ประเด็นเรื่องเกม Borderlands 3 ตัดสินใจลง Epic Games Store แบบเอ็กซ์คลูซีฟ สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนๆ ไม่น้อย จนโดนรุมถล่มรีวิวเกมภาคเก่าบน Steam และเป็นผลให้ Randy Pitchford ผู้ก่อตั้งบริษัท Gearbox Software ผู้พัฒนาเกมซีรีส์นี้ ต้องออกมาชี้แจงผ่านทวิตเตอร์
Pitchford อธิบายว่ากรณีนี้ ผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจนำเกมลง Epic Games Store คือผู้จัดจำหน่าย 2K Games ไม่ใช่ Gearbox ที่เป็นผู้พัฒนา แต่เขาก็ยินดีพูดคุยและรับฟังเสียงจากแฟนๆ เช่นกัน
Pitchford บอกว่าในหลักการแล้ว การมี Epic Games Store มาแข่งขันกับ Steam เป็นเรื่องดีต่อผู้บริโภคในระยะยาว ถ้าเรามองจากอนาคตย้อนกลับมา การที่ Borderlands 3 ลง Epic จะถือเป็นจุดเปลี่ยนของวงการเกมพีซี ที่การผูกขาดของ Steam พังทลายลง
First - Please understand that although I may have thoughts and opinions about this topic, the authority here truly is in the hands of our publishing partner, 2k Games. So while I may have some influence, I cannot force anything (and this ship has sailed, so to speak).
— Randy Pitchford (@DuvalMagic) April 13, 2019
ในฐานะที่เขาเคยทำงานร่วมกับทั้งสองบริษัทมาก่อน (Gearbox เคยทำภาคเสริมให้ Half-Life และเคยใช้เอนจิน Unreal) ก็เห็นทิศทางของทั้งสองบริษัทชัดเจน โดย Steam เปลี่ยนแปลงและปรับตัวช้ามากในรอบ 5-10 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่ Epic เริ่มมุ่งไปในทิศทางที่เหมาะสม แต่การเกิดขึ้นของ Epic Games Store ก็จะเป็นตัวกระตุ้นให้ Valve ต้องเร่งปรับตัว
เขายังพูดถึงร้านขายเกมอื่นๆ อย่าง Origin หรือว่า Uplay ว่าไม่ใช่คู่แข่งที่สามารท้าทาย Steam ได้เพราะไม่มีความเป็นกลางมากพอ อิงกับเกมค่ายตัวเองเพียงอย่างเดียว ในขณะที่ Epic มีฐานลูกค้าที่ใช้เอนจิน Unreal มายาวนาน และค่ายเกมเหล่านี้ก็เชื่อมั่นในความเป็นกลางของ Epic
เขายอมรับว่า Epic Games Store ยังมีฟีเจอร์หลายอย่างด้อยกว่า Steam แต่ก็หวังว่าฟีเจอร์จะเพิ่มมากขึ้นทันกับกำหนดวางขายของ Borderlands 3 ในเดือนกันยายนนี้ หาก Epic ทำไม่ทันก็จะเป็นผลลบต่อ Epic เอง และเขาก็ยอมรับว่ามีความเสี่ยงที่ Epic จะทำไม่ทันตามที่สัญญาไว้เช่นกัน แต่นั่นเป็นความเสี่ยงที่ 2K ต้องแบกรับในฐานะผู้จัดจำหน่ายและผู้ตัดสินใจเรื่องนี้
เขายังบอกด้วยว่า ระยะเวลาเอ็กซ์คลูซีฟของ Borderlands 3 อยู่ที่ 6 เดือน ถือว่าสั้นที่สุดในวงการ ซึ่งปกติแล้วมักใช้ระยะเวลา 1 ปี
ที่มา - Wccftech
Comments
พูดถึงความเป็นกลาง
ถ้าเกมที่ไม่ใช้ Unreal ลง epic store จะมีโปรให้เทียบเท่าเกมที่ใช้ unreal ไหม?
จ่ายค่าไลเซนส์ของเอนจินที่ใช้ตามข้อตกลงของผู้ให้ใช้เอนจิน บวกกับ 12% ของรายได้เกมบน EGS ครับ
หรือถ้าเราใช้เอนจินที่ free หรือ opensource อยู่แล้ว อย่างเช่น Godot ก็จ่ายแค่ 12% ของรายได้ใหกับ Epic Games ก็พอ
ขอหยาบเลยนะครับ
" Steam ผูกขาดตรงไหนวะ? "
อันนี้ผมสงสัยนะ ปกติถ้าไม่ลง Steam แล้ว ยังลงขาย Store ไหนได้บ้างหรอครับ?
ส่วนตัวที่ผมรู้จักตอนนี้ก็มี Origin กับ Uplay ซึ่งก็ไม่น่าจะขายเกมของค่ายอื่น
Amazon, Green Man Gaming, GOG, Humble, Discord, Microsoft Store, Origin ก็มีเกมของค่ายอื่นนะ หรือจะ Gen Steam Key ไปขายเองก็ได้ Steam ไม่เก็บส่วนแบ่งด้วย
ทั้ง Origin, Uplay นี่ขายเกมจากที่อื่นน่ะ แต่ไปลงกันน้อยเพราะข้อตกลงข้างหลังมันต้องคุย EA, Ubisoft ซึ่งมีกฏของเขาอีกที เขาคัดเกมระดับหนึ่งด้วยละ
ที่อื่นก็มี Amazon, GOG, Green Man Gaming, Humble Bundle Store เป็นต้น
พูดไปมา ความต่างมันอยู่ในรายละเอียดข้อเดียวละครับ: Steam ไม่มีสัญญาข้อไหน ว่าลงสตีมแล้วห้ามไม่ให้ลงขายที่อื่นพร้อมกัน แต่ Epic Store มีข้อนี้ครับ ออกมาเพื่อตัดไม่ให้เกมลงสตีมพร้อมกันโดยเฉพาะ (ล่าสุดไปดูเห็น Metro Exodus ขายผ่านใน Humble Bundle อยู่)
ก่อน Epic Store จะคลอด ทั้งหมดจะไปขึ้นกับผู้พัฒนาว่าจะเสนอตัวเลือกไหนบ้าง โดยแต่ละ platform เขามีข้อตกลงแตกต่างกันไป และด้วยความ Steam พร้อม สะดวก คนเล่นเยอะสุด เกมมักจะเลือกลง Steam เลย ก็ไม่ถือว่าผูกขาดโดยตรง แต่ผูกขาดทางอ้อมผ่านฐานผู้เล่นมหาศาล*
* พูดในมุมผู้พัฒนาเกม; จริงๆใช้คำว่าผูกขาดก็ไม่ถูก เรียกว่าเจ้าตลาดมากกว่า แต่จะเรียกผูกขาดก็ไม่ผิดในบาง context น่ะ ฮา
อ๋อ ขอบคุณครับ ได้ความรู้เยอะเลย
// ปกติใช้แต่ Steam เพราะซื้อง่ายดี มีแสดงเป็นเงินบาท เลยรู้จักอยู่เจ้าเดียว ฮ่าๆ
itch.io อันนี้ก็ดีเกมอินดี้เยอะ
Mekokung's Story บล็อกส่วนตัวที่ย้ายไป Blogger แล้วนะ
ผูกขาดด้านรายได้ไงครับ รับเนาะๆฝ่ายเดียว 555
เหมือนคุณกำลังจะบอกว่าสตีม รีดเลือดผู้พัฒนา 100%
ผมเขียนสั้นไป เหมือน steam เป็นร้านค้าที่ขายดีอยู่ร้านเดียว แล้วร้านที่จะเปิดใหม่ดันไปมองว่าร้านนี้ผูกขาดอยู่ร้านเดียว เพราะแค่เขาขายได้ดีกว่าแค่นั้นเอง
Gabe ไม่ถูกใจสิ่งนี้
Epic ให้ส่วนแบ่งมากกว่าสินะ
ปรับตัวช้านี่คือยังไง? สตีมขาดฟีเจอร์อะไรที่คู่แข่งมี?
จริงๆเรื่อง steam ขยับช้าหรือไม่ขยับนี่เรื่องราวเยอะมาก ในวงการผู้พัฒนาที่ต้องเกี่ยวข้องกับสตีมรู้กันดี
คนเล่นเกมจะไม่ค่อยเห็นชัด แต่ถ้าขยับเป็นระดับผู้พัฒนาจะเริ่มเห็นเลยครับ หรือง่ายสุดถ้าตาม twitter ของ พวก steamdb, steamspy มักจะได้อ่านที่บ่นให้ฟังถึงความเหวอของระบบ steam บ่อยๆ
ใน 5-10 ปีมานี้ ผมก็เห็น Steam มีออกฟีเจอร์ใหม่มาเรื่อยๆ นะ ไม่ถือว่าช้าอะไร(ในฐานะผู้นำ) อย่างเช่น VR support, Linux support, Steam OS หรือ Steam Console, Family sharing, Steam link, streaming งี้ บางอันก็ออกมาตามยุคสมัย หรือบางอันก็ออกมาทั้งที่คู่แข่งไม่มีแม้แต่แผนด้วยซ้ำ ส่วนที่เกี่ยวกับการเงิน(ซื้อ-ขาย-คืน)ผมก็ไม่เห็นว่าจะน้อยหน้าชาวบ้านเขาตรงไหนนะ
เอาตรงๆ การปรับตัวที่ว่า มันก็หมายถึงส่วนแบ่งรายได้นั่นล่ะ เพราะมันส่งผลต่อผู้พัฒนาโดยตรง เพราะงั้นถ้าเขาจะคิดว่า Steam ไม่พัฒนาก็ไม่แปลก เพราะ Steam เน้นพัฒนาในฝั่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เล่นโดยตรงมากกว่า
ตื่นมาได้อ่านโพสตัวเองอีกที เลย realized ว่าผมตอบไม่ตรงประเด็น แหะๆ ไม่มีข้อแก้ตัวนอกจากบอกว่า มันดึก+พิมพ์เพลิน (ผมคอมเม้นข่าวนี้รวดเดียวสามอันเลยแหะ คงเพราะรู้สึกไม่ชอบใจเรื่อง Exclusive Deals เท่าไหร่ เห็นทีไรต้องแสดงคห.)
แต่ไหนๆก็พิมพ์มาแล้วผมตามตอบให้หมดล่ะกัน
ไม่เกี่ยวข้องกับการปรับตัวอย่างท่านว่าครับ XD
ผมพยายามยกตัวอย่างแล้วนึกออกอันนี้อันแรก off the top of my head เฉยๆ
แต่ข้อเสียมีแน่ คือเวลาใช้บน x64 linux ทำให้ต้องลง multilib เพื่อใช้ steam ครับ ขนาดกรณีในไลบารี่ทุกเกมเป็น 64bit หมดแล้ว (= เกมไม่จำเป็นต้องใช้ 32bit lib ใดๆ) แต่ก็ยังต้องตามลง multilib ให้ steam client รันอยู่ดี เป็นปัญหามากน้อยต่างกันไปในแต่ละ distro ว่ายุ่งยากแค่ไหนกับ multilib / อาจไม่นับเป็น high priority แต่ก็นับว่าเป็นปัญหาแน่นอน
ประมาณนี้
แต่ไม่ใช่ major bug แน่ๆครับ แค่ bug เฉยๆ 5555 ตอนพิมพ์คราแรกผมดันนึกออกอันนี้เป็นอย่างแรก เพราะเพิ่งเจอหลังเล่นเกมเสร็จ
ไม่เป็นไรครับ บางทีผมก็เป็น
ส่วน 32bit นี่ผมก็นึกถึงแต่บน Windows ครับ ลืมไม่ได้นึกถึง Linux distro อื่นนอกจากสาย Ubuntu เลย แต่อาจจะต้องเผื่อใจนะครับว่า EGS อาจจะทำแค่สาย Ubuntu เช่นกัน
steam ไม่ได้ผูกขาด ตรงกันข้าม epic ต่างหากที่พยายามจะผูกขาด
ถ้าพูดกันระยะยาว เห็นด้วยนะที่ว่า Epic Store ช่วยให้ Steam พัฒนาขึ้น การมีทางเลือก ส่งผลดีต่อผู้บริโภค
แต่วิธีที่ Epic ใช้สู้กับ Steam บอกตรงๆว่า กลืนลำบาก ครับ
กับบางเกมจะเรียกตบหน้าผู้ให้การสนับสนุนก็ไม่เกินเลย ไปดูเรื่องราวเกม Phoenix Point ที่ Snapshot เปลื่ยนใจลง exclusive Epic Store, เล่นเอาคนลงเงินมาตั้งแต่ Kickstarter หน้าชาหัวร้อนไป
ทั้งหมดทั้งมวล ถ้าเงื่อนไข Exclusive Deals ตัดเรื่องห้ามลงบน steam พร้อมกันออก ทุกอย่างสวยหมดเลยครับ แม้เข้าใจว่าทำแบบนี้เพื่อให้สู้กับเจ้าตลาดเก่าได้ แต่จะให้อ้าแขนรักใคร่เลยนี่ไม่ใช่ล่ะ
+1
ถ้าพูดเรื่องการแข่งขัน Epic ก็คงบอกว่าถ้าไม่ทำ Exclusive Deals คือเกมไปลง Steam ด้วย คุณคิดว่าคนที่ใช้ Steam อยู่แล้วจะมาซื้อใน Epic Store ไหมล่ะ ฮ่า
คือมันก็ต้องมองในสองด้านอ่ะนะ ว่าเค้าคิดกันยังไงกับเรื่องนี้ แต่ผมไม่ค่อยวอรี่เท่าไหร่ เพราะผมไม่ค่อยได้เล่นเกม เล่นไม่ไหวครับ ปฎิกิริยาไม่ทันล่ะ อายุมากแล้ว
preference ของ user มันไม่เกี่ยวอะไรกับการผูกขาดการค้านี่ครับ ในวงการ search engine ก็มี Google ครองตลาดที่ใครๆ ก็ใช้แต่ของเจ้านี้
แต่มันไม่ใช่การผูกขาดครับ การผูกขาดทางการค้าคือพฤติกรรมของตัวองค์กร ไม่ได้เกี่ยวกับตัว user ใดๆ ครับ
ในกรณีที่คุณถามว่า user จะมาใช้ Epic Store มั้ย ... นั่นเรียกว่าการแข่งขันที่ทาง Epic จะต้องหากลยุทธ์ "จูงใจ" ให้ลูกค้าหันมาใช้ครับ มีตั้งหลายวิธีที่ไม่ใช่การ exclusive เช่น ลดราคา หรือโปรโมชั่นอื่นๆ
เพราะการ exclusive นั้นทาง Epic ใช้วิธีจ่ายเงินให้กับทางผู้พัฒนาเกมโดยตรง ถ้าเอาเงินตรงนั้นมาทำโปรโมชันเพื่อดึงดูดลูกค้าจะดีกว่าครับ
ลองคิดในมุมกลับกันสิ ถ้า Steam ใช้วิธี exclusive บ้าง ผมเชื่อเจ้าเล็กเจ้าน้อยตายหมดครับ
และ Steam จะโดนข้อหาผูกขาดตลาดทันที ทั้งๆ ที่ทำแบบเดียวกันกับ Epic
Epic ก็คงใช้เกม exclusive เพื่อดึงลูกค้าล่ะครับ นี่ก็เป็นกลยุทธทางการแข่งขันเหมือนกันนะครับ แบบเดียวกับที่ PS ทำ หรือ Xbox กับ Nintando ทำ
ขนาดตอนนี้แอปเปิ้ลยังคิดจะลงทุนทำเกม exclusive ของตัวเองเลย จะว่าผูกขาด ไม่ใช่การแข่งขัน ก็แสดงว่าในตลาดนี้มีการผูกขาดกันมานานแล้วล่ะครับ ไม่ใช่เพิ่งเป็นที่ Epic
มันเรื่องปกติที่ใครๆเค้าก็ทำกัน(แม้จะไม่ใช่ทุกเจ้า)ถูกแล้วครับ
แต่ไม่ใช่ทำเพราะผลประโยชน์ของตัวเองแล้วบอกว่าทำเพราะต้องการต่อต้านการผูกขาด ผมว่านี่แหละที่คนเค้าไม่ชอบ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมว่ามันต่างกันหน่อยนึงนะตรงที่ PS,Xbox, Nintando เขาใช้สตูภายใน บ. ของตัวเองสร้างไม่ก็จ้างค่ายเกมสร้างขึ้นมาหรือมีดีล exclusive ก่อนเกมเปิดตัว อันนี้ผมไม่มีปัญหา แต่ Epic เล่นโฉบเกมที่กำลังจะออก เกมระดมทุน แล้วก็เกมที่กำลังจะลง steam หรือร้านอื่นๆ
งั้นถ้า Steam ทำ exclusive บ้างล่ะครับ เงินหนากว่าด้วย ฐานลูกค้าใหญ่กว่าด้วย
คิดว่าตลาดจะเป็นยังไงครับ?
ส่วนเครื่อง console นั่นอย่าเอามาเทียบกันฮะ เค้าใช้ค่ายในเครือของตัวเองทำ แต่ PC มันไม่มีใครเป็นเจ้าของ platform ครับ
Microsoft ยังไม่ exclusive ให้เกมต้องทำงานได้เฉพาะวินโดวส์เลย
และแบบที่คุณ McKay บอกครับ อย่ามาอ้างทำเพื่อตลาด ถ้าเอาเงินฟาดหัว แล้วตีหัวเข้าบ้านแบบนี้
เอาเกมที่พัฒนาจะเสร็จแล้วไปลง Store ตัวเองแถมยังให้เป็น Exclusive อีก แบบนี้มันไม่พยายามผูกขาดตรงไหนหว่า คุณ Epic ครัฟ
ต้านผูกขาดแต่นโยบายเกมที่ลงสโตร์ epic นี่ผูกขาดชัดๆเลยนะ ทำตัวเป็นคนดีบางประเทศไปได้
ไม่ใช่ว่าแค่อยากจะทำ Platform ของตัวเองเพื่อส่วนแบ่งหรอกเรอะ
คือก็ไม่แปลกนะ แต่คนส่วนใหญ่ก็ชินกับ Client Steam กันหมดละ
แต่ถ้าใครอยากเล่นเกมแล้วผู้พัฒนาหัวชนฝาว่าจะลง Epic ก็ตามใจเถอะ
ยังไงคนมันก็ตามไปเล่นกันอยู่แล้ว
ถ้า EPIC มาแรงกลัว Steam เน่ามากกว่า แข่งขันกันสูงอาจจะมีคนล้มตายจากไป ผู้บริโภคเดือดร้อนเกมหายยยอีก ฮ่าๆ
กลายเป็นตัว epic store นั้นแหลพที่ผูกขาดการขายเกม
The Dream hacker..
ผมว่าการมาของ Epic Store เป็นผลดีต่อวงการเกมและผู้เล่นโดยรวมใน "ระยะยาว"
That is the way things are.
จนตอนนี้ผมยังหาข้อดีของ EGS ได้ข้อเดียวเอง คือ ราคาขายใน US ถูกกว่าคู่แข่งอย่าง Steam อย่างมีนัยสำคัญ
ยังไม่นับข่าวอื้อฉาวที่ทำลายความเชื่อมั่นใน EGS อีกจำนวนมาก
(แก้ไขเพิ่มเติม) ในสมัย Steam ก็เคยมีคนพูดในทำนองเดียวกัน ว่าเมื่อเรามีสโตร์ออนไลน์ เราก็จะลดต้นทุนของ dev รายเล็กลงได้มาก ทั้งไม่ต้องผลิตแผ่น ไม่ต้องมีหน้าร้าน ขายเกมได้ทันที ทำให้ขายเกมได้ถูกลง แต่ที่ผ่าน ๆ มา ไตเติลใหญ่ ๆ ต่างพากันขยับราคาขึ้นทุกปี ๆ จนเกือบจะเท่าราคา retail แล้ว (รายเล็กก็เช่นกัน สมัยก่อนผมเห็นเกมเดียวกันขายราคา ~3xx เมื่อมีภาคใหม่ราคากลับขยับขึ้นเป็น ~5xx) ซึ่งผมคิดว่าต่อให้มีสโตร์แบบ Epic เกิดขึ้น ผลลัพธ์ก็ไม่น่าจะต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าทำการตลาดแบบผูกขาดแบบนี้ (มีให้ซื้อที่เดียว ฉันจะกำหนดราคาเท่าไรก็ได้)
ผมอยากฟังความเห็นครับ จะได้มีมุมมองด้านอื่นๆ ด้วย เพราะส่วนตัวผมต้าน Epic แบบรังเกียจวิธีการเลย
แต่ถ้าฟังแต่ความเห็นของคนที่คิดเหมือนกัน ผมก็เห็นแค่ด้านเดียว เลยอยากฟังความเห็นหลายๆ แบบ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
เริ่มต้นด้วยเรื่องที่ไม่ดีของ Epic Store ตอนนี้ก่อนแล้วกันนะครับ
ไปดัดหลังคนเล่นเกมพอสมควร โดยเฉพาะเกมที่เคยบอกว่าจะลง Steam แล้วอยู่ ๆ ไป exclusive ให้กับ Epic Store โดยไม่แจ้งล่วงหน้าแต่แรก เรื่องนี้ผมไม่เห็นด้วยเหมือนกัน
ไปหาเกมจาก publisher อื่น ๆ มา exclusive บน platform ตัวเองโดยแจ้งล่วงหน้าไว้ก่อน กรณีนี้ผมเข้าใจ Epic Store ว่าต้องเดินหมากแบบนี้ ถ้าทุกเกมลงทั้ง Steam และ Epic Store หมด ก็คงไม่มีใครยอมหันมาใช้ Epic Store ทุกคนก็คงไปเก็บสะสม collection เกมบน Steam เหมือนเดิมแม้ว่า (สมมติว่า) feature จะเท่าเทียมกันก็ตาม มันคือกลยุทธ์ที่จำเป็น
แอบดูข้อมูลต่าง ๆ ของผู้เล่นเกมจาก Steam โดยอ้างว่าผู้ใช้ client ยินยอมเพราะได้กด accept ที่จะให้ import ข้อมูลเกมแล้ว อันนี้ผมไม่ได้รู้ด้านเทคนิคเยอะเท่าไรเลยไม่รู้ว่าเอาข้อมูลอะไรไปบ้าง จริง ๆ ก็ไม่ควรทำแต่ถ้ามันอยู่ใน terms อยู่แล้วก็คงว่าอะไรมากไม่ได้ ทาง Steam เองก็ผิดเล็กน้อยที่เก็บข้อมูลผู้ใช้แบบง่าย ๆ เกินไปจนโดน reverse engineer ได้ และถ้ามองไปว่า import ข้อมูลไปแล้วทำให้การนำเสนอเกมหรือบริการต่าง ๆ ตรงใจผู้ใช้มากขึ้นในอนาคต (เรียกว่าเอาข้อมูลไปเรียนรู้เรียบร้อย) ผมว่าก็พอแถได้แบบถูไถ
feature น้อยกว่า Steam จนไม่น่าให้อภัย จริง ๆ feature น้อยขนาดนี้ ถ้าเป็นผมผมก็คงเลื่อนเวลาเปิดตัวออกไปก่อนจนกว่าจะพร้อม แต่คิดว่าในอนาคตน่าจะมี feature หลักที่พอทัดเทียม Steam ได้อย่างไม่น่าเกลียด
ส่วนเรื่องที่ผมว่าในระยะยาวน่าจะดีต่อวงการมากกว่าก็เป็นเพราะ
ไม่ว่าตลาดใดก็ตามเมื่อมีผู้เล่นรายใหญ่รายเดียวกินส่วนแบ่งมากเกินไปจนไม่เกิดการแข่งขัน มันมักจะนำไปสู่ความเฉยชา ไม่พัฒนาไม่ปรับปรุง การมีการแข่งขันย่อมเป็นเรื่องดีต่อผู้บริโภคเสมอ ขออนุญาตยกตัวอย่างเปรียบเทียบที่อาจจะไม่ได้ตรงเป๊ะ ๆ แต่น่าจะทำให้เห็นอารมณ์ใกล้เคียงได้ 7-Eleven มีสาขาในประเทศไทยมากจนยากที่คู่แข่งจะเกิดใหม่มาสู้ได้ (ถ้ากฎหมายไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงช่วยเหลือเจ้าใหม่) มองเผิน ๆ ก็เหมือนจะสะดวกดีที่เราไปซื้อสินค้าได้สะดวกทุกที่ ไปที่ไหนก็เจอ แต่ถ้ามองไปลึก ๆ จะพบว่าเราขาดความหลากหลายของสินค้าให้เลือกไปพอสมควร ข้าวกล่องเราก็ไม่มีโอกาสได้ลองกินของเจ้าอื่น ๆ ที่อาจจะทำอร่อยกว่าของ CP ให้มากกว่าของ CP โบโลน่าเราก็จะได้ซื้อเฉพาะของ CP ที่เป็นหมูผสมไก่ เราจะไม่มีวันได้ซื้อแบบหมูล้วนของยี่ห้ออื่นที่บาง supermarket มีขาย เป็นต้น ทว่าหากมีการแข่งขันกัน feature ต่าง ๆ ในอนาคตที่ตอนนี้ Steam ยังคิดไม่ออกและไม่ได้ใส่มาให้ อีกหน่อย Epic Store อาจจะคิดออกและใส่มา ทำให้ Steam เองก็ต้องพัฒนา client ของตัวเองเช่นกัน
Steam กินส่วนแบ่งไปมาก หาก Epic Store สามารถทำให้ developer ได้เงินเยอะกว่าเดิม ทำกำไรได้มากกว่าเดิม ทาง developer สุดท้ายก็มีเงินเหลือมากขึ้นและนำไปสู่กระบวนการพัฒนาเกมที่ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปในอนาคตได้
ผมคิดประมาณนี้ครับ
That is the way things are.
อันนี้ก็ต้องดูระยะยาวมากสำหรับ feature ของ Epic Store เพราะหลายๆอย่างยังไม่มีใน roadmap เลย ส่วนเรื่องส่วนแบ่งที่เอามาเป็นประเด็น เกมอินดี้หน้าใหม่จะได้ประโยชน์จาก Epic Store มากกว่า Steam จากส่วนแบ่ง 18% ตั้งแต่แรก ส่วน Steam มีส่วนแบ่งหลายระดับขึ้นอยู่กับยอดขาย ขายได้ $10m ส่วนแบ่งจะเหลือ 25% $50m เหลือ 20% ซึ่งต่างกับ Epic แค่ 2% เองซึ่งเกมค่ายใหญ่ๆ หรือเกมที่มีชื่อแล้วขายได้อยู่แล้ว $50m แล้วค่ายใหญ่ส่วนต่างที่ได้ก็ไปไม่ถึง developer หรอกไปอยู่ที่ Publisher นั่นแหละ
ผมอ่านแล้วก็เห็นด้วยอยู่นะครับ อันนี้มันชัดเจนเถียงได้ยาก
ถ้าผมจะเถียงก็คงได้แค่ว่า ... ก็ใช้วิธีการให้มันถูกแต่แรกซะสิ เพราะ Epic ขายในราคาถูกกว่าอยู่มาก ถ้าทำตลาดดีๆ โปรโมทดีๆ ผมว่าก็น่าจะได้ผลลัพท์กับตลาดโดยรวมที่ดีนะ
Steam บอกว่ากูเอามั่ง ตลาดเละเทะเลยนะครับ คราวนี้ล่ะผูกขาดของแท้เลย developer, publisher ระบม ระทมกันหมด