หลังจากเปิดตัว LEAF ใหม่ ได้ปีกว่าๆ นิสสันก็ประกาศเปิดตัว LEAF e+ รุ่นอัพเกรด ที่เพิ่มแบตเตอรี่จากเดิม 40kWh เป็น 62kWh สามารถวิ่งได้ไกลราว 458 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งรอบ เทียบกับราว 322 กม. ในรุ่นปัจจุบัน
ส่วนมอเตอร์ก็ได้แรงบิดเพิ่มขึ้นจาก 320 นิวตันเมตรมาเป็น 340 นิวตันเมตร เช่นเดียวกับความเร็วสูงสุดที่วิ่งได้เพิ่มจาก 144 กม./ชม. เป็น 157 กม./ชม. น้ำหนักตัวรถก็เพิ่มขึ้นราว 170-180 กก. จากแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับราคาที่เพิ่มจากรุ่นธรรมดามา 1 ล้านเยนอยู่ที่ 4.1 ล้านเยนรวมภาษี (ราว 1.2 ล้านบาท)
ที่มา - Nikkei Automotive
ภาพโดยคุณ blackmercy
Comments
อยากรู้ยอดขาย LEAF ในไทยจัง
จริงๆ ปัญหาฝุ่นบ้านเราก็ควรแก้ไขด้วยการใช้รถไฟฟ้านี้แหละ
แต่ก็นะ เฮ้อๆๆ
จะมีคนแย้งประมาณว่า ผลิตไฟฟ้าก็มาจากถ่านหินเหมือนกันนั่นแหละ อะไรประมาณนั้น
ในไทยผมเจอ Tesla กับ Hyundai Ioniq บ่อยกว่าเห็นลีฟอีกครับ 555
โรงไฟฟ้าถ่านหิน แทบไม่ค่อยใช้แล้วครับ เป็นโรงไฟฟ้า backup มากกว่า
ส่วนใหญ่ใช้ก๊าซ และทุกโรง ไม่ว่าจะถ่านหรือก๊าซ มีระบบดักจับของเสียอยู่แล้วครับ
และก็จะมีคนแย้งประมาณว่า กระบวนการทำลายแบตเตอรี่ก็มีผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม
จริงที่การผลิตรถสันดาบภายในมีมลภาวะน้อยกว่า EV แต่ถ้าคำนวณตลอดอายุแล้ว EV มีผลเสียน้อยกว่า
อันนี้ไม่รวมว่า มลภาวะเกิดที่โรงงาน ไม่ใช่ในเมือง
ตัวหลักที่สร้างฝุ่นคือดีเซลหน่ะสิครับ เบนซินยังไม่ค่อย
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
คันละหกแสนเป็นไปได้ไหม ที่ราคาล้านเศษๆยากนะที่จะมีคนซื้อ
เค้าก็ไม่ได้กะขายตลาด mass อยู่แล้วครับ กำลังผลิตไม่ได้เยอะขนาดนั้น
ถ้าขายไทยราคาเท่านี้ ล้านต้นๆ ผมว่าคนซื้อเยอะนะครับ แต่ไทยขาย 2 ล้าน
6 แสน ณ เวลาอันใกล้ไม่มีทางครับ มันจะถูกกว่าพวก vios city พวกนี้ไม่ได้หรอกครับ ในตอนนี้
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ราคาขายที่ดีลเลอร์ไทยตอนนี้อยู่ที่ 1.9 ล้านครับ
คิดภาษีเต็มพิกัด รถนำเข้า
แต่ราคา 6 แสนนี่ ขอแนะนำ Eco Car ครับ
หกแสนในตอนนี้ก็ซื้อได้แค่ Eco Car รถใหม่บางรุ่น กับรถมือสองครับ ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
เว้นแต่จะรวยแล้วนำเข้า Tesla/Leaf หรือรถไฟฟ้าอื่นๆ มาใช้งาน แถมต้องติดชุดชาร์จรถไฟฟ้าในบ้านตามมาตรฐานที่แพง และต้องดูแผนที่และมาตรฐานที่เสียบชาร์จตามจุดชาร์จอีก ที่ตอนนี้ค่อนข้างหลากหลาย และไม่มีตัวแปลงด้วย
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ได้ข่าวมาว่า ภาษีนำเข้ารถไฟฟ้าจากจีน 0% จากญี่ปุ่น 20% สรรพสามิตอีก 5%?
แต่ที่แพงกว่าญี่ปุ่นเท่าตัวนี้คือกำไร ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน แต่ FOMM ที่บอกว่าผลิตในไทยยังตั้ง 6แสนแน่ะ
รอดู Mine อีกเจ้า ถ้าเปิดมาแพงก็จบกัน ส่วนตัวแล้วชอบ Hyundai kona นะ ดูรีวิวแล้วเพอเฟคมาก ไม่รู้จะเปิดมาเท่าไหร่
รวมค่าส่ง+ภาษีอีก 4 ตัวทบกันก็ร่วม 70% แล้วครับ ขายที่ราคา +100% ถือว่ายังถูกกว่ารถน้ำมันนำเข้าที่มักจะ +200% (รายละเอียดภาษีตามลิงค์นี้)
แต่ที่สงสัยคือทำไมราคานำเข้าตั้งต้นถึงเป็น 1 ล้านบาทเพราะนั่นคือราคาที่บวกกำไรที่ญี่ปุ่นแล้ว
ถ้าจะนำเข้าให้ถูกลง น่าจะประเมินด้วยราคาทุนประมาณ 5-6 แสน พอโดนภาษีเข้าไปก็น่าจะได้ราคาทุนในไทย 1 ล้าน ขายแบบเอากำไรที่ 1.5 ล้านก็น่าจะทำให้ขายคล่องกว่านี้
เท่าที่ผมจำได้ ราคาของ FOMM เริ่มต้นที่ประมาณสามแสนกว่าครับ แต่เพราะบวกค่าซัพพอร์ตฟรีในอนาคตเยอะมาก (เปลี่ยนแบตฟรี การันตีราคาซื้อคืนเมื่อใช้งานไป x ปี ฯลฯ) ก็เลยจบที่หกแสนกว่าล่ะครับ
ผมก็งง ๆ ว่าทำไมถึงใช้แผนการตลาดแบบนั้น
ถ้าเป็นแบบนั้นผมว่าเขาวาง Position ตัวเองผิดนะ รถมันรูปลักษณ์และฟีเจอร์ออกมาเป็นแนว eco แต่ยัด option แบบ premium ที่ลูกค้าเลือกไม่ได้
สู้ตั้งราคาแรกเข้าถูกหน่อยแล้วเก็บรายเดือนเพื่อใช้บริการเปลี่ยนแบตดีกว่าไหม แบบ GOgoro ของไต้หวันอะ
หรือว่ามันดีกับพวกบัญชีของบริษัท? เวลาใช้ไป5ปีแล้วตัดทรัพย์สินไรงี้ นึกไม่ออกเหมือนกัน
ถัง E
รอ Toyota , Honda , Mazda เมื่อไรจะทำจะได้ฮิตๆ ทั่วบ้านทั่วเมืองสักที
ผมว่าอีกนานครับ ตราบใดที่รถในปัจจุบันยังออกแบบรุ่นใหม่ ขายได้และได้กำไรตลอด
ถ้าจะให้เกิดขึ้นจริงๆ ทางรัฐต้องเปิดรับเทคโนโลยีนี้ ลดภาษีหรือยกเลิกภาษีเพื่อผลักดันรถไฟฟ้า โดยเฉพาะภาษีแบตที่สูงกว่าค่ารถไฟฟ้าอีก รวมถึงผู้ซื้อต้องพร้อมและรู้เรื่องรถไฟฟ้าด้วย ให้เอกชนทำเองไม่คุ้มหรือไม่อยากทำ เพราะไม่ได้ผลประโยชน์อะไรจากรัฐเลย แถมถ้าขายไม่ดี ทำแล้วขาดทุน พาบริษัทพังไปด้วย อย่าง Better Place ก็เป็นตัวอย่างมาแล้ว
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
อันที่บอกว่า ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากรัฐเลยนะ ไม่ใช่ครับ
ตอนนี้ ทุกประเทศในอาเซี่ยน แข่งกันส่งเสริมการให้สิทธิผู้ผลิตรถไฟฟ้าอยู่แล้ว พูดง่าย ๆ รัฐให้สิทธิพิเศษในการผลิต เพื่อดีงให้มาผลิตในไทยอญยู่แล้ว ไม่แพ้ชาติใดในอาเซี่ยน
แต่ความเป็นจริงคือ รถไฟฟ้า มันแพงกว่ารถสันดาปด้วยภาษีเดียวกัน โดยเฉพาะแบตเตอรี่ นอกจากนี้ ผุ้ผลิครถที่ตั้งฐานการผลิตในบ้านเราหรือทั้งโลกก็่ว่าได้ ยังไม่พร้อมจะผลิตรถไฟฟ้าเต็มที่ เพราะยังมีปัจจัยอื่่นอีกในการพิจารณา เช่น เทคโนแบตฯ แหล่งผู้ลิตแบตฯ จะเอามาจากไหน ปริมาณที่จะผลิตได้
ญี่ปุ่นที่รักษ์โลก รถไฟฟ้ายังไม่มีการผลิตแบบเต็มที่เลย ทั้งที่เป็นประเทศผลิตแบตฯได้เยอะมาก ทำไม
ผู้ผลิตเขายังไม่พร้อม ทั้งระบบนะสิ นี่แหละปัญหา
ราคาแพง เทคโนแบตฯก็ยังไม่นิ่ง ปริมาณมันมากพอมั้ย การกำจัดของเสีย รถวิ่งได้ยังไม่ไกลมาก สถานีฐานมันยังต้องรอการสร้าง การชาร์ตก็นาน คนจะนำไปต่างจังหวัดมั้ย
สุดท้าย ความต้องการ มันมีมากจริงหรือไม่
ญี่ปุ่นเนี่ย...รักษ์โลกจริงๆเหรอครับ เห็นเทรนด์การใช้ถุงพลาสติกห่อทุกอย่างแล้วไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่
โฟมด้วยครับ
รักโลกแต่ไม่รักกระเป๋าตัง
+1
รอราคา พื้นฐาน 5 แสน ครับ