เมื่อวันพุธที่ผ่านมา Tesla ได้ฟ้อง Guangzhi Cao อดีตพนักงานที่เคยทำงานอยู่ในทีมพัฒนา Autopilot ซึ่งขณะนี้เขาเป็นพนักงานอยู่ในสตาร์ทอัพรถยนต์ไฟฟ้า Xiaopeng Motors หรือเรียกสั้นๆ ว่า Xpeng
Tesla ระบุว่า Cao เป็นพนักงาน 1 คนจากเพียง 40 คนที่มีสิทธิ์เข้าถึงซอร์สโค้ดของระบบ Autopilot ซึ่งเขาได้ลาออกจาก Tesla อย่างกะทันหันเมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา และไปเข้าทำงานที่ Xpeng ในเวลาต่อมา โดย Tesla บอกว่า Cao เริ่มอัพโหลดซอร์สโค้ดที่เกี่ยวข้องกับระบบ Autopilot ขึ้นไปเก็บไว้ใน iCloud ส่วนตัวตั้งแต่ปีที่แล้วมากกว่า 300,000 ไฟล์ และหลังได้งานที่ Xpeng เขาก็ลบไฟล์ออกจากคอมพิวเตอร์บริษัทไปราว 120,000 ไฟล์รวมถึงปลดบัญชี iCloud ออกจากคอมพิวเตอร์ไปด้วย
หลังจากนั้น Cao ก็ได้ล็อกอินเข้าเครือข่ายภายในของ Tesla หลายครั้งเพื่อลบประวัติในเบราว์เซอร์ในช่วงวันท้ายๆ ของการทำงานที่ Tesla นอกจากนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ Cao ยังรับอดีตพนักงานจากทีม Autopilot ไปเข้าทำงานที่ Xpeng อีกด้วย
ทนายของ Tesla ระบุว่าขณะนี้ Xpeng ได้เข้าถึงเทคโนโลยีสำคัญของ Tesla อย่างเต็มที่ ซึ่งมันเป็นผลงานที่ใช้เวลาพัฒนามากกว่า 5 ปีและใช้เงินลงทุนไปหลายร้อยล้านดอลลาร์
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Xpeng มีคดีขโมยทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว Apple ก็ฟ้องอดีตพนักงานที่เคยทำงานอยู่ทีมพัฒนารถยนต์ขับอัตโนมัติ และขโมยข้อมูลลับกับแผงวงจรไปให้ Xpeng ซึ่ง FBI ตามจับได้ตอนที่พนักงานคนนั้นกำลังจะเดินทางไปปักกิ่ง
ที่มา - Electrek
Xpeng G3
Comments
บริษัทเจ้าเดิมอีกต่างหาก
เอาให้สุด พอถึงเวลาเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนเจ้าของ
สิ่งที่ผมคิดขึ้นมันย่อมจะเป็นของผมสิ เลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ.....
จ่ายเงินเพื่อขโมยย่อมถูกกว่าพัฒนาอยู่แล้ว แต่จะเอาผิดได้หรือ เขาหนีมาแล้วนี่
เป็นวิธีที่หน้าด้านจนแค่อ่านก็โกรธละ
บ.อเมริกาจ้างคนจีนเองนี่ คนจีนเขาไปที่อเมริกาเพื่อดูดเทคโนโลยีอยู่แล้ว
นั่นมันสามารถยกมาเป็นเหตุผลได้ด้วยเหรอครับ อีกอย่างคำว่าดูดเทคโนโลยีกับขโมยเทคโนโลยีมันก็ดูต่างกันมากอยู่นะครับ
ดูดหรือขโมย ก็เป็นไปได้หมดแหละ ดูดเป็นคำพูดกลางๆ ดูดได้ตามกฎหมายก็เป็นไปได้
ขโมยคือดูดไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
เขามาดูดเทคโนโลยีพอเห็นเทคโนโลยีสุดยอดวางไว้ในเซิร์ฟเวอร์คงจะอดใจไม่ไหว
พยายามจะมองด้วยแว่นขยายแบบเดียวกันแล้วนะครับ ซึ่งไม่รู้ว่าตอนที่พิมพ์คุณคิดอะไรอยู่ แต่อ่านจบแล้วยังไงมันก็มีแนวโน้มไปทางด้านลบมากกว่า การต้องการดูดเทคโนโลยีที่ว่ามันมีอยู่ทีั่วไป การที่คนจะเข้าไปหาความรู้หาอะไรในอเมริกามันมีอยู่ด้วยกันทุกชาติ ไม่เฉพาะเจาะจงแค่จีน บ้านเรายังมีทุนสนับสนุนให้คนไปเรียนที่ประเทศนั่นนี่เพื่อ "ดูด" ความรู้ดูดเทคโนโลยีเช่นกัน
ซึ่งเหมือนกับคุณตั้งธงไว้ในใจแล้วว่า ถ้าเป็นคนจึนล่ะก็ จ้างมาแล้วก็รับความเสี่ยงต่อการโดนขโมยเอาเองนะ ซึ่งจริงๆ เรื่องนี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ แม้แต่คนชาติเดียวกันก็ยังขโมยเทคโนโลยีกันเองเลย
พวกชาติตะวันตกเป็นเทวดา ความคิดก็จะแนวๆนี้แหละครับ
แต่ก็ไม่ได้เถียงนะว่าการขโมยข้อมูลมันเป็นเรื่องที่แย่
ช่วยขยายคำว่าพวกชาติตะวันตกเป็นเทวดา หน่อยครับ ประโยคไหนในคอมเมนต์ของผมที่ทำให้คิดเช่นนั้น
มันก็แน่นอน คนจีนมีความทะเยอทะยานทางเทคโนโลยี เขาต้องทำทุกทางให้ได้มาอยู่แล้ว
"คนจีนเขาไปที่อเมริกาเพื่อดูดเทคโนโลยี"
อันนี้เอาอะไรคิดครับ
ในเมกามีคนจีนกี่คนครับ ลองค้นข้อมูลดูครับ
"อันนี้เอาอะไรคิดครับ"
ถามแปลกๆ เอาอะไรคิดถึงถามแบบนี้
"ในเมกามีคนจีนกี่คนครับ ลองค้นข้อมูลดูครับ"
จำนวนคนมันจะเกี่ยวกับจีนจะดูดหรือไม่ดูดเทคโนโลยีตรงไหน
มันเกี่ยวตรงที่จำนวนคนที่ดูดข้อมูลต่อประชากรจีนที่ไปอเมริกามันสูงจนถึงขนาดที่คุณมั่นใจจนสามารถพูดแบบเหมารวมแบบนั้นได้เหรอครับ
ผมมองว่ากรณีนี้อีโก้คุณสูงเกิน อธิบายก็จบละว่าพูดถึงคนจีนที่ไปทำงานในวงการไอทีเฉยๆ หรือคิดยังไงก็ว่าไป
คือคุณพูดไม่ชัดเจนเองอ่ะครับ อีโก้ช่วยอะไรคุณไม่ได้ ยิ่งเถียงข้างๆคูๆ ยิ่งเป็นการฝึกตัวเองให้เป็นคนไร้เหตุผล
อีโก้สูงไม่แย่เท่าไร ถ้าอีโก้สูงแล้วยังไร้เหตุผลอีก ผมว่าควรปรับปรุงตัวครับ
ยกเว้นว่าเป็นคนอีโก้สูงแบบไร้เหตุผลที่จะเข้ามา defend ตัวเองโดยไม่คิดว่าตัวเองบกพร่องอ่ะนะ
คนจีนเขาต้องการดูดเทคโนโลยี เขาจึงส่งคนจำนวนมหาศาลไปฝังตัว
ไม่แปลกที่จำนวนคนที่ทำผิดต่อคนทั้งหมดต่ำ นี่แหละคือเทคนิคของเขา
เหตุผลผมก็ชัดเจน คนจีนกระหายเทคโนโลยี เขาก็ทำทุกทางเพื่อให้ได้มา
คอมเม้นผมคงไปกระตุ้นต่อมอีโก้คุณ ทำให้มาด่าผมว่าอีโก้สูงไร้เหตุผล
อีโก้สูงไปหน่อย ผมว่าคุณควรจะปรับปรุงตัวนะครับ
ทำใจให้ร่มๆ พิจารณาว่าคอมเม้นมันจริงไม่จริง ถ้าคิดว่าไม่จริงก็แค่บอกว่าไม่จริง เหตุผลคือยังงี้ๆฯลฯ
ไม่จำเป็นต้องด่าคนอื่นเลยครับ
เห็นมั้ยล่ะ ผมบอกแล้วว่าคุณจะกลับมา defend ตัวเอง
ไปอ่านเม้นผมใหม่ ทั้งส่วนที่ผมบอกว่าคุณอีโก้สูงต้องมา defend ตัวเองโดยไม่ปรับปรุงอะไร
และช่วยหามาด้วย ว่าข้อความไหนของผมที่ทำให้คุณคิดว่าผมไม่เห็นด้วยกับคุณ
+1 ผมใช้งานบลอกนอนมาหลายปี
userใหม่ๆที่ไม่ค่อยคุ้นเคยดูจะก้าวร้าวแบบแปลกๆ เยอะขึ้นครับ
พฤติกรรมนี้อาจมีไว้เพื่อปกปิดความอ่อนแอ ความไม่มั่นใจในตัวเอง
อาจมีความเครียดจากการทำงาน ความไม่มั่นคงในอาชีพ , ผมก็สุดจะทราบ
คนจีนต้องการดูดเทคโนโลยี ดังนั้นจากคนจีน 1,000,000 คน
หากมีคนดูดแค่ 1 ก็สามารถมองในรูปแบบหนึ่งได้ว่า
กว่าจะสามารถส่งคน 1 คนไปทำงานในบริษัทที่ต้องการความปลอดภัยขั้นสูงได้
คนจำนวน 999,999 คนที่ล่วงหน้าเข้ามาสร้างความคุ้นเคย
ไว้เนื้อเชื่อในในสังคมมาหลายสิบปีนั้น
เป็น "บันไดมนุษย์" ที่สามารถทำให้ "คนหนึ่งคนนั้น" ได้รับการ hire ในที่สุด
และเป็นผลสำเร็จสุดท้ายจากการลงทุนที่อดทน และยาวนาน ครับ
ลองคิดเล่นๆสิครับว่าอยู่ดีๆ คุณจะยอมให้คนๆหนึ่ง
เข้าสู่ข้อมูลที่ต้องการความปลอดภัยขั้นสูงมั้ย ?
+1 พูดกันดีๆ ตอบกันดีๆ ก็จบ ไม่เห็นต้องแซะ ต้องว่ากันไปมา
ผมพยายามพิมพ์ให้เบาที่สุดโดยเนื้อหาไม่ตกหล่นแล้วครับ ไม่ได้ต้องการจะ offend ใดๆ ทั้งสิ้นเลย แค่ชี้ตามเนื้อผ้า
เพียงแต่พิมพ์ยาวๆ แล้วมันเหมือนคนโมโห จะให้พิมพ์สั้นๆ ก็ต้องตัดเนื้อหาพิมพ์โต้ตอบกันถามกันไปมา คนไม่เข้าใจก็คิดว่าโมโหอีกอยู่ดี
ทั้งๆ ที่ผมเห็นด้วยกับคุณ mk- แต่สิ่งที่ผมคิดว่าควรปรับปรุงคือการพิมพ์แบบเหมารวม ถ้าถามในมุมมองของผม เป็นการ offend คนทั้งประเทศด้วยซ้ำ แถมเป็นการกล่าวหาแบบท.สมคบคิดไม่ได้มีหลักฐานใดๆ ว่าคนเหล่านั้นถูกจีนส่งมา
ผมเชื่อว่าคนเราถ้าจะแสดงความเห็น บางทีมันหลีกเลี่ยงการที่จะต้อง offend คนยากนะครับ เหมือนกับที่คุณ mk- เองก็ยืนยันที่จะ offend และใช้วิธีที่ทำให้คิดว่าเค้ากล่าวหาคนจีนทั้งประเทศ และเลือกที่จะไม่เปลี่ยนแปลงการพิมพ์ของตัวเอง (ประโยคสุดท้ายที่ว่า "ไม่จำเป็นต้องด่าคนอื่นเลยครับ" ทั้งๆ ที่ตัวเองพิมพ์แบบกล่าวหาคนจีนทั้งประเทศ)
ในขณะเดียวกัน ผมไม่ได้มีเจตนาจะ offend ใดๆ ต่อคุณ mk- ผมเพียงแต่พูดตามเนื้อผ้าล้วนๆ ว่าแค่ปรับสำนวนที่พิมพ์ไปมันก็จบ เพราะพิมพ์แบบเหมารวมก็ต้องโดนต่อต้านเป็นธรรมดา ไม่ปรับสำนวนและไม่ยอมรับว่าตัวเองกล่าวหาแบบเหมารวมไม่พอ แถมยังไปกวนเค้ากลับว่าจำนวนมันเกี่ยวยังไงอีก ซึ่งทำแบบนี้มันก็อีโก้ล้วนๆ ใช่มั้ยครับ
น่าแปลกที่พอผมชี้การกระทำของคุณ mk- พร้อมบอกวิธีที่ควรปรับให้ ไม่ใช่แค่ติอย่างเดียว กลับถูกมองว่าโมโห ก้ามร้าว ไม่อ่านให้ดี
ผมพิมพ์ยาวแบบนี้คงมีคนคิดว่าผมโมโหอีก ผมไม่รู้จะโมโหคุณ mk- ทำไมทั้งๆ ที่ผมเห็นด้วยกับแนวคิดเค้าด้วยซ้ำ
ถ้าคิดว่าต้องปรับอย่างไรเสนอได้ครับ ผมยินดีปรับนะ เพราะผมเองก็หาวิธีปรับอยู่ครับ แต่สติปัญญามีแค่นี้จริงๆ เหลืออีกอย่างคือต้องยอมลดทอนเนื้อหา สื่อสารไม่ครบ จะได้พิมพ์สั้นลง
นี่คิดว่าขนาดพิมพ์ละเอียดๆ ยังไม่เข้าใจ ถ้าพิมพ์สั้นๆ มีหวังคงตีความกันเละเทะกว่านี้
ข้อความของคุณ mk- ผมไม่ได้มองว่าเป็นการพิมพ์แบบเหมารวมเลยครับ
เพราะการสื่อสารของมนุษย์ไม่ใช่ syntax ที่ต้องเป๊ะทุกบรรทัดครับ
แต่เป็นการใช้ความเข้าใจและตีความเนื้อหานั้น
ผมมองไม่เห็นว่าข้อความของคุณ mk- เป็นการ offend ตรงใหนเลยนะครับ
และไม่ได้รู้สึก negative แม้แต่นิดเดียว คำว่าคนจีนก็เป็นได้ทั้งพหูพจน์และเอกพจน์
ผมคิดว่าสิ่งที่เป็น Negative อาจเป็นตัวผู้รับสาสน์เอง
มอนิเตอร์ก็เหมือนกระจกครับ คุณนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ อยู่กับตัวคุณเพียงผู้เดียว
บางทีเราอาจกำลังคุยกับตัวเองโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้ จริงมั้ย ?
ถ้าคุณไม่เข้าใจผม ถามผมดีๆ ครับ อย่าทำตัว passive aggressive ผมว่าน่ารังเกียจ
ผมเลือกที่จะไม่ตอบโต้ ไม่สนทนากับคุณในหลายๆ ข่าวยกเว้นข่าวแรกๆ ที่คุณเพิ่งสมัครเข้ามาตอบ เพราะผมมองว่าคุณชอบพิมพ์อะไรเพ้อเจ้อ เหมือนจะเป็นพวกคมในฝัก และที่สำคัญคือคุณชอบใช้วิธี passive aggressive ที่ผมรู้สึกรำคาญครับ คุณอาจจะคมในฝักจริงๆ และผมปัญญาไม่ถึงพอที่จะเข้าใจสิ่งที่คุณพยายามกล่าวอ้อมๆ ในข่าวหลายข่าวก็ได้ แต่ผมก็ยังเลือกที่จะไม่คุยกับคนที่ชอบพูดจาอ้อมค้อม ไม่พูดตรงไปตรงมาอยู่ดีครับ
และอย่าทำเป็นเข้าใจผม ถ้าไม่เข้าใจขอให้ถามผมตรงๆ เพราะผมพิมพ์ไว้ละเอียดแล้ว และเชื่อว่ารัดกุมระดับนึง ซึ่งคิดว่าถ้าอ่านแล้วตีความตามตัวอักษรโดยไม่พยายามตีความให้ลึกไปกว่าที่ผมพิมพ์ไว้ ก็น่าจะเข้าใจได้ตรงตัว
ส่วนความเห็นของคุณผมจะไม่ยุ่ง คุณจะคิดว่ามัน offend หรือไม่นั่นก็สิทธิของคุณครับ
ผมเองก็เล่นบอร์ดนี้มานานแล้วนะครับ นานจนลืม login เก่าไปแล้ว
ผมยังไม่เคยเห็นคุณ mk- offend อะไรใครในรอบสถิติหลายปีที่ผมใช้บอร์ดนี้เลยนะครับ
จากมุมมองของผม คุณเองก็เป็นเพียง user ใหม่คนหนึ่ง ในยุคที่บลอกนันเปลี่ยนผ่านไปแล้วเท่านั้นเอง
ซึ่งในส่วนของความ ก้าวร้าว เห็นจะมีอยู่อย่างโดดเด่นกว่าใครๆเขาพอสมควร
ซึ่งผมก็คิดว่าคงเป็นสิ่ง ที่บ่งบอกอนาคต ของคุณได้ดีพอสมควรครับ ดังนั้นขอให้ลิ้มรสชีวิตที่มีความสุขนะครับ :D
ในฐานะที่ใช้งานบอร์ดนี้มานานพอสมควรก็เห็นด้วยนะครับว่าไม่เคยเห็นหรือสังเกตเห็นว่าคุณ mk- จะไป offend ใคร แต่จากมุมมองของผมคุณ whitebigbird เองก็ไม่ได้ก้าวร้าวอะไรอย่างที่คุณว่านะ ออกจะเป็นคนที่คุยหรือถกเถียงด้วยเหตุผลได้สนุกคนหนึ่ง ซึ่งจากที่เคยอ่านความเห็นของเขามาก็มีที่ทั้งถูกใจและไม่ถูกใจผมเช่นกัน แต่ก็ไม่ว่ากันเพราะเป็นเรื่องปกติของสังคม
อีกอย่างคือเหมือนคุณพยายามมากๆ ที่ยกเรื่องยุคใหม่ยุคเก่ามาพูดถึง และพยายามยกเรื่องที่อ้างว่าคุณเป็น user เก่าแก่ทุกครั้งที่มีโอกาส ถ้าพูดตามจริงโดดยยึดจากอายุของ user ของผมเองเป็นที่ตั้ง (กำลังจะเข้าปีที่ 13 คงจะพออ้างได้อยู่มั้ง) ผมว่าความใหม่ความเก่าไม่ได้เป็นตัวชี้วัดความก้าวร้าวหรือความเกรียนได้เลย
ซึ่งถ้าพูดถึงความโดดเด่นมากๆ ในช่วงนี้ผมว่าดูจะเป็นคุณ Mujinot เองเสียมากกว่า
ผมไม่ตอบอะไรนะครับ ผมคิดว่าเสียเวลา เพราะคุณไม่ได้ใช้เหตุผลอะไรเลย แถมยัง passive aggressive เหมือนเดิม
ผมตอบไว้เท่านี้ตามมารยาทในการสนทนาครับ
อยู่ที่สำนึกของแต่ละคนไม่ได้อยู่ที่เชื้อชาติ
ความคิดนี่คับแคบเสียจริง
ผมว่าคนจีนเขาได้รับการอบรมมานะครับ ว่าให้ทำเพื่อชาติ ทำเพื่อคนจีนด้วยกัน
สำนึกของคนมันสามารถถูกปลูกฝังได้ ประเทศจีนก็ได้ชื่อว่าการศึกษานั้นเข้มแข็งมาก
คุณไม่เชื่อเหรอ ลองมองให้กว้างๆครับ อย่าเอาอคติความรักความชอบมาบังตา มันทำให้ความคิดคับแคบ
ลองดูดิ ในนี้ก็มีคนที่เดือดร้อนกับคอมเม้นอย่างมาก โยงกลับมาไทยก็ยังมี มันก็พอจะบอกอะไรบางอย่างได้
กตัญญูรู้คุณคนจริงๆ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ
การที่จะทำแบบนี้ได้มันยิ่งกว่าสายลับอีกนะเนี่ยอุปกรณ์ที่พนักงานท่านนี้ใช้ยิ่งน่าสงสัยหรือว่าจะใช้ H... ที่ว่ากำลังมีปัญหานี้อยู่
ดูแล้วเป็นการตั้งใจและจงใจมากๆ ไม่รู้ว่าวางแผนไว้นานแค่ไหนแล้ว ดีไม่ดีอาจจะวางแผนไว้ตั้งแต่ก่อนเข้ามาทำที่นี่ก็เป็นได้
จะมีปัญหาเหยียดเชื้อชาติตามมาไหมเนี่ย?
ทำกันเยอะๆ อีกหน่อยก็คงเป็นปัญหาละครับ แบบคนมาสมัครสัญชาตินี้โดนตรวจสอบเป็นพิเศษ หรือปฏิเสธไม่เรียกคุยเลย
อ่านตามคอมเม้นท์ก็เห็นแล้วครับ ดูเดือดร้อนแทนเหลือเกิน 555
ผมว่าสถิติมันบอกอะไรบางอย่างได้แหละ ไม่งั้นคนไทยคงไม่โดนตม.เกาหลีส่งตัวกักตัวเยอะขนาดนี้
ประสบการณ์มันสร้างการรับรู้ได้ระดับนึงแหละ
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ การพัฒนาไปผิดทาง
ใครจะอยากคิด ถ้าคนอื่นมาเอาไปเป็นของตนเองโดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลยก็ได้ข้อมูลมาต่อยอดแล้ว
ใส่ร้ายจีนอีกแล้วนะครัช
ผมว่าเคสนี้ ส่วนหนึ่งเทสล่าเองก็ประมาท
ที่ให้พนักงานระดับนี้เข้าถึงอินเตอร์เน็ตภายนอกได้
แล้วยังเข้าใช้ cloud ได้อีก จริงๆแค่ใช้ intranet ภายในก็อันตรายแล้ว
หรือว่าภายในเป็นยังไงหว่า!!!
สมมุติ ผมเข้าทำงานบริษัทx เขียนซอฟต์แวร์1
หลังออกจากx ผมเขียนซอฟต์แวร์2ใหม่(เขียนใหม่) ด้วยความรู้ที่ได้จากบริษัทx แบบนี่ได้ใช่มั้ยครับ
ได้สิ ถ้า algorithm ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ขนาดไปจดสิทธิบัตร แต่ถ้าขโมยเฟรมเวิคออกมาด้วย ก็ไม่แน่