝ่ายจำเลยด้วยซ้ำ อ้างอิง http://www.rlpd.go.th/rlpdnew/images/Clippings/2560/05/31_17-05-2017-042111.pdf)
คุณไม่คิดว่าเรื่องมันแปลกหรือ?
จะแปลกก็ควรสงสัยตั้งแต่ไปทำอะไรในพื้นที่ๆตัดไม้ทำลายป่ากันอยู่ 72ไร่ไม่ใช่พื้นที่เล็กๆนะ ไม่กลัวโดนพวกนั้นฆ่าปิดปากเหรอนอกจากรู้จักกัน
หรือแม้แต่ทนายแนะแต่ต้นให้สารภาพผิดคิดว่าทนายโง่ไม่รู้เหรอว่าคดีตัดไม้หลวงโทษหนักติดคุกแน่นอน
หรือจะเอาแบบหนังนิยาย ก็ทนายคนนั้นก็พวกนายทุนที่ส่งคนมาขู่ให้รับสารภาพแต่อย่าซัดทอดไม่งั้นคนที่บ้านจะเดือดร้อน เอาแบบนี้ดีไหม ?
ในพื้นที่ตามแนวชายแดนที่มีการอุ้มนั่งยางกันบ่อยๆ ก็ยังมีคนไปหาของป่านะครับ หลายคดีได้คนหาของป่าเป็นพยานก็หลายคดี ผมจำจังหวัดไม่ได้
แม้กระทั่งพื้นที่อุทยานอย่างเขาพะเนินทุ่ง (จังหวัดอะไรอีกฟระเนี่ย แง) ที่มีมอดไม้ชุกชุม ก็ยังมีพราน มีคนหาของป่าอยู่ครับ
ก็แบบที่คุณถามมา พื้นที่ 72 ไร่เป็นพื้นที่ป่า มันคงไม่เจอกันง่ายๆ มั้งครับ
อันนี้ fact ล้วนๆ นะครับ ไม่ใช่ opinion
เผอิญของป่าดันเป็นไม้สักไงครับ ไม่ใช่เห็ด
ตรรกะที่คุณใช้คือ ที่ศาลตัดสินถูกต้องว่าสองคนดังกล่าวเป็นแก๊งมอดไม้ ก็เพราะว่าสองคนนี้เป็นแก๊งมอดไม้ เพราะคุณไม่เชื่อว่าคนหาของป่าทั่วไปจะไปอยู่ตรงนั้น
สิ่งที่คุณเสนอเป็น opinion นะครับ เพราะ fact ที่ศาลพิจารณาก็ไม่มีอะไรชัดเจน แนะนำว่าคุยกันด้วย fact ครับ ถ้าคุยกันด้วยความเห็นส่วนตัวให้ตายก็ไม่จบ
ทำไมคนหาของป่าถึงไปอยู่ในบริเวณที่มีการเผานั่งยาง อ๋อ ก็เพราะเค้าเป็นพวกเดียวกับแก๊งเผานั่งยางน่ะสิ
Fact คือ มีพยานหลักฐานเห็นในที่เกิดเหตุ พร้อมพาหนะเจ้าตัวทิ้งไว้หลบหนี มีการค้นพบของกลาง และดันไปรับสารภาพครับ ซึ่งทางฝ่ายผู้ต้องหาไม่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธ์ให้ตัวเองได้
ถ้าการอยู่ในที่เกิดเหตุ หากไม่มีอะไรพิสูจน์ตัวก็ไม่พ้นเป็นผู้ต้องสงสัย
ไม่งั้นก็ไม่ต่างอะไรกับคดีวัยรุ่น5คน จับเด็ก12ขวบ ไปรุมข่มขืนในร้านสิบบาท แล้วไอ้4ตัวนั้นอ้างไม่ได้ข่มขืน
เป็นคุณจะเชื่อ ผู้ต้องสงสัย4ปากว่าไม่ข่มขืนหรือเชื่อผู้เสียหายคนเดียว
ถ้าเอาตามfactอาจเจอเชื้ออสุจิคนเดียวเพราะที่เหลืออ้างใส่ไม่เข้า
นอกเรื่อง ผมว่าคดีวัยรุ่นข่มขึืนเนี่ย ไม่ควรถูกปล่อยตัวนะ ต่อให้เป็นเยาวชนก็ทำความผิดได้ หรือโหดหน่อยก็ไปนอนในคุกจนกว่าผลพิสูจน์หลักฐานออกมา
บ้านเรากฎหมายปัญญาอ่อน ปวกเปียก กับตำรวจทำหน้าที่ไม่เด็ดขาด ไม่จริงใจ แถมชอบพูดปัดความรับผิดชอบอีก ทำให้เกิดเหตุแบบนี้อยู่ทุกวันโดยไม่เกรงกลัวอะไรเลยไง ดังสำนวน "ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลังน้ำตา" มันต้องโหดได้แล้วกับเหตุการณ์แบบนี้เนี่ย
หรือให้ยุบตำรวจทิ้งแล้วใช้วิธีกฎหมู่กับรุมประชาฑัณฑ์ดีหว่า เห็นผลกว่าเยอะ หรือใช้วิธีประหารโดยเจ้าหน้าที่หน้าประชาชน และหน้าที่เกิดเหตุเหมือนตอนสงครามโลก ถึงจะเกรงกลัวกัน แถมเห็นผลเร็วด้วย
ถ้าเกิดมาเพื่อทำความชั่ว ก็อย่าได้มีชีวิตอยู่ทั้งคนเลว ทั้งลูก และทั้งครอบครัวเลยจะดีมาก
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
อันนี้ผมก็มองว่าเป็นปัญหานะ จำเลยถูกกล่าวหา แต่แก้ต่างให้ตัวเองไม่ได้ ฝ่ายกล่าวหาก็ไม่ได้มีหลักฐานที่ชี้ชัดจนสิ้นสงสัยว่าจำเลยเป็นผู้กระทำจริงๆ
พยานที่คุณบอก คือพยานที่เห็นจำเลยทั้งสองวิ่งออกจากที่เกิดเหตุ ไม่ได้เห็นว่าตัดไม้นะครับ
หลักฐานที่คุณบอก คือมอเตอร์ไซค์ของจำเลยทั้งสองครับ ไม่ใช่เลื่อยยนต์ ไม่ใช่รูปถ่ายขณะกำลังทำผิด
ระบบกล่าวหานี่เป็นปัญหาเยอะมาก ซึ่งผมเห็นว่าระบบนี้มันยังอยู๋ได้เพราะมีคนที่ชอบระบบนี้และเชื่อมั่นใจระบบนี้ ไม่ผิดจะหนีทำไม ไม่ผิดทำไมต้องสารภาพ พูดเหมือนว่าไม่สารภาพแล้วจะรอดคดีเนอะ
ที่เคยอ่านข่าวแรกๆ พยานเห็นคนวิ่งหนีครับ แต่มายืนยันว่าเป็นใครจากเจ้าตัวมาขอรถที่อายัดไว้เป็นของกลางคืนทีหลัง แต่ไม่มีพยานขณะตัดไม้ ไม่มีอุปกรณ์ตัดไม้ (เลื่อยยนต์แบกวิ่งหนีได้หรือ?)
เรื่อง 72 ไร่นี่คือพื้นที่กระจายหลายแห่ง และไม้ 1148 ท่อนไม่ได้อายัดจากที่เดียวกันครับ ตอนแรกๆที่ลงข่าว สื่อก็เล่นประเด็นนี้ ว่าเหมือนเอาคดีหลายๆกรรมหลายพื้นที่ มารวมกันกล่าวโทษ แต่พอชั้นสุดท้าย เหมือนเอารายละเอียดพวกนี้ออกหมด ผมยังไม่ว่างหาข่าวเก่ามายันนะครับ
คือตอนนี้เหมือนเรามโน ว่าเขาทำแบบนั้นแบบนี้ ทั้งๆที่หลักฐานมันไม่ได้เยอะขนาดนั้น
ชาวบ้านหาของป่า มีทุกพื้นที่ครับ ปกติเขาไม่จับกันหรอก ถ้าไม่ได้ล่าสัตว์ป่าสงวนหรือต้องการป้องปราม เช่นเหนข่าวแวบๆที่ จ.อุทัยธานี ก็มีการแจ้งข้อหาเก็บเห็ดในป่าสงวนครับ เคสนี้เป็นการเก็บเห็ดจริงๆ ตรวจยึดเห็ดได้ด้วย แต่ไม่รู้ว่าคดีจะจบตรงไหนนะ (อ้างอิง ข่าวนี้ )
ส่วนคดีข่มขืน ปกติเขาจะมีพยานหลักฐาน เช่น คราบอสุจิ ฯลฯ พวกนี้อีก ไม่ใช่แค่ใช้คำบอกเล่าล้วนๆในการปรักปรำครับ ยังไม่นับว่าพยานแวดล้อมอีกเพียบ คดีโทรมหญิง มันมีรายละเอียดเยอะครับ คนดูต้นทางก็ผิดด้วยเช่นกัน
ผมก็มีคำถามกลับว่า ทำไมคุณถึงเชื่อคดีในข่าวว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้ โดยไม่สงสัยบ้างเลยหรือ?
คุณไม่สงสัยหรือ ทำไมเครือข่ายเพจบางกลุ่มที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับเรื่องราวทางกฎหมาย จู่ๆก็เผยแพร่ชุดความคิดเพื่อชี้แจงคดีนี้พร้อมๆกันราวกับนัดกันมา?
ผมไม่ได้บอกว่าคดีที่เราพูดๆกันจะเป็นแพะโดนใส่ร้าย แต่ก็มีคดีอีกเยอะที่สุดท้ายพิสูจน์ได้ว่าเป็นแพะโดนใส่ร้าย จากพยานเท็จ หรือการเขียนสำนวนปรักปรำเกินเหตุเช่นกัน ฉะนั้นการบอกให้เชื่อโดยไม่สงสัย คงขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่เคยเกิดขึ้นครับ
+1 คดีตายายเก็บเห็ดนี่ เป็นเคส inception มากๆ จะมีคนกลุ่มนึง พยายามจะดูแคลนคนอีกกลุ่มว่าอ่านหนังสือไม่เกิน 8 บรรทัด เลยชอบยกคดีตายายมาอ้างมั่วๆ ทั้งๆที่ตัวเองอาจจะอ่านหนังสือแค่ 10 บรรทัดเหมือนกัน (มากกว่า 8 มานิดนึงงง) แต่ไม่เคยลงลึกไปมากกว่านั้น ไม่เคยอ่านสำนวนด้วยซ้ำ ได้แต่ฟังต่อๆมา แล้วก็กะจะเอามาด่าคนอื่นต่อ มันดูเท่ดี รายละเอียดข้อพิรุธในคดีมันเยอะมาก และพนักงานสอบสวนที่สร้างปัญหาเค้าก็เสียชีวิตไปแล้วมันเลยแก้ไขยาก จนมาเหลือแต่คดีบุกรุกป่าอันเดียว พูดตามตรง ทนายอัจฯจะสู้ต่อก็ได้ แต่มันได้ไม่คุ้มเสีย เพราะกำลังจะได้รับการปล่อยตัวอยู่แล้ว ถ้าสู้ไปอาจจะต้องติดนานกว่าเดิม ก็เลยล้มเลิกไปต่างหาก
The Truth About the McDonald's Coffee Lawsuit
ก็จริง เหมือนจงใจหลอกลวง
ผมเพิ่งรู้นะว่ามันแหว่งเนี่ย ปกติไม่ได้สังเกตสักเท่าไร
ต่อไปสงสัยคงต้องกำกับว่า "ภาพนี้ใช่เพื่อการโฆษณาเท่านั้น"
เป็นข้อความดอกจันใช้ color: #444; font-size: xx-small; บน background: #000
อันนี้ผมก็เห็นตั้งแต่เปิดตัวและคิดว่า apple "จงใจ" แต่ก็เข้าใจว่าเพื่อการตลาด เพราะข้อมูลอื่นๆที่มีติ่งก็มีอยู่
ไม่ใช่ครั้งแรก
ก่อนหน้านี้ก็เคยแต่งภาพเพื่อปกปิดว่ากล้องหลังนูน…สมควรจะโดนซะบ้าง
ในขณะที่ข่าวข้างๆกัน https://www.blognone.com/node/107033
แต่แอปเปิ้ลก็ยังทำการตลาดเยี่ยงนี้.....
The Last Wizard Of Century.
ข่าวแบบที่เป็นการให้สัมภาษณ์จากฝั่ง MS เองมันก็ต้องออกมาเป็นแง่บวกอยู่แล้วครับ เรื่องอื่นๆ ที่ยังเป็นปัญหาก็ยังมีอยู่เช่นกัน อย่างกรณีนี้ ผู้ใช้วินโดวส์ฟ้องศาลหลังถูกบังคับอัพเดต Windows 10, ร้องให้ไมโครซอฟท์ส่ง Windows 7 ให้ใหม่
ผมว่า ต่อให้รู้ ก็น่าจะมีเจตนาปิดบังซ่อนเร้นข้อเท็จจริง
ถ้ามองจากเว็บหาข้อมูลครบมันก็ใช่
แต่กฎหมายบ้านเค้านี่ บน package ต้องข้อมูลครบ
ผมว่ามันก็เป็นเจตนา misleading ทั้งสองจุดนะครับ
ขยายเป็น class action ได้ด้วยซ้ำ
คนฟ้องอาจจะไม่ได้อะไร
แต่คนโดนปรับน่าจะโดนเยอะ เข้าส่วนราชการ
(ยังไงโลกนี้ก็มีคนซื้อของแล้วกล่องแพคเกจมัน misleading อยู่ดี)
ตอนเห็นภาพโฆษณาครั้งแรก ผมดีใจมากเลยคิดว่าจอไม่แหว่งจริงๆ
ก็สมควรเปลี่ยน wallpaper ใหม่จริงๆนั่นแหละ
กฏหมายเค้าเปิดโอกาสให้ฟ้องครับ
ทั้งอัยการ ทั้งคนชง เค้าไม่มาบอกเหมือนกากีหรอก ว่าฟ้องไปทำไมบ้าหรือเปล่า
ฟ้องได้ หรือไม่ได้ก็อีกเรื่องนึง
ประเทศแถบโน้นเค้าคุ้มครองผู้บริโภคมากๆ บริษัททำอะไรต้องระวังมากๆ
จริงๆสมควรฟ้องนะ เป็นการเลี่ยงหรือชี้นำเพื่อปกปิดจุดด้อย เหมือนหลอกผู้บริโภคกลายๆ
อีกประเภทที่ควรฟ้อง คือจอ monitorชนิดขอบบาง ภาพโฆษณานี่รูปเต็มจอไม่มีขอบ ของจริงขอบหนาเกือบ cm
Borderless ใช่ไหมครับ (เกือบ)ไร้ขอบจริงครับเพราะเอากระจกทับทั้งบานไปเลย
ตามอ่านข่าวนี้ เห็นได้ขัดว่าชัดความคิดคนไทยบางส่วน ชอบด่าคนโวย ชอบด่าคนตัวเล็กลุกขึ้นมาโวย จะโดนด่าว่าโวยทำไม บ้าหรือเปล่า
โดยไม่รู้เลยว่าสิทธิของคนตัวเล็กตัวน้อยที่เรามีๆกันเนี่ย มันได้มาจากการลุกขึ้นโวยทั้งนั้น
ไม่แปลกใจว่าทำไมเมืองไทย คนขายสามารถเอาเปรียบคนซื้อยังไงก็ได้ แปะคำแบบ”ภาพเพื่อการโฆษณาเท่านั้น”ตัวจิ๋วๆลงไป ก็ใส่ภาพเกินจริงยังไงก็ได้ไม่ผิด ซื้อรถซื้อบ้านมีดีเฟคไม่มีใครรับผิดชอบ ต้องมาเที่ยวทุบรถ มาทาบ้านสีดำ ทำกันเองไม่มีใครคุ้มครองก็เพราะคิดกันแต่แบบนี้
จริงครับ เห็นควรว่าเราต้องรักษาสิทธิ์ผู้บริโภคให้ถึงที่สุด อย่าให้ผู้ขาย บริษัท หรือหน่วยงานรัฐรังแกและหลอกลวงครับ
หากเกิดปัญหาหรือเหตุการณ์ที่กระทบกับเรา เราสามารถตอบโต้ให้ได้ความยุติธรรมที่สมควรจะได้
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
จริงครับ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ถึงต้องอวย บ.ผู้ผลิต/ให้บริการ ทั้งๆที่เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคควรใส่ใจ
เห็นๆ ก็มีเรื่อง รถไฟฟ้า ค่ายมือถือ
บางทีก็มาพร้อมกับวลี
บริษัทเค้าก็ต้องมีกำไร
มันก็มีหลายกรณีครับ อย่างกรณีนี้มันก็น่าสงสัยอยู่ว่าของแบบนี้มันใช้ฟ้องได้ด้วยเหรอ ซึ่งถ้าจะว่าไปมันมีอะไรให้คิดต่ออีกหลายอย่างครับ สมมติเช่นซื้อหม้อหุงข้าวมา บนกล่องไม่บอกว่าต้องหุงแบบไหนยังไง เลยกรอกข้าวสารลงไป ไม่ใส่น้ำ ไม่เสียบปลั๊ก แล้วหวังว่าจะได้ข้าวสวยออกมาเลย แบบนี้จะสามารถฟ้องได้มั้ยเพราะไม่เห็นมีอะไรบอกบนกล่อง หรือในโฆษณาที่เคยเห็นก็ไม่บอกว่าต้องเสียบปลั๊กก่อน
อย่างตัวอย่างหม้อหุงข้างมันอยู่ในขั้นการใช้งานแล้วซึ่งเขาก็ต้องมีคู่มือการใช้งานมาแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าจะเอาตามตัวอย่างนี้เหมือนรูปหน้ากล่องเป็นฝาใสแต่เปิดดูของจริงเป็นฝาทึบ เพราะอย่าง iPhone ตัวนี้ขนาดรูปหน้ากล่องก็ยังเนียนไม่ให้เห็นติ่งเลย
พูดถึงเรื่องไม่เสียบปลั๊กแต่ไฟดิจิตอลหรือตัวเลขแสดงผลหน้าหม้อหุงข้าวติดอยู่ก็ได้ครับ
ไม่เสียบปลั๊กแล้วไฟมันจะติดได้ไงอ่ะครับ
หม้อหุงข้าวผมไม่เสียบปลั๊กแต่หน้าจอก็แสดงผลนะครับ
อาจจะมีพลังงานอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้
อเมริกาคือแดนแห่งโอกาสครับ ถ้าสามารถพิสูจน์ได้ว่าการไม่ระบุ "วิธีหุงข้าว" ลงไปในคู่มือ แล้วจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค หรือเป็นการโฆษณาเกินจริง หรือทำให้ผู้บริโภคเสี่ยงต่อชีวิต และทรัพย์สิน คุณฟ้องได้หมดอ่ะครับ
หมอหุงข้าวเป็นชื่อเรียก แต่ในทางปฏิบัติมันไม่ได้ถูกล็อกเอาไว้ให้ใช้หุงข้าวเท่านั้นครับ และวิธีหุงข้าวแต่ละพันธ์แต่ละประเภทก็ไม่เหมือนกันด้วย
สิ่งที่คุณระบุในคำถามเป็น "สูตรอาหาร" ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผู้ผลิตครับ แต่ในคู่มือมี instruction ว่าต้องเสียบปลั๊ก ต้องกดสวิทช์ รวมถึงวิธีการป้องกันอันตราย พร้อมวิธีแก้ปัญหาแน่นอน
ถ้าหม้อหุงข้าวไม่บอก ก็โดนฟ้องจริงๆ ครับ
คุณจะสังเกตุเห็นตามเครื่องดื่ม หรือขนม ที่เขียนวิธีใช้ข้างซองว่า "ใช้เพื่อรับประทาน"
เราอาจจะขำๆ ว่ามันจะเขียนมา "เพื่อ"
ซึ่งเขาต้องเขียนเพราะกฏหมายกำหนด กฎหมายเขาเข้มงวด (ถ้าหม้อหุงข้าวไม่บอกวิธีใช้ ก็น่าจะโดนฟ้องได้เช่นกัน)
ตรงนี้แหละครับที่สงสัย ในเรื่องคู่มือก็ไม่มีอะไรที่ติดใจเพราะคู่มือก็น่าจะมีบอกไว้แล้วใน Diagram ว่าส่วนไหนเป็นอะไร ทั้งคู่มือของไอโฟนหรือหม้อหุงข้าวในส่วนของ instruction แล้วทำให้งงๆ ว่า หน้ากล่องหม้อหุงข้าวที่ไม่เสียบปลั๊กแต่มีไฟติดกับหน้ากล่องของไอโฟนที่ใช้แบ็คกราวด์สีดำมันอะไรที่เป็นเงื่อนไขคล้ายกัน แต่ทำไมสามารถเอามาเป็นประเด็นได้ หรือจริงๆ มันมีรายละเอียดอะไรบนกล่องหม้อหุงข้าวที่ผมไม่ทราบ ตรงนั้นก็อาจจะเป็นไปได้
ปัญหาคือ มักมีคนที่ไม่รู้จริงๆ ดูแค่กล่อง ไม่ได้อ่านคู่มือและหน้ากล่อง หน้ากล่องอักษรเล็ก บางที่อ่านไม่ออก บางทีคู่มืออ่านไม่รู้เรื่อง ตัวเล็ก หรือไปหลับในกล่องหาไม่เจอ ก็เอาไปใช้งาน พอเกิดปัญหาขึ้นมาก็ฟ้องผู้ผลิต ซึ่งเป็นปัญหามากโดยเฉพาะผู้สูงอายุและคนวันทำงานที่อายุเยอะจะเจอบ่อย หรือแม้แต่คนที่ไม่ได้ตามข่าวสารเรื่องพวกนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกัน
ดังนั้นผู้ผลิตก็ต้องทำ Fool-Proof ป้องกันโดนฟ้อง หรือหากโดนไปแล้วก็ต้องทำวิธีเพิ่มเติม ปรับปรุงสินค้าและคู่มือป้องกันปัญหาในอนาคตอีก
แต่บางทีปัญหาที่เกิดก็มาจากการไม่เอาใจใส่ของผู้ผลิตเอง หรือโฆษณาบิดเบือนความจริงก็มี
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
มันจะมีทั้งคนที่ไม่รู้ด้วยความบริสุทธิ์ใจและคนที่แกล้งทำเป็นไม่รู้เพื่อหาช่องโหว่สำหรับใช้ฟ้อง ตรงนั้นถ้าทำได้จริงก็ถือว่าเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคมากๆ เคยเห็นคลิปหนึ่งที่มีแคปชั่นเขียนไว้ว่า ที่ไม่อยากไปยิมไม่ใช่ว่าขี้เกียจแต่เป็นเพราะไม่รู้ว่าจะใช้ไอ้อุปกรณ์พวกนั้นยังไง ในคลิปจะเป็นคนที่กำลังออกออกกำลังกายด้วยอุปกรณ์ในยิมแบบผิดๆ มันอาจจะดูฮา แต่ถ้าเป็นตัวเราเองที่ไปอยู่ในสถานการณ์แบบคลิปนั้นก็คงฮาไม่ออก
เหตุหนึ่งคือเป็นการยกระดับในแง่นึงครับ ทำไมเธอไม่หาข้อมูลล่ะ ทำไมเธอดูไม่ออกล่ะ แต่ทำไมฉันหาข้อมูลได้ล่ะ ทำไมฉันดูออกล่ะ พึ่งตัวเองเยอะๆ สิ ฉันยังสามารถทำได้เลย
การค้นหาข้อมูลเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคควรทำ
แต่ไม่ใช่หน้าที่
ส่วนการโฆษณา ผู้โฆษณามีหน้าที่ต้องนำเสนอความจริงไม่ปิดบังซ่อนเร้นครับ
หน้าที่คือสิ่งที่กฎหมายกำหนด
การโวบมันก็ดีนะครับ แต่ใช้ได้สำหรับต่างประเทศ ส่วนในไทยพอโวยปุ๊ปก็เจอฟ้องกลับเพราะทำให้เสียชื่อเสียง หรือเรื่องเงียบเพราะมีแค่เสียงเดียว คนก็เลยไม่อยากโวย แถมต้องเสียเงิน+เวลาขึ้นศาล
และผลที่ได้รับก็ไม่คุ้มเพราะอาจบอกว่า ไม่ผิด เหมือนเคส หัวเหว่ยที่โกง ufs2.1 นั่นล่ะ เจอบอกว่าไม่ผิด
คุณพูดถึงระบบยุติธรรม แต่เจ้าของเม้นเค้าพูดถึงคนที่ประนามคนที่พยายามเรียกร้องสิทธิให้ตนเองครับ
ใช่ครับ พูดถึงระบบยุติธรรม แต่ถ้ามันเกิดบ่อยๆ คนก็รู้ผลล่วงหน้าอยู่แล้ว ก็เลยไม่ฟ้องกัน หรือถ้าจะฟ้องก็ไม่กี่คน
ซึ่งระบบยุติธรรมก็ไม่เกี่ยวอะไรกับการที่คนออกมาประนามคนฟ้องถูกมั้ยครับ?
บ้านเรานี่คนโวยจะโดนสาวก ของบ.รุมสกรัมด้วยครับ
ยกตัวอย่าง วงไอดอลหญิงชื่อดังที่มีเพลงคุกกี้เป็นเพลงดัง
ตอนแรกๆมีคนโวยสคบ.ว่าทำไมเอาเปรียบผู้บริโภค เปลี่ยนเงื่อนไขกลางคันการซื้อของกลางคัน แถมคำอธิบายในหน้าซื้อขายก็ไม่ชัดเจน ก็มีคนล่าแม่มดตั้งกระทู้ด่าคนที่ไปฟ้องสคบ.ว่าเรื่องมาก(ล่าแม่มดด้วยการ cap รูปชื่อจริงคนที่ออกตัวว่าฟ้องสคบ.ใน FB มาประจานตามเวบต่างๆว่าทำลายวง)
แต่พอสคบ.เรียกไปเจรจาจริง บ.ถึงยอมเปลี่ยนเงื่อนไขกลับมาให้ประโยชน์กับทุกคน คนที่ด่าๆก็ไม่ขอโทษ แต่ไปรับผลประโยชน์เพิ่มเติมด้วย
เป็นความจริงในบ้านเรา
ผมว่าแบบนี้มันควรจะให้มีระบบดำเนินคดีตาม IP ที่ใช้งานในเวลานั้นว่าใครใช้ที่ไหน ถ้าเป็นร้านเน็ตก็ต้องลงทะเบียน ID Card และระบุที่นั่งด้วย พร้อม Capture และเก็บ Log การใช้งานแบบเดียวกับกฎหมายดิจิตอล
ต้องให้โดนดำเนินคดีข้อหาละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ก่อการทพเลาะวิวาท และเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต
เน้นว่าต้องจับทุกคนไม่ว่าเกด็กหรือผู้ใหญ่ ไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น โหดจริง ไม่มีความเมตตาใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีข้ออ้าง หากขัดขวางก็โดนข้อหาขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่อีกกระทง ไม่งั้นไม่เข็ดครับ สังควตอนนี้เต็มไปด้วยนักเลงคีย์บอร์ด ขี้ขลาดตาขาว เก่งแต่หน้าคอม พอเจอของจริงล้มไม่เป็นท่า อยู่แบบนี้จนเคยชินกันไปแล้ว ความเสียหายก็กู้คืนเอากลับมาไม่ได้ กลายเป็นปมปัญหาของคนที่โดนกระทำจากคนภายนอกอีก
หรืออาจต้องเจอผู้นำที่ไม่สนเสียงประชาชนเลยเหมือนจีนในตอนนี้ ถึงจะแก้ไขปัญหาได้ โหดและไร้ความปราณี
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เอาจริงผมดูทีแรกนึกว่าจอมันโค้งแบบ samsung ด้วยซ้ำ
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ผมก็ว่าอยู่ เหมือนจงใจใช้เงาดำภายใต้จอ oled บังรอยแหว่ง
ผมเห็น Adv ครั้งแรกก็สงสัยว่ามันไม่มีแหล่งหรอ แล้วก็มานึกได้ว่าอ้อ มันใช้ wallpaper ทำให้ไม่เห็น
ผมก็อยากฟ้อง Apple เรื่องคีย์บอร์ดลอกจัง เครื่องเก่าใช้มา 5 ปีมันยังไม่ลอก เครื่องใหม่ 1 ปี 2 เดือนกลับลอก 555+ แล้วเคลมไม่ได้เพราะเกิดจากใช้งาน
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
อเมริกาเขาให้ความสำคัญต่อสิทธิมากครับ
การฟ้อง apple เป็นตัวอย่างหนึ่งของการใช้สิทธิผู้บริโภค
ประโยชน์ไม่ได้ตกอยู่กับคนๆเดียว
แต่หมายรวมถึงประชาชนทั้งประเทศ
เพราะจะเป็นบรรทัดฐานให้ผู้ผลิตหรือเจ้าของผลิตพันธ์ต้องทำ